เรื่องสั้น
10 บาท หวานสดชื่นดีนะครับ
ชายวัยกลางคน รูปร่างผอมบาง ผิวคล้ำและหยาบกร้าน บ่งบอกได้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน ดวงตาเชื่องซึม ตรงหน้ามีรถเข็นคันเล็กๆ ด้านบนบรรทุกตู้กระจกขนาดกลาง ภายในเต็มไปด้วยขวดน้ำอ้อยนับสิบ รอบๆตู้ด้านในถูกอัดด้วยน้ำแข็งเพื่อเก็บรักษาความสดและความสดชื่นเอาไว้ภายใน บริเวณโดยรอบปกคลุมไปด้วยความความมืด มีเพียงแสงไฟเล็กน้อยที่สาดออกมาจากศาลารอรถของผู้โดยสาร แต่อย่างไรก็ตามบริเวณโดยรอบก็ยังเต็มไปด้วยผู้คนนับสิบที่รอการมาเยือนของรถโดยสารแต่ละสาย ชายวัยกลางคนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม โดยไม่มีวี่แววว่าสิ่งที่อยู่ภายในตู้จะถูกจับจองโดยบุคคลใด
กาลเวลาได้เดินทางมาจนถึงช่วง 2 ทุ่มครึ่งแต่ความเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียยังคงถูกเก็บไว้ภายในจิตใจ เขาเหลือบมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาที่ค่อนข้างขุ่นมัวบนข้อมือของตัวเอง ภายในจิตใจว้าวุ่น หากสิ่งที่วางเรียงอยู่ในตู้ไม่อาจหมดได้ในวันนี้ มันต้องถูกโยนทิ้ง แล้วจำนวนเงินที่เขาทุ่มทุนไปละ มันจะสูญไป พรุ่งนี้เขาจะมีทุนมาขายอีกหรือเปล่านะ ในใจยังกังวลและสับสน
จำนวนผู้คนมากหน้าหลายตาเริ่มลดน้อยลง ความมืดเข้าครอบงำมากขึ้นเรื่อยๆ ความหวังลดน้อยถอยลง แต่ถึงอย่างไรภายในใจก็ยังนึกเสมอว่า ถึงวันนี้จะต้องโยนมันทิ้งชีวิตก็ใช่ว่าจะหมดหวังเสียเมื่อไร พรุ่งนี้แม้ว่าจะเกิดอาเพศเพียงใด ฟ้าก็ต้องสว่างให้เรามองเห็นทางเดินต่อไปแน่นอน เขาลุกขึ้นจากม้านั่งตัวเล็กๆ บิดตัวไปมาเล็กน้อย หันมองรอบ ๆอีกครั้ง บัดนี้ไม่เหลือแม้แต่เงาใครสักคน เหลือบมองนาฬิกาหน้าปัดเก่าๆ อีกครั้ง เวลาล่วงเลยเข้าไป 5 ทุ่มแล้ว เขาเก็บเก้าอี้ตัวเล็กใส่ไว้ข้างล่างตู้น้ำอ้อย เตรียมตัวเข็นรถคันเล็กออกจากสถานนี้แห่งนี้ ในใจคิดว่ายังไงพรุ่งนี้อาจมีคนกระหายและอยากดื่มน้ำอ้อยในตู้กระจกเล็กๆ ของเขาบ้างละ
เขาค่อยๆ เข็นรถไปตามถนน เท้ารีบก้าวไปตามพื้นฟุตบาต ในใจสบถว่า พื้นถนนกรุงเทพนี่ช่างไม่สม่ำเสมอเอาเสียเลย เขาค่อยๆ ประคองรถเข็นไปอย่างช้าๆ ในใจก็ยังมีความหวังว่าระหว่างทางน่าจะมีใครอยากลิ้มลองน้ำอ้อยในตู้สักขวดหนึ่ง และแล้วโอกาสก็ผ่านเข้ามาให้เขาได้ฉกฉวย ชายรูปร่างสูงใหญ่ ผิวพรรณดูดี สะอาดสอ้านตา เหลือบมองขวดน้ำอ้อยในตู้และเลยสายตามองเขา
ขายขวดละเท่าไรครับ ชายคนนั้นเอื้อยถ้อยคำขึ้น
10 บาทครับ หวานสดชื่นดีนะครับ
ถ้างั้นผมเหมาหมดเลยละกันครับ ดึกแล้วลุงน่าจะรีบเข็นกลับซะทีนะครับ แถวนี้อันตรายซะด้วย
ขอบใจมากนะไอ้หนุ่ม
โชคดีนะครับลุง
ตอนนี้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก ไม่น่าเชื่อว่าความหวังเล็กๆ มักจะมาเยือนเสมอเมื่อเขาเกือบจะสิ้นหวัง คนดีมีน้ำใจมักจะหาได้เสมอในสังคมใหญ่ๆแบบนี้ แต่ เอะ ! ทำไมตอนนี้เขารู้สึกง่วงมากขนาดนี้ ตาเจ้ากรรมมันพล่านจะปิดได้ ทั้งที่ยังไม่สมควรจะหลับ แล้วเขาก็หลับไป มารู้สึกตัวอีกที รอบข้างเงียบกริบไร้ผู้คน
เขารู้สึกมึนหัวตึบๆ เหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง ตี 2 เขาหลับไปได้ไงกัน ในเมื่อสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่บ้านของตัวเองแถมยังไม่ใช่สถานที่ที่สมควรมาหลับได้ เขาลุกขึ้นสำรวจร่างกายตัวเอง ทุกอย่างยังอยู่ครบ เว้นเสียแต่ขวดน้ำอ้อยในตู้กระจกที่บัดนี้ได้หายไปจนหมดเกลี้ยง ความทรงจำเขาบอกว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งมาช่วยซื้อจนหมด
ความรู้สึกตอนนี้ยังคงมึนๆอยู่ หัวมันหนักอย่างไรไม่รู้ เขาเริ่มสำรวจอย่างอื่นภายในตัว โดยเฉพาะเงินจำนวนหนึ่งที่เพิ่งขายน้ำอ้อยได้ แต่ตอนนี้มันไม่เหลือแล้ว ไม่เลยแม้แต่เงินที่ขายได้ก่อนหน้านี้ เขาทรุดตัวคงนั่ง ในหัวยังรู้สึกหนักหรือเกิน หัวใจห่อเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว ของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากตา เมื่อกี้เขาเพิ่งพบกับความสุข และเวลาผ่านไปได้ไม่กี่นาที เขาก็ต้องพบกับความเศร้า จิตใจกังวลวุ่นวาย พรุ่งนี้เขาจะเริ่มต้นกับชีวิตอย่างไรกัน เขาจะไปหาทุนที่ไหนมา
ความเงียบเริ่มปกคลุมทั่วบริเวณ มีแต่เสียงรถราที่วิ่งไปมาตามท้องถนน ถึงแม้ว่าตอนนี้เสียงจากภายนอกยังคงไม่ลดลา แต่เสียงภายในหัวใจและรอบบริเวณกลับเงียบสนิทอย่างไม่น่าเชื่อ เขาค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้นจากพื้น พลางสถบกับตัวเองว่า เมืองใหญ่นี่ช่างไม่น่าไว้วางใจเอาเสียเลย แต่อย่างไรก็ตามพรุ่งนี้ฟ้าย่อมสว่างให้เขาเดินขายน้ำอ้อยได้อีกแน่ๆ
เฮ้อ
. เขาถอนหายใจยาว ยกมือขึ้นปาดน้ำตา พรุ่งนี้เดี๋ยวเอาทุนที่สำรองไว้ออกมาใช้ก่อนดีกว่า