บทกวี
หวีดแว่ว-แผ่วหาย!
หวีดแว่ว-แผ่วหายในสายลม ทุกข์ระทมจอมจ่อมวอมแวมไหว ปรายน้ำเสียงเลาะลัดมากวัดไกว มาเป็นความเป็นไปในชีวิต
ใครจะล่วงรู้กาลอันผ่านพ้น ใครจะดลดาลได้ ใครลิขิต แม้เพียงแค่นิดน้อยที่คอยคิด ก็พลาดผิดพลาดพลั้งดังพลิกแพลง
ยุคสมัยก็เป็นเช่นที่เห็น สิ่งที่เป็นคือเหยียดหยันและขันแข่ง สิ่งที่มองไม่เห็นเป็นกำแพง เหมือนเสแสร้งแกล้งหลอกเย้าหยอกเรา
ให้สัมผัสรอยวิจิตรอันคิดฝัน ในถ้อยคำแสนสั้น อันแสนเศร้า เป็นตัวแทนสุดท้ายสยายเงา กลายเป็นเถ้าถ่านธุลี พริบพรีกาย
หนาวลมหนาวพัดพามาเหน็บหนาว บอกเรื่องราวแห่งนิยามแหละความหมาย เพียงหัวใจดวงหนึ่งซึ่งดูดาย กร่อนสลายวายวอดตลอดวาร
แต่ถ้อยคำร่ำกระซิบ กระพริบพร่าง ยังเรื่อรางเกินกว่า กัลปาวสาน ประทับไว้สารัตถะ อนันตกาล แว่วขับขานผ่านหายในสายลม...
จู พเนจร กลุ่มวรรณกรรม ควน-ป่า-นา-เล (ดลใจจากฟังมนตรี ศรียงค์ อ่านบทกวีบนเวทีกิจกรรมริมบ้านลานควน)