ปกิณกะ
ทิวาวาร
ทิวาวาร เทพสุริยัน เสด็จลุกขึ้น จากอาสน์ทองคำ ออกจากทิพย์วิมาน อันแสนสุข ทรงเสด็จราชรถ พร้อมเครื่องประดับ งดงาม อลังการ ค่อยค่อย เคลื่อนออกมา อย่างช้า ช้า โผล่พ้น ปุยเมฆ สีขาว อ่อนนุ่ม ดุจใยสำลี ในพระหัตถ์ ทรงถือ มณีสุริยัน ดวงแก้ว ที่มีมหิทธานุภาพ เมื่อโผล่พ้นจากปุยเมฆสีขาว ทรงปล่อย มณีสุริยัน ลอยอยู่เบื้องหน้า เทพสุริยัน ทรงขับเคลื่อนราชรถตามไป มณีสุริยัน พลันเปล่งประกาย ส่องแสงสว่าง สดใส กระจายไปทั่ว พี้นพิภพปฐพีมณฑล ระหว่างนั้น ทรงดำริ ถึงคำร่ำลือ ในหมู่ทวยเทพ เทพธิดา นางหนึ่ง รูปโฉมพิไลลักษณ์ ยิ่งนัก วงพระพักตร์ ดังรูปไข่ นัยเนตรกลมโต สุกใส พระขนง โค้งเรียว ดังเดือนเสี้ยว ทรวดทรง งดงาม สมส่วน ยาม นาง เยื้องกราย ร่ายรำ เปี่ยมด้วยเสน่ห์ รัดรึงใจ เทพบุตรองค์ใด ได้อยู่ใกล้ จะได้กลิ่นหอม อ่อนอ่อน จากกายของนาง ผิวเนื้อนวลขาว ผ่องใส ทรงพัสตราภรณ์ ด้วยสีขาว บริสุทธิ์ สูงส่งยิ่งนัก ถึงตรงนี้ เทพสุริยัน ให้เกิดสิเน่หา ใคร่จักได้พบนางเป็นยิ่งนัก เฝ้าครุ่นคิด แต่ว่า ทำไฉนหนอ? จะได้พบนาง เมื่อพบแล้ว เราจักบอกความในใจ ให้นางได้ทราบ ในไม่ช้า หมดเวลาแล้ว เทพสุริยัน จำต้อง ขับเคลื่อน ราชรถ ที่งามงด กลับสู่ทิพย์วิมาน พร้อมกับ มณีสุริยัน ทรงชักนำ เคลื่อนราชรถ เข้าสู่ ปุยเมฆ สีขาว อ่อนนุ่ม ลับเหลี่ยมเขาเมรุมาศ โดย มีความเสน่หา ดิดตรึง ฝังในหทัย มิอาจลืมเลือนได้เลย
องก์ ที่ ๑