เรื่องสั้น
ห้อง
... ผมฝันถึงห้องนั้นบ่อยครั้งขึ้น จากเดือนละไม่กี่คืน เป็นอาทิตย์ละคืน จนตอนนี้ ผมเฝ้าฝันถึงห้องนั้นแทบทุกคืน ยกเว้นเพียงคืนเดียวที่มิอาจฝันถึง ก็คืนที่ผมเมามายไม่ได้สติ หลับสนิทเกินกว่าจะฝันถึงสิ่งใด
ห้องนั้นเป็นห้องขนาดเล็ก เหมาะจะพักเพียงลำพังหรือสองคน ไม่เกินนั้น และทุกคืนที่ฝันถึงจะมีเพียงผมและเธอเท่านั้นที่อยู่ในห้อง ภายในห้อง, ผมไม่อาจมองเห็นสิ่งใดมากนัก เป็นเพราะความมืดของห้อง สิ่งที่พอจำได้ลาง ๆ ก็จะมีตู้ไม้เล็ก ๆ ที่วางอยู่ข้างเตียงซ้ายมือ ซึ่งเธอบอกผมในภายหลังว่าเป็นตู้เก็บรองเท้าของเธอ และที่ปลายเตียงก็จะเป็นชั้นไม้สำหรับวางหนังสือชั้นไม้นี้ผมมีที่ห้องเหมือนของเธอ และในชั้นก็เต็มไปด้วยหนังสือเหมือนกัน
เนื่องจากทุกครั้งที่ผมอยู่ในห้อง จะมีเพียงความมืดที่โอบคลุมอยู่ แต่ยังมีแสงสีส้มจางจากไฟหัวเตียงที่คอยเบ่งแสงต่อสู้ความมืดอยู่อย่างเงียบ ๆ และแสงสีส้มนี่เองที่ตราติดอยู่ในห้วงสำนึกของผมแม้ยามตื่น เป็นภาพที่ติดตาและติดตามผมไปตลอดหลังจากนั้น
ภาพห้องที่ฉาบไปด้วยแสงสีส้มจาง และ เธอ ผู้นอนเอกเขนกอยู่บนเตียง
ผมพบตัวเองนอนหงายอยู่บนเตียงมีเธอนอนเคียงข้างอยู่ไม่ห่างนัก เป็นเช่นนี้เสมอ, ทุกคืนที่ผมฝันถึง เมื่อผมเข้าสู่ห้วงแห่งฝัน ภายในห้องนั้นจะมีเพียงเราสองคน ผมกับเธอ และแสงสีส้มจาง เราจะนอนคุยกันเรื่อยเปื่อย ไม่อาจจับใจความสำคัญได้ว่าในแต่ละคืนเราพูดคุยถึงเรื่องใดบ้าง รู้เพียงแต่บทสนทนาเป็นไปอย่างเรียบง่ายและผ่อนคลาย ผมสุขใจทุกครั้งเมื่อยามลืมตาตื่นขึ้นมา แต่ละคืนที่ผ่านไป ปราศจากกิจกรรมอื่นใดระหว่างเรา มีเพียงการพูดคุย ไม่มีแม้กระทั่งการสัมผัสตัว แต่ผมกลับรู้สึกได้ทุกขณะถึงไออุ่นจากตัวเธอ แม้กระทั่งยามตื่นขึ้นมา, ผมยังสัมผัสได้ถึงไออุ่นของเธอรอบกายผม หลังจากบทสนทนาแต่ละคราวจบลง ผมและเธอจะค่อย ๆ ปิดตาลง และหลับใหลไปในที่สุด เป็นการหลับอยู่ในความฝันเมื่อลืมตาตื่นมาอีกที ผมก็จะกลับมาสู่โลกแห่งความจริง
ตั้งแต่ผมเริ่มฝันถึงห้องและเธอคนนั้น ชีวิตช่วงที่มีแสงสว่าง ซึ่งเป็นชีวิตจริงๆ ของผม ผ่านไปด้วยเวลาอันรวดเร็วในความรู้สึกของผมเอง ทั้งที่เวลา, ก็ทำหน้าที่ของมันเองอย่างเคร่งครัดและยุติธรรมสำหรับทุกคน แต่กับผม, ราวกับผมถือไม้เรียวคอยเฆี่ยนตีเวลาให้วิ่งโดยเร็วเพื่อให้การมาเยือนของค่ำคืนเร็วขึ้นในแต่ละวัน ผมใช้เวลาในช่วงที่เต็มไปด้วยแสงสว่างอย่างเปล่าดาย ปล่อยเวลาไหลเอื่อยผ่านตัวอย่างฟุ่มเฟือย งานหลักในช่วงกลางวันของผมก็คือการหาเลี้ยงชีพจากการเปิดแผงขายหนังสือมือสอง พอเป็นแผงของตัวเอง ผมพอใจจะขายวันไหนก็ขาย จะหยุดวันไหนก็หยุดได้ตามใจตัวเองเป็นหลัก แต่ก็ไม่มีวันไหนที่ผมหยุด จะมีก็เพียงแต่เปิดแล้วปิดเร็วเท่านั้น ผมไม่สนใจแม้กระทั่งปริมาณลูกค้าที่จะมาอุดหนุน ใจจดจ่อเพียงแค่แสงของวันเท่านั้น เมื่อแสงใกล้หมดผมจะรู้สึกมีชีวิตชีวา ราวกับวงจรชีวิตเพิ่งจะเริ่มต้นตอนนั้นเอง ตอนที่แสงสว่างเหล่านั้นค่อย ๆ จางแสงลง
แต่คืนนี้กลับไม่เหมือนทุกคืน ผมรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่าง ว่าคืนนี้จะไม่เหมือนเช่นทุกคืนที่ผ่านมา เข็มนาฬิกาสั้นและยาวทาบทับกันพอดีที่เลขสิบสองในช่วงกลางคืน แต่ผมยังนอนลืมตาอยู่บนเตียงไม่อาจข่มตาให้หลับเช่นทุกคืนได้ ผมกระวนกระวายที่ไม่อาจหลับ เพราะเมื่อไม่อาจข่มตาหลับก็ไม่สามารถเข้าสู่ห้วงฝันของตัวเองได้ และเธอผู้นั้น, ผู้ที่อยู่ในฝัน จะยังคงรอคอยการไปถึงของผมอยู่หรือเปล่า
และแล้วผมก็ตื่นขึ้นมาในห้องเดิมห้องนั้นอีกครั้ง แสงสีส้มจางยังเบ่งแสงแข่งแข่งความมืดอยู่เหมือนเช่นเคย แต่ไม่, ไม่มีเธอผู้นั้นอยู่ในห้องเหมือนเช่นทุกคืน คืนนี้เธอหายไป หรือว่าลางสังหรณ์ของผมจะเป็นเรื่องนี้ ผมนอนพลิกตัว กระสับกระส่ายไปมาอยู่บนเตียงของเธอเหมือนก่อนที่ผมจะหลับใหล
... สุดท้ายผมพบสมุดบันทึกปกแดงของเธอเปิดวางอยู่หัวเตียง มีข้อความกำกับอยู่กลางหน้ากระดาษสองหน้าคู่
“ฉันไม่อาจอยู่รอพบคุณได้ คุณมาผิดเวลาในคืนนี้ และฉันตัดสินใจแล้วที่จะไปพบใครคนนึง แต่ขอคุณอย่าเป็นกังวลกับสิ่งนี้เลย เมื่อคุณตื่นขึ้นในเช้าวันใหม่ คุณอาจจะลืมฉัน และห้องของฉันไปแล้วก็เป็นได้ ฉันปรารถนารู้มาตลอดว่าการเดินเคียงข้างและจับมือคุณในโลกความจริงจะเป็นเช่นไร และฉันสามารถยืนยันกับคุณอีกครั้งว่า ฉันก็ยังคงปรารถนาในสิ่งนั้นอยู่เช่นเดิม”
ผมวางสมุดบันทึกเล่มนั้นไว้ที่เดิม พยายามข่มตาให้หลับในฝัน เพื่อที่จะตื่นขึ้นในโลกแห่งความจริง ระหว่างนั้นผมคิดไปต่าง ๆ นานา ว่าคืนนี้เธอไปในที่แห่งใด ไปพบใคร และก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ ว่าทำไมถึงไม่มาให้ตรงเวลาเหมือนทุกครั้ง แต่ก็เท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างอาจถูกกำหนดไว้แล้วก็เป็นได้ กำหนดให้ผมได้พบเจอเธอในฝันและกำหนดให้มีการลาจากเกิดขึ้น และที่สุดก็จะกำหนดให้ผมต้องตัดสินใจ
เมื่อตื่นขึ้นในโลกจริง ผมตัดสินใจแทบจะทันทีที่ตื่น ผมตัดสินใจที่จะกลับไปตามหาเธอ และเฝ้ารอเธอในฝันอีกครั้งเพียงแต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องเพราะผมตัดสินใจที่จะไม่ตื่นขึ้นมาในโลกจริงอีก
~ ผมหลงรักเธอ หลงรักห้องของเธอ หลงรักความฝันของตัวเองที่มีแต่เธอ ทั้งที่เธอและห้องนั้นอาจเป็นแค่เพียงจินตนาการที่ผมปรุงแต่ง ปั้นเสกมันขึ้นมา แต่ผมก็ตัดสินใจแล้ว ตัดสินใจที่จะลาจากความจริง ไปสู่ความฝันอันสงบนิ่งไม่เปลี่ยนรูป ~
... อย่างน้อยผมก็ยังมีโอกาสได้อยู่กับเธอตลอดไป แม้เพียงในฝันหรือจินตนาการของผมเองก็ตาม …