เรื่องราวข่าวสารวรรณกรรม
สมาคมผู้จัดพิมพ์เดินหน้าแผนกระตุ้นการอ่าน
สมาคมผู้จัดพิมพ์เดินหน้าแผนกระตุ้นการอ่าน
สมาคมผู้จัดพิมพ์ฯเดินหน้ากระตุ้นพฤติกรรมการบริโภคหนังสือของคนไทย "ริสรวล อร่ามเจริญ" นายกสมาคมคนใหม่วางเป้าหมายผลักดันให้ทุก 365 วันเป็น HAPPY DAY ไม่ต้องตั้งตารอซื้อในงานมหกรรมหนังสือเพียงอย่างเดียว พร้อมผนึกกำลังหน่วยงานรัฐ-เอกชนอย่างใกล้ชิดหวังช่วยสร้างสำนักพิมพ์กำหนดทิศทางผลิตหนังสือให้สอดรับกับความต้องการของตลาด มั่นใจปีนี้ธุรกิจรวมยังโตได้เป็นตัวเลข 2 หลัก
นางริสรวล อร่ามเจริญ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงเป้าหมายหลักของสมาคมในยุคนี้ว่า จะเดินนโยบายเชิงรุกในการผลักดันให้คนไทยมีปริมาณการบริโภคหนังสือในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ตลาดธุรกิจหนังสือของประเทศไทยมีอัตราการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายว่าอยากทำให้ทั้ง 365 วันให้เป็น HAPPY DAY สำหรับธุรกิจหนังสือ กล่าวคือ ผู้บริโภคสามารถหาซื้อหนังสือดี มีคุณภาพ ได้ทุกๆ วัน ไม่ใช่รอซื้อหนังสือในช่วงเทศกาลหนังสือ หรืองานสัปดาห์หนังสือเท่านั้น
ขณะที่สำนักพิมพ์เองก็ควรที่จะต้องผลิตหนังสือดี มีคุณภาพออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่มองเพียงแค่ผลิตหนังสือใหม่ๆ ออกมาในช่วงเทศกาลหรืองานมหกรรมหนังสือต่างๆ เหมือนที่ผ่านมา เพื่อให้กลุ่มคนอ่านเดินเข้าหาหนังสือได้ทุกวัน ที่สำคัญต้องสร้างดีมานด์ให้เกิดขึ้นในตลาดทุกวันให้ได้ ขณะที่ในฟากสำนักพิมพ์ซึ่งเป็นผู้ผลิตเองก็ต้องมีแผนที่จะสร้างตลาดใหม่ๆ และหาลูกค้าใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในทุกๆ วันด้วยเช่นกัน
โดยในแผนดังกล่าวนี้ สมาคมจะโฟกัสและให้น้ำหนักกับกลุ่มเด็กและเยาวชนก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่อยู่ในวัยเรียนรู้และปลูกฝังได้ง่าย ซึ่งที่ผ่านมาทางสมาคมได้ร่วมมือกับหน่วยงานหลักถึง 25 องค์กรและสำนักงานส่งเสริมสุขภาพ (สสส.) ผลักดันโครงการต่างๆ เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทยรักการอ่านมากขึ้น และในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ทางสมาคมยังได้เตรียมจัดงานเทศกาลหนังสือเด็กและเยาวชนเพื่อเป็นการกระตุ้นการอ่านอีกระลอกหนึ่ง ทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นอีกโครงการหนึ่งที่จะทำให้สมาคมบรรลุวัตถุประสงค์ได้เร็วขึ้น
ขณะเดียวกันยังมีแผนที่จะขยายยุทธศาสตร์หลักๆ อีก 4 ประการ คือ วางแผนยุทธศาสตร์ในการกระจายหนังสือให้เข้าถึงมือเด็กและเยาวชน รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ง่ายขึ้น ทำความเข้าใจถึงเนื้อหาสาระของหนังสือให้ดีขึ้น ส่งเสริมให้มีหนังสือดีมีคุณภาพออกจำหน่ายในสัดส่วนที่ มากขึ้น และปกป้องเด็กและเยาวชนออกจากสิ่งที่เป็นภัย
"ตอนนี้เราทำแผนหลักที่จะเดินและทำเอกสารเสนอให้เป็นวาระแห่งชาติไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าทุกกระทรวง ทบวง กรม ควรทำอย่างไรเพื่อตอบโจทย์ตรงนี้บ้าง เช่น ทุกหน่วยงานควรมีห้องสมุด หรือออกกำหนดว่าหน่วยงานที่มีจำนวนคนเกินกว่ากี่คนที่ควรจะมีห้องสมุด ซึ่งเราจะเสนอแผนในช่วงงานเทศกาลหนังสือเด็กนี้ เพื่อเป็นการปรับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีองค์ความรู้มากขึ้น" นางริสรวลกล่าว
นอกจากนี้ สมาคมยังจะให้ความสำคัญกับการหาพันธมิตรทั้งหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนเข้ามาร่วมทำการตลาด เพื่อช่วยกันวิเคราะห์ตลาดว่าหนังสือแนวไหนที่ยังขาดตลาดอยู่ หรือหนังสือแนวไหนที่มีแนวโน้มว่าจะขยายตัวได้ถึงในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำพันธมิตรที่จะมาช่วยกันกระตุ้นการอ่านให้แน่นยิ่งขึ้น อาทิ การทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงศึกษาธิการ เป็นต้น เพื่อให้สำนักพิมพ์สามารถผลิตหนังสือที่สอดรับกับความต้องการของกลุ่มคนอ่านในแต่ละกลุ่มได้อย่างแท้จริง และผู้อ่านสามารถนำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับภาพรวมของธุรกิจหนังสือในปีนี้นั้น นางริสรวลกล่าวว่า แม้ว่าด้วยภาวะทางเศรษฐกิจจะไม่เอื้อนัก แต่คาดว่าน่าจะมีอัตราการขยายตัวได้เป็นตัวเลข 2 หลักได้ เพราะเชื่อว่าด้วยสถานการณ์ทางการเมืองที่คลี่คลายไปบ้างน่าจะทำให้คนไทยมีอารมณ์ในการจับจ่ายมากกว่าในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ทั้งนี้ จะพบว่าในรอบหลายปีที่ผ่านมายอดจำหน่ายหนังสือมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับปริมาณร้านหนังสือที่มีจำนวนสาขามากขึ้นเช่นกัน