เรื่องสั้น

ทวดงู

by Pookun @March,29 2007 07.58 ( IP : 222...210 ) | Tags : เรื่องสั้น

ทวดงู ชาคริต โภชะเรือง

1 คล้ายมันเป็นเช่นนี้มานานแล้ว เออ ทำไมหนอเขาจึงไม่เคยฉุกใจสังเกต  “ทวดงู”ใจสั่นไหวขณะร้องบอกตัวเอง จับตามองดูคลื่นผู้คนที่ยังคงซัดโถมเข้าไปในตลาดเปิดท้าย ซึ่งศูนย์การค้าใหญ่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงจัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง...

ดูเหมือนว่าเมืองกำลังตื่นขึ้นอีกครั้งหลังจากโดนพิษเศรษฐกิจเมื่อครั้งโรคต้มยำกุ้งระบาด เหลือเชื่อทีเดียว เพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น พื้นที่แคบๆเพียงหย่อมมือเดียวของเมืองถูกดัดแปลงให้เป็นตลาด รวมทุกสิ่งอันเป็นที่ต้องการของผู้คนเอาไว้ เหมือนเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ เขมือบดูดกลืนทุกอย่างไว้กับตัว และทุกสิ่งที่นี่ก็โตพรวดๆสวนทางกับสภาพเศรษฐกิจภายนอก  ที่ทั้งโรคซาร์ น้ำท่วม โรงแรมต่างพากันปิดตัวไปนับสิบแห่ง ผู้คนตกงาน เกิดระเบิดกลางเมือง แต่ที่นี่...ทุกอย่างมีแต่เจริญรุ่งเรือง....

เว้นแต่ตัวกูเท่านั้น เขาพลันสะดุดกับความคิดนี้

มีบางสิ่งสะกิดใจ “ทวดงู” ทีละน้อย อันที่จริง เขาควรมีส่วนในความคึกคักมีชีวิตชีวานี้ด้วยมิใช่หรือ? สำนึกเกาะเกี่ยวอยู่กับความปรารถนาเช่นนั้น ไม่...ไม่จริง เขารู้ซึ้งดีว่ามีบางสิ่งได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม “ทวดงู” สะท้านเยือก เวลาทอดยาวออกไปอีก จู่ๆ คล้ายกับว่าเขามองเห็นบางสิ่งและสำนึกใหม่นี้ทำให้เริ่มรู้ตัว ตาสว่างแล้วว่าเขาเป็นส่วนเกินของตลาดที่น่ารังเกียจ

เวลานับเนิ่นทอดยาวออกไปเป็นชั่วโมง  เป็นวัน เป็นเดือน แล้วก็เป็นปี วงล้อที่ไร้ตัวตนแห่งเวลากำลังหมุนวนอยู่รอบๆตัวเขา แล้วในทันใด! แรงเหวี่ยงลึกลับพลันกระชาก “ทวดงู” ให้ตื่นจากภวังค์หลับ  “ทวดงู” พลันรู้สึกใจหายหวิวโหวงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

2 ไม่ได้มีแต่หลังสถานีขนส่งเท่านั้นที่แน่นขนัดไปด้วยร้านค้าแผงลอยและผู้คน ลานจอดรถด้านหน้าและด้านข้างเบียดเสียดแออัดไปด้วยพาหนะหลากชนิด หาที่ว่างไม่ได้แม้แต่ตารางนิ้วเดียว ต่างคนต่างเดินจับจ่ายซื้อหาสินค้ามือสองกันให้วุ่น

ถัดจากลานที่จอดรถ เป็นซุ้มสไลด์เดอร์ยักษ์แล้วก็ร้านขายของชำ ถัดมาเป็นแถวเพิงร้านขายของสารพัดชนิด

ครั้นแล้วเขาก็สะดุ้งสุดตัว เสียงร้องอันไม่เป็นสับปะรดของนักร้องสาวค่ายใหญ่ดังขึ้นสลับกับเสียงเพลงเพื่อชีวิตสำเนียงใต้ของนักร้องค่ายเดียวกัน และโฆษกสนามประกาศเชิญชวนให้เดินเข้ามาลิ้มลองอาหารพื้นบ้านรสชาติเยี่ยม ขณะที่เวทีด้านหน้าใกล้ลานที่จอดรถมีการประกวดลิปซิงค์เลียนแบบนักร้องชื่อดัง เด็กสาวสายเดี่ยวออกมาวาดลวดลายอยู่หน้าเวที เนินทรวงอกขาวผ่องสะท้อนอวดสายตาผู้ชมให้ได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อขา เขาเห็นภาพเหล่านี้ผ่านกล้องวงจรปิด เห็นแม้กระทั่งลมหายใจที่กำลังระบายเข้าออกของค่ำคืน

ลางสังหรณ์แปลกๆเริ่มบอกเหตุ หรือไม่ก็เขาเริ่มตั้งสติได้ หลังจากที่ได้นิ่งนั่งอยู่กับตัวเองอยู่นาน  อาจเป็นเพราะห้องกระจกที่ตกแต่งใหม่นั่นเองทำให้ที่นี่ดูกลายเป็นสิ่งแปลกประหลาด แปลกแยกต่างจากสิ่งก่อสร้างอื่น การตกแต่งภายในดูปราดเดียวก็มองออกว่าจำลองมาจากที่พักในเรือนไทยภาคใต้ เมื่อรวมกับเครื่องแต่งกายของนายทัพนายกองใหญ่ที่สวมคลุมร่างสูงใหญ่ยิ่งทำให้ “ทวดงู” เหมือนสิ่งตกค้างทางประวัติศาสตร์

แต่เอ...ทำไมนะ ทำไมเมื่อก่อนเขาจึงมองไม่เห็น?

ตรงนี้มิใช่หรือที่พวกนั้นเอากล้องทีวี.มาสัมภาษณ์เขาออกโทรทัศน์ รายการทอล์คโชว์ชื่อดังผลัดเปลี่ยนมาบันทึกเทปออกอากาศ เฮอะ แล้วเขาตอบพวกมันไปอย่างไรบ้าง ฮ่า ฮ่า...”ทวดงู” นึกอย่างครื้นเครง “เรียกผมว่าทวดงูก็แล้วกัน....” พวกนั้นรุมซักกันป้อนคำถามจนเขาตอบไม่ทัน

”ทวดงู”คิด มันต้องมีอะไรผิดพลาดสักอย่าง ณ วินาทีนี้เองเขาก็เหลือบไปมองป้ายโฆษณาสินค้าที่ต้องลมอย่างหงอยเหงา

ในชั่วเวลาเดียวกัน ”ทวดงู”คล้ายเห็นภาพความต่ำทรุดฉายชัดปรากฏขึ้นทีละฉาก เขาเห็นพลังอันรุ่งโรจน์โชติช่วงที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาได้ในชั่วคืน และสำเหนียกพลังจากอดีตชาติ เขารับรู้ได้ถึงจิตวิญาณซึ่งซ่อนเร้นในกายเปล่งประกายเจิดจ้าออกมา เสริมคำพูดอันเปี่ยมพลังหนุนส่งตัวเขาให้ลอยอยู่ท่ามกลางรัศมีอันเรืองรุ่งเปล่งปลั่งอยู่รายรอบ ทำให้เขากลายเป็นคนใหม่ไปได้ในชั่วพริบตา

เฮอะ เป็นบ้ากันไปหมดแล้ว นี่พวกเอ็งเห็นตูข้าเป็นอะไร เทพเจ้า นักบุญ วีรบุรุษ หรือว่าคนใบ้หวยกันแน่ เฮอะ ไอ้พวกหน้าโง่ !

ยิ้มเย้ยผุดขึ้นมุมปากบางเฉียบ

เป็นเพราะจิตสำนึกใฝ่ดีตัวเดียวแท้เชียว กลบบาปผิดในวัยเด็ก เขานึกอยากชดเชยสิ่งที่เคยทำผิดพลาด พ่อแก่ของเขาถูกงูกัดตาย-งูที่เขานำมาเลี้ยงไว้นั่นแหละ เขาทำบุญไถ่บาปให้กับตัวเอง อาศัยพรสวรรค์เพียงหนึ่งเดียว นับแต่วันที่ “ทวดงู” เข้าฝันพ่อแล้วแม่คลอดเขาออกมา เขากลายเป็นผู้รู้วิธีอยู่ร่วมกับงู และมากระทั่งวันหนึ่ง ความคิดใหม่ผุดบังเกิด วันนั้นเลิกเรียนมาถึงบ้านเขาพบผู้แก่นอนแบ่บอยู่บนแคร่ไม้หน้าบ้าน นับแต่นั้นเขาเริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ มองไปที่ใดในหมู่บ้านเขาพบเห็นแววตาสิ้นหวังของคนจนที่หาเช้ากินค่ำทอประกายหมองเศร้าห่มคลุมอยู่รอบตัว ทุกอย่างเจนตาซ้ำซากอยู่ในหัวใจ เขารู้สึกเศร้า หมู่บ้านห่างไกลความเจริญคงมีเพียงปาฎิหาริย์เท่านั้นละมังที่จะช่วยประคับประคองเป็นที่พึ่งของชีวิตทุกคนได้ เขาหันไปมองเท้าของชายชราที่กำลังเปื่อยเน่าจนต้องตัดขาด นึกไปถึงสมุนไพรกองใหญ่ในขวดปากกว้าง และ “คาถา” ที่เขานำมาเป่าไล่พิษงูซึ่งเขาไปได้มานับแต่วันที่ทวดงูเข้าฝัน

มองปราดเดียวเขาก็รู้ว่าการดูผู้ป่วยว่าถูกงูพิษชนิดใดกัด  จากรอยเขี้ยว และอาการของผู้ป่วย  หากเป็นงูพิษที่ทำลายระบบประสาท ผู้ป่วยจะมีอาการหลังจากถูกกัดประมาณ 10 นาที หนังตาจะตก ขากรรไกรแข็ง พูดไม่ชัด กลืนน้ำลายไม่ได้ อ่อนเพลีย แน่นหน้าอก หายใจขัดจนหายใจไม่ออก  ซึ่งพิษเหล่านี้เกิดจากงูเห่า งูจงอาง งู สามเหลี่ยม งูทับสมิงขวา งูกล่อมนางนอน

ส่วนงูพิษที่ทำลายระบบกล้ามเนื้อ ผู้ป่วยจะlสำแดงอาการหลังถูกกัด 1 ชั่วโมงขึ้นไป ตัวผู้ป่วยนั้นจะมีอาการปวดมาก แถมยังเมื่อยมากบริเวณกล้ามเนื้อที่ถูกกัด บางรายถึงกับเป็นอัมพาต ซึ่งพิษเหล่านี้เกิดจากงูทะเลชนิดต่าง ๆ

ขณะงูพิษที่ทำลายระบบโลหิต ผู้ป่วยจะมีอาการปวดมาก โดยเฉพาะบริเวณที่ถูกกัด เพราะว่าจะมีเลือดซึมใต้ผิวหนัง ซ้ำเป็นรอยเล็กใหญ่ นอกจากจะมีเลือดซึมตามรอยเขี้ยวที่ถูกกัดแล้ว เลือดยังออกตามไรฟัน ปัสสาวะอุจจาระเป็นเลือด อาเจียนเป็นเลือด แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก พูดไม่ชัด ขากรรไกรแข็ง ตายช้า ซึ่งพิษเหล่านี้เกิดจากงูกะปะ งูแมวเซา งูเขียวหางไหม้...

ความรู้เหล่านั้นทวีประโยชน์มากขึ้นทุกวัน วันแล้ววันเล่าที่คลื่นผู้คนแห่ฮือกันเข้ามากราบไหว้บูชาเขาราวกับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ “ทวดงู” พวกเขาให้สมญานามเขาหลังจากรักษาคนถูกงูกัดคนแล้วคนเล่าหายเป็นปลิดทิ้ง

และเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้นนับแต่วันที่เขาออกจากหมู่บ้าน ค้นหาความก้าวหน้าในชีวิต กระทั่งเขาพบกับผู้จัดการหนุ่มที่บันดาลให้ชีวิตเขาพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ พวกเขาจับมือกันมาเปิดการแสดงคนอยู่ร่วมกับงู นับแต่วันนั้น ราวกับว่าประเทศนี้ร้างไร้เรื่องตื่นเต้นมานาน หรือไม่ก็ต้องการเชิดชูยกย่องใครสักคนที่จะเข้ามาเป็นพระเอกช่วยกอบกู้เยียวยาจิตใจที่สิ้นหวังบอบช้ำจากพิษเศรษฐกิจเล่นงาน พริบตาเดียวกองทัพนักข่าวก็เนรมิตให้เขาเป็นวีรบุรุษคนใหม่ จนเขาต้องนึกขอบคุณโชคชะตาและทวดที่เข้าฝันกระทั่งทำให้เขาสามารถนำความสามารถนี้มาสร้างรายได้และชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูล

จากเด็กหนุ่มที่รู้จักกันในหมู่บ้านหลังเขา มาบัดนี้เขากลายเป็น “ทวดงู” ที่ชาวบ้านนับแต่ยาจกไปจนถึงรัฐมนตรีรู้จัก นอกจากสะใจตัวเองที่ลบล้างคำสบประมาทของไอ้ผู้จัดการหน้าจืดคนนั้นเขายังพบอีกว่าเนื้อแท้ของคนเมืองนี้ว่างเปล่าฉาบฉวยเพียงไร

หวนถึงคนมากหน้าที่แห่แหนกันมาหากินกับตัวเขาราวกับปลิงดูดเลือด ทั้งตั้งโต๊ะน้ำมนตร์ เร่ขายยาผีบอก ยาลูกกลอน เหล็กไหล ของเหล่านี้ไม่รู้จริงหรือปลอมแต่ก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หากทว่าบัดนี้กลับวางกองเป็นภูเขาไร้คนใส่ใจ ทิ้งไว้แต่พ่อค้าพเนจรไม่กี่คนนั่งๆนอนๆมองดูด้วยสายตาว่างเปล่าและอ้างว้าง

3 โลกใยทอดทิ้งคนอย่างกู เขาคิด เลยรั้วสังกะสี กลางสนามหญ้าและหมู่ตึกอาคารพาณิชย์ละลานตา เว้นที่ว่างเป็นลานจอดรถจุได้สักราวๆ 100 คัน จากตรงนั้นมาถึงเนินฟุตบาธไปจรดถนนใหญ่ มีแผงลอยขายเสื้อผ้า ของเล่นเด็ก สวนสนุก ถัดมาเป็นของกินกระจุกกระจิกจำพวก ข้าวขาหมู ข้าวหมกไก่ ปลาหมึกปิ้ง ก๋วยเตี๋ยว จัดวางเว้นที่ว่างพอให้เดินสวนกันได้ ยามนี้คนเบียดเสียดกันเต็มไปหมด เว้นว่างเพียงลานเล็กๆที่มีกรงของเขากับผู้จัดการเท่านั้น ว่างเปล่าร้างไร้ผู้คน

คิ้วหนาที่ขมวดค้างอยู่เหนือดวงตาคลายตัว ดวงตาแดงก่ำด้วยอดนอนราวกับจะพ่นประกายไฟออกมา “ทวดงู” ก้มลงดูร่างกายที่ซูบเซียวในอาภรณ์เลื่อมพราวจากหนังงู

“แกเป็นใครกันแน่?” เขาถามตัวเอง

มาวันนี้”ทวดงู”พบว่าบ่อยครั้งในห้วงความทรงจำ เขาพยายามรื้อฟื้นความหลัง ราวจะปลุกปลอบใจตัวเอง ”ทวดงู”นึกถึงความฝันในวัยเด็ก จำได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยฝันว่าอยากเป็นพังพการ ใช่  วีรบุรุษในสมัยอาณาจักรตามพรลิงค์  พังพการเป็นถึงขุนพลแก้วของพระเจ้าจันทรภาณุที่ 3 กษัตริย์ผู้เข้มแข็งแห่งตามพรลิงค์

”ทวดงู”หลับตา วาดภาพตามที่รู้มานั้น พังพการเป็นลูกชายคนเดียวของชาวนา เมื่อวัยทารกชาวนาพ่อแม่ออกไปทำนาจะนำลูกน้อยไปด้วย โดยผูกเปลไว้ที่กิ่งต้นหว้าซึ่งงอกที่คันนาของตน ขณะที่ทั้งสองกำลังดำนาอยู่นั้นก็ได้มีงูบองหลาใหญ่ตัวหนึ่ง เลื้อยเข้าไปที่เปลของเด็กน้อย แล้วแผ่พังพานชูขึ้นเหนือเปล และได้คายแก้วไว้ในเปลนั้นด้วย เสร็จแล้วก็ได้เลื้อยเข้าป่าหายไปทางทิศตะวันตก พ่อแม่ของทารกน้อยและเพื่อนชาวนาที่กำลังดำนาอยู่ ณ ที่นั่นต่างก็พากันตกใจ และได้รีบวิ่งเข้ามาดูที่เปลของบุตรตนทันที จึงเห็นว่าทารกน้อยไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด และยังนอนเล่นแก้วของพญางูอยู่ด้วย ต่างก็รู้สึกยินดีในบุญบารมีของทารกน้อยยิ่งนัก จึงได้ตั้งชื่อว่า "พังพการ"

ต่อมาเมื่อมีอายุมากขึ้นพอที่จะทำงานได้ ชาวนาพ่อแม่จึงใช้ให้พังพการนำวัวควายไปเลี้ยงในทุ่งนาใกล้บ้านเหมือนกับลูกชาวนาคนอื่น ๆ ดังนั้นพังพการจึงมีเพื่อนฝูงที่เป็นเด็กเลี้ยงวัวเลี้ยงควายด้วยกัน ตั้งแต่นั้นมาในทุกวันที่ได้ปล่อยวัวควายออกหากินกันตามลำพังแล้วเด็ก ๆ ก็ได้เล่นกันตามประสาเด็ก  แต่ทุกครั้งที่เล่นกัน ฝ่ายข้างเด็กน้อยพังพการมักจะเป็นฝ่ายชนะอยู่เสมอ จึงได้รับยกย่องจากเด็กอื่น ๆ ให้เป็นหัวหน้าของเด็กทั้งหลายในละแวกบ้านนั้น ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นการเล่นรบทัพจับศึกซึ่งต่างคนก็ได้เอาไม้พาเขมาทำเป็นดาบ หอก อาวุธคู่มือ

อยู่มาวันหนึ่ง พังพการได้ชวนเพื่อน ๆ ไปวิดปลาและจับปลากันในหนองน้ำ โดยชันชีกันว่าทุกคนต้องรับผิดชอบในหน้าที่การจับปลาให้เคร่งครัด คือถ้าปลาหลุดออกไปทางที่ผู้ใดรับผิดชอบแล้วผู้นั้นก็จะได้รับโทษถึงถูกตัดศีรษะด้วยดาบไม้พาเขของพังพการผู้เป็นหัวหน้า ขณะนั้นได้มีปลาช่อนตัวใหญ่หลุดออกทางที่เด็กผู้หนึ่งรับผิดชอบอยู่ เด็กผู้นั้นจึงถูกพังพการตัดศีรษะด้วยดาบไม้พาเข ทว่าด้วยเหตุอย่างไรมิทราบได้ ดาบไม้พาเขอันเป็นของเด็กเล่นจึงได้คมประดุจดาบเหล็กจริง ๆ ขึ้นได้ ทำให้ศีรษะเด็กผู้นั้นขาดไปเหมือนกับถูกฟันด้วยดาบจริง ฝ่ายพ่อแม่ของเด็กที่เสียชีวิตได้ฟ้องร้อง เรื่องที่เกิดขึ้นไปยังกรมการเมือง เมื่อกรมการเมืองได้ออกไปไต่สวนเรื่องราว แล้วมากราบทูลให้พระเจ้าจันทรภานุทรงทราบเรื่องประหลาดนี้

ในที่สุดพระเจ้าจันทรภานุจึงให้กรมการเมืองนำพังพการมาให้พระองค์ทอดพระเนตรและรู้สึกพอพระทัย เพราะทรงเห็นว่าเป็นผู้ที่มีลักษณะดีเลิศในแผ่นดิน จึงทรงรับเอาไว้เป็นราชบุตรธรรม และนั่นเองทำให้การศึกษา ในวัยหนุ่มพังพการได้ศึกษาศิลปวิทยาและเพลงอาวุธจากพระราชบิดาจนเก่งกล้า และเชี่ยวชาญยิ่ง ซ้ำยังเป็นผู้ที่มีพละกำลังเหนือกว่าคนทั้งหลาย และยังสามารถล่องหน หายตัวได้อีกด้วยเพราะฤทธิ์อำนาจของแก้วพญางูของประจำตัว ... อีกครั้งที่มโนภาพหลุดปลิวลอยหายวับ !... เหนือลานดินอันว่างโล่งที่ปูด้วยก้อนหินขนาดใหญ่ มีแต่กองขยะ กระดาษหนังสือพิมพ์ปลิวพะเยิบ นานๆจะมีคนมาเก็บลงถังขยะ ในแผงรั้วที่กั้นลานแสดงนี้ว่างเปล่ามีเพียงหมาขี้เรื้อนตัวเดียวเดินเซื่องๆมานอนเลียแผล “ทวดงู” ก้มลงดูแหวนทองเกลี้ยงที่ส่วนหัวฝังกระดูกปลาวาฬบนนิ้วอันซูบเกร็ง เขามองอยู่เนิ่นนาน ถอดมันออกมาแล้วก็เขย่าๆเหมือนจะปลุกบางอย่างที่ตายซากให้ฟื้นมีชีวิต เขาสะดุ้งเมื่อเหลือบไปเห็นดวงตาสิ้นหวังสะท้อนอยู่บนกระจกฝาผนัง เขาพยายามสลัดภาพที่เห็นติดตาทิ้ง หันเหความสนใจไปยังต้นลั่นทมที่ออกดอกขาวอมเหลืองเหนือลานดิน ดอกลั่นทมร่วงลงพื้นช้าๆ เป็นภาพที่ติดตรึงความรู้สึกเหลือเกิน

เบื้องล้างแทบเท้า กลุ่มสีดำมะเมื่อมกำลังเคลื่อนตัวเลื้อยไหลออกจากกัน เขาก้มลงดูฝูงงูนับร้อยวูบหนึ่งเขารู้สึกหายใจไม่ออก

4 ราวกับความฝันสิ้นสลาย ”ทวดงู”เคยวาดภาพว่าตัวเองจะเป็นเหมือนพังพการ เป็นวีรบุรุษแห่งยุคสมัยทว่าบัดนี้เขากลับทำให้ความฝันนั้นแตกสลาย มิใช่สิ คนพวกนี้ต่างหากทำให้ความฝันเขาแตกสลาย  ดูเหมือนว่าเงาลึกลับหม่นมัวของความเงียบกำลังแผ่คลุมเข้ามารอบด้าน ”ทวดงู” เหมือนคนที่แสนโดดเดี่ยว รู้ซึ้งถึงสายตาที่หยามหมิ่น และพร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นลุ้นระทึกและกระหายอยากเห็นตัวเขาบวมฉึ่งด้วยฝูงงูที่กัดเขาอย่างไม่ลดราวาศอกจนเขาอ้วนขึ้นเป็นสองเท่า แล้วร่างกลายเป็นสีม่วงคล้ำ

หวนย้อนถึงวันที่เขาเดินจ้ำอ้าวหนียามที่วิ่งตามเข้ามาเมื่อเห็นงูตัวหนึ่งเลื้อยออกมาจากถุงผ้าที่สะพายติดตัว ทันทีที่เขาล้วงงูเห่าออกมาจากถุงผ้าแล้วจับมันพันคอ เขารู้ได้ในวินาทีต่อมาว่าเทพีแห่งโชคกำลังเข้าข้าง ความรุ่งโรจน์แห่งอนาคตฉายฉานออกมาตามคำพูดของผู้จัดการหนุ่มอย่างต่อเนื่องและเจิดจรัส

“ผมเชื่อคุณ เอาล่ะ คุณมีแผนอย่างไร ไหนว่ามาสิ...”

ผู้จัดการใหญ่วางแผนกับผู้จัดการหนุ่ม สร้างภาพความสำเร็จอันเรืองรองออกมาจนเขาเองนึกแปลกใจ หากทว่าหลังเขามีชื่อเสียง ไอ้ผู้จัดการหน้าจืดนั่นก็เริ่มโกงคิดไม่ซื่อ จนเขากับเพื่อนคิดตีจาก วันที่เขาประกาศตัวแยกทางกันเดิน ไอ้หน้าจืดนั่นหัวเราะเยาะตามหลังจนเขานึกโมโห เขาจะต้องให้ผู้จัดการหน้าโง่คนนั้นรู้ว่า เขาไม่ใช่แค่ “ทวดงู” อีกต่อไป

จริงสินะ เขาคือวีรบุรุษแห่งยุคสมัยผู้นำพาชัยชนะมาสู่ผู้ชม

“คุณคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในยุคสมัยของเรา” พิธีกรหน้าตี๋เอ่ยขึ้นอย่างชื่นชม จนเขาไม่เชื่อว่าคนที่กำลังพูดถึงนั้นหมายถึงตัวเขา “ว่าแต่คุณจะไม่บอกชื่อของคุณให้ประชาชนทราบหน่อยหรือ”

“ไม่ล่ะครับ” เขายิ้มแหยๆ ลำบากใจเมื่ออีกฝ่ายทำหน้างุนงง “เรียกผมว่าทวดงูก็แล้วกัน...อันที่จริง ผมก็ไม่ได้แสดงศิลปะอะไร ผมแค่นำเอาความสามารถเฉพาะตัวมาให้ทุกคนดูเท่านั้น สำหรับผมแล้ว การอยู่ร่วมกับงูไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ตอนเป็นเด็กบ้านผมเลี้ยงงูไว้มาก ผมเล่นกับงูมาตั้งแต่เด็ก พ่อบอกว่า งูมันชอบผม...”เขาโกหกเป็นตุเป็นตะ

“ทวดงู” มองเห็นตัวเองในจอทีวี. ที่พวกนั้นไปบันทึกมา มีตั้งแต่ภาพที่เขาลงไปนอนอยู่กับฝูงงูที่คลานไปทั่วบ้าน ภาพตัวเขานอนบนเตียงกับงู ภาพตัวเขาอ้าปากกลืนงูเข้าไปในคอ พิธีกรจ้อไปเรื่อยๆจนเขานึกประหลาดใจ  ภาพตัดฉับกลับไปยังกลุ่มคนดูที่เข้ามุงล้อม ภาพในทีวี.ยังเป็นช่วงเวลาที่เขาเปิดการแสดงการอยู่ร่วมกับงูในศูนย์การค้าใหญ่ พวกนั้นสร้างห้องขนาดใหญ่ไว้ให้เขาได้อาศัยอยู่ร่วมกับงูเป็นเวลา 3 เดือน กล้องจับคนดูเห็นดวงตาที่ส่อแววหวาดกลัว ขยะแขยง แต่ก็กระหายใคร่รู้

“น่ากลัวมากค่ะ” นักข่าวสัมภาษณ์ผู้หญิงคนหนึ่ง หล่อนเป็นคนขายของประจำห้างสรรพสินค้า “น่าจะส่งไปลงกินเน็ตบุ๊คนะคะ คุณคะ เขามาจากไหนกันคะ ทำไมเขาไม่กลัวงู พี่อยากรู้จักเขามากเลยค่ะ...เอ่อ อย่าลืมถามเขาด้วยนะคะว่ามีเมียแล้วหรือยัง?”

“ทวดงู” ยังจำได้ดีถึงคำยกย่องสรรเสริญที่ประดังเข้ามา พลิกเปลี่ยนชีวิตเขาได้ในชั่วพริบตา เขาถูกเชิญไปโชว์ตัวในรายการทีวี.ชื่อดัง พิธีการรายการเล่าข่าวยามเช้าโทรมาสัมภาษณ์ เขาได้แต่ปั้นหน้ายิ้มๆแล้วตอบคำถามไปเรื่อยๆ ชื่อเสียงเขาโด่งดังมากขึ้นเมื่อมีคนมาเอาคำพูดของเขาไปแทงหวย แล้วถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 “ทวดงู” จำได้ วันนั้นเขาเล่าไปอย่างขัดเขินว่าในตัวเขาหรือเลือดของเขาสามารถแก้พิษงูได้ทุกชนิด แล้วมีคนถามเขาไปว่างูในโลกนี้มีกี่ชนิด เขาตอบส่งๆไปว่า 268 ชนิด

ผู้จัดการส่วนตัวบอกเขาว่า ต่อไปเขาจะต้องออกเทป แล้วก็ออกพ็อกเกตบุ๊ค

“ไม่ ผมจะไม่บ้ากับคุณอีกต่อไป” เขาถลันพรวดลุกขึ้นยืน หน้าแดงก่ำ

ผู้จัดการเขางงเป็นไก่ตาแตก

“วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่...” อา คำๆนี้ช่างมีมนต์ขลังดึงดูดใจเขาดีหรือเกิน ใช่ บางทีเขาอาจเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ก็เป็นได้ นี่อาจะเป็นชะตาลิขิตไว้ตั้งแต่แรก

“ผมจะเป็นวีรบุรุษแล้ว ผมจะไม่ใช่จำอวดอีกต่อไป ผมจะประกาศความจริงที่ผมรับรู้ ผมจะประกาศสัจธรรมให้โลกได้จารึกเลื่องลือ ผมจะไม่ใช่ทวดงูอีกต่อไป” เขาทุบโต๊ะประกาศก้องต่อหน้าผู้จัดการส่วนตัวที่เขาพยายามจะเข้ามารุกล้ำเส้นทางชีวิต

5 “เอาล่ะ” ”ทวดงู”พูดขึ้นเบาๆ ผละลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปถึงเตียงนอน ยกกระถางต้นบัลลังก์ทองที่ช่วยให้ห้องสี่เหลี่ยมคับแคบดูมีชีวิตชีวาขึ้น ปลิดใบแก่ทิ้ง แล้วหยิบหนังสือ “พังพการแห่งศตวรรษที่ 21” ที่เขาเป็นคนเขียนขึ้น พลิกเปิดอ่านไปทีละหน้าสองหน้าแล้วก็วางลงอย่างไม่แยแส ”ทวดงู”ถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เป็นอย่างไรละทีนี้ ไม่มีใครสนใจเราแม้สักคนเดียว เราเองที่ฝันเฟื่องไป ดื้อดึงไม่เข้าท่า”

ครู่ต่อมา ”ทวดงู”เดินไปให้อาหารกับงูเหลือม สำรับมื้อเที่ยงบนโต๊ะยังเหลืออีกมาก เขาให้อาหารงูทุกตัว แล้วสั่นกระดิ่งเรียกผู้ช่วยเข้ามา ”ทวดงู” ดึงแขนเสื้อขึ้นแล้วปลดงูเห่าที่พันคอออก กระดุมเงินสะท้อนแสงไฟเป็นประกาย นาฬิกาที่ตั้งบนหีบไม้บอกเวลา 19.44 น. ดูเหมือนว่าเข็มวินาทีได้หยุดเดินไปแล้ว

”ทวดงู” เรียกผู้จัดการหนุ่ม “กี่โมงแล้ววะ...”

“จะสามทุ่มแล้วครับ”

”ทวดงู” อึ้งไปชั่วครู่ แล้วถามขึ้นอีกว่า “เราอยู่ที่นี่มากี่วันแล้ว”

เด็กหนุ่มตอบโดยไม่ต้องคิด “หกเดือนกับอีกสิบวันแล้วครับ”

6 หน้าตลาดซึ่งเคยเป็นที่เปิดการแสดงของ “ทวดงู” บัดนี้ถูกยึดครองไปด้วยบรรดาไทยมุงที่รุมล้อมกันมาดูการแสดงอดอาหารของชายคนหนึ่งที่ประกาศตัวว่าจะทำลายสถิติโลกใหม่ บรรดาแผงร้านขายขนมจีน ข้าวยำ กุลีกุจอมาจับจองที่ขายก่อนใครหลังจากเห็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวขายดีกันยกใหญ่

และแล้วในเมืองแห่งนี้ ชีวิตก็ดำเนินต่อไป ประชาชนพลเมืองต่างก้มหน้าก้มตาทำงานของตนไปตามปกติ ไม่มีใครพูดถึง “ทวดงู” อีกไม่ช้าพวกเขาก็คงลืมเลือน

ทำเหมือนกับว่า “ทวดงู” ไม่เคยมีอยู่ในโลกใบนี้.

ขออภัย ขณะนี้เว็บไซท์ของดการสร้างหัวข้อใหม่และการแสดงความคิดเห็นไว้ชั่วคราว
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ