Party หนังสือ

ทรัพย์สิน…ดินดาน… ใครกัน? คือเจ้าของ

by พรายฟ้า ภาณุมาศ @February,12 2008 09.19 ( IP : 61...140 ) | Tags : Party หนังสือ
photo  , 300x440 pixel , 14,364 bytes.

"ย่าบอกว่า ถ้าเราใช้จิตใจไปในทางโลภโมโทสันหรือเลวทราม ถ้าเราชอบทำร้ายผู้อื่นอยู่เสมอ และมัวแต่คิดหาผลประโยชน์ทางวัตถุ…จิตวิญญาณของเราจะหดเล็กลงเหลือขนาดเท่าฮิคกอรี่นัท" (ผมไม่รู้หรอกว่า 'ผลฮิคกอรี่นัท' มีขนาดเล็กสักแค่ไหน?)

"ย่าบอกว่า เรารู้ได้ไม่ยากว่าใครเป็นคนตาย…เมื่อเขามองผู้หญิง เขาไม่เห็นอะไรนอกจากคิดสกปรก… เมื่อมองต้นไม้ เขาไม่เห็นอะไรนอกจากไม้ซุงและผลกำไร มิใช่ความงาม ย่าบอกว่า พวกนี้แหละคือคนตายที่ยังเดินอยู่ทั่วๆ ไป"

ผมไม่ได้คุยกับย่าของผมนานแล้ว และข้อความดังกล่าวก็ไม่ใช่คำพูดจากย่าของผม หากแต่เป็นบทสรุปหนึ่งจากวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง "ลิตเติ้ลทรี" ของ ฟอร์เรสต์ คาเตอร์ วรรณกรรมที่เล่าขานชะตากรรมของชนเผ่าเชโรกี ซึ่งถูกรุกรานโดยคนขาวที่มีวิธีคิด "อัตนิยม" หรือ "ความถูกต้องมีเพียงหนึ่งเดียว และตัดสินคนอื่นที่แตกต่างไปจากตนว่า เลวร้าย โง่งม นอกรีต" ฉะนั้นจงเชื่อฟังและเดินตามอย่างเซื่องๆ แล้วท่านจะเจริญเหมือนพวกเราเอง

ผมมองภาพความขัดแย้งทางด้านความคิดของสังคมบ้านเราในปัจจุบัน แล้วให้รู้สึกสงสารตนเองและเพื่อนร่วมชาติ เรากำลังทะเลาะกันเอง เรากำลังจุดไฟเผาบ้านตนเอง เรากำลังกัดกินเรือนร่างของตนเอง ทั้งโดยพวกที่รู้เท่าและไม่รู้เท่าถึงการณ์

หรือเรากำลังคิดว่า "เราเดินถูกทางแล้ว" หรือเราคิดว่า "เราต้องเร่งรีบกอบโกยผลประโยชน์ให้มากที่สุด" หรือว่า "เราต้องรีบเร่งกวาดกินทุกอย่างที่อยู่บนโลกใบนี้ให้หมดไปในชนรุ่นเรา" หรือเราคิดว่า "ทรัพย์ที่อยู่ในดิน สินที่อยู่ในน้ำ" เป็นสมบัติของชนรุ่นเราเท่านั้น จึงคิดสูบเอา…สูบเอา…ให้เกลี้ยง หรือคนบางกลุ่มสุมเสี้ยมเขาให้เราชนกันด้วยหวังผลประโยชน์จากการกอบโกยผลกำไรมหาศาล หรือ "เราควรคิดร่วมกันให้มากกว่านี้ จะไม่ดีกว่าหรือ?"

หากเรามองว่าการกัดกินธรรมชาติ หาใช่การกัดกินร่างตนเองแล้วไซร้ นับว่าเป็นการแบ่งแยกมนุษย์ออกจากองค์ประกอบของโลกเลยทีเดียว หากคิดว่าวิถีชีวิตแห่งเมือง แยกเป็นอิสระจากธรรมชาติ ก็นับว่าเราเข้าใจผิดเสียแล้ว หากวิถีชีวิตที่เราดำรงอยู่ในแต่ละวัน เราแทบจะไม่เคยเหยียบย่ำลงบนผืนดิน อยู่ในบ้านที่ไม่มีดินแม้แต่เม็ดเดียว เดินออกจากบ้านก็ไม่เคยก้าวย่างออกจากแนวถนน นั่งทำงานอยู่บนตึกที่สร้างบนฐานคอนกรีต เลิกงานเดินช็อปปิ้งในห้างที่เย็นฉ่ำ วันทั้งวันเราแทบไม่เคยแตะต้องผืนดิน ไม่เคยเห็นคุณค่าของผืนดิน แล้วเราคิดว่าชีวิตเราไม่ผูกพันอยู่กับผืนดินแล้วไซร้ เราคงเมินเฉยนั่งมองผู้อื่นทำลายล้างโลกใบนี้ เพราะไม่คิดว่านั่นเป็นการทำร้ายตัวเราเอง

ผมไม่อยากตายไปบนเสียงแช่งด่าของลูกหลานที่สาปแช่งโคตรเหง้าของตนเองว่า "เป็นผู้ทำลายล้างโลกใบนี้"

ชีวิตนี้ช่างแสนสั้นยิ่งนัก!!!

ผมคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของคนทั้งโลกใบนี้ แต่จงรำลึกไว้สักนิดเถิดว่า “สาระสำคัญของชีวิต มิใช่ ตัวกูเพียงผู้เดียว” หากถึงวันที่มนุษยชาติจะสูญสลาย ผมคงดีใจยิ่งนักที่การสูญสิ้นนั้นมิได้เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเอง.

Comment #1
pacemakerja
Posted @December,21 2008 11.57 ip : 61...101

อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วประทับใจมาก ในความเรียบง่ายของวิถีชีวิต การเำนินชีวิตโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น และเปี่ยมไปด้่วยความรัก

แสดงความคิดเห็น

« 1726
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ