เรื่องสั้น

ค่ำคืนที่ค้างคา!

by จู พเนจร @April,10 2007 22.30 ( IP : 61...219 ) | Tags : เรื่องสั้น

(๑) ออกจากร้านเหล้าประมาณสองทุ่ม ดื่มเบียร์ขวดที่สองยังไม่ถึงครึ่ง แต่รู้สึกว่าเมาแล้ว อาจเป็นเพราะผมเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการตระเวนหาบ้านเช่ามาค่อนวัน และพรุ่งนี้ผมก็ตั้งใจจะตระเวนหาบ้านเช่าต่อแต่เช้า ทางที่ดีไปหาโรงแรมพักนอนก่อนดีกว่า ส่วนจะไปเที่ยวที่ไหนต่อยังไงค่อยว่ากันทีหลัง ถามไถ่พอทราบว่ามีโรงแรมราคาถูกๆอยู่แถวไหนจากเจ้าของร้านแล้วก็นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างมา

โรงแรมที่ว่าเป็นโรงแรมกึ่งไม้กึ่งปูนสองชั้นกว้างสองคูหา กลางเก่ากลางใหม่ ตั้งอยู่ต้นซอยติดกับปั๊มน้ำมันเล็กๆใกล้ถนนสายหลัก สำหรับที่นี่แม้จะเป็นเมืองค่อนข้างใหญ่อยู่ริมทะเล แต่ก็ไม่ใช่เมืองทางผ่าน พอค่ำคืนหน่อยก็ค่อนข้างจะซบเซา แม้บริเวณนั้นยังพอมีรถราและคนเดินไปมาอยู่บ้างประปราย แต่บรรยากาศโดยเฉพาะในซอยซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ทอดไปตลอดสองฝั่งนั้นออกจะมืดและเงียบเชียบแล้ว
บริเวณส่วนหน้าของโรงแรม ทีวีสียี่สิบสี่นิ้วในคอกเหล็กแขวนเปิดตั้งอยู่เหนือเคาน์เตอร์ด้านซ้ายมือ ด้านขวาพัดลมเพดานหมุนคว้างอยู่เบาๆเหนือบริเวณชุดโซฟาพักอ่านนิตยสารหนังสือพิมพ์ ตรงกลางเป็นทางเดินแคบๆทอดไปนั้นเป็นผนังเรียบสีเหลืองนวลมีประตูห้องรายเรียงอยู่สองฝั่งๆละสี่ห้าห้องเห็นจะได้ จรดไปด้านหลังเป็นผนังทึบเป็นส่วนห้องเก็บของและบันไดหลบขึ้นไปทางชั้นบนซึ่งออกจะมืดสลัว
พี่ผู้ชายตัวเล็กใส่แว่นสายตากรอบเงินแต่งตัวดูสุภาพเรียบร้อยเปิดประตูออกมาจากห้องแรกฝั่งขวามือ พูดจาคล้ายถามไถ่อะไรสักอย่างไม่ได้ยินชัด พยักหน้าแล้วเดินอ้อมผมไปที่หลังเคาน์เตอร์

ผมสอบถามถึงห้องว่างและสนนราคาที่พักเห็นว่าพอพักได้ รับกุญแจแล้วเดินไปที่ห้องซึ่งอยู่กลางๆทางเดินฝั่งซ้ายมือ ขณะไขกุญแจห้อง รู้สึกเห็นเงาตะคุ่มๆของใครสักคนเคลื่อนไหวผลุบโผล่ไปมาอยู่ที่มืดๆสลัวด้านใน  เห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งเดินไปมาอยู่ ผมคิดว่าถ้าไม่เป็นเด็กรับจ้างดูแลห้องพักก็คงเป็นเด็กที่รู้จักมักคุ้นอยู่แถวนั้น ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าเข้าไปหายหลังผลึ่งลงบนเตียงนอนสักหน่อยแล้วลุกขึ้นอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวเฉิบ จากนั้นค่อยว่ากัน

ล็อคประตูลงกลอน วางเป้สะพายลงบนเตียงพร้อมๆกับทิ้งตัวลงนั่งและกำลังจะเอนหลังลงพัก

(๒) เสียงเคาะประตูก๊อกๆ ดังขึ้น อีกอึดใจหนึ่งเสียงเคาะก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมเสียงเรียกคล้ายๆว่าให้เปิดประตูหน่อย “ใครครับ” ผมเรียกถามออกไป เพราะดูท่าแล้วไม่น่าจะใช่พี่ผู้ชายคนที่ดูแลห้องพักจะเอาน้ำเอาท่าอะไรตามมาให้ รู้สึกว่าจ่ายค่าที่พักรับกุญแจมาแล้วก็แล้วกัน เห็นพี่เขาก็เดินเนิบๆออกไปด้านนอกแล้ว
ห้องพักที่นี่ก็เหมือนห้องพักโรงแรมทั่วไป มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ทีวี เตียงนอนและก็ห้องน้ำในตัว แม้จะทาสีดูใหม่แต่ออกจะแคบมากทีเดียวและไม่มีหน้าต่างด้วย เตียงหลังเล็กนั้นตั้งเบียดชิดอยู่กับขอบประตู เพียงเข้ามาแวบแรกจนถึงขณะนั้นผมไม่ชอบบรรยากาศต่างๆเสียเลย ผมนึกขึ้นมาได้ว่าถ้าเดินเข้าไปอีกโรงแรมหนึ่งซึ่งผมเคยมาพักครั้งหนึ่งนานแล้วน่าจะเข้าท่ากว่า

เสียงเรียกและเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอีกครั้งเหมือนกับว่าเร่งเรียกและรอคอยอยู่ ผมลุกขึ้นไปแง้มเปิดประตูและชะโงกหน้าออกไป  เด็กหนุ่มวัยรุ่นคนที่ว่านั่นเอง รูปร่างหน้าตาเขาก็เป็นบุคลิกลักษณะของเด็กปักษ์ใต้วัยรุ่นขนานแท้ ผมรองทรง ตัวดำสูงใหญ่ อกผายไหล่ผึง ท้วมๆนิดหน่อยแต่ไม่ถึงกับอ้วน ใส่เสื้อยืดสีทึมตัวเล็กรัดติ้วกับเนื้อตัว กางเกงยีนส์ขาม้าสีกรมท่า สวมรองเท้าแตะ

เมื่อผมถามเรียบๆว่า “มีอะไรหรือครับ” เขาก็บอกเบาๆว่า “ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม” พร้อมพยักหน้าหงึกๆแล้วเหลือบตาเงยมามองหน้า พร้อมๆกับดันประตูเข้ามาทีละนิดๆ ตอนนั้นผมก็ยังผลักประตูคาไว้ เขายังดันประตูเข้ามาเรื่อยๆคล้ายๆกับว่าขอเข้ามาข้างในก่อนเถอะมีเรื่องอะไรสักอย่างจะพูดคุยด้วย อย่าชักช้าอยู่ ผมนึกหงุดหงิดนิดหน่อย แต่เมื่อเขายิ่งดันประตูเข้ามาเหมือนถือวิสาสะ ในจังหวะนั้นผมก็เลยเปิดประตูกว้างด้วยนึกรำคาญอะไรบางอย่าง และเพียงเขาเบียดแทรกประตูเข้ามาได้ ระหว่างที่เขาออกปากถามไปพลางว่า “มาพักคนเดียวหรือ” และผมยังมีท่าทีงุนงงสงสัยนั้น เขาก็เอามือรุนประตูไปด้านหลังพร้อมเอี้ยวตัวไปล็อคประตูลงกลอนเรียบร้อย

ใครจะไปคาดคิดอะไรในตอนนั้น แต่ก็พอจะรับรู้ถึงอะไรบางอย่างได้ ผมค่อยๆหย่อนตัวนั่งลงบนเตียง แล้วคิดว่าจะพูดอะไรยังไงดี เขาก็ออกปากชิงถามว่า “ไปเที่ยวมาเหรอ มาพักคนเดียวเหรอ” ไม่ทันที่ผมได้พยักหน้าตอบหรือพูดอะไรสักอย่าง ซึ่งไม่รู้ว่าจะพูดจะเอ่ยอะไรยังไงกับเขาดี ขณะผมกำลังจะลุกขึ้นยืนเพื่อจะไปเปิดประตูเชิญให้เขากลับออกไป เขาก็ทรุดตัวนั่งลงประชิดตัวผม พูดออกมาคลับคล้ายคลับคลาว่า “เขาเหงานะขอทำอะไรหน่อยเถอะนะ เขาโหยหามันมาก มาเถอะจะทำให้” และขณะพูดจาคล้ายละล่ำละลั่กอยู่นั่นเองเขาก็วาดมือทั้งสองข้างมาที่เข็มขัดผมพลางซุกหน้าลงหอบกระเส่าฮั่กๆ ดึงเข็มขัดพร้อมกับผลักผมลงนั่งกรายๆ เงยหน้าขึ้นชม้อยชม้าย พยักเพยิดเป็นเชิงร้องขอพลาง ขณะมือก็พิพักพิพ่วนแกะเข็มขัดผมไปพลาง ขณะที่มือผมก็เกาะกุมมือเขาแข็งขืน และสับสนงุนงงอยู่กับเหตุการณ์ที่ไม่นึกคิดมาก่อน

(๓) ไฟในห้องมืดลงตอนไหนผมก็ไม่แน่ใจเช่นกัน เหลือเพียงแสงไฟสลัวพร่างจากจอทีวี ขณะเขาขึ้นคร่อมบนตัวผม จับมือผมขึง พลิกตัวดิ้นทุรนไปมากันอยู่นั้น คลับคล้ายคลับคลาว่าผมจะได้กลิ่นสารระเหยบางอย่างพ่นออกมาจากลมหายใจของเขา แต่ถึงตอนนั้นแล้วผมไม่ว่ากระไรกับสิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้น ผมทราบดีถึงธาตุแท้ของกามอารมณ์ของคนเรา เมื่อถึงคราวต้องการมันนั้นยากจะมีสิ่งใดหักห้ามได้ เขาขึ้นคร่อมตัวผมซุกไซ้ต้นคอ ระดมจูบปากดุนลิ้นเข้ามาแลบเลีย จับมือผมขึ้นไปขยำขยี้หน้าอกอูมๆของเขา ขยับตัวกระเส่า กระเด้งกระเด้าสะโพกของตนถดเบียดอยู่บนตัวผม ร่ำร้องครวญครางฟังไม่เป็นภาษา ผมไม่รู้ว่าเขาเพียงแต่สร้างอารมณ์ให้กับตนเอง หรือตั้งใจสร้างอารมณ์ให้ผมเตลิดไปด้วย ตัวผมนั้นผอมบางกว่าเขาอยู่มาก แต่เขาก็ย่อมรู้ว่าระหว่างผู้ชายด้วยกันสองต่อสอง คงเป็นไปได้ยากกับการใช้เพียงแต่กำลังเข้าปลุกปล้ำโรมรัน นอกเสียจากว่าจะถูกกระทำให้อารมณ์ใคร่ในตัวลุกกระพือขึ้นมาแทนการแข็งขืนและยอมตาม

ที่นอนยับยุ่ย เสื้อยับยุ่ยกระดุมลุ่ยหลุด เข็มขัดและกระดุมกางเกงยีนส์เม็ดบนถูกดึงปลดออก แต่สิ่งหนึ่งที่ผมหยุดยั้งรั้งขัดไว้ก็คือไม่ยอมให้ถูกถอดกางเกง ในขณะนั้นผมคิดว่าเป็นเรื่องรุกล้ำสิทธิเสรีภาพของผมเกินไปถ้าเขาทำไปถึงขั้นนั้น แต่ไม่ได้นึกคิดถึงขั้นที่จะลุกขึ้นมาชกต่อยทำร้ายกัน ผมรู้สึกตลกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ยังนึกไม่ออกว่าถ้าผมออกแรงกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับเขาจริงๆเหตุการณ์จะออกมาในรูปไหน ในใจผมนั้นมีเพียงอย่างเดียวคืออยากจะบอกกับเขาว่ามันไม่ใช่คนอย่างผมที่จะเป็นอย่างนั้น ให้เขารับรู้ในสิ่งนั้นเท่านั้น แต่ไมใช่ด้วยการใช้กำลังกัน ไม่รู้สิอาจจะด้วยบุคลิกท่าทีจากภายนอกที่เขาเห็นว่าพอจะเล้าโลมหรือกระทั่งขืนใจผมได้มั้งในอารมณ์เช่นนั้น เพราะนอกจากท่าทีขัดขืนรำคาญไปกรายๆนั้นผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรที่ดีไปกว่านั้น ก็ใช่ไหมล่ะ ขณะที่คนๆหนึ่งกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงซุกไซ้ไล้โลมเราอยู่อย่างไม่คาดคิดนั้น ถ้าตัดเรื่องการใช้กำลังเข้าโรมรันแบบคนชกต่อยกัน คุณก็ทำอะไรไม่ได้ไปกว่าการประลองกำลังกันไปเรื่อยๆให้เขาเห็นถึงท่าที ถ้าคุณคิดถึงเรื่องการพูดบอกอะไรสักอย่าง คุณก็เพียงแต่ได้คิด แต่ก็ทำอะไรมากไปกว่านั้นไม่ได้มากนักหรอกในตอนนั้น
ณ ห้องแคบๆและบนเตียงเล็กๆแห่งนี้จะได้ประทับความทรงจำกับผมไปอีกนานแสนนาน มีครั้งแรก และอาจมีครั้งต่อๆไป ในซอกหลืบของความใคร่ ในซอกหลืบนั้น สิ่งนั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม กำลังกะพือโหม เพียงแค่ตัวเขาเองทอดอารมณ์ไปกับการปลุกปล้ำ ซุกไซ้ ดูเหมือนดำกฤษณาได้เข้าครอบงำเขาเข้าให้แล้ว บางทีเหมือนกับเขาขอให้ผมเป็นเพียงเครื่องระบายให้แก่เขา บางครั้งเขาเหมือนรั้งรอผมอยู่แม้เพียงสักนิดเท่านั้น บางครั้งเหมือนโกรธไม่พอใจ และบางครั้งเหมือนกับน้อยใจผินหน้าไปสะอึกสะอื้นกับอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะกลายมาเป็นเสียงกระเส่าโหยหวนอีกครั้ง

สัมผัสแปลกใหม่กำลังรั้งรอผมอยู่ มีเพียงเส้นบางๆกั้นกางอยู่ นึกถึงการพลิกตัวและปล่อยให้เขาเชยชม ทอดตัวทอดกายให้เขาทำอะไรเรา และสนองรับทุกจุดกระสันรัญจวน คล้ายๆเรี่ยวแรงที่ขัดขืนอ่อนลง ประหนึ่งเหมือนโดนขืนใจและต้องการสิ่งนั้นไม่ต่างกัน มิใช่หรือ อยากโผเข้าไปจูบปาก เปลี่ยนอารมณ์ให้เป็นความใคร่ปรารถนา เมื่อเขาซุกไซ้ลงมาอีกครั้ง จากเปลือกปาก ระผ่านคาง ซุกลงต้นคอ โอ นี่คือสิ่งที่ไม่เคยได้รับหรือรู้สึกมาก่อน แหงนหน้าขึ้นขณะเขาค่อยๆซุกหน้าลง และทันใดนั้นก็อยากทำในสิ่งนั้นให้แก่เขาบ้าง เพียงแค่แตะเปลือกปากลงบนเนินอกของเขา เขาก็บิดตัว ถอนลมหายใจร้องโอออกมา แหงนหน้าบิดตัว การจูบยิ่งดูดดื่ม เหมือนจะกลืนกินและลืมทุกสิ่งไปสิ้น ขณะเสื้อถูกเปลื้องออกไป มือลูบไล้ลงตรงนั้น ลูบไล้อย่างมีอารมณ์ต่อกัน อย่างใคร่และปรารถนาต่อกัน โอฉันไม่เคยที่จะต้องทำอย่างนั้น ฉันปรารถนาที่จะลองมันดู ใช้มือและปากโลมเลียดูดดุน และอยากเห็นเขาให้เขาทำเช่นนั้นและอยากสนองตอบกับสิ่งที่เขาทำให้สุดๆ ต่อจากนั้นฉันก็อยากจะให้เขาทำอะไรกับฉันก็ได้ ฉันคงร้องครวญคราง และฉันจะทำอย่างนั้นกับเขาบ้างด้วยอารมณ์และความรู้สึกเดียวกัน

มีเพียงสิ่งบางๆกางกั้นสิ่งเหล่านี้ แต่มิใช่หรือสิ่งบางๆที่กางกั้นนี่เองที่เป็นกำแพงกั้นกางระหว่างอะไรต่อมิอะไรทั้งหมดทั้งสิ้น ฆาตกรฆ่าข่มขืน บางครั้งก็ทำไปด้วยข้ามเส้นบางๆนั้นเข้ามา แม้ว่าในกมลสันดานของคนนั้นจะไม่เป็นอย่างนั้น แต่ในสิ่งที่คนๆหนึ่งทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ นั่นย่อมหมายความว่าใครทุกคนก็ย่อมจะทำเช่นนั้นได้เช่นกัน
หลายคนมีสิทธิ์นึกฝัน และในความนึกฝันนั้นหลายคนอีกเช่นกันที่ข้ามฝั่งฝันนั้นออกมา คนที่จะข้ามเส้นบางๆนั้นเข้ามานั่นเองจะต้องก้าวเข้ามาใกล้เส้นบางๆนั้นเสียก่อน ไม่ว่าจะด้วยแรงผลักจากจิตใต้สำนึก เหตุการณ์บางอย่าง และสิ่งที่อยู่นอกเหนือการกำหนดมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้กับทุกๆคน แม้สิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อนเลย โอกาสที่จะก้าวข้ามเส้นบางๆมากเท่าใดก็อยู่ที่เราเข้ามาใกล้เส้นบางๆบ่อยครั้งเท่าใดและมากน้อยเพียงใดนั่นเองอย่างหนึ่ง แต่กับคนที่รู้และตระหนักว่าหลังเส้นบางๆนั้นคืออะไรและสามารถหักห้ามใจที่จะไม่ก้าวข้ามไปนั้น ต่อให้อยู่ใกล้เส้นบางๆนั้นมากสักเท่าใด เขาก็จะไม่ก้าวข้ามเส้นบางๆนั้นไป อย่างไรก็ตามการอยู่ให้ห่างเส้นบางๆเอาไว้นั้นย่อมจะปลอดภัยไม่สุ่มเสี่ยงที่จะก้าวข้ามเส้นบางๆนั้นได้มากกว่าการอยู่ใกล้กับมัน

เรื่องนี้เฉกเช่นเดียวน้ำกับน้ำมัน และน้ำมันกับไฟนั่นเอง

เส้นบางๆที่กางกั้นผมอยู่มันก็เป็นเส้นบางๆที่ไม่ต่างจากเส้นบางๆอื่นๆ อานุภาพของมันจึงอยู่ที่การก้าวข้ามหรือไม่ก้าวข้ามไปเป็นสำคัญ เพราะเราทุกคนต่างก็มีโอกาสที่จะอยู่ใกล้เส้นบางๆนั้นได้เสมอ แม้และบางครั้งเป็นเรื่องที่ไม่คิดฝันมาก่อน

ความเมามายคือเส้นบางๆอีกเส้นหนึ่งที่สามารถใช้อ้างกับตัวเองได้ดีในหลายๆกรณี และกับกรณีเรื่องเพศที่ว่านี้ ผมเชื่อว่าผู้ชายร้อยละเกือบร้อยที่ไปเที่ยวผู้หญิงต้องดื่มเหล้าและเมามายอยู่ก่อน ....มันช่างเป็นเส้นบางๆที่ไม่ต้องรับผิดชอบ แถมยังเลยเถิดเป็นประจำไปจนเสียนิสัยอีกต่างหาก และเส้นบางๆที่ว่านี้ช่างต่างกับผู้หญิงที่เรียกร้องให้รับผิดชอบและเป็นซึ่งความสูญเสียเสียใจโดยสิ้นเชิง แต่สำหรับสิเน่หาระหว่างชายกับชายเล่า มีเส้นบางๆอะไรกางกั้นอยู่บ้าง

(๔) หลังจากที่ผมกับเขาได้กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียงพักใหญ่ และผมขอตัวเข้าห้องน้ำเพื่อที่จะบอกปัดความรบเร้าเซ้าซี้ของเขา ทำนองว่าทุกสิ่งทุกอย่างยังเกิดขึ้นได้เสมอ ในใจนึงนั้นผมไม่รู้จะพูดจะทำอะไรยังไงดี ขณะทีใจนึงเพื่อที่จะบอกเขาว่าผมอาจจะเปลี่ยนใจและเขาก็ยังมีความหวังอยู่ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุผลเพียงพอ ในเวลาเช่นนั้นสำหรับผมนั้นเปิดกว้างเสมอ เพราะผมเองก็มีอะไรบางอย่างที่อยากจะพูดออกไป คนเราเปลี่ยนแปลงกันได้ แต่สิ่งที่ผมมีอยู่ก็คือสิ่งที่ไม่อาจรู้จากเขาได้
การรุกเร้าเล้าโลมจึงเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจากนั้นในยกที่สอง บนเตียง
กระทั่งเหตุผลและอารมณ์ของเขาทั้งหมดทั้งมวลก็ไม่เพียงพอจนเป็นที่พอจะรับรู้และเข้าใจสำหรับผมและเขาเองแล้วนั่นแหละ เขาจึงรามือราแรงลงอีกครั้งในชั่วไม่นาน หลังจากนั้นผมก็ขอตัวเข้าห้องน้ำอีกครั้งและคาดว่าจะออกมานั่งเทศนาบทสรุปจบให้เขาฟังเสียทีดีไหม
ดูเหมือนเขาจะนั่งเซื่องๆซึมๆมึนงงกับอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในห้องๆนี้ น้ำเสียงแผ่วโผยลง ดูห่อเหี่ยวหมดเรี่ยวหมดแรง เมื่อผมพูดอะไรไปสองสามคำพร้อมกับท่าทีที่ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทุกเรื่องล้วนเป็นเรื่องปกติธรรมดาสามัญ ซึ่งผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ดูเหมือนสายตาเยาะหยันของเขาก็จะมาพร้อมกับเสียงตะคอกอยู่ในลำคอว่าตัวเขาเองนั้นไม่มีค่ารถค่าราเลย ก่อนจะไปตามยถากรรมของตัวเองต่อไป และก็สะบัดก้นตัวเองออกไปทันทีที่ผมบอกปฏิเสธไปตรงๆ

ผมส่ายหน้าไม่รู้จะยิ้มหรือหัวเราะกับเหตุการณ์นี้ดี แต่ถึงที่สุดแล้วผมก็รู้สึกเฉยชากับมันอย่างยิ่ง แล้วก็คิดว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว ออกไปหาข้าวต้มอะไรกินรองท้องซะหน่อยดีกว่า ผมหยิบเสื้อที่พาดอยู่กับบานตู้มาสวม ตบกระเป๋าเสื้อล้วงดูแบงค์ห้าร้อยสุดท้ายที่ใส่ไว้ เปิดออกดู กระเป๋าซ้าย กระเป๋าขวา มีเศษกระดาษกับทิชชู่ ล้วงในกระเป๋ากางเกงสองข้าง เปิดกระเป๋าสตางค์ออกดู รีบหยิบกระเป๋าสะพายออกมารื้ออีกที แล้วผมก็ถอนใจออกมา

ผมเดินออกไปข้างหน้า ถามพี่ผู้ชายอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ว่าเห็นเขาไปทางไหนแล้ว เดินตามออกไปนอกถนน ตลอดซอยเข้าไปแลดูมืดและเงียบว้าง ถนนใหญ่มีรถบางคันวิ่งผ่านไปมา ผมกลับเข้ามาบอกกับพี่ผู้ชายว่าเขาคนนั้นเป็นใครหรือ ทำไมถึงปล่อยให้เข้ามาที่อยู่แถวนี้และเขาเข้าไปทำอะไรต่อมิอะไรในห้องของผม และเงินของผมหายไป ผมแสดงท่าทีรู้สึกไม่พอใจออกมามากกว่าที่จะรู้สึกตลกหรือนึกอายต่อตัวเองกับเรื่องราวแบบนี้

คำตอบคือส่ายหน้า ไม่รู้ และยิงคำถามมาด้วยสายตาครุ่นคิดแปลกใจ

ในใจหนึ่งผมกลับรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองอยู่ลึกๆที่ตอบกับเรื่องราวเหล่านี้ได้ชัดเจน นี่ถ้าสมมุติว่าสิ่งที่ผมคิดในแง่ร้ายว่านี่เป็นการเตรียมการแอบถ่ายอะไรเอาไว้ทำนองนั้น ผมก็แสดงตนให้เขาเห็นชัดเจนแล้วว่าผมเป็นอย่างไร เรื่องราวในทำนองนี้มีอยู่จริง เหมือนกับเรื่องราวลึกล้ำดำมืดในซอกหลืบของโลกใบนี้อีกหลายๆเรื่องที่เราไม่อาจรู้และเข้าใจ บางครั้งเรื่องราวอันมืดดำที่ว่านั้นก็เป็นเพียงสิ่งที่เราคิดนึกไปเอง ซุกซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ รอวันตื่นฟื้นคืนมา ถึงที่สุดแล้วเรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องราวธรรมดาของโลก ธรรมดาของคน เรื่องกามอารมณ์หรือเรื่องอื่นๆก็เฉกเช่นกัน

ไพล่คิดไปถึงเขา –เธอ ผู้มีความมุ่งมาดปรารถนาในกามารมณ์อันหฤหรรษ์และหลงเพริดไป สำหรับเขาเอง นอกจากเรื่องราวเหล่านี้ บนเส้นทางของเขาเป็นสิ่งที่จะต้องพบเจอเรื่องราวต่อๆไปอีกมากมาย สำหรับผมเองเล่า ผมเองก็ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่จะต้องพบเจอและดำเนินต่อไป

ผมเดินกลับมาเข้าห้อง ไม่เป็นไรบัตรเอทีเอ็มยังพอเหลือเงินอยู่บ้าง ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรมากนัก เพียงแต่อยากเดินเตร็ดเตร่ทอดน่องออกไปเรื่อยๆ คิดอะไรไปตามประสา
ช่วงหนึ่งผมรู้สึกเหมือนกับว่าสายลมวูบหนึ่งโชยสายเบาๆพัดมาแสยะยิ้ม แล้วก็ลัดเลยไป


30 พฤศจิกายน 2549

แสดงความคิดเห็น

« 2886
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ