เรื่องราวข่าวสารวรรณกรรม
อนุสรณ์ มนัส จรรยงค์
มติชน วันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10687
อนุสรณ์ มนัส จรรยงค์
คอลัมน์ งานเป็นเงา
โดย ลำแข
หากเป็นดังที่ "อาจินต์ ปัญจพรรค์" ว่า ถ้าหั่นชีวิตออกมาเป็นช่วงๆ ชีวิตแต่ละช่วงล้วนเป็นเรื่องสั้นได้ทั้งสิ้น ชีวิตของราชาเรื่องสั้น "มนัส จรรยงค์" เองแต่ละช่วง ก็เป็นเรื่องสั้นชั้นดีเช่นเดียวกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อล่วงลับไปแล้ว "อนุสรณ์ มนัส จรรยงค์" ที่มิตรน้ำหมึกร่วมกันเขียน ร่วมกันรวบรวมจนกลายเป็นหนังสือล้ำค่าเล่มหนึ่งในบรรณพิภพ ก็กลายเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นชั้นดีตามไปด้วย
ไม่เชื่อลองอ่านที่หมอ "เสนอ อินทรสุขศรี" เขียนถึงวาระแรกที่ได้พบราชาเรื่องสั้นผู้นี้ดู ว่าพิสดารพันลึกขนาดไหน
พอถึงเรื่องของหมอ "ทองน่าน วิภาตะวณิช" ยิ่งพิสดารหนักเข้าไปอีก เมื่อต้องยื้อชีวิตราชาเรื่องสั้นผู้นี้ จากที่หัวใจหยุดเต้นไปแล้ว อ่านที่หมอรำพึงถึงวิกฤตคราวนั้นตอนท้าย ก็ชวนอกสั่นขวัญแขวนไม่แพ้เรื่องสั้นชั้นดีทีเดียว
หรือใครเคยได้ยินบ้างว่า ราชาผู้นี้เคยแสดงหนังไทย แถมเล่นเป็นผู้ร้ายเสียอีกด้วย หนังไทยเรื่องนั้นชื่ออะไรยังหาดูได้ไหม อ่านแล้วเผลอๆ หลายคนอาจหัวเราะขำอยู่คนเดียวได้
เช่นเดียวกับคนทำสื่อซึ่งมีมากมายปัจจุบัน ย่อมอยากรู้ว่ามนัสเสนอข่าวอะไรกับบรรณาธิการ ในวันที่ไม่มีข่าวพาดหัว ซึ่งในที่สุด ข่าวใหญ่ที่สร้างความขบขันให้คนสมัยนั้นได้ ประหลาดไม่แพ้ข่าวชวนหัวที่หมั่นหามาให้อ่านทุกวันนี้เช่นกัน
มนัสกินเหล้าหนักขนาดไหน, ทำไม "ยาขอบ" ต้องกินเหล้าไม่ให้มนัสเห็น และทิ้งสมบัติอะไรไว้ให้
ยิ่งบั้นปลายชีวิตของครูดนตรีไทย นักฟุตบอล และราชาเรื่องสั้นผู้นี้ ยิ่งยืนยันถ้อยคำ "เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย" ไม่ต่างไปจากชีวิตรักซึ่งกลายเป็นตำนานไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว
ที่เมื่อพิจารณาว่า ผู้ซึ่งเขียนคำอุทิศเหล่านี้ ล้วนเป็นนักเขียนเลื่องชื่อร่วมยุคสมัยของผู้จากไปคือ สันต์ เทวรักษ์, พ.เนตรรังษี, เวทางค์, น.ประภาสถิต, ส.บุญเสนอ, เสนีย์ เสาวพงศ์, สมุท ศิริไข, พรานบูรพ์, ป.อินทรปาลิต, ประมูล อุณหธูป, สันตสิริ, เลียว ศรีเสวก, เจือ สตะเวทิน, อาจินต์ ปัญจพรรค์, "รงค์ วงษ์สวรรค์, นพพร บุญยฤทธิ์, วิทย์ ศิวะศรียานนท์, ชาญ หัตถกิจ, อมราวดี, เหม เวชกร, ประยูร จรรยาวงศ์ ฯลฯ เป็นต้นแล้ว
หนังสือเล่มนี้จึงมีคุณค่าในตัวเอง นอกเหนือจากคุณค่าด้านวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ บอกเส้นทางโลกหนังสือไทย ให้เห็นภาพของความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ระหว่างคนในวิชาชีพ ว่าเคารพและยกย่องกันและกันอย่างไร ขนาดไหน
คนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ซาบซึ้งกว่าคนอื่นบ้าง จึงเป็นคนที่อายุทันชื่อเสียงของบุคคลที่เขียนคำอุทิศเหล่านั้น ที่ได้รู้ว่าคนนั้นคนนี้เขียนถึงผู้ล่วงลับซึ่งมีชื่อเสียงเช่นเดียวกันอย่างไร โดยเฉพาะได้รู้ว่าต่างมีความสัมพันธ์กันลักษณะไหน
ถึงกระนั้น คนรุ่นหลังซึ่งมิได้ร่วมยุคสมัย ก็สามารถเรียนรู้ความซาบซึ้งได้เหมือนกันว่า คนรุ่นพ่อรุ่นแม่หรือรุ่นปู่ตา ต่างนับถือฝีมือกันและกันอย่างใด นอกเหนือการได้เรียนรู้วิถีแวดวงวรรณกรรม อันชวนให้ประทับใจในความกลมเกลียว
งานชุมนุมนักเขียนที่มอบแก่นักเขียนผู้เป็นหนึ่งนามนี้ จึงเป็นงานเล่มที่ใครก็ไม่ควรพลาด ไม่ว่าจะเป็นนักอ่านหรือคนชอบเรียนรู้ทั่วไป เพราะหลากหลายด้วยรสชาติและสีสัน ราวกับมิตรน้ำหมึกเหล่านั้นได้ช่วยกันสร้างภาพชีวิตของมนัส ให้โลดแล่นขึ้นเพื่อผู้อ่านทั้งหลายเป็นการอำลาอีกครั้งทีเดียว
อ่าน "อนุสรณ์ มนัส จรรยงค์" เล่มนี้แล้ว ยากที่ใครจะไม่หาอ่านนานาเรื่องสั้นของ มนัส จรรยงค์ อีกหน