เรื่องสั้น
ผู้มาเยือน!
ตลอดเวลาที่นั่งทำงานคงเงียบมาก เวลาบ่ายคล้อยที่แดดกล้านั้น ไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ ช่วงเวลาเช่นนี้ของทุกวัน ไม่เฉพาะวันอาทิตย์ เป็นเวลาที่ไม่ใคร่มีใครสังเกตใครบอกไม่ได้ว่าใครทำอะไรกันบ้าง ไม่เหมือนยามเช้า ตอนเที่ยงหรือตอนเย็นๆ
ผมไม่แน่ใจว่ามันเพิ่งจะเข้ามา หรือเข้ามาพักนึงแล้ว
ทันทีที่ผมหันไปทางด้านซ้ายมือ เพียงแค่หันไปเฉยๆ มันเป็นจังหวะที่คล้ายๆกับลมพัดหวนกระโชกมาขณะกระดาษหรือถุงไปเกี่ยวติดอยู่กับกิ่งไม้อะไรสักอย่างพึ่บพั่บๆ และรู้สึกว่าลมมันวูบมาแรงจัง แต่แล้วผมก็เอะใจเพราะเสียงมันดังแรงขึ้นเร็วขึ้น
ถุงกรอบแกรบใบนั้นวางอยู่ตรงซอกระหว่างลังใส่เครื่องปริ๊นเตอร์ ที่ผมเพิ่งได้มาจากเพื่อน กับบานประตูสีชาหน้าบ้าน ซึ่งถัดไปตรงมุมผนังวางกระติกน้ำร้อนอยู่บนลัง กรอบรูปใบใหญ่สองรูปหันหลังวางเรียง พาดทับอยู่ด้วยเก้าอี้ผ้าใบและคั่นอยู่กับถุงใส่กระดาษ ทิชชู่ หนังสือพิมพ์
ผมผินไปที่ถุงกรอบแกรบสีขาวนั้นอีกที จากลมพัดกระโชกกลายเป็นอะไรสักอย่างที่อยู่ตรงนั้น ทันทีนั้น
หนู ผมนึก อ่อ ไอ้เจ้าหนูมันคงมาเที่ยวหาอะไรกินแน่
แล้วตาดำๆใสหัวดำๆก็โผล่ออกมาทางปากถุงกรอบแกรบ เหมือนกับว่ามันก็ตกใจหรือบังเกิดรู้สึกขึ้นมาพอดีว่ามีอะไรไหวๆอยู่ที่โต๊ะทำงานตัวนี้ จังหวะที่มันฉุกสะดุ้งขึ้นมาเป็นจังหวะเดียวกับที่มันชูหัวแล้วเหลือบมาแลทางผม หัวมันเชิดไปทางหลัง คอมันยืดยาวออกมา ผมมองลอดซี่ลูกกรงชั้นหวายเก่าๆที่วางอยู่ตรงมุมประตูทางเข้าไป เป็นช่วงที่มันตกใจ ผมก็ตกใจ เพราะมันไม่ใช่หนู และดันมีคนอยู่และดันนั่งอยู่เงียบๆ
พรวดพราดๆ สะบัดตัวดีดดิ้นคล้ายกับดีดดิ้นตัวจะออกจากถุงกรอบแกรบใบใหญ่นั้นให้ไวๆ แล้วหัวกับท่อนบนมันก็โผล่ออกมาจากปากถุง เห็นหน้ากันชัดๆ ชั่วหยุดหายใจ ชั่วที่ผมหันขวับไปนั้นเอง แล้วมันก็เหมือนกับกระโดดโหยงจะไปทางใดทางหนึ่ง
มันเข้ามาด้วยจุดประสงค์อะไรแน่ผมก็ไม่รู้ แล้วนึกยังไงถึงได้เข้ามาบ้านคนไม่บอกไม่กล่าวกันมั่ง แต่เข้าใจได้ไม่ยากว่าคงเข้ามาหาอะไรกิน แต่แหม
จนเวลานาทีนี้ผมถึงสังเกตว่าทั้งนอกบ้านและในบ้านผมเริ่มกลับมาเป็นรกปกติอีกแล้ว หรือดีไม่ดีอาจจะรกมากกว่าปกติ เพียงฝนโปรยมาสองสามวันให้หลัง หญ้าข้างนอกที่เพิ่งถากถางไปไม่นานก็ขึ้นพรึ่บๆ และช่วงงานยุ่งๆ ในบ้านกองกระดาษหนังสือเสื้อผ้าข้าวของจิปาถะเริ่มวางหรกกองระเกะระกะ งูนั้นมันคงรู้ได้ถึงสัญชาตญาณแห่งความรกชัฎอะไรอยู่บ้างแหละ มันถึงได้กล้าเข้ามา แต่มันจะเข้ามาหาอะไรกินล่ะ ถ้ามันไล่หนูไล่คางคกมาก็ว่าไปอย่าง แต่ดูแล้วก็ไม่น่าจะใช่ ส่วนหมูเห็ดเป็ดไก่อะไรประเภทนั้นในบ้านที่ผมพักอยู่นั้นไม่มีแน่ เพราะผมกินข้าวนอกบ้าน มีขนมนมเนยบ้างก็นิดหน่อยไว้สำหรับกินกับกาแฟเล่น งูมันไม่น่าจะเข้ามาหาขนมกิน มันคงได้กลิ่นอะไรบางอย่าง
มันผินตัวและทำท่าขยับไปซ้ายขวาละล้าละลังอยู่นิดนึงแล้วมันก็พุ่งตัวเลื้อยไปทางผนัง บนกองหนังสือ ลัง ถุง กระดาษ กระเป๋าและของวางระเกะระกะอยู่ สร้างความหนักใจให้กับผมทันที ตัวมันไม่ใช่เล็กๆ ยาวใหญ่ดำเลื่อมกำลังรุ่นทีเดียว
งูเข้ามาในบ้าน จะเป็นงูอะไรก็ช่างเหอะ สำหรับคนทั่วไปแล้วอยู่ไม่เป็นสุขแล้วล่ะ ทำไมมันไม่ผินตัวออกไปทางประตูซึ่งก็อยู่ใกล้ๆนะ ซวยจริงๆเลย อาจเป็นเพราะว่าถ้ามันจะเลื้อยมาทางประตูกระจกฝ้าสีชาทึบซึ่งเปิดแง้มอยู่นั้น มันต้องเลื้อยกลับมาทางผม ถึงแม้จะอยู่ห่างกันเกือบสามสี่เมตร แต่โดยสัญชาตญาณของงูนั้นมันต้องไปหาที่รกๆก่อน ถ้ามันออกไปทางประตูผมก็แค่ออกมาดูว่ามันเลื้อยไปทางไหนก็คงพอ
ผมนึกถึงงูอีกตัวหนึ่งวันก่อนที่มันเข้ามาไล่คางคก เอาหัวซุกอยู่ใต้หินในกระบะเปล่าข้างบ้าน ตัวและหางโผล่ออกมา ผมพยายามทำเสียงให้ได้ยินมันก็เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ จนพี่ผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาช่วยดู มันถึงได้ผงกหัวขึ้นมาเหมือนกลับออกมาสู่โลกใบนี้อีกครั้ง แล้วทันใดก็พุ่งตัวไปทางป่าหญ้าเลียบเลาะลุกลี้ลุกลนหายลงไปตรงไหนสักแห่งตามแนวกำแพง มันจะเป็นตัวเดียวกันหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ
มันระเลื้อยหลบไปหลังกองหนังสือ ลัง และหลบไปอยู่หลังถุงกรอบแกรบใส่หนังสืออีกสองสามถุงที่เพื่อนเอามาฝากไว้ซึ่งติดอยู่กับมุมผนังห้องน้ำที่ทำยื่นออกมาบล็อกหนึ่ง โชคดีที่มันไม่คลาดสายตาไปจากผม ถ้ามันเลื้อยออกไปอีกนิดผ่านหน้าห้องน้ำ มีเต็นท์ที่ผมกางไว้สำหรับนอนหนียุง มีประตูไปห้องโล่งกับอีกห้องหนึ่งซึ่งปิดประตูอยู่ ถัดมาทางซ้ายมือเป็นที่ใต้บันไดซึ่งข้าวของและกระดาษกองเต็ม ถ้ามันไปตรงนั้นยิ่งลำบากใจกับผมเข้าไปใหญ่ เพราะถ้าเป็นไปได้ผมแค่จะไล่ต้อนมันให้ออกไปนอกบ้านก็พอ
แล้วนี่ผมจะทำยังไงดีล่ะ รู้อยู่งูมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยง ยิ่งผมไม่ประสีประสากับพวกงูเงี้ยวเขี้ยวขออยู่ด้วย ไล่ไปไล่มาพลาดท่าเข้ามันเลื้อยมากัดเอา ขณะคิดได้ว่ายังไงก็ต้องไปหาไม้มาถือๆไว้ก่อนล่ะ ได้ไม้ไผ่ยาวขนาดหัวแม่มือยาวเมตรกว่าๆวางพาดอยู่ที่ขอบหน้าต่างหน้าบ้าน รู้สึกว่าถ้ามีไม้ใหญ่หรือยาวกว่านี้หน่อยก็คงดี ผมจะทำยังไง บอกกับตัวเองว่าเป็นไปได้ผมจะไม่ทำอะไรมัน
ข้างนอกเงียบเสียง ที่บ้านพี่ผู้ชายตรงข้ามก็เงียบ ที่ขนำข้างคลองมีคนอยู่กันหลายคน แต่ผมหวังว่าใครจะเดินผ่านมาหรือใครที่อยู่ใกล้ๆแถวนี้ก่อน ใจนึงผมก็กลัวว่างูมันจะเลื้อยไปที่อื่น โดยเฉพาะถ้ามันมาทางส่วนที่ผมนั่งทำงานอยู่ซึ่งก็รกไปด้วยกระดาษ ลัง หนังสือด้วยแล้ว แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจว่าคงต้องออกไปขอช่วยใครสักคนมาหน่อยละ ถ้าให้ดีพี่ผู้ชายข้างบ้านอยู่แกจะเป็นธุระอะไรๆให้กันอยู่เสมอ โชคดีเมื่อผมเดินออกไป เห็นแกยืนดูอะไรเงียบๆอยู่แถวหลังบ้าน
พี่ขอช่วยอะไรหน่อย งู มันเข้ามาในบ้าน ผมเรียกบอก
งูอะไรยังไงตัวโตไหม แกถาม แล้วก็บอกกับผมว่าเดี๋ยวจะเรียกพรรคพวกที่อยู่ที่ริมคลองให้เผื่อเขาจะเอาทำอะไรได้ด้วย ตะโกนพูดโต้ตอบกันพอรู้เรื่องพี่ผู้ชายผิวคล้ำร่างผอมบางใส่เสื้อแขนยาวสีน้ำเงินก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งขึ้นมา ก้าวฉับๆ ถามไถ่อะไรผมนิดหน่อย แล้วก้าวจ้ำๆมาที่บ้าน ผมยื่นไม้ไผ่ในมือให้
ตะกี๊มันอยู่หลังกองลังกระดาษตรงนั้นแหละ แล้วผมก็ออกไปเอาไม้กวาดไม้ไผ่มาถือไว้ในมือ
พี่แกปราดเข้าไป ก้มๆดู เอาไม้แหย่ไปแล้วก็บอกว่า นี่ไงมันอยู่นี่ไง มันยังอยู่นี่
ไม่ต้องตีมันก็ได้นะพี่ ผมบอก ไล่มันไปก็ได้ เป็นจังหวะที่งูมันโผล่ตัวออกมา และจะเลื้อยหนีไปจากตรงนั้น ทิ้งตัวออกมาจากลังหนังสือ ลงมาที่พื้นกระเบื้องหินอ่อน ผมขยับถอยหลังมาชนเอากับตู้หนังสือสีดำใบใหญ่ซึ่งวางคั่นอยู่กลางห้อง แล้วเฉไปทางซ้าย (ข้างพี่ผู้ชายไว้ก่อน) ไม่นึกว่าอยู่ๆมันก็จะพุ่งตัวออกมา แต่ด้วยความลื่นของกระเบื้องยิ่งทำให้การพุ่งเลื้อยหนีของมันแกว่งไปมาไร้ทิศทางแน่นอน แต่กำลังพาตัวไปอีกทางหนึ่ง ถ้าโชคของมันดีหน่อยมันก็อาจเลื้อยไปถึงขอบประตูแล้วออกไปนอกบ้าน ถ้ามันเลื้อยมาด้วยอารามตกใจไปทางส่วนที่ผมทำงานอยู่ก็คงเหนื่อยกันอีกพักใหญ่ พี่ผู้ชายปรี่ตามเข้าไป คู้ตัวย่อลงนิดนึงแล้วก็หวดไม้ลงไปที่มัน จังหวะที่ไม้ไปกระทบพื้นดังป๊าบนั้นระนาบมือพี่แกอยู่เรี่ยๆกับพื้นทีเดียว งูเหมือนลอยดีดตัวขึ้นมาตามไม้แล้วหล่นลงไป
มันก็พลิกตัวกระตุก เคลื่อนตัวไปไม่ไหว เหมือนมีอะไรมาฉุดเอาไว้ ตัวยังเหยียดยาว พยายามผงกหัวแต่ก็ดูเหมือนจะเป็นแค่ความพยายามได้นิดหน่อย พี่แกหวดลงมาแรงไม่เบาเลย ทีเดียว แกหยุดดูอาการมันชั่วอึดใจแล้วก็บอกว่าตายแล้วไม่รอดแล้ว มันหยุดนิ่งเหมือนหายใจไม่ออก มันพยายามจะเคลื่อนไหวอยู่ พยายามกระถดไป ตรงที่ไม้หวดลงไปนั้นถัดจากกลางลำตัวขึ้นไปทางส่วนหัวไม่มาก เป็นรอยขาวๆเหมือนถลอกแล้วมันก็ค่อยๆบวมเป่งออกมา แกบอกว่าสันหลังหักแล้วเรียบร้อย ใจนึงผมรู้สึกโล่งใจแต่ใจนึงผมนึกเสียใจที่มันน่าจะรอดไปได้
งูเห่าไหมพี่
ไม่ใช่ ถ้างูเห่ามันแผ่แม่เบี้ย...แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นงูอะไรแน่
"ตีหัวมันสิพี่" ผมยังรู้สึกหวั่นๆ
"......."
มันพยายามคืบไปที่ขอบประตู พี่ผู้ชายเดินตามไปดูแล้วก้มลงไปดูมันใกล้ขึ้นไปอีก มันยังหายใจพะงาบๆอยู่ คลับคล้ายคลับคลาเวลาที่มีอะไรมาจุกอกเรา เวลาของมันดูเหมือนใกล้จะหมดแล้ว ผมเห็นแกเอาไม้เขี่ยไปเขี่ยมาตั้งแต่ตอนที่หวดไม้ลงไปครั้งแรกและแน่ใจในอะไรบางอย่างแล้วนั่นแหละ แกชี้ให้ดูระไม้ไล่ไปตามลำตัว
ส่วนหัวนี่เป็นงูสิงห์ แต่ลำตัวลายๆนี่ไม่ใช่ น่าจะเป็นงูพันธุ์ผสมอะไรสักอย่าง พี่ผู้ชายเขี่ยมันออกไปที่พื้นข้างนอก เอาไม้มาค่อยๆวางลงบนหัวและกดมันไว้ ดูให้ชัดๆว่าเป็นงูอะไรแน่แล้วอยู่ๆแกก็เอามือไปจับตรงคอมันค่อยๆ ถือไว้แล้วยืนขึ้น บีบให้ปากมันอ้าออก แล้วก็บอกกับผมให้หาไม้เล็กๆให้หน่อย ว่าแล้วแกก็หักก้านไม้กวาดที่ผมถืออยู่เอาไปเขี่ยที่ปากมันบอกว่า นี่นะ...ถ้าเป็นงูมีพิษจะมีเขี้ยวยาวออกมา แต่ตัวนี้มีแต่ฟัน และถ้าเป็นงูเห่านี่ ถึงจับมันแล้วก็จะพ่นพิษใส่ตาบอดเอาได้ มันเป็นงูพันธุ์ลูกผสม แกว่าแต่ถึงอย่างนั้นถ้าเป็นงูละก็ไม่ว่างูอะไรก็ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้น อันนั้นผมเห็นด้วยกะพี่แกที่สุดเลยแหละ
ผมบอกขอบคุณแกบอกว่าถ้าไม่ได้แกผมคงแย่เลยแหละ ไม่รู้จะทำยังไง แกว่าไม่เป็นไร แกบอกว่ามันแพ้ทางผมผมมะเส็ง(พี่แกคงเกิดปีงูใหญ่) ขณะที่ผมบอกขอบคุณแกอีกครั้งผมเหลือบไปเห็นที่หน้าอกเสื้อแกปักคำว่าอ.ส. ผมรู้สึกว่าแกเป็นอ.ส.ที่เก่งและมีน้ำใจมาก แกเอาไม้วางไว้ งูตัวนั้นบิดตัวคดอยู่นิดหน่อย และดูตัวมันค่อยๆลีบเล็กลงขณะแกเดินถือหัวมันห้อยไป พี่ผู้ชายข้างบ้านถามว่าเป็นไงสำเร็จไหม ตกลงงูอะไร ทำอะไรได้หรือเปล่า แกบอกว่างูสิงห์ลูกผสม กินไม่ได้ตัวมันเล็กไปด้วย
มีเลือดบางๆเปรอะพื้นอยู่สองจุด จุดแรกตรงที่ไม้หวดลงมากลางหลังของมัน อีกจุดขยับมานิดนึงน่าจะเป็นจุดที่พี่เขาเอาไม้มาแตะหลังมันไว้
ในถุงกรอบแกรบใบนั้นไม่มีอะไรเลย ข้างๆถุงมีซองชาชงเก่าๆสองสามซองกับเศษกระดาษเพ่นพ่านอยู่ ผมรินน้ำร้อนลงบนพื้นแล้วเอาทิชชู่ซับรอยเลือด ตอนที่พี่เขาบอกว่ากระดูกมันหักและมันตายแน่นอนนั้น แวบนึงผมนึกถึงประโยคที่คนโบราณว่าอย่างตีงูให้หลังหัก เดี๋ยวมันจะกลับมาแก้แค้น แล้วก็นึกเสียว แต่ผมก็คิดว่าแต่ตัวนี้มันหลังหักและไม่รอดนี่นา
ผมนั้นยินดีต้อนรับผู้มาเยือนเสมอแหละนะ ...เดี๋ยวทำอะไรๆแล้วเสร็จผมคิดว่าคงจะจัดบ้านให้สะอาดเรียบร้อยขึ้นอีกสักนิด วัวสามสี่ตัวเดินเลาะมาทางกำแพงรั้ว ผมเดินหันหลังเข้าบ้าน สำหรับวันนี้ผมปล่อยให้มันเข้ามาเล็มหญ้ากินตามสบาย เลื่อนประตูหับให้สนิทเพราะเกรงว่ายุงจะเข้า เริ่มจะค่ำแล้ว กลับมานั่งทำงานต่อที่โต๊ะทำงาน
แล้ว...ชักเท้าขึ้นมาวางบนเก้าอี้.
ย่ำเย็น,บ้านริมคลอง ๘ เมษายน ๒๕๕๐