นานาทัศนะ

อาลัยกนกพงษ์ 2

by 1 @April,23 2006 10.29 ( IP : 58...75 ) | Tags : นานาทัศนะ

ตัวหนอนบนกองหนังสือ

ขอไว้อาลัยแด่...กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เจ้าของแมวแห่งบูเก๊ะกรือแซะ : ปุถุชน & ปีศาจสุรา

สัมผัสแห่งภาษาที่จารึกในกาลเวลา

เขา ผู้มาเยือนยังโลก
เพื่อจารึกชื่อบนผิวน้ำ
ฝากรอยเท้าบนผืนทราย
เดินฝ่าหุบเขาฝนโปรยไพร
ใต้ร่มเงาแห่งความตาย

เขา ผู้เป็นแรงบันดาลใจ
เพื่อความรักนิรันดร์
เพื่อสันติภาพสุกสกาว
ใต้ดวงดาวแพรววาว

เขา ผู้มีเรื่องราวเล่าขาน
เป็นตำนาน...
คือผู้ฉีกกระชาก
และตีแผ่...
ความสวยงามและความโหดร้าย
ของวิถีแห่งกาลเวลา

เขา ผู้มาจากกาลเวลา
และลาจากไป...ในกาลเวลา
เสียงหัวเราะและหยดน้ำตา
ที่เขาทิ้งร่องรอยเอาไว้
จะสถิตในดวงใจ
ของจิตวิญญาณ
อันพิสุทธิ์
นิรันดร...
สัมผัสแห่งสุนทรีย์ที่จารึกเอาไว้ในภาษาของเขา
เป็นเสมือนเงาอันสว่างไสวแห่งจิตวิญญาณ
ที่ผลิบานอยู่ในอนันตกาล
เนิ่นนานเช่นที่ผ่านมา
ยาวนานเช่นที่กำลังจะผ่านไป

ความเป็นอมตะผนึกเข้าเป็นหนึ่งเดียวในอ้อมกอดของเขา
เป็นความกึกก้องกัมปนาทในความเงียบ
ทว่าเป็นพลานุภาพในความสงบนิ่ง
ที่จะยังคงเคลื่อนไหว
ภายใต้กระแสธารแห่งความเปลี่ยนแปลง
แห่งกาลเวลาอันปราศจากจุดจบ
ตลอดไป
......................

ชายผู้อยู่ในหุบเขา


ตรงริมรั้วบ้านไม้โบราณ เขาโปรยหว่านเมล็ดฟักไว้ แล้วหันหลังให้ ไปนั่งถักปลอกหมอนกับหญิงสาว ความรื่นรมย์ผลิงอกเป็นเรื่องราว ในหุบเขา

วันเวลาของโลก ปลอกหมอนสงบนิ่งบนเตียงไม้ คล้ายยังถักไม่เสร็จ นอกหน้าต่างออกไป ทอดใบเลาะรั้วคือเถาฟัก โลกเหมือนจำหลักอยู่ในความนิ่งงัน แล้วทวนถามความฝันของเขา

คำตอบใดเล่า วิถีทางของเขาได้ตั้งคำถาม ต่อเส้นด้ายที่กำลังกลายเป็นปลอกหมอน หรือผลฟักอ่อนที่รอวันเก็บเกี่ยว ความโดดเดี่ยวของบทสนทนา ดั่งว่าเป็นคำตอบเดียวกัน

ในหุบเขา ท่ามเงาแสงแห่งดวงตะวัน เขายังคงอยู่ที่นั่น เหมือนเส้นด้ายที่กำลังกลายเป็นปลอกหมอน และผลฟักอ่อนที่รอวันเก็บเกี่ยว คือสิ่งเดียว กลางหัวใจเปลี่ยวเศร้าของผู้คน.

อภิชาติ จันทร์แดง ......................... * อาลัยการจากไปของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ / 15 กุมภาพันธ์ 2549

ขอโทษทีพี่ชาย ตอนมีชีวิต ไม่เคยคิดจะไปเยี่ยมเยือน แค่รับรู้ข่าวสารตามหน้าหนังสือก็พอใจ แต่ทำไมพอเธอจากไป ใครๆก็ต่างพากันไปห้อมล้อม ทั้งที่ตัวเธอไม่รู้สึกรู้สา นอนสงบนิ่งอยู่ในโลงสี่เหลี่ยม ไม่ใช่แต่คนอื่นหรอก ตัวฉันเองทันทีที่ได้รับข่าวร้าย
ภาพของเธอก็วนเวียนอยู่ในหัว สลัดอย่างไรก็ไม่ออก พี่ชาย... ขอโทษที่ไม่ได้ติดต่อ ขอโทษที่อ่านผลงานแล้วได้แต่คิดถึง แต่ไม่เคยเขียนจดหมายไปหา พี่ชาย... ขอโทษที่ทิ้งให้พี่ไปอยู่อย่างโดดเดี่ยว แม้พี่จะจากไปอย่างไม่โดดเดี่ยว แต่พี่ทิ้งพวกเราเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว โดยไม่มีพี่ชาย..ที่น่ารักอย่างนี้อีกแล้ว

สุมาลี โพธิ์พยัคฆ์ .............................

หุบเขาฝนโปรยไพร-ฝนไม่โปรย ใบไม้เคยโบกโบย ลมโชยผ่าน เงียบนิ่ง ประหนึ่งหลับอยู่นับนาน กิ่งก้านน้อมค้อมลา - คารวาลัย… ………………. ชั่วขณะที่ทราบข่าวพี่หนก-กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เสียชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะหยุดนิ่งลงเบื้องหน้าด้วยอาลัย ที่หุบเขาฝนโปรยไพรหรือภายในหัวใจผมก็คงเฉกเช่นเดียวกัน ไม่ว่าพี่จะจากไปแผ่นดินอื่นหรือผืนดินใด พี่ยังคงเป็นนักเขียนในดวงใจ ที่คอยเติมเชื้อไฟความคิดฝันของผม ตั้งแต่บาทก้าวแรกของการอ่าน ยาวนานตลอดมา และจะตลอดไป...

นพดล ปรางค์ทอง ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ /๑๑.๔๕ น. ...................................

ข้าง ๆ ฉัน มูหัมหมัดฮาริส กาเหย็ม

คอยอ่านงานของฉัน.. นะพี่ชาย
จบประโยคสุดท้ายจะให้พี่ รบกวนช่วยตรวจทานด้านเลวดี ถากถางเสียดสีจะน้อมฟัง

ฉันเชื่อว่า.. พี่ยังอยู่ข้างฉัน
คอยแต่งแสงหมื่นพันปลุกไฟหวัง ชี้หนุ่มสาวสู่เช้าอันจีรัง
โลกพินพังอย่างไรไม่สิ้นเช้า!.

............................
ตกเต็มแคว้นแผ่นดินอื่นท่วมผืนใจ
ทิ้งหุบเขาฝนโปรยไพรไปสู่ฟ้า

ในหุบเขาเงางามต้อยตามฝัน
ฝนโปรยไพรไหวสั่นฝันกลั่นถ้อย
ทิวฟ้าครามขุนเขาเฝ้ารอคอย
เมฆอารมณ์บ่มถ้อยฝนปรอยไพร

กนกพงศ์ กระหนกพง แต่งพงพฤกษ์
ร้อยรู้สึกลึกล้ำเมฆฉ่ำไหล
ไหลอารมณ์บ่มเรื่องอยู่เรืองไร
เขียนหัวใจไหลเนื่องยิ่งเรืองรอง

ป่าน้ำค้างค้างชุ่มทุกลุ่มลาด
ข้ามสายธารสะพานขาดเกินปัดป้อง
ปลิดชีพคนใบเลี้ยงเดี่ยวลงเหี่ยวกอง
ปล่อยโลกของซัลมานร้าวรานใจ

กลั่นชีวิตจิตวิญญาณธารอักษร
คืนสัญจรซ่อนเมฆวิเวกไหล
ตกเต็มแคว้นแผ่นดินอื่นท่วมผืนใจ
ทิ้งหุบเขาฝนโปรยไพรไปสู่ฟ้า

โชคชัย บัณฑิต'
........................ ปากกากนกพงศ์

น้ำตามาตกเหย้า ที่หุบเขาฝนโปรยไพร กลางควันอันอวลกระไอ "โลกใบเล็กของซัลมาน" มาอยู่มายงยุค มายงยามเป็นตำนาน ให้เห็นหัวใจหาญ แห่งผู้คนบนแผ่นดิน ดูดั่ง "แผ่นดินอื่น" แท้ดินเดียวในธรณิน คือชนอันชาชิน ยังหยัดอยู่สู้พาลา ขุนน้ำทะเลใต้ แลขุนไพรแห่งภาษา ขุนภูเหยียบเมฆา จักโปรยปราณหว่านภูพง ตื่นแล้วในโลกนี้ แลโลกหน้าอย่างทระนง ฝากนามสำคัญคง "กนกพงศ์ สงสมพันธุ์" หุบเขาฝนโปรยไพร โปรยดอกไม้มาลาวรรณ บานอยู่คู่กัปกัลป์ กับปากกา "กนกพงศ์"

*เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
.....................

อาลัยกนกพงศ์

รับรู้ข่าวร้ายไม่รู้จบ กี่ร้อยพันศพ...ศึกแดนใต้ เรือนหมื่นคลื่นกวาดอนาถใจ ทิ้งรอยหม่นไหม้อันดามัน แล้วมาข่าวร้ายรายล่าสุด จบชีวิตปิดสมุดหยุดเขียนฝัน เพื่อนเรา "กนกพงศ์ สงสมพันธุ์" ฉับพลันจากพรากยากทำใจ ไร้เงาเหงาโค้งควนขนุน พิกุลร่วงบนพื้นป่าใหญ่ วรรณกรรมบทอำลา...สุดอาลัย ฝากผลงานคนใต้ให้แผ่นดิน

*จิระนันท์ พิตรปรีชา .........................

...แม้ชีพสิ้น ลาลับ ไม่กลับแล้ว ชื่อที่แพร้ว ผ่องงาม นามนี้ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ จำให้ดี คนพัทลุง บ้านที่ ควนขนุน

...สุดท้าย ปลายฟ้า ที่จ้าเจิด รับไปเถิด วิญญาญหนึ่ง ซึ่งสร้างสรร ดูโลกมา 40 ปี หรือนานวัน จึงสร้างสรร วิญญาญเขา จากเราไป เสียงร้องให้ ฮือฮือ กระพือปีก นกบินหลีก สู่ทิวป่า มันน่าเศร้า จงดำรง ชีวิต ต่อไปเรา เขาไปสู่ สุขคติแล้ว กนกพงศ์

โดยคุณ: ดวง
......................

รำลึก กนกพงศ์

ยืนตรง เคารพศพ กนกพงศ์ ความตาย ยังเที่ยงตรง เสมอหน้า ชายผู้เดิน ไปก่อน สู่ป่าช้า “ดุจตะวันอันเจิดจ้า” ได้ลับลง “โลกใบเล็กของซัลมาน” อันเติบกว้าง ฝั่งทะเล อันเคว้งคว้าง ยังเหลือหลง “สะพานขาด” พลันสิ้น จิตจำนง ลมบ้านนอก โชยส่ง กลิ่นสาปไพร “ชวย หัวควน” ชวนคงรู้และซาบซึ้ง
และรู้ถึง ตัวตน คนปักษ์ใต้ “แผ่นดินอื่น” จึงยืนยัน กวีไท
ลมหายใจแห่งเรื่องสั้น “กลุ่มนาคร” “แมวแห่งบูเก๊ะกรือซอ” หลับแล้ว พักผ่อนเถิด กวีแก้ว กล่อมเปลหมอน
ลม หุบเขาฝนโปรยไพร ได้หลับนอน ลาก่อน กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ในเครื่องหมาย “…” คือ ส่วนหนึ่งของผลงานกนกพงศ์ แด่การจากไปของพี่ชายแห่งเรื่องสั้น

ภราดร-ติภาพ
14 กุมภาพันธ์ 2549
ตีนดอยสุเทพ เจียงใหม่ ..............................

บทกวี
จากหุบเขาฝนโปรยไพร : โลกนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ยังยิ่งใหญ่แม้จักไปอยู่ในแผ่นดินอื่น
ฤดูกาลแห่งความรักยังมิทันมาเยือน
ความเศร้าแสนล้านความเศร้า ก็ผุดพรายพลิกพลิ้วกับอาณาจักรลี้ลับในใจเรา
ท่ามตรู่เช้าคายคละเศร้า
ข้ามไกล ยังแผ่นดินอื่น
โมงยามแห่งชีวิตการงานแห่งชีวิตลอยคว้างไหนเกินคว้าไขว่
ต่างร่วม สายถนนสายใดสายหนึ่งซึ่งไร้ชื่อเพรียก
ดินแดนซึ่งเหนือกรอบห้วงฝันหวานจักจินตนาการได้
อัศจรรย์แสนมหัศจรรย์ ลี้ลับแสนเร้นลับ
ฤดูกาลแห่งความรักยังมิทันมาเยือน
รวงน้ำตา ก็รวมหน่วยข่าวคราวเหว่ว้าแสนเหว่ว้า
บั้นสะพานแห่งชีวิตพรูพรายคล้ายควันสูบยา
ในเดือนกุมภา ในเดือนกุมภา
ที่เรามิได้เอื้อนคำรักซึ่งกันและกัน
ใบหน้าสุดท้าย คล้ายมีเท่านี้
ผิวผ่านมาพักเพียงกะพริบตาแล้วโบยบินไปห่างไกล
ทิ้งไว้เพียงฉากอ้างว้าง กับบางวิญญาณแห่งการงานชีวิตทั้งหมดทั้งปวง
ฤดูกาลแห่งความรักยังมิทันมาเยือน
เสียงระฆังความเศร้า ส่งเสียงเพรียกหวาดไหวสั่นไหว
บทเพลงแห่งหุบเขาฝนโปรยไพรแผ่วจางลงแล้ว
กนกพงศ์ สงสมพันธุ์จากไปแล้ว
ดวงไฟในหุบเขาหับดาลค่อยแต้มแตะไต่เงียบ
ปลดทุกชีพ เปลื้องทุกเปลือกผิวร่างวางสู่ว่าง
ฤดูกาลแห่งความรักยังมิทันมาเยือน
ความตายก็พรากเธอไปไกล คงไว้เพียงรักที่ฉุดเธอขึ้นผลิบานในใจเราตลอดกาลนิรันดร์

ธวัชชัย ทนทาน .......................

"ถ้อยคำและน้ำตาในเดือนกุมภาพันธ์"

  • ข่าวคราวหลายระลอก บอกเช่นนั้น ชีวิตช่างแสนสั้น ช่าง ! แสนเศร้า เราพบรักทักถามในยามเช้า พอแดดสายร่ายเงา เราร้าวราน

  • ข่าวคราวหลายระลอก บอกเช่นนั้น อาจชีวิตคือสวรรค์อันแสนหวาน เราอาจเพริดเตลิดไปในผลิบาน จนหลงลืมอีกด้านการร่วงโรย

  • ข่าวคราวหลายระลอก บอกเช่นนั้น คลื่นกระชั้นผ่านแล้วย่อมแผ่วโผย ชีวิตผ่านกาลเวลาย่อมล้าโรย อาจล้าโดยชราวัย อาจไม่ชรา

  • ข่าวคราวหลายระลอก บอกเช่นนั้น แม้ว่าฉัน แม้ว่าเธอไม่เพ้อหา ความตายไร้สุ้มเสียง เพียงพริบตา ! พรากเธอ-ฉันไม่ทันลา เหลืออาลัย

  • ชีวิตช่างแสนสั้น ใช่ ! แสนเศร้า เราสูญเสียยามเช้าไปเท่าไหร่ ข่าวคราวหลายระลอกบอกความนัย ว่าเราควรหายใจเช่นใดดี ?

  • ข่าวคราวหลายระลอก บอกเราเช่นนั้น

ศิริวร แก้วกาญจน์ เขียนขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2549
หลังรับรู้ข่าวคราวการจากไปของนักเขียนหนุ่ม กนกพงศ์ สงสมพันธุ์
......................................

ไว้อาลัย กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ นักเขียนซีไรต์
แด่…เพื่อชีวิตคนสุดท้าย*

นักฝันนั่งฝันริมขอบฟ้า นักสู้ปรารถนายิ่งกว่าฝัน เพื่อชีวิตเพื่อคนทุกชนชั้น ขอบฟ้ามิเคยกั้นทุกชั้นชน

โลกหมุนรอบตัวเอง… บรรเลงเพลงชีวิตอย่างเข้มข้น กนกพงศ์ คนเข้มคนเต็มคน เข็นเคี่ยวตนคนคม สงสมพันธุ์

“โลกใบเล็กของซัลมาน” ทุนนิยมรุกรานอยู่เต็มขั้น ข่มขู่คุกคามตามตามกัน เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเขมือบกลืน

สะพานขาด…แล้ว เพื่อนแก้ววรรณกรรมกลั้นเต็มตื้น ผู้มาก่อนไปลับไม่กลับคืน ผู้รับไม้ต่อยื่นยืนหยัดยง.

*กนกพงศ์เคยกล่าวว่า เขาเป็นนักเขียนเพื่อชีวิตคนสุดท้ายแห่งยุคสมัย

อชันตะ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙
จากคุณ : อฃันตะ
..............................

คิดถึงคืนวันจันทร์กระจ่าง

ยังฟังพี่เล่านิทานใต้แสงจันทร์ ข้างลำธารแห่งความฝัน-เขาโปรยไพร เสียงหัวเราะครึกครื้นกลิ่นฟืนไฟ กาน้ำชาแขวนขอนไม้-วงนิทาน คืนยังแจ่มจันทร์กระจ่างคนสร่างเมา คืนไม่เหงาคืนคนเขียนกวีหวาน คือคืนหนึ่งคืนนั้นคืนตำนาน ที่พบพานน้ำมิตรวรรณกรรม แต่คืนนี้กาลนี้กลับเงียบเหงา มีแต่เรื่องแห่งความเศร้าไม่น่าขำ จันทร์กระจ่างฟืนยังสุมความทรงจำ กี่ร้อยคำไม่อาจเปล่งออกบอกใคร พี่จากไปเหมือนจันทร์ในคืนหม่น ลำธารเงียบแม้ฟ้าฝนสะอื้นไห้ ฟืนมอดดับกาน้ำชาร้างลาไกล เขาโปรยไพรคืนนี้ไม่มีเงา

ด้วยความอาลัยยิ่ง วศิณพรหม สุราษฎร์ ...............................

ฟ้าหม่นเหนือหุบเขาฝนโปรยไพร

๐ฟ้าหม่น ฝนพรำ เสียงร่ำไห้ หุบเขา ฝนโปรยไพร โศกสะอื้น ขุนเขา พรหมคีรี ชี้หยัดยืน กนกพงศ์ มิกลับคืน สู่หุบไพร ๐หุบเขา ในฝัน กับวันเก่า เรื่องสั้น สะท้อนเงา ทั้งดีไพร่ บทกวี เสียงเพลง เคล้ากลิ่นไอ หุบเขา ฝนโปรยไพร รอรับเธอ ๐พักเถอะ กนกพงศ์ ตรงหุบนี้ ขุนเขา พรหมคีรี ต้อนรับเสมอ ธารสวย น้ำใส เคยพบเจอ สวรรค์ของเธอ ยังรอรับ เธอกลับคืน.

คนเมืองคอน ..........................

บทกวีอาลัย กนกพงศ์ สงสมพันธ์ โดย - วัฒนา ธรรมกูร

สู่แผ่นดินนิรันดร

สิ้นดับ...แผ่นดินอื่น วันและคืนแว่วครวญคร่ำ คนแกร่งวรรณกรรม กนกพงศ์ สงสมพันธ์

ลดธงลงครึ่งเสา นิ่งและเนาเศร้าโศกศัลย์ นาคร คนสำคัญ จักนิรันดร์ในใจเรา

ตระหนักแผ่นดินนี้ แผ่นดินที่พลีรากเหง้า ฟ้าฟ้อนมิผ่อนเพลา เพียงชีวิตโหยอาวรณ์ฯ


“คารวาลัยแด่...กนกพงศ์ สงสมพันธ์” เมืองหลวง ณ วันแห่งความรัก ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ ............................

ชายหนุ่มของสี่สิบปี

๑. เป็นนักใช้ชีวิตของแผ่นดิน เป็นนักเขียนพื้นถิ่นโลกยินเสียง เป็นนักคิดจริงใจในสำเนียง เป็นนิยามอย่างเยี่ยงคนยืนยัน ๒. คือคนหนุ่มของยุคสมัย คือผู้เดินทางไปตามใจฝัน คือผู้มอบวิญญาณ์ท้าตะวัน คือผู้หมายสร้างสรรค์อย่างมั่นใจ ๓. สี่สิบปีผ่านไปไม่สูญเปล่า สี่สิบปีของเขาคือยิ่งใหญ่ สี่สิบปีจึงดูสั้นลงทันใด สี่สิบปี-ทำไม,ผ่านไปเร็วฯ

มาโนช นิสรา...๑๗ ก.พ. ๔๙
ด้วยความอาลัย สำหรับการจากไปของคนหนุ่ม "กนกพงศ์ สงสมพันธุ์" นักเขียนผู้เป็นความหวัง .........................

เรื่องสุดท้ายที่เขาเขียน

ดุจตะวันอันเจิดจ้ามาปรากฏ ฉายชีวิตทุก(ข์)รสเต็มสดสี สะพานรุ้งพุ่งพาดชาติกวี สะพานขาดก็บัดนี้มีปีกบิน ในตำนานใต้ปีกซีกโลกเก่า มีเรื่องเล่าถึงบางชื่อระบือถิ่น เล่าเรื่องเขาที่เคยเล่าให้เรายิน เรื่องแผ่นดินที่กลบเงาเขาหายไป เชื่อหรือไม่ –เกิดที่ไหนของที่นั่น! “แผ่นดินอื่น” แม้สวรรค์ก็หาใช่ ที่ “บ้านเกิด” บ้านเก่าความเข้าใจ มีพ่อแม่อาลัยเมื่อลูกมา ชาติกวีชาตินักเขียนชาติเรียนรู้ จรรโลงสู่เรื่องใหม่ในชาติหน้า กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ กลั่นวิญญา เพื่อเขียนเรื่องอนัตตาเรื่องสุดท้าย...

ด้วยอาลัยยิ่ง ภู ........................... อาทิตย์นี้ผ่านไปเชื่องช้าและยาวนาน มองปฎิทินอีกครั้ง... เวลาเดินทางมาถึงแล้วหรือ

อักษรบนหนังสือคือพลังเงียบ เสียงนั้นทำให้เราผูกพันกัน แม้รู้จักผ่านความเงียบ แต่ความเงียบในตัวหนังสือนั้นยิ่งใหญ่เกินบรรยาย

ขอให้ดวงวิญญาณเดินทางสู่แดนถิ่นสุขสงบ ด้วยจิตคาระวะ

นิวัต พุทธประสาท 18 กุมภาพันธ์ 2549 ..........................

ความจริงที่เป็นไป *

ชีวิต ก่อกำเนิดเกิดร่าง คือไม้ใหญ่ต่างเติบโตเต็มต้น ค้นค่าหาค่าท้าทุกข์ทน ผ่านหม่นกร้านแรงแสวงมา

เพื่อยืนหยัดทะนงองอาจ มิระย่อมุ่งมาดปรารถนา
ณ เชิงเขา ริมภู สู่สายตา ของปวงป่าน้ำค้างพร่างเม็ดพราว

ชีวิตดุจตะวันอันเจิดจ้าปรารถนาสู่โลกและห้วงหาว งานทุกถ้อยร้อยอักษรเด่นสกาว ผ่านผ่าวชีวิตวิญญาณอันอุดม

เมื่อความตาย บั่นทอนวิญญาณ
ดั่งสะพานขาดสะบั้น ไห้ห่ม
ดั่งฝันละเมอ เพ้อผ่านซ่านตรม บ่มไว้ในใจถวิล รินคำจาร

ให้เรื่องเล่าของคนรุ่นอื่น พลิกฟื้น ทอดต่อทอประสาน จิตสู่แผ่นดินอื่นที่พบพาน คือตำนาน...ความจริงที่เป็นไป.

วิกมล ดำด้วงโรม

หมายเหตุ : * กวีบทแรกของกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ตีพิมพ์ใน “สยามใหม่” ปี 2523 ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวพี่กนกพงศ์ พร้อมทั้งอุรุดาเพื่อนรัก ..........................

ขนานชื่อคือ “คนดีของซีไรต์” คือนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ที่มุ่งมั่น ยึดสร้างอุดมการณ์วรรณกรรม ตอกย้ำความเป็น “นักเขียนเพื่อชีวิต”

ก่อกำเนิด “ดุจตะวันอันเจิดจ้า” บทกวี “ป่าน้ำค้าง” พร่างในจิต “สะพานขาด” ประดับช่อฯก่อสัมฤทธิ์ ทั้งพิชิตช่อฯสองจาก “โลกฯซัลมาน”

“คนใบเลี้ยงเดี่ยว” เคี่ยวกรำย้ำรากเหง้า “แมวแห่งบูเก๊ะฯ” ทอดเงาชนกล่าวขาน “แผ่นดินอื่น” เตือนใจให้จดจาร
ถึงวันวารกับปัญหาชายแดนใต้

ล่าสุด “โลกหมุนรอบตัวเอง” บรรเลงหมุน เพื่อเกื้อหนุนคนรุ่นใหม่ได้ศึกษา “ชายหนุ่มแห่งหุบเขาฝนโปรยไพร” ใช่จากลา ฝากผลงานตรึงตราไว้.....ชั่วนิรันดร์

ถ้อยคำรำลึกจากวรรณชนรุ่นหลัง กฤติศิลป์ ศักดิ์ศิริ ...........................

วันพระ-กนกพงศ์

วันพระใหญ่วันพี่หลับ ล่วงลาลับภาระสิ้น แผ่นดินอื่นอีกแผ่นดิน รอบินโบยโดยเสรี,

วันวารอ่านป่าน้ำค้าง นักแรมทางทอดก่อศรี ผมพึมพำบทกวี ของผู้พี่กนกพงศ์,

เสวนาแผ่นดินอื่น พี่หยิบยื่นกระดาษส่ง ด้วยดินสอเขียนบรรจง กนกพงศ์ลงลายเซ็น,

ได้ตรวจคำสะพานขาด เกินที่คาดคำล้ำเห็น โลกใบเล็กซัลมานเป็น อีกหนึ่งเน้นน่าศรัทธา,

เมื่อวานนี้รีบตรวจคำ จะพิมพ์ซ้ำกวีสง่า บรรจงแก้ที่ผิดตา แต่ยังล่าช้าเกินการณ์,

วันพระใหญ่ให้พี่หลับ เมื่อพี่ดับสิ้นสังขาร ชื่อจักก้องเกียรติกังวาล เป็นตำนานคนแผ่นดินฯ

ธีรทรรศน์ ๑๔ กุมภ์ ๔๙ ...................

เช้าวันหนึ่ง
เช่นทุก ๆ เช้า... เราตื่นขึ้นมาในความเที่ยงตรงของดวงอาทิตย์ ร่องรอยยับย่นยังฝังอยู่บนใบหน้า ผ่านไปแล้วอีกคืน.... หยิบยื่นมาแล้วอีกวัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์-จันทร์ เป็นเช้าของวันจันทร์ ที่ใครก็ไม่อยากให้ผันผ่านมาถึง

เช่นทุกเช้า... นอกเหนือข่าวเศร้า ๆ
ของใครสักคนในหน้าหนังสือพิมพ์

เช้าของวันนี้... ข่าวแสนเศร้าของคนบางคน ท้นแน่นอยู่ในอก
สะทกเทือนจนน้ำนัยน์ตาพร่าไหว

เช้าวันนี้... เราตื่นขึ้นมา ขณะที่ เขา-หลับฝันถึงความดีนิรันดร์

เช้านี้... เราตื่นมา เพื่อพบว่า... เขา -ได้ลาจากพวกเราไปแล้ว จริง ๆ

นี้... เป็นยามเช้า ของกลางคืน ที่จะสุกสว่างด้วยจันทร์เพ็ง.

นพดล ปรางค์ทอง ด้วยจิตคารวะและอาลัย เมื่อได้ทราบข่าวพี่หนก-กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เสียชีวิต มาฆปุรณมี วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ มหานคร
..................................

13 กุมภา
เวียนเทียนอยู่บนยอดเขารอบพระธาตุจอมภูสี ที่นั่นมองเห็นดาวตก... แต่ที่นั่นไม่มีข่าวคราวของอีกดาวหนึ่ง...

เรื่องราวเศร้าๆ ของเดือนกุมภา กลับมา, จึงทราบข่าว...

....ใจหาย.....

"มีคนจากเราไปคนหนึ่งก็เท่ากับมีใครให้เราคิดถึงเพิ่มขึ้นมาอีกคน"

ขอร่วมไว้อาลัยค่ะ ดาริกามณี ....................

แค่ได้ข่าวคนเขียนหนังสือที่ไม่รู้จักกันเสียชีวิต ก็เศร้ามากพอแล้ว แต่นี่เป็นข่าวของกนกพงศ์
น้องที่น่ารักที่สุดคนหนึ่ง จึงเป็นเรื่องเศร้าที่สุดซึ้ง จากที่เขียนจดหมายคุยกันนาน ๆ ครั้ง ปี 40
เขาไปนอนค้างที่บ้านเขาชะเมา ปี 45 ผมไปนอนที่บ้านหุบเขาฝนโปรยไพรของเขาพร้อมด้วย
ไพวรินทร์ จำลอง ขจรฤทธ์ และเสรี ปี 46 กนกพงศ์เขียนจดหมายชวนไปเดินป่าเขาหลวง ด้วยกัน 2 คืนที่บ้านในหุบเขาฝนโปรยไพร 3 วัน 3 คืน ในป่าเขาหลวงที่เจอทั้งฝนหนัก
ทั้งน้ำป่า และทากมหาโหด เป็นอะไรที่ผูกพันกันไปชั่วชีวิต
ปลายมกราที่ผ่านมา กนกพงศ์ส่งหนังสือมาให้ บอกว่าอ่านเสร็จแล้ววิจารณ์ให้ฟังด้วย
แล้วจะชวนไปเดินป่าเขาหลวงอีกด้านหนึ่ง 2 กุมภาฯ ผมตอบจดหมายไปว่าอ่านเรื่องสั้นแล้วด้วย ความประทับใจสุด ๆ กำลังรอวันเดินป่าด้วยกัน แต่ อนิจจา วันนั้นกลับมาไม่ถึง ขอให้ไปดีเถอะน้องรัก สักวันคงได้ไปเดินป่าด้วยกันอีก ในป่าใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก

จากพี่ชายคนหนึ่ง ( วัธนา บุญยัง ) ........................

. 1
จักมุ่งหน้าฝ่าไปที่ใดหนอ
สู่สายรุ้งทอดทอแสงสว่าง
หรือดุ่มด้นโดยโดดเดี่ยวเที่ยวอ้างว้าง
สู่ขอบฟ้าไกลกว้างอย่างเดียวดาย

มีสิ่งใดพกไว้ในย่ามบ้าง
สำภาระจัดวางได้อย่างหมาย?
หรือหนักอึ้งอกแอ่นอันตราย
หรือปล่อยวาง ณ ผืนทรายปลายขอบฟ้า

สำเร็จบ้างหรือไม่ในใจหวัง
หรือค้างคั่งดังเฝ้ารอขอภพหน้า
กิจแสนงามกรรมแสนดีที่ทำมา
คุ้มหรือไม่ในค่าราคาคน
2
เธอด้นทางดั้นทุ่งมุงจากโลก
สานเปลโศกโยกไกวในสายฝน
กุมภาพันธ์พลันสะท้านวิญญาณคน
ฝากน้ำตาท่วมท้นฝนโปรยไพร

แผ่นดินชื้นฝนพลันร่ำไห้
หมอกขาวอวลไอขึ้นตลบเช้าแห่งกุมภาพันธ์
แว่วข่าวคราวจากสายลมแห่งป่าโรยฝน
ดอกจานแห่งอีสานร้อนแล้งพลันร่วงพรู
ชีปะขาวกรูกระจายขึ้นพรายฟ้า
ร่วมร่ำอำลาดวงดาวแห่งเขาหลวงอันล่วงลับ

ขอไว้อาลัยแสงดาวแห่งวรรณภากาศผู้ล่วงลับ
หทัยสินธุ ......................

ฝากฟ้ามาร่วมอาลัย "กนกพงศ์"

ฝากเรื่องราววรรณกรรมนำแนวคิด ฟ้าลิขิตคมแสงแรงสร้างสรรค์ มาเติมโลกแต่หล้า-ค่าชีวัน ร่วมแบ่งปันความสุขปลุกมวลชน อาลัย "กนกพงศ" ผู้เปี่ยมศักดิ์ นักเขียนที่ทำงานหสักมาแต่ต้น "ซีไรต์" ประกาศไกลในสากล "แผ่นดินอื่น" ประจักษ์บน...แผ่นดินไทย

"กอนกูย" ......................

พายุน้ำค้างกลางฤดูฝัน


เหน็บหนาวในเช้านั้น ครั้งเธอฝันถึงอุ่นอวล ปวงป่ายังแปรปรวน แผ่นดินเปื้อนยังป่วยเหงา

เรือนโลกใบเล็กเล็ก กับวัยเด็กอันอ่อนเยาว์ พลังฝันที่บางเบา ก็เติบกล้าขึ้นท้าทาย

สู้ศึกบนกระดาษ ด้วยเห็นธาตุอธรรมกราย โชนแสงธรรมาฉาย สว่างวาบซึมซาบเห็น

พายุป่าน้ำค้าง กระพือพร่างกระหน่ำเย็น สะบั้นฝันนิรันดร์เป็น ตำนานนาม " กนกพงศ์ "

"กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ " ดวงดอกฝันแม้ปลดปลง เมล็ดพันธุ์แห่งวรรณวงศ์ จักสืบทอดตลอดไป

ภาษาจิตวิญญาณ คือศิลป์สานสร้างภายใน เชื่อมร้อยใจต่อใจ เป็นโซ่ขยายยาว

สู่สุคติภพ ณ จุดจบบนดวงดาว หลับเถิดทั้งร้อนหนาว เป็นสุขเถิด " กนกพงศ์ "

ด้วยรักและอาลัยน้องชาย จาก... พี่เสฯ 14 กุมภาพันธุ์ 2549

Comment #1
ผู้ก่อเกิดจากกนกพงษ์
Posted @October,21 2008 17.24 ip : 124...208

ถ้าเป็นไปได้อยากบอกกับเขาว่าเขาคือผู้ให้ชีวิตฉัน

แสดงความคิดเห็น

« 6310
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ