บทความ

ลับแล , แก่งคอย ในชั่วชีวิตหนึ่งของคนมีหลับแล้วตื่นตลอดชั่วอายุขัย...เป็นอุปมาแห่งจริต โดย สกุล บุณยทัต

by Pookun @August,19 2009 09.58 ( IP : 222...49 ) | Tags : บทความ

ในความทรงจำของชีวิต เราต่างมีบาดแผลทางจิตวิญญาณเกาะติดกันอยู่อย่างติดตรึงและลึกเร้น บางขณะมันมักจะลงโทษเราจนป่วยไข้...และหลายๆขณะมันมักจะผลักดันให้เราต้องตก อยู่ในอาการหม่นมืดคลุมเครือหลับๆตื่นๆ เป็นจริตแห่งมายาคติที่ตามติด...คอยหลอกหลอนหัวใจอันบริสุทธิ์ของเราให้ต้อง ตกอยู่กับความน่าสะพรึงกลัวในสิ่งที่บ่มเพาะวิถีแห่งตัวตนอันแตกซ่าน และไร้เกาะป้องกันในการควบคุมบริบทแห่งการมีชีวิตอยู่ให้ดำรงอยู่ได้อย่าง ถาวรและสงบนิ่ง ซึ่งยิ่งยาวนานสิ่งอันเป็นปรากฏการณ์แห่งความเหลื่อมซ้อนในท่าทีเบื้องต้นก็ จะค่อยๆกลับกลายเป็นความลับแห่งจิต และค่อยๆสะสมจนกลายสภาพเป็นความเหินห่างแห่งการรอคอยที่ไกลออกไปจากความดี งามของชีวิต...มากยิ่งขึ้นทุกที..

สาระแห่งเรื่องราวเบื้องต้นคือปฐมบทแห่งสำนึกคิดของการหยั่งรู้อันเป็น ผลลัพธ์แห่งผัสสะในการเล่าเรื่อง..ผ่านนวนิยายที่ทั้งปลอกเปลือกและเฉือน คว้านเข้าไปในเนื้อในของวิถีแห่งจิตวิญญาณที่สับสนและสั่นสะท้านอันเนื่องมา แต่ความจริงอันบาดลึกจากประสบการณ์ที่ถูกกระทำย่ำยีซึ่งสั่งสมอยู่ในจุดแตก ดับแห่งมุมมืดภายใต้หัวใจและตัวตนของความลวงหลอก

ลับแล , แก่งคอย โดย อุทิศ เหมะมูล นักเขียนหนุ่มผู้สร้างสรรค์เนื้องานด้วยลีลาอันแยบยลแห่งจิตรศิลป์และจินตศิลป์สื่อสะท้อนถึงอุบัติการณ์แห่งการถูกจองจำอย่างโหดร้ายภายใต้การบีบกด จากสัญชาตญาณที่ถูกทุบทำลายอย่างไร้หวัง...ด้วยภาพแสดงที่พลิกกลับไปมาทาง กลไกของการรับรู้และเข้าใจ

ชื่อของ ลับแล กับ แก่งคอย เป็นดั่งกุญแจสำคัญที่ไขเข้าไปสู่...ก้นบึ้ง..ผ่านประตูแห่งความลี้ลับใน ชีวิต เข้าไปสู่เนื้อแท้แห่งการจำยอมของสติและปัญญาญาณ ที่มนุษย์ไม่อาจขยับเขยื้อนศักยภาพแห่งตนให้เคลื่อนไหวไปในทางใดได้ ทั้งนี้ก็เพราะว่าอำนาจแห่งอัตตาและความคลี่คลายแห่งอนัตตาต่างขบกัดและเป็น ศัตรูระหว่างกันอย่างยากที่จะเยียวยาและแยกแยะออกมาจากความผิดชอบชั่วดี รวมทั้งไม่อาจจะให้นิยามความหมายใดใดต่อคุณค่าของสัญญะอันเป็นจริงที่ชีวิต ควรจะเป็นเจ้าของและผู้ถือครองอันแท้จริงได้...ชื่อ ลับแล เป็นชื่ออำเภอที่มีตำนานเล่าขานอันลึกลับมาช้านานของจังหวัดอุตรดิตถ์ ส่วน แก่งคอย เป็นชื่ออำเภอดั้งเดิมของจังหวัดสระบุรี...เป็นชุมทางการคมนาคมด้านรถไฟของ จังหวัดที่เต็มไปด้วยการเล่นแร่แปรธาตุ...แปลงธรรมชาติโดยการระเบิดภูเขาให้ ย่อยสลายกลายเป็นฝุ่นผง...ที่ต่อมาก็กลายเป็นส่วนผสมที่จับตัวกันจนกลายร่าง แปรรูปไปเป็นวัตถุรูปร่างต่างๆตั้งแต่เศษชิ้นแห่งอุปกรณ์เล็กๆ ไปจนถึงตึกรามอาคารสูงเทียบเท่าภูเขาเลากาอันเป็นที่มาแห่งต้นรากของมันอีก ครั้ง...นี่คือความอัศจรรย์ที่วกเวียนไปมาระหว่างชีวิตกับธรรมชาติที่ไม่เคย แยกออกจากกันได้...ชื่อของอำเภอทั้งสองกลายมาเป็นชื่อของลูกชายของชายคน หนึ่งที่ไม่ยอมฟังเสียงคัดค้านจากใครๆในการตั้งชื่อลูก ด้วยชื่อที่ประหลาดล้ำของสองอำเภอนี้ เมื่อกลายมาเป็นชื่อคน...มันฟังดูเหมือนดั่งจะก่อเกิดให้เป็นกาลกินี ไม่เป็นศิริมงคล แต่ลึกลงไปมันคือนัย แห่งการทดแทนความทรงจำในริ้วรอยแห่งชีวิตของคนคนหนึ่ง ซึ่งต้องเคี่ยวกรำโอกาสแห่งชะตากรรมของตนเองและครอบครัวผ่านความทุกข์ยาก เดียวดายโดยลำพัง ประเด็นแห่งชะตากรรมตรงส่วนนี้คือที่มาที่ไปแห่งโมหะจริตและโทสะจริตที่ก่อ เกิดขึ้นเป็นอาวุธร้าย ที่ย้อนกลับมาโหมกระหน่ำเฆี่ยนตีทั้งตัวเขา ภรรยาและลูกๆ...ลงโทษครอบครัวของเขาด้วยท่าทีที่เกรี้ยวกราด จนบิดรูปบิดร่างให้ความเชื่อมั่นศรัทธาในชีวิตต้องสูญสลายไปจากสภาวะปกติของ วิถีแห่งชีวิตมนุษย์

อุทิศ หยิบเอามิติแห่งสภาวะต่างๆในอุบัติการณ์ของชีวิตดังกล่าวมาตีความและขยาย ความออกมาเป็นทั้งรูปรอยของความคิดและภาพแสดงเชิงประจักษ์ในด้านรูปธรรมที่ มีส่วนพลิกผลันให้ชีวิตของตัวละครสำคัญในเรื่องต้องตกอยู่ในวงจรของการ เคลื่อนไหวในเชิงอคติ และเต็มไปด้วยมายาลวงของความเป็นไปที่ขาดรากแก้วแห่งเหตุและผลของการมีชีวิต อยู่ นั่นอาจเพราะว่าชีวิตของมนุษย์มักเต็มไปด้วยข้อขัดแย้งและการโต้แย้งที่มัก จะพัดพาทุกสิ่งทุกอย่างบนพื้นฐานของความดีงามให้หลุดพ้นจากจุดประสงค์ดั้ง เดิมของมันออกมาไกลแสนไกล...เช่นเดียวกับเรื่องราวของชายคนหนึ่งผู้ซึ่งเคย มีความรัก...มีคนรัก มีครอบครัว มีลูกชาย มีหน้าที่การงาน มีเพื่อน...มีทรัพย์สิน แต่ที่สุดแล้วก็ต้องจากโลกนี้ไปด้วยวิสัยและอาการที่แปลกประหลาดด้วยโรคภัย ที่เหมือนตกอยู่ในเงื้อมเงาของความเปลี่ยนแปลงที่เต็มไปด้วยปริศนา

กาลครั้งหนึ่ง ชายคนหนึ่งเคยมีชีวิตอยู่ที่นี่ เขามีลูกเมียพร้อมหน้า คนนับหน้าถือตาพรั่งพร้อม วันหนึ่งเขาค่อยๆสูญเสียความน่านับถือจากคนใกล้ชิด พอเขาตายจาก คนรอบข้างก็สิ้นความเห็นอกเห็นใจครอบครัวของเขา ภาวะแห่งความมีความเป็นตรงส่วนนี้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งแห่งการเล่าขานซึ่ง ลับแล ในฐานะลูกคนเล็กในวัยเริ่มหนุ่ม...วัยสิบห้าปี กับภาพแห่งความทรงจำของอดีต...กับเสียงอันอึงอลด้วยเหตุการณ์ชวนหวั่นไหวของ ประสบการณ์ชีวิต ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่าเรื่องที่เหมือนถูกมัดโยงอยู่กับชีวิต คล้ายดั่งเงาที่ผูกติดกับร่างของเขาไปในทุกหนแห่ง...เหมือนว่าเงานั้นซื่อ สัตย์ แต่แท้จริงมันคือสิ่งที่ทรยศ...มันไม่เคยอยู่กับเรานานๆ....ในทุกเวลานาที มันมักจะกลายร่างของมันให้ทอดยาวไกลออกไปบนแผ่นพื้นที่ก้าวย่าง แต่อีกหลายๆขณะมันก็จะกลับหดตัว หายหัวไปอยู่ร่วมกับซากร่างของความเป็นตัวตนที่เลือนลับไปกับจิตวิญญาณที่ แหลกสลาย...ประเด็นตรงนี้ แท้จริงคือความสำคัญทางอุดมคติที่ อุทิศ พยายามจะชี้ให้เห็นว่า...มนุษย์เราทุกคนมีอุดมคติที่เป็นเสมือนเงาของความ เป็นจริง อุดมคติก็แค่เงาที่ไม่สะทกสะท้าน ปิดซ่อนและบิดพลิ้ว และสามานย์ในบางครั้ง เป็นรยางค์หนึ่งที่ความเป็นจริงไหนๆก็มีตามธรรมดาสามัญ เป็นเพียงเงามันเดินตามหลังความเป็นจริงต้อยๆ มีบางจังหวะเท่านั้น...ที่ความเป็นจริงอุ้มแบกความจำเป็นไว้ในอ้อมอก อุดมคติก็แสร้งทำว่ามันแขนด้วน เป็นไปไม่ได้ที่มันจะแบกอะไรได้ ความสง่างามของอุดมคติคือการแสดงให้เห็นว่าในบางจังหวะมันไม่ได้ปกปิดมิด เม้มอะไร

เรื่องราวของ ลับแล,แก่งคอย ถูกนำเสนอด้วยการเล่าผ่านสำนึกคิดที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์ดั่งท่าทีของอุดมคติ ที่ยังไม่ได้ปลอกเปลือก...แต่ครั้นเมื่อเปลื้องแก่นแท้แห่งอารมณ์ความรู้สึก ออกจากนัยแห่งชีวิตที่แท้แล้ว...มันกลับเป็นได้ดั่งความจริงที่พิกลพิการ ...ความจริงที่เป็นดั่งแขนอันคดงอของ ลับแล เด็กหนุ่มผู้เล่าเรื่องนี้ที่เครื่องชี้ทางแห่งชีวิตของเขาอันเป็นสัญญะที่ เรียบง่ายที่สุดถูกกระทำให้คดงอและไม่สามารถที่จะวางใจในความเป็นแก่นแท้ของ มันได้...

อุทิศ สื่อสารเรื่องราวแห่งนวนิยายทั้งหมดของเขาผ่านเรื่องเล่าอันยาวไกลของลับแล ...จากตำนานอันวกวนเหลือเชื่อของเหล่าบุพการี...ข้ามผ่านอัศจรรย์ของ เหตุการณ์ที่เป็นเหมือนหมอกควันของความเร้นลับ...ลึกลงไปสู่ความฝันอันน่า ตื่นตระหนกที่ถูกเคี่ยวกรำและกระหน่ำตีจากความทุกข์ยากอันเนื่องมาจากใจที่ ถูกบ่อนแซะและรุกทำลาย จนแม้กระทั่งความบ้าคลั่งแห่งจิตวิญญาณที่สื่อแสดงออกมาเป็นดั่งมายาของความ ลวงหลอก ทั้งความจริงแท้...ความจริงลวง รวมทั้งความหลอกลวงในเจตนาแห่งความจริง...ทั้งหมดล้วนเป็นเครื่องมืออันแยบ ยลในการเล่าเรื่องของ ลับแล ที่สร้างภาวะแห่งการรับรู้ให้แก่ผู้ได้ยินได้ฟังจนแยกไม่ออก...ระหว่างความ บ้าที่ฉาบทาอยู่กับความน่าศรัทธา..ความบ้าคลั่ง...ที่เล่นหัวอยู่กับความ อ่อนโยน...มันคือเนื้อในของการสร้างสรรค์ที่ปรากฏอยู่อย่างน่าพินิจ พิเคราะห์ในนวนิยายเรื่องนี้ที่ อุทิศ ได้ผูกร้อยเป็นกลวิธีที่น่าติดตาม...การวางโครงเรื่องและสาระความหมายของ นวนิยายไว้ในด้านหนึ่ง ผนวกกับการตอกย้ำวิธีการเล่าเรื่องจากข้อคิดจากงานประพันธ์ด้วยสาระที่มี ความหมายอันยิ่งใหญ่ล้ำลึกของโลก ทำให้การเล่าเรื่องที่ซ้อนลงไปในกลวิธีแห่งการเล่าเรื่องภายใต้เงื่อนไขของ นวนิยายดูมีเอกภาพและเหลี่ยมมุมอันชวนติดตาม ขับเน้นและหนักแน่นขึ้นในทุกบทตอนแห่งความเป็นนวนิยายที่สื่อแสดงถึงความ คลุมเครือให้ปรากฏออกมาได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

ผมจะเริ่มเล่าเรื่องด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตที่ย้อนเวลาไปอีกนาน ด้วยผมเห็นว่าหากผู้ใดไม่มีความอดทนพอที่จะระลึกถึงอดีตก่อนที่ตนจะอุบัติ ขึ้นมาเป็นมนุษย์ ซึ่งอย่างน้อยที่นก็ไม่สมควรที่จะเล่าเรื่องราวในชีวิตของตน คำกล่าวของ กุนเธอร์ กราส นักเขียนดังจากนวนิยายชื่อดังก้องโลก The Tin Drum คือตัวอย่างที่ถือเป็นปณิธานแห่งการเล่าเรื่องเป็นแบบแผนที่ อุทิศ ได้ใช้เป็นแนวทางแห่งการบุกเบิกโดยการเล่าเรื่องราวโดยรายละเอียดแห่ง นวนิยายของเขาได้อย่างมีพลังด้านอารมณ์ร่วม และสามารถแปลงสารแห่งเจตนารมณ์ที่ล้ำลึกให้ออกมาเป็นกระบวนการแห่งการปรุง แต่งทางวรรณกรรมที่ชัดเจน

อุทิศ ให้ข้อสรุปของ แก่งคอย ในเรื่องเล่าของ ลับแล เอาไว้ในฐานะของครอบครัวและในฐานะของความเป็นพี่ชายเอาไว้ในเชิงประจักษ์ แม้ในสถานะแห่งสัจจะ แก่งคอย จะมีตัวตนหรือไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้หรือไม่ก็ตาม .... แก่งคอยคือจุดเริ่มต้นทั้งหมดแห่งความเสื่อมเสียหลุดลุ่ยที่ติดตามมา คือการลุกลามโหมไหม้ของเรื่องเสื่อมเสียประดามี หากมองว่าสิ่งที่เขาก่อเป็นอุบัติเหตุหนึ่งของการหายใจออกเพียงเฮือกเดียว แห่งอายุขัยอันยาวนานของประวัติศาสตร์เท่านั้น ผมถือเอากลวิธีทางการประพันธ์ตรงส่วนนี้เป็นเชิงชั้นทางการประพันธ์ที่สอด รับกับข้อเท็จจริงแห่งยุคสมัยได้อย่างประณีต มันคือความคาบเกี่ยวระหว่างจินตนาการกับบทบันทึกแห่งความทรงจำที่ล้ำลึกที่ เกี่ยวเนื่องกับจิตวิเคราะห์ ทั้งผีแม่เฒ่า ศาลพระภูมิ และต้นแหนถูกโค่นลงจนไม่เหลือแม้แต่รากให้ฟื้นฝอย เรื่องราวและตำนานต่างๆของมันรวมทั้งชีวิตของคนที่เหลือ...อำเภอแก่งคอย กำลังถูกกลบทับด้วยดินลูกรังสีแดงที่อัดแน่นทอดยาวแสนไกล และจะถูกปูลาดด้วยปูนซีเมนต์อีกชั้นหนึ่งซึ่งระเบิดมาจากภูเขาใกล้ๆ ภูเขาของพวกเรา ประวัติศาสตร์ของพวกเราจะยังคงถูกเขียนขึ้นใหม่อยู่เรื่อยๆ ... .

ประเด็นสำคัญส่วนนี้คือจุดจบอันเป็นเสมือนบทเริ่มต้นแห่งชีวิตของนวนิยาย เรื่องนี้ทั้งหมด...มันคือปฐมฐานที่นำพาจิตสำนึกอันหยั่งลึกของ อุทิศ เหมะมูล ให้ได้ออกเดินทางไปพร้อมกับจิตวิญญาณที่ปริร้าว แต่ก็มุ่งมั่นในการสะท้อนให้เห็นเบื้องลึกแห่ง ภาพวาดของความลับในใจ ให้บังเกิดออกมาสู่โลกแห่งความมาดหมาย โลกแห่งความหวังในการตื่นรู้ของผู้คนเพื่อให้เข้าใจถึงความคาบเกี่ยวอันซับ ซ้อนแห่งองค์รวมของความเป็นโลกโดยเฉพาะสถานการณ์ ที่ก่อตัวเป็นทั้งความมืดดำและสุกสว่างภายใน กับความหลับและความตื่นอันเป็นดั่งความหมายของความทุกข์และความสุขภายนอกที่ ถือเป็นข้อตระหนักขั้นสูงส่ง ในชั่วชีวิตคน มีการหลับแล้วตื่น หลับแล้วตื่นตลอดชั่วอายุขัย เป็นอุปมาแก่จริต ชีวิตที่ผ่านมาของผมมีอยู่จริงๆ... ชะตากรรมบรรจงกรีดริ้วรอยต่างๆด้วยมือของมันอย่างประณีตเฉพาะตัวให้แก่คนคน นั้น มันไม่มีวันลบเลือน ผมจะเอาส้นเท้าของความหลงลืมมาลบมันทิ้งไม่ได้ ใครหลายคนอาจพยายามลืมมันด้วยความจำเป็นอันเหลือทนต่างๆนาๆ แต่ผมจะไม่ ด้วยความเจ็บปวดและสูญเสียนี้มีอยู่จริง...หลวงพ่อบอกว่าผมเสพติดความสูญ เสีย พึงใจในรสชาติของมัน...ไม่เพียงเท่านั้นหรอก ผมมองหาที่ทางให้มัน และหากเป็นได้...ผมคือที่ทางของมัน ลับแล , แก่งคอย คือนิยายที่เริ่มจากปมเล็กๆแห่งความขัดแย้งภายในที่ผู้เขียนขยายความออกมา สู่ภายนอก...ออกมาสู่โลกกว้างแห่งภูมิปัญญา ความขัดแย้งเฉพาะตัวตนแห่งตน...รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างตัวตนกับจริตของคน ชิดใกล้ที่ถูกฉายภาพออกมาเป็นภาพขยายสู่มิติของ จิตวิญญาณแห่งความเป็นโลก [World Soul] ที่ต้องขบคิดและตีความอย่างถ่องแท้ ผ่านกระบวนการแห่งการรับรู้ต่างๆจนก่อเกิดเป็นนัยสำนึกที่หยั่งลึกขั้นสูง [Transcending Wisdom] ซึ่งผสมผสานกันทั้งแก่นความคิดแห่งประสบการณ์นิยมของโลกตะวันตก ผ่านบริบทแห่งนัยเชิงสังคม และศาสนธรรมทางโลกตะวันออก...อันถือเป็นการแตกตัวและปรับสร้างโครงสร้างแห่ง เจตจำนงใหม่ที่เป็นทั้งความกระจ่างแจ้งของความจริง [Ultimate Truth] และความลึกเร้นแห่งอัศจรรย์ของความเสมือนจริง [Magical Realism] .... จาก กุนเธอร์ กราส ในบทเริ่มต้น...ความคิดของเรื่องก็ถูกนำพาให้มาพบกับมิติและกลิ่นอายของความ มีอยู่และเป็นอยู่แห่งตัวตนของ มิราน กุนเดรา ...ข้ามผ่านมาถึงตรรกะแห่งชีวิตและโลกของ เกา ซิงเจี้ยน ใน ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ [Soul Mountain] อันเป็นเลือดเนื้อและจิตใจของคนตะวันออกโดยแท้

ผมได้สร้างกระบวนการที่เรียกว่า ตรรกะ หรือเหตุผลให้แก่ตัวเองในโลกอันอิสระและไร้ระเบียบนี้ กระบวนการ ตรรกะ และเหตุผลที่มีอยู่เป็นสิ่งที่คนเราสร้างขึ้นมาเพื่อระบุตัวตนของตัวเองให้ ชัดเจนยิ่งขึ้น... อุทิศ เหมะมูล นำเรื่องราวของเขาทั้งหมดใน ลับแล, แก่งคอย สู่ความเป็นนวนิยายที่เดินไปบนทางสายนี้ ...สายทางแห่งการค้นหาแก่นแท้แห่งจิตวิญญาณบนวงจรของโลกกว้างที่หมุนวน เหตุการณ์และเรื่องราวเป็นวงรอบของการสร้างความหมายที่จบลงดั่งวัฏฏะของความ เป็นพุทธะที่เต็มไปด้วยปริศนาคำถามอันสลับซับซ้อน .. ที่สุดแล้วทุกสิ่งก็คลี่คลายถึงกาลยุติ และจบลงด้วยความสงบงาม...จริตอันร้อนรนที่ก่อเกิดเป็นความขัดแย้งทั้งหลาย ทั้งปวง ก็จะคลายจางไป...กลายเป็นการค้นพบความสุขใหม่อันหมายถึง ความสงบ สะอาด ความปิติอันไม่ผูกใจกับสิ่งใด นอกจากการรู้แจ้งเท่านั้นดั่งวิธีรับมือกับชีวิตที่ว่า บ่มเพาะมัน เข้าใจมัน แล้วมันก็สุก แม้จะสังเกตเห็นและรู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มอายุเพียง 15 ปี จะแบกรับภาระแห่งความทรงจำและสภาวะอันซับซ้อนแห่งจิตที่เหมือนจะมากจนเกิน จริง. . .. แม้ว่าในเบื้องต้นของนวนิยายเรื่องนี้จะเอ่อท้นไปด้วยมิติของเนื้อหาและการ พร่ำพรรณนาถึงเงื่อนงำต่างๆในความซับซ้อนและเป็นไปอยู่ค่อนข้างมาก รวมทั้งการใช้สรรพนามแทนตัวบุคคลที่สามที่ฟังดูประดักประเดิดในบางคน แต่การกำหนดทิศทางด้วยกลไกของการจัดวางองค์ประกอบทางอารมณ์ความรู้สึก ตลอดจนทัศนะคติของสาระเรื่องราวที่ดำเนินไปด้วยเจตนาแห่งความเป็น ดุลยภาพ ของการนำเสนอประเด็นอย่างจริงจัง ในนัยของรูปแบบและข้อมูลแห่งการสืบค้นด้านชีวิต...ก็ทำให้นวนิยายเรื่องนี้ ดำเนินเรื่องไปอย่างน่าติดตาม...กลไกของการจัดวางองค์ประกอบทางด้านฉากแสดง ให้ปรากฏออกมาเป็นแต่ละบทตอนพร้อมการตอกย้ำด้วยทัศนะของนักเขียนผู้มีชื่อ ระดับโลก ...รวมทั้งการใช้ภาษาสื่อสารที่มีลักษณะของการสื่อสารดั่งอารมณ์ด้านการแสดง [Dramatic]...การตัดต่อใจความของภาพที่นำเสนอเรื่องราวด้วยเทคนิควิธีที่ ซ้อนซับและแม่นตรงแบบลีลาของหนังสมัยใหม่...ทำให้นวนิยายเรื่องนี้ จัดว่ามีน้ำหนักในเชิงวรรณกรรมที่ถือเป็นรูปลักษณ์ใหม่อันน่าค้นหาทั้ง ความงามและความหมาย ของการแสดงออกทั้งด้านแง่งามของศิลปะ นับแต่สัญญะสีสันของภาพปก ความสอดคล้องและกลมกลืนของรูปเล่ม ตลอดจนแง่จริงของการบ่มเพาะความหมายด้านในแห่งการตระหนักรู้อันแท้จริงของ ชีวิต ที่สามารถบังเกิดเป็นการพัฒนาทางจิตวิญญาณ [Spiritual Development] ขึ้นมาได้อย่างครอบคลุมและงดงาม ลับแล, แก่งคอย คือความหน้ายินดีสิ่งหนึ่งแห่งวงวรรณกรรมของไทย ณ ขณะนี้ ซึ่งผู้ที่รักงานวรรณกรรม รักงานศิลปะ...และรักในความหมายที่ลึกซึ้งของชีวิต ไม่ควรจะมองข้ามผ่านสายตาแห่งจิตวิญญาณของตน

ผมเรียนรู้แล้วว่า บางคำถามผมยังเยาว์เกินกว่าจะให้คำตอบ เพราะว่าทุกหนึ่งคำถามล้วนมีความตายอยู่ในหนึ่งคำตอบ ความตายของความจริงกับความลวง เราเลือกให้บางอย่างตาย และเลือกให้บางอย่างดำรงอยู่ต่อไป

หมายเหตุ งานวิจารณ์วรรณกรรมชิ้นนี้ ตีพิมห์ครั้งแรกในนิตยสารสยามรัฐรายสัปดาห์

Comment #1
cc
Posted @September,30 2009 08.14 ip : 202...14

งานอ.สกุล นับวันยิ่งอ่านยากขึ้นทุกวัน หากงานวิจารณ์อ่านยากขั้นเทพ แล้วจะจูงใจคนให้หันมาอ่านหนังสือได้อย่างไร

Comment #2
น.เชียงใหม่
Posted @November,13 2009 00.59 ip : 58...118

เออ ไม่ทราบว่าอะไรคือประเด็นหลักที่คุณต้องการจะวิจารณ์เหรอครับ อ่านแล้วทำให้เฉไปจากกแก่นของเรื่องที่ผู้เขียนต้องการสื่อ มั้ย...สงสัยจังว่าถ้ามีคน 10 อ่านแล้วเข้าใจเสียหนึ่ง จะเขียนวิจารณ์ไปทำมัย

Comment #3
FORMULA 1
Posted @December,06 2009 19.16 ip : 222...172

อ่านจนจบเรื่องก็ยังไม่เข้าใจว่าตกลงแล้วจริงๆ แก่งคอยมีตัวตนจริงๆหรือไม่หรือเป็นแค่การอุปโลกน์ขึ้นมา แล้วลับแลถ้าจะโกหกหลวงพ่อจะโกหกเพื่ออะไร ยิ่งอ่านก็ยิ่งง

Comment #4
ช่างก่อ ช่างมีน
Posted @December,21 2009 12.51 ip : 124...134

อ่านตั้งนานแล้วไม่เข้าใจเลยอยากอ่านเรื่องย่ออะ

Comment #5
dew
Posted @January,12 2010 08.59 ip : 111...145

ปริศนาทั้งหมดจะถูกไขให้กระจ่างได้ ถ้าได้อ่าน ลับแล แก่งคอยค่ะ

Comment #6
เฮ้อ
Posted @January,13 2010 21.05 ip : 114...171

งง งง งง งง
ครับ

Comment #7
น้อง
Posted @January,14 2010 12.53 ip : 125...1

ต้องหาหนังสือมาอ่าน ถ้าอ่านรอบแรกยังไม่ค่อยเข้าใจ ก็ให้อ่านรอบที่ 2 แล้วจะค่อยเข้าใจค่ะ อิอิ สนุกดีนะคะ อ่านแล้วค่ะ

Comment #8
วิว
Posted @January,14 2010 20.59 ip : 125...25

ใครรู้ช่วยอธิบายได้มั้ยคะว่าที่ตอนจบลับแลบอกว่า"เห็นผลงานของเขาในแท่งหินอ่อนก่อนลงมือแกะสลัก"เค้าต้องการสื่ออะไร

Comment #9
ซึงรี
Posted @February,10 2010 20.19 ip : 114...202

แก่นของเรื่องคืออไร ช่วยตอบหน่อยคะ

Comment #10
Lux
Posted @March,06 2010 10.54 ip : 58...206

ใครรู้ช่วยอธิบายได้มั้ยคะว่าที่ตอนจบลับแลบอกว่า"เห็นผลงานของเขาในแท่งหินอ่อนก่อนลงมือแกะสลัก"เค้าต้องการสื่ออะไร

สงสัยที่เดียวกันเลยคะ แต่พอได้เห็น เม้นท์คุณ ก็นึกออกว่า น่าจะหมายถึง มโนภาพ ที่สร้างขึ้นเอง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอยู่จริง ยังไม่เกิดจริง

Comment #11
Posted @March,19 2010 14.39 ip : 118...60

งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง    มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

Comment #12
มท
Posted @March,19 2010 14.41 ip : 118...60

ทุเรส    ไม่เข้าใจว่ะ  มันเขียนอะไรของมาน

Comment #13
ดะ
Posted @March,25 2010 09.59 ip : 118...214

กูงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

Comment #14
แหลม
Posted @April,13 2010 15.15 ip : 125...216

ต้องอ่านฉบับเต็มมาอ่านครับ

Comment #15
MEan
Posted @May,23 2010 20.26 ip : 113...130

ขอบคุณสำหรับเรื่องย่อนะคะ ^^

Comment #16
nom
Posted @June,10 2010 16.08 ip : 118...87

อ่านรอบแรกไม่เข้าใจ

พออ่านหลายรอบก็เข้าใจ

สนุกมากมากเลย

สรุปแล้วแก่งคอยมีอยู่จิงแต่ตายตั้งแต่5ขอบ

คนที่ทำเรื่องทั้งหมดคือลับแล

เพราะถูกแก่งคอยเข้าสิง

อธิบายยาก

ลองไปอ่านกันหลายๆรอบนะคับ

สนุกดี

Comment #17
คนดวงโซย
Posted @June,18 2010 13.01 ip : 119...101

#) ไอ้ควุย

Comment #18
ยังงวยงง
Posted @July,17 2010 13.52 ip : 202...61

:)  อ่านบทสรุปช่วงแรกพอเข้าใจบ้างแต่ช่วงตอนจบที่พูดว่า...ผมเรียนรู้แล้วว่า บางคำถามผมยังเยาว์เกินกว่าจะให้คำตอบ เพราะว่าทุกหนึ่งคำถามล้วนมีความตายอยู่ในหนึ่งคำตอบ ความตายของความจริงกับความลวง เราเลือกให้บางอย่างตาย และเลือกให้บางอย่างดำรงอยู่ต่อไป หมายความว่าอย่างไรผู้อ่าน อ่นแล้วยังงงอยู่ค่ะ  และไม่รู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะแก่งคอยเข้าสิงหรือลับแลโกหกแต่งเรื่องเอง 8)

Comment #19
กำลังทำรายงานเรื่องน
Posted @July,17 2010 14.00 ip : 202...61

8)  โปรด!สรุปอย่างง่ายๆด้วยค่ะแบบอ่านแล้วรู้เรื่องเลยแต่นี่อ่านแล้วก็ไม่ค่อยแตกต่างจากในหนังสือเลยค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนเดิม

Comment #20
ชื่นชอบ
Posted @July,21 2010 22.45 ip : 58...118

หมายความว่า คำตอบมีอยู่2อย่าง หากเราเลือกพูดความจริงจะไม่มีความลวง หากพูดความลวงก็ไม่มีความจริง

แสดงความคิดเห็น

« 1726
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ