เรื่องสั้น
ในคลองอู่ตะเภาเคยมีปลาบึก!
เรื่องสั้น
ในคลองอู่ตะเภาเคยมีปลาบึก!
จู พเนจร
มีคนที่มีโอกาสเห็นตัวเป็นๆมันเพียงห้าหกคน ทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆที่อยู่ริมคลอง เสมือนการเฉลิมฉลองในวาระพิเศษนี้ ด้วยเสียงร้องโห่ฮาที่ดังขึ้น
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
ย่างเข้าเดือนธันวาคมปีนี้ฝนหยุดตกติดๆกันมาสี่ห้าวันแล้ว แต่แม่น้ำในคลองอู่ตะเภากลับขึ้นสูงดูปริ่มตลิ่งมาเงียบๆ น้ำแลดูเขียวใสแปลกตา ทั้งๆที่ในความเป็นจริงนั้นคุณภาพน้ำนับวันแต่ย่ำแย่เสื่อมโทรมไปด้วยความสกปรกโสโครกและมลพิษนานา ถึงขนาดว่าใครหลายๆคนไม่กล้ากินผักบุ้งที่ปลูกลอยอยู่ในคลอง และปูปลาใหญ่น้อยก็มีแต่เหือดหายไปตามกาลเวลา
แล้วในเย็นวันหนึ่งก็มีชาวบ้านพบเห็นปลาบึกตัวโตเท่าท่อนขาน้ำหนักร่วมสิบกิโลกรัม
มีคนที่มีโอกาสเห็นตัวเป็นๆมันเพียงห้าหกคน ทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆที่อยู่ริมคลอง เสมือนการเฉลิมฉลองในวาระพิเศษนี้ ด้วยเสียงร้องโห่ฮาที่ดังขึ้น
ถ้าปลาวาฬ ปลาโลมาหรือปลาพะยูนคือสิ่งที่บอกถึงความอุดมสมบูรณ์และความพิเศษบางอย่างของระบบนิเวศชายฝั่งทะเลน้ำตื้น การพบเห็นปลาบึกก็น่าจะเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงอะไรบางอย่างของระบบนิเวศในแม่น้ำนั้นได้เช่นกัน
ปลาบึกเป็นปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุด เมื่อโตเต็มที่จะร่วมๆร้อยกิโล มีมากในแถบลุ่มแม่น้ำโขง ไม่ค่อยมีปรากฏว่าพบเจอในแหล่งน้ำจืดหรือแม่น้ำอื่นๆมากนัก โดยเฉพาะแม่น้ำในแถบปักษ์ใต้ของเรา
แต่แล้วในเย็นวันหนึ่ง ขณะแดดร่มลมตก ปลาบึกขนาดเท่าท่อนขาผู้ใหญ่น้ำหนักร่วมสิบกิโลตัวหนึ่งก็แหวกว่ายผ่านมาถึงที่นี่
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
ช่วงคุ้งน้ำกว้างและคดโค้งของคลองอู่ตะเภาแผ่ขยายเทออกไปเป็นคล้ายๆบึงขนาดย่อม เป็นช่วงแม่น้ำที่มีลักษณะพิเศษ ฝั่งซึ่งเป็นเมืองที่มีบ้านคนตั้งอยู่เรียงรายนั้นมีคันคูดินสูงกั้นทอดคดโค้งมาตามลำน้ำ ริมๆขอบสันคันคูดินที่ตีโค้งลึกเข้ามานั้นเป็นป่าหญ้าชายน้ำและแปลงผักบุ้งปลูกกำลังทอดยอดขยายเรียงราย ในตอนเย็นย่ำมักมีชาวบ้านแจวเรือมาลอยลำเหวี่ยงแห นั่งตกปลาอยู่เงียบๆ และมีนักตกปลาหลายกลุ่มที่มานั่งตกปลาและดื่มกินกันอยู่ริมขอบคันคูดินจนค่ำคืนดึกดื่น ตรงส่วนที่ลุ่มลาดลงไปเป็นพื้นที่ที่คนปักษ์ใต้เราเรียกว่า โหละคือที่กว้างที่อยู่ริมน้ำริมนาที่มักจะมีลักษณะแฉะน้ำเนื้อที่กว้างประมาณร้อยตารางวา เยื้องออกมาจากป่าหญ้าชายน้ำคอกหมูขี้พร้าพันธุ์ผสมใต้ร่มไม้ใหญ่ต้นหนึ่งถูกขยับขยายขึ้นตามจำนวนลูกๆครอกใหม่ของมัน ใกล้ๆกับร่องผักทิ้งร้างที่มีแนวรั้วลวดหนามเก่าๆล้อมไว้ เยื้องออกไปมีขนำทรงปั้นหยาหลังคาสีเขียวตั้งอยู่ใต้แมกไม้ที่ขึ้นอยู่ระรายริมน้ำ ใกล้ๆกันนั้นมีเนินดินขนาดย่อมเป็นคล้ายๆเกาะร้างยื่นออกไป สามารถย่ำเดินลงไปบนดินแฉะๆได้เมื่อคราวน้ำขอดแห้ง ริมๆฝั่งน้ำอีกฟากฝั่งตรงข้ามมีแมกไม้ชายป่าละเมาะและสวนยางแก่ทิ้งร้างโน้มมาปกคลุมริมฝั่งรกครึ้ม เป็นที่วางลอบวางไซของชาวบ้านละแวกใกล้เคียง
แมกไม้ชายป่า และร่มไม้ชายคลองสองฝั่งในเย็นวันนี้เขียวครึ้ม ยิ่งสะท้อนผืนน้ำให้แลดูเขียวเข้ม ขับเน้นให้แลเห็นความร่มรื่นชื่นเย็น ว่ากันว่ากระแสน้ำและความฉ่ำเย็นนี้เองคือเสียงเพรียกอันลึกล้ำของผู้ที่หวังจะแหวกว่ายสายธารอันมีร่องรอยและความหมายของความรื่นเริงสราญและอุดมสมบูรณ์นั้นปรากฏอยู่
เช่นเดียวกับผู้หยั่งรู้เห็นกาละแห่งการล่าและคอยรอมองเห็นบางสิ่งบางอย่าง
ระหว่างที่ลุ่มโหละกับฝั่งชายป่าย่อมๆตรงข้าม ลำน้ำเริ่มทอดตัวเป็นสายออกไปอีกครั้ง ยอขนาดใหญ่แบบใช้เฟืองหมุนซึ่งมีอยู่ตลอดลำน้ำและมักมีเจ้าของร่วมกันหลายคนที่ชาวบ้านแถบนี้เรียกว่า บาม ขึงข้ามอยู่ระหว่างสองฝั่งทอดลงตรงที่ที่น่าจะเป็นส่วนที่ลึกที่สุดของบริเวณ
ตามปกติในหน้าแล้งน้ำจะถูกดึงขึ้นลอยตัวเหนือน้ำ ทว่าในหน้าฝนเช่นเดือนธันวาคมปีนี้ บามยังถูกยกลอยอยู่หลายวันมาแล้ว ทั้งๆที่มันควรถูกหย่อนลงไป กระทั่งแล้งฝนติดต่อกันมาสี่ห้าวัน บามก็ถูกหย่อนลงไปอีกครั้ง เพราะว่าน้ำในคลองกลับไหลหลากมาเต็มคลอง
ฝนอาจแล้งที่นี่แต่อาจตกหนักที่ทางเหนือน้ำขึ้นไป เมื่อสังเกตเห็นน้ำขึ้นมาก อาจเป็นสองสามวันมาแล้วก็ได้ที่เจ้าของบามแวะมาเทียวไล้เทียวขื่อหมุนเครื่องกลมือชักรอกของบามขึ้นลง
ปลาบึกๆ พี่ผู้ชายคนหนึ่งขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นมาจากที่ลุ่มโหละตอบคำถามแบบกระซิบกระซาบกับผม เมื่อผมถามซ้ำเป็นครั้งที่สอง ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องพูดเหมือนกระซิบเช่นนั้น
ไม่รู้ว่ามันหลงมาจากไหน แกว่าพลางส่ายหน้าเป็นเชิงสนเท่ห์แล้วขี่รถมอเตอร์ไซค์จากไป เห็นว่าเป็นปลาบึกนะ ปลาบึก ผมได้ยินที่เขาบอกแล้วไม่แน่ใจหูตัวเองนัก เดินไปประสาสะกับพี่ผู้ชายอีกคนที่อยู่บ้านฝั่งตรงข้าม ซึ่งกำลังรดน้ำพรวนดินผักหญ้าของเขาอยู่
ปกติมันจะมีไหมในคลองอู่ตะเภาบ้านเรา ผมถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ สำหรับผมแล้วไม่เคยได้ยินได้ฟังว่าปลาบึกจะมี หรือถ้าจะเคยมี ก็คงเมื่อครั้งอดีตที่ลุ่มน้ำแห่งนี้เคยอุดมสมบูรณ์เท่านั้น
มีนะ คงเป็นปลาที่เขาเอามาปล่อย เวลามีงานหรือเทศกาลอะไรนั่นแหละ พี่ผู้ชายตอบ อ๋อ หรืออาจเป็นพวกหน่วยงานราชการ อบต.อะไรเอามาปล่อยไว้ใช่ไหมครับ ผมพอจะนึกภาพออก และคลายสงสัยลงว่าปลาบึกที่ว่ามันจะมาถึงบ้านเราได้อย่างไร ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงมาก แต่ที่ชวนแปลกใจยิ่งกว่าก็คือการค้นพบปลาบึก ซ้ำตัวโตขนาดนั้นทำไมไม่เป็นเรื่องที่ควรจะเป็นเรื่องตื่นตะลึง เป็นที่กล่าขาน หน่วยงานราชการอะไรต่างๆควรจะได้รับรู้ และควรจะเป็นรายงานข่าวพิเศษอะไรทางสื่อต่างๆด้วยซ้ำไป
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
เคยได้ฟังคนเฒ่าคนแก่แถบนี้เล่าให้ฟังเมื่อครั้งได้มีโอกาสล่องเรือพาคณะนักเรียนล่องคลองทัศนะศึกษาเมื่อไม่นานมานี้ว่าแต่ก่อนไม่นานนมนักสมัยที่เขายังเป็นเด็ก สองฝั่งฟากล้วนอุดมไปด้วยป่าดึกดำบรรพ์ ในคลองมีปลาบางชนิดขนาดใหญ่เกือบเท่าคน มีจระเข้ชุกชุมคอยจับลิงที่พลัดตกน้ำกินเป็นอาหารอยู่ประจำ ชาวบ้านก็ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการหาปูหาปลาและใช้เป็นเส้นทางคมนาคมไปมาหาสู่กัน ครั้นเมื่อทรัพยากรธรรมชาติถูกรุกล้ำทำลายอย่างรวดเร็ว ด้วยเทคโนโลยี อุตสาหกรรมและการพัฒนา แม่น้ำลำคลองเริ่มมีมลพิษ วิถีชีวิตของชุมชนสองฝั่งคลองก็แปรเปลี่ยนไป
ในวันนี้การได้ปลาตัวใหญ่ๆหน่อยถือว่าเป็นสิ่งที่น่ายินดี สำหรับชาวบ้านริมคลองที่พายเรือหาปลา ดักลอบดักไซไปตามประสา เขาอาจมองเห็นความอุดมสมบูรณ์ขึ้นของสัตว์น้ำตามธรรมชาติ วันหนึ่งข้างหน้าเมื่อได้ปลาตัวใหญ่ที่สุดอาจเป็นปลาชนิดใดชนิดหนึ่งที่หายากอันเป็นการบ่งบอกว่าในแม่น้ำคลองนั้นยังมีปลาเหล่านี้อยู่ แม่น้ำลำคลองนี้คือของเขา และปลาชนิดนั้นคือตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำลำคลอง ปลาตัวแรกที่ได้แหวกว่ายกลับลงไปในสายธารก็จะได้ดำรงวิถีชีวิตของมันได้ต่อไป ปลาตัวเดียวกันนั้นเองที่จะถูกแล่เนื้อเถือหนังและค่อยๆสูญพันธุ์หายไปจากแม่น้ำลำคลองในที่สุดเช่นกัน
เสียงโห่ร้องฮือฮาที่ดังขึ้น เป็นที่รับรู้ของผู้ได้ยินว่าข้างล่างนั่นคงมีอะไรพิเศษๆสังสันท์กันตามประสาเหมือนวันหยุดหรือวันพิเศษต่างๆที่ชาวบ้านหรือคนละแวกใกล้เคียงมาปิ้งย่างปูปลาที่หากันมาได้ วันนี้อาจจะได้ปลาตัวใหญ่สักตัวหนึ่งหรืออะไรสักอย่าง ข่าวคราวคงแพร่กระจายไปยังพรรคพวก มีมอเตอร์ไซค์สองสามคันขับแวะเวียนกันมา ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ผมก็ได้เห็นได้ยินอยู่เป็นปกติ เมื่อผมลองเดินเลียบๆเคียงๆไปยืนดูอยู่บนฝั่ง ยืนคุยกับพี่ผู้ชายข้างบ้าน เมื่อพี่ผู้ชายคนเดิมขี่มอเตอร์ไซค์กลับขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับลูกชายและภรรยาของเขา
ได้ปลาตัวใหญ่กันนะครับวันนี้ ได้ปลาอะไรนะครับ พี่ผู้ชายที่อยู่ข้างบ้านเงยหน้าขึ้นมาถามไถ่
ปลาบึกครับ ปลาบึก ตัวใหญ่เป้ง หนักร่วมสิบกิโลแน่ะ แกทำปากบุ้ยบ้าย ก่อนจะค่อยๆเคลื่อนรถมอเตอร์ไซค์จากไป สวนกับมอเตอร์ไซค์ของลุงคนหนึ่งที่หันมาผินมองข้างตาแล้วขับหวือลงไปข้างล่าง
เขาคงได้ข่าวการพบเห็นปลาบึกในคลองอู่ตะเภากันนั่นเอง
พี่ผู้ชายร่างบึกบึนคนหนึ่งเดินโขยกเขยกจูงวัวเข้าคอกไปมาอยู่สองสามรอบ พึมพำและตะโกนพูดคุยอะไรสักอย่างกับเด็กคนหนึ่ง พักใหญ่ๆมีชายสามคนนั่งอยู่ในเรือยนตร์สมัยใหม่ลำหนึ่ง คล้ายๆของหน่วยงานอะไรสักแห่ง วิ่งทวนกระแสน้ำมาเนิบๆ ขณะแดดค่อยๆราแสงลง ดูเหมือนว่าฝนจะมาหรือเป็นเพราะค่ำครึ้มลงแล้วนะ ผมยืนอยู่ริมรั้วบนคันคูดินมองลงไปข้างล่าง
มันอาจเป็นปลาบึกตัวเดียวที่หลงเหลืออยู่ ผมไม่แน่ใจว่าปลาบึกที่คลองอู่ตะเภาแห่งนี้จะเหมือนหรือต่างกับปลาบึกที่ลุ่มน้ำโขงอย่างไรบ้าง
ปลาบึกที่นี่มันมีหางท่อนนึงแปลกออกไปจากปลาอื่นๆที่เคยพบเห็นทั่วไป หางของมันแกว่งไปแกว่งมาอยู่ในถุงพลาสติกของพี่ผู้ชายที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปเมื่อตะกี๊ ทว่าครีบของมันกลับส่ายไหวๆอย่างเป็นอิสระอยู่กับลำตัวขาวนวล เนื้อในสีแดงเถือก เกลือกกลิ้ง วางเรียงเป็นท่อนๆอยู่บนโต๊ะ เสียดายที่ไม่เห็นส่วนหัวของมัน ไม่แน่ใจว่ามันหลับตาพริ้มหรือเบิกตาโพลงอยู่ข้างหน้าของพี่ผู้ชายตัวอ้วนท้วมคนนั้นที่เอียงคอหนีบโทรศัพท์มือถือคุยอะไรสักอย่างหนึ่งอยู่พลาง ขณะมือเงื้อมไปจับอะไรสักอย่างหนึ่งตรงหน้าและมือหนึ่งกำลังวาดมีดไปมาอยู่บนโต๊ะเก่าๆตัวนั้น
รู้สึกว่าตาตัวเองจะฝาดๆไป ผมมองเห็นไม่ค่อยชัดนักว่าปลาบึกที่ยากจะพบเห็นกันโดยทั่วไปนั้นรูปร่างหน้าตาจะเป็นอย่างเช่นที่ว่านี่หรือเปล่า ก่อนจะหันหลังเดินจากมาเงียบๆ...ผมได้ยินเหมือนกับว่าข้างล่างเค้าจะขัดคอกันอยู่ด้วยเรื่องอะไรสักอย่าง.
&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&