เรื่องสั้น

ค่ำคืนแห่งมิคสัญญี!

by จู พเนจร @April,20 2007 22.42 ( IP : 61...225 ) | Tags : เรื่องสั้น

(๑) ตอนนั้นประมาณหนึ่งทุ่ม ทั้งริมฟุตบาธและบนถนนคนกำลังพลุกพล่านทีเดียว  ทันใดนั้นเอง ไฟก็แลบขึ้นแปล๊บ!นึง หรี่ และก็ดับวูบมืดลงทันที มีเสียงครางฮือเบาๆขึ้นทั่วตลาดและท้องถนน เหลือแต่แสงไฟจากรถราที่กำลังวิ่งกันอยู่ขวักไขว่

โดยทั่วไปก็นึกกันว่าไฟฟ้าดับธรรมดา สำหรับผมเองนั้นแวบแรกเมื่อไฟฟ้าดับลง สายตาปราดมองไปใจก็นึกและปากก็พึมพำขึ้นทันที

“สงสัยระเบิดแน่แล้วๆๆ”

ตอนนั้นมีบางคนเท่านั้นที่เร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์ไปแบบรีบร้อน และเห็นคนหับประตูเหล็กแบบลุกลี้ลุกลน

ยิ่งขับรถลัดเลาะไปตามทางกลับที่พักผมก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความมืดไม่ปกติธรรมดา ดูเหมือนหลายๆคนก็เริ่มจะเห็นเค้าลางของอะไรบางอย่างย่างกรายมากับความมืดที่ครอบคลุมไปทั่วตัวเมืองยะลา

เริ่มเร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์ขึ้นก็ยังไม่เห็นวี่แววส่วนไหนของตัวเมืองจะสว่างอยู่ ยิ่งขับรถไปก็ยิ่งดูเหมือนว่ามีแต่ความมืดที่เข้าครอบคลุม จนทันทีที่มาถึงทางเข้าประตูด้านหลัง ล้อรถมอเตอร์ไซค์เทียบมาถึงประตูพอดิบพอดี ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่อยู่ป้อมยามกำลังใส่กุญแจล็อคและลังเลใจอยู่นิดนึง

“ได้รับแจ้งว่าไฟฟ้าดับทั่วเมืองแล้วตอนนี้ ให้ไปเข้าทางประตูหน้าเท่านั้น” เขาบอกระคนตื่นๆ แม้แต่พี่ที่เป็นตำรวจอีกคนหนึ่งซึ่งมาถึงพร้อมกันก็เข้าไม่ได้ คงมีคำสั่งเด็ดขาดมาเดี๋ยวนั้นแล้ว

วูบนั้นเองผมรู้สึกได้ถึงความตึงเครียดและน่ากลัวของบ้านเมือง ทุกหนทุกแห่งดูเหมือนมืดไปหมด และเริ่มจะมีความโกลาหลอยู่เงียบๆ เข้าใจว่าขณะที่ผมขับรถกลับมาคงมีระเบิดขึ้นบ้างแล้ว

ตอนขับรถอ้อมไปทางประตูหน้านั้นผมเร่งเครื่องขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่ดูเหมือนว่ามอเตอร์ไซค์คันหน้าของพี่ตำรวจคนนั้นช่างไปเร็วและหายลิบไปเหมือนจะทิ้งผมไว้ข้างหลังเอาตัวรอดไป และถนนเลียบกำแพงซึ่งโอบคลุมด้วยต้นไม้และตีโค้งอยู่กับถนนรอบวงเวียนนั้นยิ่งเปลี่ยวและน่าหวาดหวั่นอันตราย แม้เป็นระยะทางสั้นๆ

ถึงตรงแยกรถกระบะเบรคล้อเอี้ยด มอเตอร์ไซค์อีกคันก็พุ่งสวนไปแบบลุกลี้ลุกลน รู้สึกใจหายขึ้นวาบนึง แสงไฟหน้ารถที่ส่องฝ่าความมืดวิบวับไปมานั้นบอกถึงอากัปกิริยาของบางสิ่งบางอย่างได้ดี ผมรีบหักรถเลี้ยวซ้ายตีเข้าถนนใหญ่หน้ากองร้อย จึงค่อยๆหายเสียวสันหลังลงบ้าง โชคดีที่เข้ามาได้โดยสะดวกเพราะผ่านเข้าออกอยู่ประจำ

(๒) เมื่อกลับเข้ามาถึงบ้านพัก เห็นไฟหน้ารถยนต์ของพี่ชายที่จอดอยู่ด้านหน้าเปิดส่องไว้  บ้านพักแต่ละหลังซึ่งเป็นแบบห้องแถวไม้เรียงรายกันอยู่นั้นบ้างจุดเทียนและเปิดไฟสำรองกัน เห็นแต่ละคนพยายามโทรมือถือ เดินสะละวนพูดกันอยู่ไปมา และทยอยมารวมตัวกันที่ลานหน้าบ้านพัก เพราะสิ่งที่มาพร้อมกับข่าวต่างๆในความมืดที่ครอบคลุมไปทั้งเมืองนั้นก็คือระเบิดตูม ตูม และได้ยินเสียงปืน ปุง ปุง ดังใกล้บ้างไกลบ้าง...ส่งให้เราแต่ละคนพอเข้าใจสถานการณ์อะไรไม่ต่างกันแล้ว

พี่ชายผมเอาปืน 9 มม. ซื้อใหม่เอี่ยมของแฟนมาดึงลำขึ้นนกไว้พร้อม แม้เราจะอยู่กันในกองร้อยฯและแฟนพี่ผมจะบอกว่าไม่ต้องก็ได้ แต่พี่ผมสำทับว่ามันบุกแล้ว ต้องเตรียมตัวพร้อม ขณะเสียงระเบิดตู่ม ตู่ม ดังขึ้น ตามด้วยเสียงเหมือนรัวปืนปะทะกันไม่หยุด

แต่ละคนเดินไปมาและเตรียมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ตำรวจแต่ละคนสะพายปืนยาวพร้อมใส่เสื้อเกราะขับมอเตอร์ไซค์ลาดตระเวนกลับไปกลับมา เสียงวิทยุซื่อซ่าดังขึ้นเซ็งแซ่ พวกผู้หญิง คนแก่ แม่บ้านกับเด็กๆก็มาอยู่รวมกันส่งเสียงพูดจ๊อกแจ๊กและคาดคะเนกันไม่หยุด แต่ละคนต่างก็กดโทรมือถือซึ่งไร้สัญญาณติดต่อกันได้ เครือข่ายล้วนขัดข้อง

ทันทีที่ผมมาถึงนั้น สิ่งแรกที่ผมถามพี่ชายคือมีปืนอีกไหม พี่จึงไปเอาปืนของพี่ตำรวจอีกกระบอกนึงมาให้ เป็นลูกโม่.38 กลางเก่ากลางใหม่ อาบน้ำมันจักรเรี่ยม บรรจุกระสุนเต็มรังเพลิงหนักเต้งทีเดียว สักพักพี่ผมก็เดินไปกอบเอากระสุนมาให้อีก 6 นัด ผมเอาปืนยัดใส่กระเป๋าสะพายแทนหนังสือ 2 เล่ม ยัดกระสุนทั้งหมดลงกระเป๋ากางเกง เสียงระเบิดตูมดังใกล้เข้ามา ผมนึกถึงพระหลวงพ่อทวดชุดใหญ่ เอามาสวมอีกเส้นหนึ่ง นึกไปทีๆก็ขำตัวเองอยู่เหมือนกันตอนนั้น

สารพัดข่าวกำลังเดินทางเข้ามา หนึ่งในนั้นเขาว่าเป้าหมายคือจะบุกกองร้อยนี่แหละ(แต่ผมคิดว่าคงเป็นข่าวลวง)แต่อย่างน้อยๆต่างก็อดคิดไปไม่ได้ว่าในภาวการณ์แบบนี้อะไรบ้าๆก็เกิดขึ้นได้ อย่างที่เคยเกิดมาแล้วอย่างเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะเมื่อ 28 เมษา นั่นไง แต่ค่อยโล่งใจกันขึ้นมานิดหน่อยที่ทราบว่าตอนนี้รั้วหนามบนกำแพงกั้นเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับคูน้ำกว้างที่ขุดไว้รายรอบกองร้อยฯ

“แก้วแหวนเงินทองมีอะไรก็เตรียมๆเอาไว้ก่อนละ”พี่ผู้หญิงข้างบ้านคนหนึ่งมายืนตื่นๆตบกระเป๋าสะพายเป็นนัย แต่เราก็บอกว่ายังไงก็ชีวิตก็สำคัญที่สุดละตอนนี้ที่จะต้องรักษา

มีอยู่ช่วงนึงเสียงดังอึกทึกเหมือนกับเกิดสงครามกลางเมืองก็มิปาน น้องคนหนึ่งที่เรียนอยู่ที่เทคนิคบอกว่าขากลับเข้ามานั้นแถวหน้าโรงเรียนสตรีฯโรยเรือใบเต็มเลย พี่ผู้หญิงที่ขับรถฝ่าออกไปเพื่อรับลูกสาวซึ่งไปเรียนพิเศษเพราะพ่อแกต้องอออกไปลาดตระเวนด่วน มาถึงก็บอกว่ามันยิงรถดับเพลิงด้วย นอกจากมีเพลิงไหม้ที่โกดังศรีสยามแล้วมีการขว้างระเบิดขวดใส่บ้านเรือนและชุมชนละแวกฝั่งธนฯหลายแห่ง

ข่าวว่าตำรวจหลายนายถูกประกบยิงหลายจุดตอนไฟดับ อย่างที่ผมตั้งข้อสังเกตการณ์ไว้แต่แรกไม่มีผิด นี่คือการวางแผนมาอย่างดี แล้วถ้ายิงตำรวจตอนนั้นไม่มีทางที่จะตอบโต้อะไรได้เลย เพราะคนกำลังสาละวนขวักไขว่และไม่รู้ว่าใครเป็นใครเลย จริงๆแล้วพี่ชายผมบอกว่ามีใบปลิวตั้งหลายวันแล้วว่าจะลงมือก่อการใหญ่ เป้าหมายอีกแห่งก็คือกองเมืองใกล้ๆนี้ ตอนนี้มีการแข่งกีฬาสีกันหลายโรงนักเรียนบางส่วนนอนกันที่โรงเรียน เห็นว่าจะยึดโรงเรียนด้วย พี่ผมว่าหน่วยข่าวกรองทำงานกันยังไง นี่ถ้าระเบิดเขื่อนก็คงทำได้อย่าว่าแต่โรงไฟฟ้าเลย คนที่ทำงานขนาดนี้ได้ต้องมีเส้นสายไม่ธรรมดาไม่ใช่โจรกระจอกแน่

(จริงๆแล้วเราเลิกเชื่อถือน้ำยาของรัฐบาลในการแก้ปัญหาไปกันตั้งนานแล้ว เพราะนับแต่เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นใน 3 จังหวัดภาคใต้เรา ทั้งระเบิด ยิง ฟัน ฆ่ารายวันทั้งครู หมอ อบต.  กระทั่งพระภิกษุและชาวบ้านตาดำๆ เป็นปีแล้วที่นายกรัฐมนตรีประกาศกร้าวว่าเป็นโจรกระจอกและจะลากคอผู้บงการมาลงโทษใน 3 วัน 7 วันบ้าง สองเดือนบ้าง3เดือนบ้าง จะมานอนให้ดูจะมาอยู่ให้เห็นบ้างกระทั่งบัดนี้ล่วงปีครึ่งแล้วถ้านับศพก็ไม่ต่ำกว่า365ศพไม่นับความเสียหายทางเศรษฐกิจและขวัญกำลังใจของคนที่ย่อยยับอัปรา จำได้ว่าที่เพื่อนมันยกตัวอย่างหมอชำแหละศพแฟนสาวทิ้งชักโครกบ่อเกรอะยังสืบทราบได้ นี่ยิงกันเห็นๆทุกวันๆจับมือใครดมไม่ได้สักคนเดียว กำลังเล่นอะไรกันอยู่ เหมือนขว้างปากก้อนหินใส่กัน คนที่ซวยและรับเคราะห์ก็คือพี่น้องประชาชนที่อยู่ตรงกลางและไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรอย่างเราๆนั่นแหละ แต่รู้สึกว่ายิ่งคนตายมากขึ้นทุกวัน เหตุการณ์หนักข้อมากขึ้นทุกทีๆ ผู้รับผิดชอบทั้งหลายก็ยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องว่าเรามาถูกทางแล้วทุกๆครั้ง ใครเตือนใครแนะนำว่ากล่าวก็หาว่าเข้าข้างโจรผู้ก่อการร้ายไม่รักชาติไปเสียทุกครั้งเช่นกัน ฯลฯ)

ระหว่างนั้นมีโทรศัพท์เข้ามาที่บ้านพักตำรวจ 2-3 หลังพูดเป็นภาษายาวีแล้วก็วางหูไป บางทีมีรถยนต์ขับมาจอดเอี้ยดตรงถนนข้างหน้าเยื้องสวนหย่อมสนามเด็กเล่นรกร้างซึ่งมีแมกไม้รกครึ้ม หรือมอเตอร์ไซค์ขี่อ้อมมาทางที่พักเราก็ต้องกระซิบกระซาบกันและกระชับปืนมั่น เพราะตอนนี้ตำรวจแต่ละคนออกไปทำหน้าที่ลาดตระเวนกันหมด

เราพูดถึงการป้ายสี ดำ-คือพื้นที่แนวร่วมทั้งหมด ป้าย-สีแดงเปรอะคือพื้นที่เป้าหมาย ในจำพวกนี้กลับหมายรวมไปถึงคนมุสลิมแทบทุกคน อาจเว้นไว้สำหรับคนที่เรารู้จักมักจี่บ้างเท่านั้น ใครทำงานที่ไหน โดยเฉพาะหน่วยงานราชการก็จะถูกเหมารวมไปหมดว่าเป็นพวกนั้นทั้งนั้น เป็นสายมันทั้งนั้นแหละ นี่เป็นเรื่องของอะไรก็ตามเป็นเรื่องน่าเศร้าไม่น้อยที่มีการพูดถึงคนไทยด้วยกันด้วยความแตกแยก เกลียดชัง ให้ร้ายแบบเหมารวมไปหมดเช่นนี้ เป็นความเชื่อที่เกิดจากผลกระทบ ไม่มีทางออกทางระบายหรือไม่รู้จะโทษสิ่งใด เป็นความรังเกียจเดียดฉันท์ที่มีมาแต่ดั้งเดิมของความเป็นชาติพันธุ์ที่แตกต่างกัน แม้จะเป็นเพียงชั่วอารมณ์ขณะด้วย แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่พึงประสงค์ของผู้ก่อการอีกอย่างหนึ่งแล้ว

ผู้ที่พึงประสงค์เช่นนั้นคือใคร มีแต่คำถาม ไม่มีคำตอบ

ผมอดนึกไปถึงการกราดยิงชาวบ้าน ปืน ระเบิด เพลิงลุกท่วม คนบ้าระห่ำ ตายเป็นตายชุลมุนอยู่ทั่วเมืองอย่างระทึกใจ โชคดีที่ตัวเองตัดสินใจกลับมาทันการณ์ ไม่ไปเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวๆที่เขายิงเขาระเบิดกัน นึกไปว่าทางบ้านใครรู้ข่าวบ้างหรือยัง ทีวีคงตัดข่าวรายงานสดกันทุกช่อง พลันนึกถึงวิทยุบอกให้พี่ชายไปเปิดฟังในรถ...ไม่มีคลื่นสัญญาณบ้านเรา ใช่สินะไฟดับหมดทั่วเมือง หมุนไปคลื่นกรุงเทพฯกำลังคุยเรื่องการผสมพันธุ์หมีแพนด้ากันอยู่ระรื่น อีกช่องกำลังขอเพลง “ฝากแฟนผมด้วย”  บ้าชิบ! ทำให้อารมณ์ของพวกเราต่างตึงเครียดเหมือนถูกตัดขาดจากโลกภายนอก มืดและน่ากลัว ยิ่งพูดถึงเรื่องตอนปืนถูกปล้นหายไป 300 กว่ากระบอกยิ่งหวั่นระทึก หลายคนยังอยู่ข้างนอก ไม่รู้เป็นไงกันบ้าง ขณะเสียงระเบิดเสียงปืนปุงๆ ดังอยู่เป็นระยะๆ พรุ่งนี้คงได้นับศพกันเกลื่อน เราต่างคิด...โรงเรียนคงปิดหมด และพรุ่งนี้คงไม่มีใครไปทำงานกันแน่ และคืนนี้คงนอนกันไม่เป็นสุข

ตอนที่นั่งอยู่ท้ายรถกระบะ ซึ่งยื่นพ้นชายคาสังกะสีคลุมหน้าบ้านพักอยู่นิดหน่อยนั้น ผมยังนึกถึงวันธรรมดาที่กินข้าวปลาเสร็จอารมณ์ดีๆก็จะปิดไฟข้างหน้าเสียแล้วมานั่งดีดกีต้าร์เล่น เสมองในความมืดนั้นจะช่วยขับดาวบนฟากฟ้าให้พราวพร่างสว่างไสวในบางค่ำคืน ทว่าค่ำคืนนี้ความมืดบนเบื้องบนที่ทาทาบลงมากลืนกับข้างล่างนี้กลับต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ยังดีที่มือถือของน้องผู้หญิงคนหนึ่งโทรติดต่อได้ บอกขำขำว่าเพราะรุ่นนี้เค้าใช้วางระเบิดกันเลยติดดี-ฮา เราจึงพอได้ยืมใช้โทรหาใครต่อใครข้างนอกพื้นที่ได้บ้าง โทรบอกที่บ้านแล้ว ผมยืมโทรไปหาใครบางคนที่หาดใหญ่ด้วยความห่วงใยและบอกข่าวคราวระทึกให้ฟัง น่าแปลกที่ไม่มีการรู้ข่าวกันเลยทั้งๆที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นร่วม 2-3 ชั่วโมงแล้ว จึงเล่าเหตุการณ์ต่างๆและบอกให้เปิดทีวีดู เขารายงานข่าวว่าไงส่งข่าวมาบอกด้วย สัญญาณ-ตัด

อีกพักใหญ่ๆไฟฟ้าข้างในก็ติด มีเสียงพวกผู้หญิงและเด็กๆซึ่งดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยเฮขึ้น รีบไปเปิดดูทีวี...ไม่มีแม้แต่สักช่องเดียวจะรายงาน มีรายการปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักนิดเดียวในประเทศแห่งนี้

ร่วมๆครึ่งชั่วโมงถึงเวลาข่าวสี่ทุ่มนั่นแหละ แต่ละช่องจึงเริ่มทยอยรายข่าวนี้ออกมาแบบกระเส็นกระสาย ฟังดูเหมือนสถานการณ์ไม่มีอะไรมาก ระเบิด 4 จุด เพลิงไหม้ ตำรวจดับ ชาวบ้านบาดเจ็บ10กว่าคน เข้าใจว่าถ้าไม่กลัวประชาชนจะอกสั่นขวัญแขวนสะเทือนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลเพิ่งถ่ายทอดออกทีวีพูลไป ก็คงเป็นเรื่องประสิทธิภาพของการข่าวอันเยี่ยมยอด

ดูเหมือนคุยคุ้ยข่าว-โมเดิ้รน์ไนท์ทีวีจะรายงานสดมาก่อนเพื่อน จากนั้นก็รายงานข่าวจากนักข่าวในพื้นที่จากช่อง11 มีภาพข่าวจากช่อง7ซึ่งยังรายงานว่าไฟฟ้าดับอยู่ทั้งเมือง (ซึ่งจริงๆแล้วไฟติดทั่วแล้วต่างหาก) ไอทีวี มาล่านิดหน่อยแต่ได้น้ำได้เนื้อและเกาะติดพื้นที่มากที่สุด จึงได้ทราบคร่าวๆว่ามีระเบิด4-5แห่งคือโรงหนังโคลีเซี่ยม ห้องอาหารสวนแก้ว เซเว่นใกล้กองเมือง โรงแรมยะลารามา ฯ มีการวางเพลิงที่โกดังศรีสยาม มีการขว้างระเบิดขวดใส่บ้านเรือนและชุมชนหลายจุด ลอบยิงเจ้าหน้าที่และถล่มป้อมตำรวจที่สถานีรถไฟ มีการระเบิดเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง4-5เสาที่สี่แยกบางกอก-มลายู ไม่ใช่ระเบิดโรงไฟฟ้า ฯลฯ

เมื่อไฟติดสถานการณ์ก็เริ่มคลี่คลายความตึงเครียด ผมคืนปืนพร้อมกระสุนสำรองให้น้องผู้หญิงเขาไปด้วยความขอบคุณ ยังนึกอยู่เลยว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ต้องใช้ปืนผาหน้าไม้กันขึ้นมาจริงๆในนี้คืนนี้ มือที่เคยแต่จับปากกาเป็นอาวุธอย่างผมจะเคล็ดขัดยอกไปสักกี่วัน

(๓) ตอนเฮลิคอปเต้อร์เพิ่งจะโผล่ขึ้นให้ได้ยินเสียง หลังเกิดเหตุการณ์ผ่านไปร่วมชั่วโมงไม่เหมือนกับตอนฝึกได้ฝึกดีอยู่ทุกวันนั้น เที่ยวพลอยนึกไปว่ารึค่ายสิรินธรที่เขาตูมโดนยึดโดนปล้นคลังอาวุธไปแล้วมั้ง เห็นทหารก็อยู่กันน้อยๆด้วยช่วงนี้ และตอนคอปเต้อร์บินทึ่กๆๆใกล้เข้ามาทางกองร้อยข้ามหัวไปลงข้างหน้า ยังนึกหวั่นอยู่เลยว่าจู่ๆจะกราดยิงลงมาแบบระห่ำบ้าเลือดก็ไม่รู้ ถ้าอย่างนั้นจริงคงสนุกพิลึก แต่อะไรล่ะที่ทำให้นึกไปได้ถึงเพียงนั้น ถ้าคุณไม่ได้อยู่ในเมืองยะลาใน “ค่ำคืนแห่งมิคสัญญี”นี้ คุณไม่มีทางรู้ก็ได้ว่าเรารู้สึกกันอย่างนั้นได้จริงๆ...

(๔) เช้ารุ่งขึ้นช่วงสายๆ หลังแถลงการณ์ของกอ.สสส.จชต (กองอำนวยการสร้างเสริมสันติสุขสามจังหวัดชายแดนใต้) ก็มีระเบิดที่ร้านอาหารหน้าโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ชาวบ้านและตำรวจบาดเจ็บไปหลายนาย ข่าวว่ายังจะมีอีกหลายจุด...ผมได้ยินเสียงคุยกันข้างล่างว่ามีความพยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้คนอพยพออกไปนอกพื้นที่ ซึ่งตอนนี้คนที่ห้าสิบห้าสิบก็ไปแน่นอนแล้ว

เริ่มบ่ายๆเอง หลายคนเริ่มบอกให้ไปรับลูกกลับจากโรงเรียนและเริ่มเดินทางกลับจากที่ทำงานแต่วัน...และตั้งแต่เช้าเช่นกันคนในกองร้อยฯเราที่รู้ข่าวทั้งผู้หญิงผู้ชายแม้แต่เด็กๆเค้าก็ไปกันที่ศาลากลางให้พระอาจารย์รูปหนึ่งจากทางเหนือฟันข้อแขนด้วยมีดซาบาต้าให้(ผู้ชาย)หลังรับสายสิญจน์มาคล้องคอคนละเส้น...สรุปความตอนหนึ่งในแผ่นพับที่ถือกลับมาคือ “ใช้ห้อยคอได้กับคนทุกศาสนา ไม่ใช่เพื่อคงกระพัน แต่ให้แคล้วคลาด ปลอดภัย”

แสดงความคิดเห็น

« 5704
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ