Party หนังสือ
ทรัพย์สิน…ดินดาน… ใครกัน? คือเจ้าของ
"ย่าบอกว่า เรารู้ได้ไม่ยากว่าใครเป็นคนตาย…เมื่อเขามองผู้หญิง เขาไม่เห็นอะไรนอกจากคิดสกปรก… เมื่อมองต้นไม้ เขาไม่เห็นอะไรนอกจากไม้ซุงและผลกำไร มิใช่ความงาม ย่าบอกว่า พวกนี้แหละคือคนตายที่ยังเดินอยู่ทั่วๆ ไป"
ผมไม่ได้คุยกับย่าของผมนานแล้ว และข้อความดังกล่าวก็ไม่ใช่คำพูดจากย่าของผม หากแต่เป็นบทสรุปหนึ่งจากวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง "ลิตเติ้ลทรี" ของ ฟอร์เรสต์ คาเตอร์ วรรณกรรมที่เล่าขานชะตากรรมของชนเผ่าเชโรกี ซึ่งถูกรุกรานโดยคนขาวที่มีวิธีคิด "อัตนิยม" หรือ "ความถูกต้องมีเพียงหนึ่งเดียว และตัดสินคนอื่นที่แตกต่างไปจากตนว่า เลวร้าย โง่งม นอกรีต" ฉะนั้นจงเชื่อฟังและเดินตามอย่างเซื่องๆ แล้วท่านจะเจริญเหมือนพวกเราเอง
ผมมองภาพความขัดแย้งทางด้านความคิดของสังคมบ้านเราในปัจจุบัน แล้วให้รู้สึกสงสารตนเองและเพื่อนร่วมชาติ เรากำลังทะเลาะกันเอง เรากำลังจุดไฟเผาบ้านตนเอง เรากำลังกัดกินเรือนร่างของตนเอง ทั้งโดยพวกที่รู้เท่าและไม่รู้เท่าถึงการณ์
หรือเรากำลังคิดว่า "เราเดินถูกทางแล้ว" หรือเราคิดว่า "เราต้องเร่งรีบกอบโกยผลประโยชน์ให้มากที่สุด" หรือว่า "เราต้องรีบเร่งกวาดกินทุกอย่างที่อยู่บนโลกใบนี้ให้หมดไปในชนรุ่นเรา" หรือเราคิดว่า "ทรัพย์ที่อยู่ในดิน สินที่อยู่ในน้ำ" เป็นสมบัติของชนรุ่นเราเท่านั้น จึงคิดสูบเอา…สูบเอา…ให้เกลี้ยง หรือคนบางกลุ่มสุมเสี้ยมเขาให้เราชนกันด้วยหวังผลประโยชน์จากการกอบโกยผลกำไรมหาศาล หรือ "เราควรคิดร่วมกันให้มากกว่านี้ จะไม่ดีกว่าหรือ?"
หากเรามองว่าการกัดกินธรรมชาติ หาใช่การกัดกินร่างตนเองแล้วไซร้ นับว่าเป็นการแบ่งแยกมนุษย์ออกจากองค์ประกอบของโลกเลยทีเดียว หากคิดว่าวิถีชีวิตแห่งเมือง แยกเป็นอิสระจากธรรมชาติ ก็นับว่าเราเข้าใจผิดเสียแล้ว หากวิถีชีวิตที่เราดำรงอยู่ในแต่ละวัน เราแทบจะไม่เคยเหยียบย่ำลงบนผืนดิน อยู่ในบ้านที่ไม่มีดินแม้แต่เม็ดเดียว เดินออกจากบ้านก็ไม่เคยก้าวย่างออกจากแนวถนน นั่งทำงานอยู่บนตึกที่สร้างบนฐานคอนกรีต เลิกงานเดินช็อปปิ้งในห้างที่เย็นฉ่ำ วันทั้งวันเราแทบไม่เคยแตะต้องผืนดิน ไม่เคยเห็นคุณค่าของผืนดิน แล้วเราคิดว่าชีวิตเราไม่ผูกพันอยู่กับผืนดินแล้วไซร้ เราคงเมินเฉยนั่งมองผู้อื่นทำลายล้างโลกใบนี้ เพราะไม่คิดว่านั่นเป็นการทำร้ายตัวเราเอง
ผมไม่อยากตายไปบนเสียงแช่งด่าของลูกหลานที่สาปแช่งโคตรเหง้าของตนเองว่า "เป็นผู้ทำลายล้างโลกใบนี้"
ชีวิตนี้ช่างแสนสั้นยิ่งนัก!!!
ผมคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความคิดของคนทั้งโลกใบนี้ แต่จงรำลึกไว้สักนิดเถิดว่า “สาระสำคัญของชีวิต มิใช่ ตัวกูเพียงผู้เดียว” หากถึงวันที่มนุษยชาติจะสูญสลาย ผมคงดีใจยิ่งนักที่การสูญสิ้นนั้นมิได้เกิดจากน้ำมือของมนุษย์ด้วยกันเอง.