บทกวี
ดุจกำนัลขวัญหล้า
.......................................................................................................... ๑
ข้าจะเอาเหล่าดวงดาริกา....................มาร้อยเรียงเป็นมาลัยฝากให้หล้า เอาศศิสว่างพร่างนภา........................มาแทนเทียนส่องจ้ามรรคาลัย
เอาวายุแทนดนตรีคีตะการ.................ขานขับกล่อมทุกราตรีที่หลับไหล ปลอบขวัญผู้ลึกร้าวหฤทัย..................ในยุคเมืองรุกฆาตธรรมชาติวาย
เชิญหยาดเพชรแห่งน้ำค้างพร่างพราวหล้า...มารดรินสร้างค่าและความหมาย เชิญหิ่งห้อยน้อยพระพริบทิพย์แสงพราย....ว่ายแหวกเล่นราตรีที่หลับฝัน
เพื่อร่วมสร้างนาฏกรรมแสนล้ำเลิศ.........เกิดทิพยะสุนทรีย์นิมิตรมั่น
รักค่าแห่งธรรมชาติยิ่งมิ่งชีวัน................สรรค์สร้างฝันยิ่งใหญ่ในม่านเมือง
๒
ดุจกำนัลขวัญหล้ามาจากสรวง.....................ร่วงสู่ห้วงแห่งฝันอันฟูเฟื่อง
เพราะตื่นฝันเหมือนฝากค่ามาเปล่าเปลือง.......เรืองรุ่งคือนวัตกรรมการทำลาย
คงแต่เมืองมณีค่าอนาคต...........................ทดแทนด้วยสิ่งปลูกสร้างอันหลากหลาย ครอบงำสิ้นดินน้ำฟ้าอันตราย......................หมายมุ่งในผลประโยชน์แม้โฉดทราม
ขยายอาณาเขตล้ำธรรมชาติ.......................อาจหาญกล้าท้าทายคล้ายเหยียดหยาม มิเคารพดินน้ำฟ้าศรัทธาตาม.......................ความคิดกล้าว่ายิ่งใหญ่ในโลกา
เสกสร้างสิ่งใดใดดังใจนึก..........................ผลึกวิทยาการลึกซึ้งจึงทายท้า เสมือนผู้ควบคุมกุมชะตา...........................พาเมืองรุกล้ำไปไม่คำนึง
เมืองยังรุกล้ำไปไม่ว่างเว้น........................เห็นค่าเมืองยิ่งใหญ่คล้ายที่พึ่ง มุ่งมั่นจะพัฒนาหาคำนึง............................ถึงดุลยภาพแห่งธรรมชาติอาจวอดวาย
ความเจริญพาเพลินไปไร้เขตขอบ...............มอบทั้งจิตวิญญาณนี้พลีถวาย แด่สิ่งที่เสกสร้างดั่งเรือนกาย.....................คล้ายน้อมไว้ชั่วหล้าอนันตกาล
ฤารอถึงวันธรรมชาติประกาศกร้าว..............ร้าวร่องลึกรอยโลกสั่นวันประหาร
คลื่นถล่มดินโถมทับดับวิญญาณ................จารรอยโศกลึกซึ้งจึงเกรงกลัว.
เกรียงไกร หัวบุญศาล ๑ สิงหาคม ๒๕๔๙