เรื่องสั้น
เรื่อง สนุกนิ์นึก
เรื่อง สนุกนิ์นึก
วันหนึ่งมีพระสงฆ์หนุ่ม ๔ รูป นั่งสนทนากันอยู่คั่นบันได น่าพระอุโบสถวัดบวรนิเวศน์ ก่อนเวลาลงพระอุโบสถ พอเด็กมาบอกกับพระองค์ ๑ ว่า คุณแม่อินกลับมาแล้ว พระองค์นั้นตอบว่า เออ แล้วเด็กก็ไป
พระองค์ ๑ จึ่งถามว่า คุณสมบุญจะสึกเมื่อไร กำหนดแล้วฤายัง
พระสมบุญจึ่งตอบว่า ยัง ไม่แน่คอยโยมอินอยู่ พรุ่งนี้จะไปปฤกษาแกดูจึ่งจะตกลงได้ ก็คุณล่ะจะออกวันสิบสองค่ำนี้แน่ฤๅ สึกแล้วจะไปเข้าที่ไหน ทำอะไรบอกกันบ้างสินะ ผมเองนี่ยังลังเลที่สุด ไม่รู้ว่าเข้าที่ไหน
พระเข็มจึงตอบว่า คุณ ก็เหมือนกันและไปไหนไม่พ้นหละ อีก ๖ วัน ก็แต่งตัวแห่เสด็จฟ้อไปเมื่อวานซืนนี้อีก ผมก็ต้องขอสัญยามั่งน่ะเผื่อถูกดีไก่ฎีกาเข้าบ้าง และเป็นที่พึ่งบ้างนาขอรับ คุณเหลงอย่างไร ยิ้มไปทีเดียวกริ่มใจที่ได้เปรียบเพื่อน มะรืนนี้ละก็ ฮึฮึ อย่านะขอรับ เขาว่าถ้าใจยังไม่ขาดละยังเป็นปาราชิกได้นะขอรับ คุณพระครูท่านว่าอย่างนั้น จริง ๆ นะ
พระเหลงจึ่งว่า พูด อะไรอย่างนั้นผมนะเหลาสิตหลอก ว่าแต่คุณอีกจะลืมกัน ทำไมกับผมคนค้าขายมันก็ได้แค่พอกิน มีแต่ผมจะพึ่งคุณ เปนถ้อยรอยความสาละพัด เอาภามาเลามาสบถกันเสียต่อหน้าพระก็ยังเอา ยังไรท่านเข็ม คนสมบุญว่าอย่างไรละ ฮะ เอา แหมละ
สบถไม่สบถมันก็เหมือนกัน คนที่มีใจซื่อถือสัตย์ด้วยกัน รักกันแล้วมันไม่ต้องสบถดอก (นี่ เปนคำพระสมบุญแลพูดต่อไปว่า) ที่จริงการรักกัน ชอบกันช่วยกันนี้เป็นประโยชน์มากเหมือนกับเกลียวเหนียวกว่าด้ายเส้น เรารู้จักเห็นใจกันทั้งนั้น ถ้าสึกหาออกไป ภายน่ามีทุกข์ศุขอย่างไร พอช่วยกันได้ต้องช่วยกันทั้ง ๔ คนเรานี้หละนะขอรับ
ดี ดี เอา เอา พร้อมกันว่า
พอถึงเวลาลงโบถ ก็พากันไปสวดในพระอุโบสถ คำพูดที่เล่ามาข้างต้นนี้ ผู้อ่านคงเข้าใจว่า พระสงฆ์ทั้ง ๔ คนนี้ จะสึกพรรษาเดียวพร้อมกัน แสดงเข้าใจกันว่าพระทรัพย์เปนคนอยู่ในกรมพระตำรวจ พระเข็มเปนเสมียนความ พระเหลงเปนลูกจีน แต่พระสมบุญนั้นได้ความแต่ว่าอาไศรยแม่อิน แต่ไม่รู้ว่าเปนคนอย่างไร เพราะฉะนั้นต้องอธิบายกันน้อยหนึ่ง พระสมบุญนี้เป็นบุตรคนมีตระกูลแต่ตกยาก ด้วยติดมากับมารดาซึ่งต้องออกมาจากตระกูล แต่พระสมบุญยังเล็ก ๆ อยู่ มาบวชเณรอยู่วัด มารดาตายไปก็เปนคนสิ้นญาติที่อุปถัมภ์ แต่ญาติฝ่ายบิดานั้นไม่รู้จัก ฤๅเขาทำไม่รู้จัก
แม่อินเปนหญิงม่ายที่มั่งมีมาก เปนอุบาสิกาอยู่ในวัด มีความรักความประพฤติและสติปัญญาพระสมบุญจึงรับอุปฐากมาจนได้อุปสมบท แม่อินมีบุตรสาวคนหนึ่งชื่อแม่จันอายุได้ 16 ปี แม่อินจึงคิดอ่านในการที่พระสมบุญจะสึก และจะรับไว้ที่บ้าน ความเปนดังนี้
ส่วนพระสมบุญ มีความรู้สึกตัวแต่ว่าเขารักเหมือนลูกเหมือนเต้า ใจก็ยังลังเลไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไร อยากเปนคนดี คนวิเสศ มียศ มีทรัพย์ มีชื่อ ที่สุดก็เพียงเสมอน่าพี่น้องที่ชั้นเดียวกัน แต่ทำอย่างไรถึงจะได้อย่างนั้น นั่นแหละเปนความยากที่หนักที่ติดตัว ก็ตัวคนเดียวทุนรอนและที่สนับสนุนก็ไม่มีหลักถานอันใด และแม่อินก็เปนแต่มีทรัพย์ มีทรัพย์อย่างเดียวไม่มีอื่น ถึงเขาจะรักอย่างไร ก็ใครเล่าเปนอย่างพระสมบุญ ที่มุ่งหมายว่าเขาจะทุ่มเทให้สักเพียงใด เพราะอย่างนั้นจึงไม่อยากสึก ด้วยเหนแท้แน่แก่ใจว่า ผ้ากาษาวพัตรเปนที่พึ่งของคนยาก ถึงไม่ทำให้ดีก็ไม่ทำให้ฉิบหายไม่ดิ้นขวนขวาย แล้วไม่มีทุกข์ เปนที่พักที่ตั้งตัวของผู้แรกจะตั้งตัวดังนี้ แต่แม่อินก็มาพูดจาชักชวนอยากจะให้สึกไม่อาจขัด ประการหนึ่งพวกพ้องเพื่อนฝูงก็จะสึกไปหมดพร้อมกัน นั่นแหละความดูตาม ๆ กัน มันก็แรงกล้าพาให้สึกกับเขาบ้างตามนิไสยของคนหนุ่ม ๆ ครั้นพูดไปกันเมื่อหัวค่ำกลับมานอนนึก ๆ ก็รำคาล ด้วยไม่รู้สึกไปทำไม ใคร ๆ เขาก็มีที่หมายทางเดิร แต่ตัวคนเดียวไม่มีที่มุ่งหมายแห่งช่องใดช่องทางที่จะทำนั้นก็มีถมไป แต่ทำอย่างไรถึงจะดี ๆ ยิ่งกว่าทางอื่น นั้นแลเปนเครื่องรำคาลใจอย่างยิ่งด้วย ด้วยเปนสิ่งจะได้เสียโดยเรวอยู่แล้วก็นอนตรองอยู่
พระเข็มมาหา พระสมบุญก็ยกเอาปั้นน้ำชาหมากพลูมาตั้งแล้วก็ชวนพูดด้วยความร้อนใจว่า คุณ ๆ บัดนี้ผมมีความทุกข์หนัก ด้วยเรื่องราวของผมเปนอย่างไรคุณก็รู้อยู่แล้ว เดี๋ยวนี้ผมจะสึกออกไป คนอย่างผมนี้จะทำอย่างไรอะไรจึงจะดีเปนที่ตั้งตัวสืบไป
พระเข็มจึงว่า ฮา คุณถามความที่ง่ายใคร ๆ ก็ตอบคุณได้ทุกคน แต่เปนข้อความที่คุณจะฟังเอาเปนแน่ไม่ได้สักคน คุณถามไปร้อยคนก็ร้อยอย่าง ผมรู้ที่จะตักเตือนอย่างไร ถ้าจะตอบให้เปนประโยชน์จริงแก่คุณ ๆ ก็ว่าจะเหมือนกับไม่ตอบอีกนะแหละ
เอาเถิดขอรับ เอาเถิดขอรับ พระสมบุญเตือนและพูดต่อไปว่า ผมไม่ว่าคำเดียวถ้าถูกถ้าจริงแล้วก็ดีเสียกว่าคุณตอบผมสักสามวันอีก
พระเข็มยิ้มแล้วจึ่งตอบว่า ถ้าคุณเห็นดังนั้นละผมจะตอบคำเดียวว่า ตามแต่ใจคุณเท่านั้นและขอรับ
อา พระสมบุญคราง ก็สั้นแท้สั้นจริงและกว้างจริงด้วย ผมอยากจะให้แคบเข้าอีกสักหน่อย ขออีกทีเถอะขอรับ
พระเข็มจึ่งว่า [i]ถ้าอย่างนั้นผมจะกลับคำพูดใหม่ว่า วิชาใด ๆ ย่อมเปนของดีแท้หลายอย่างแต่ความรักของผู้เรียนแลผู้ใช้เปนสำคัญ ถ้ารักจริงเรียนจริงก็ใช้เปนประโยชน์จริงตามคำบุราณว่า คนรู้ ร็ให้จริงถึงสิ่งเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล ความข้อนี้เปนความจริงแท้ ถ้าคุณปรารถนาดีคงได้ดี ผมเห็นอย่างนี้แล แต่เรายังเปนเด็กกันสอนกันยังไม่ได้ เพียรไปด้วยกันก็คงจะได้เห็นหน้ากันต่อไป
พระสมบุญว่า เอาเปนใช้ได้ตามคุณว่า แต่ตัวคุณเอง จะรักวิชาสิ่งใดจะเดินทางไหนละขอรับ พระเข็มตอบว่า อ้าว คำถามของคุณเปนอย่างอื่นไปละ เดิมคุณถามถึงตัวคุณ เดี๋ยวนี้ถามถึงผมผิดกันมาก คุณกับผมคนละคน ผมก็คนละอย่าง ส่วนผมเหนง่ายคือผมเดินทางเรียนกฎหมายอยู่ คุณก็รู้จักแล้วผมไม่เหนว่าวิชาใดจะดีกว่า และผมรักสุดใจจึงจับเรียน
เวลานั้นพอพระทรัพย์และพระเหลงมาถึงเข้าพร้อมกัน เหนพระเข็มพูดจาท่าทางปลาดจึงถามว่า พูดอะไรกัน
พระเข็มก็เล่าให้ฟ้ง
พระทรัพย์ก็ขัดคอขึ้นว่า คุณสมบุญอย่าเชื่อเอาพระเข็มนะ ไม่ได้เรื่องดอก อ้ายวิชากฎหมายนั่นแหละ บ๊ะแขนอย่างนี้เอามือทุบพื้นดังกระเทือนไปทั้งกุฏิ ฮะ แขนอย่างนี้ไปเรียนกฎหมายละไม่มีใครไปทัพละ เรียนอะไรไม่เรียน ๆ หลอกเขากิน ... (เรื่องคงมีต่อไป)
ที่มา ไพรถ เลิศพิริยกมล.วรรณกรรมปัจจุบัน.กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, 2542. อ้างอิงต่อจาก ธวัช ปุณโณทก.แนวทางศึกษาวรรณกรรมไทยปัจจุบัน.กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช, 2527.