ลมฝนอุ่นได้ด้วยรอยยิ้ม
ฉันมาเยือนแดนนี้ด้วยความหนาวเหน็บ ของลมฝน ท้องฟ้าร่ำไห้.........ฉันเศร้านานนับปีเดือนผ่านไป ---------- ------- หัวใจฉันห่อเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง ไร้ศรัทธา ไร้ความเชื่อ----- ฉันมิได้หนาวลมฝน .............ฉันรู้ฉันอยากมีหัวใจสีชมพู...เฉกเช่นเดิมฉันมาเยือนแดนนี้ด้วยหวังรอ
เดินทาง-ค้นหา-พบ
ฉันเดินทางมานับพันกิโลฉันเดินทางมาค้นหาความหมายฉันเดินทางมาแสนไกลฉันเดินทางมาด้วยใจ.......สีชมพูฉันค้นหา...เรื่องราวที่เล่าขานฉันค้นหา...ตำนานผืนดินเก่าฉันค้นหา...นิยามความเป็นเราฉันค้นหา...ด้วยใจ..........สีชมพูฉันพบวัฒนธรรมอันเลอค่าฉันพบผืนฟ้า-แผ่นน้ำที่สดใสฉันพบความงดงามของหัวใจฉันพบ
จาก ด.ญ.มานี ถึง ด.ญ.จันทร
ไม่เจอกันนานเลยนะวันเด็กเป็นเช่นไรบ้างไปเที่ยวที่ไหน...แล้วได้ข่าวคราวเพื่อนเพื่อนบ้างหรือไม่ปิติ วีระ เพชรเจ้าจ๋อ เจ้าแก่ชูใจยังสบายดีอยู่ไหม...
ฉัน
แสงส้มลอดรั้วไม้ต้องใบหน้าคนเบื้องหน้าเราคุยกันเขาพูดส่วนฉันฟังถ้อยคำพรั่งพรูเป็นสายราวตัวโน๊ตชักแถวบนบรรทัดห้าเส้น...โสตสัมผัสรับทุกเรื่องราวพิเคราะห์เฉกผ้าขาวกรองเศษหอมของใบเตยทำขนมเปียกปูนสายตาจ้องจับทุกเสี้ยวไหวอิริยาบถ...บางคราวจำค้องเสสายตามองดอกไม้ในแจกันมิกล้าสบตรงๆ...
ดิน
เม็ดเหงื่อ พรูพรั่ง ราดรด ดิน
อ่อน
แด่ ผู้มาก่อนแด่ ผู้เก่งกาจ........ไม่มีอะไรแค่นักเขียนใหม่ไร้ฝีมือด้อยประสบการณ์ความคิดตื้นเขินช่างผิวเผินย.เป็นนักเขียนตั้งไข่ล้ม ล้มลุก ลุกหัวทิ่มก้นกระดก....แต่ก็ยังอยากเขียนเรื่อยไปเรื่อยไป
รัก
เสี้ยวนาทีนี้ฉันเกิดความรักทุกชีวิตที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตบางชีวิตมาเพียงเสี้ยวหากตรึงฝังใจบางชีวิตผ่านเลยไปไม่หวนคืน
หูกวาง
ใบหูกวางส้ม เหลือง แดง เขียวเกาะกิ่ง ก้าน โคนน้ำตาลอ่อนแก่..ใบหนึ่ง..ปลิดตัว..ละลิ่วซบดินร่วนซุยดำสงบนิ่ง
นำชา
แสงสุดท้าย
ใกล้ลับหาย
ฉัน
ดื่มน้ำชา
แกล้มถ้อยคำ
กับบางคน
ที่แอบรัก