เรื่องสั้น

ปมประเทศ

by สิงห์ลา @April,25 2007 13.24 ( IP : 202...98 ) | Tags : เรื่องสั้น

ปมประเทศ

ข่าวบางข่าวทำให้คนไทยดีใจกันทั้งประเทศ แต่ข่าวบาง(ซึ่งเป็นข่าวเดียวกัน)ทำให้เขารู้สึกหดหู่ใจอย่างบอกไม่ถูก

เขาเชื่อว่าประเทศนี้มีปมอะไรบางอย่างเกี่ยวกับวันหยุดและการพักผ่อน

เขาเชื่อว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีวันหยุด(ยาว)เยอะที่สุดในโลก และเป็นประเทศเดียวที่มีวันหยุดยาวต่อปีมากที่สุด

หลังจากที่ข่าวกระเด็นขจรไกลไปทั่วหล้า แม้ปวงชนชาวไทยจะดีใจกับของขวัญที่รัฐบาลใจดี ยิ่งกว่าโปรโมชั่นโทรศัพท์มือถือระบบเติมเงิน ประกาศให้เทศกาลหยุดสงกรานต์ปีนี้หยุดยาวมากกว่าทุกปี (ปีพุทธศักราช 2550 ประเทศไทยหยุดสงกรานต์ห้าวัน 13-17 เมษายน) แต่เขากลับไม่รู้สึกดีใจ ยินดียินร้ายกับวันหยุดยาว ๆ อย่างที่ควรจะเป็น

เช้าวันพฤหัสที่ 12 เมษายน 2550 ที่บริษัทของเขาเพื่อนร่วมงานจางตา เป็นปกติ ((แม้มันจะเป็นเหตุการณ์ผิดปกติที่พนักงานกว่า 50 คนจะมาทำงานเพียงไม่ถึงสิบคน (รวมถึงเขา) แต่เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นเหตุการณ์ปกติไปเสียแล้ว สำหรับคนหมู่มากที่จะยอดเสียโควตาลาหยุดเพียงแค่หนึ่งวัน และจะได้วันหยุดยาวรวดถึงหกวัน คนหมู่มากบางคนยอมใช้โควตาลาหยุดหยุดถึงสองวันแต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือวันหยุดยาวถึงเจ็ดวันรวด!)) ด้วยความขี้เกียจที่แผ่ขยายเป็นวงกว้าง ทำให้วันนี้ไม่ค่อยมีงานให้สะสางเท่าไร แม้จะมีก็ทำลืม ๆ ไปว่ามี งานที่ต้องติดต่อกับบริษัทอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งเพื่อนร่วมงานด้วยกันเอง ต่างพากันพร้อมใจยกยอด เลื่อนไปหลังสงกรานต์ค่อยมาว่ากันอีกที

  วันนี้พนักงานที่เหลือเพียงหยิบมือต่างพากันพร้อมใจใส่เสื้อสีสด เพื่อต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ (สีแดง สีเขียว สีเหลือง หรือสีอะไรก็ตามแต่ที่มีความสามารถทำให้คนรอบข้างแสบตา!) ลายดอกไม้แรกแย้มของฤดูร้อนต่างผลิดอกชูช่อกันอย่างพร้อมเพียง จากการนัดแนะกันไว้ตั้งแต่เมื่อวาน มีเพียงแต่เขาเท่านั้นที่กลายเป็นกาในฝูงดอกไม้ที่ยังใส่ชุดทำงานสีทึม ๆ (เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีกรมท่ากางเกงสีกรมท่าเนคไทสีกรมท่า) ตามปกติเช่นเดิม เหมือนกับว่าวันนี้ไม่ได้แตกต่างอะไรจากเมื่อวานหรือวันก่อน ๆ เลย

  ใช่! สำหรับเขา เมื่อวานวันนี้หรือแม้กระทั่งวันพรุ่งนี้ ชีวิตมันกลายเป็นเรื่อง ๆ เดียวกัน เหมือนหนังม้วนเดิมที่เอามาฉายวนอยู่ตลอดเวลา ซ้ำและคาดเดาได้ เหมือนตอนเช้าพระอาทิตย์ก็ขึ้นตรงหน้าต่าง ตอนเย็นก็ตกดินตรงหลังบ้าน

  ก่อนหน้านี้วันสองวัน ช่วงบรรยากาศครุกรุ่นก่อนวันหยุดยาวจริงจะมาถึง คำถามประมาณว่าหยุดสงกรานต์เดินทางไปเที่ยวจังหวัดไหน มีโปรแกรมฯ (((ตารางกิจกรรมฯ ((การปฏิบัติการอย่างใดอย่างหนึ่ง(หรือหลาย ๆ อย่าง)ในวันสงกรานต์เพื่อการเรียนรู้)) ที่จะนำพาชีวิตลงไปใส่ในช่องนั้น))) ทำอะไรบ้างหรือเปล่า จะไปสาดน้ำสงกรานต์ปะแป้งสาว ๆ ตรอกข้าวสารไหม กลางคืนไปกินเหล้าตัวเปียก ๆ ที่ร้านใด ฯลฯ จะฮิตติดปากมาก

  ทุกครั้งที่ได้ยินคำถามแบบนี้ เขารู้สึกรำคาญ หงุดหงิด โกรธเกรี้ยว ชักสีหน้าไม่พอใจและไม่เต็มใจที่จะตอบคำถามซ้ำ ๆ ในทุก ๆ คำถามที่ประดังเข้ามาว่า ไม่ได้ไปไหน ไม่มีโปรแกรมฯ คงนอนอยู่กับบ้าน

  “น่าเสียดายนะ หยุดยาวทั้งที่น่าจะไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ยังหนุ่มยังแน่น” พนักงานอาวุโส, รุ่นพี่ที่ทำงาน,สาวแก่วัยเคี้ยวหญ้าอ่อน, เอานิ้วชี้ดุนแว่นกรอบสีดำหนา ลิปสติกสีแดงเลือดนกที่เกาะอยู่บริเวณริมฝีปากทำให้เขารู้สึกคลื่นเหียนอยากจะอาเจียนออกมา หลังจากหล่อนทำปากเบี้ยว ๆ พูดต่อไปว่า จะไปพักผ่อนที่บ้านต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลหยุดยาวแบบนี้

  พักผ่อนที่บ้านต่างจังหวัดเป็นคำพูดที่ฟังดูดี (คล้าย ๆ พวกไฮโซที่มีบ้านพักต่างอากาศบนภูเขาหรือบ้านพักริมทะเล โดยคนบางกลุ่มเลือกที่จะไม่พูดถึงการได้มาของที่ดินผืนงามเหล่านั้น) แต่ในความหมายเดียวกันนี้คำว่า กลับบ้านต่างจังหวัดหรือกลับบ้านนอก คงอธิบายความได้ชัดและตรงกว่า

เขาเป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด ไม่มีญาติที่มีภูมิลำเนาอยู่นอกเขตกรุงเทพฯ จึงทำให้กลับบ้านต่างจังหวัดเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และยิ่งคำว่าบ้านพักที่ต่างจังหวัดคงเป็นคำพูดที่เหนือจริงเกินไปสักหน่อยสำหรับพนักงานกินเงินเดือนประจำอย่างเขา หากจะมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด อย่างดีเขาก็คงทำได้แค่เพียงพักโรงแรมจิ้งหรีดหรือเกสเฮาส์ถูก ๆ  ซุกหัวนอนสักคืน ก่อนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติที่กรุงเทพฯตามเดิม แต่สำหรับเขาโอกาสนั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริงสักที ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะความกังวลกลัวบางอย่างที่ฝังอยู่ในใจ และอีกส่วนอาจจะเป็นเพราะการเดินทางไกลยังคงเป็นสิ่งที่ถูกเตรียมการ และฝังเอาไว้อยู่ในความคิดของเขาเรื่อยมา โดยไม่ได้เริ่มต้นสักที

เขาคิดว่าตัวเองเป็นคนมีปมไม่ต่างจากประเทศนี้





ตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน เขาไม่เคยเดินทางออกจากกรุงเทพฯ แม้แต่ก้าวเดียว

ไม่ใช่ว่าเพราะกลัวโดนฟ้าผ่าหลังจากปฏิญาณตนเอาไว้กับต้นมะม่วงหน้าบ้าน หรือทวยเทพที่สิงสถิตอยู่บนท้องฟ้าว่าชาตินี้เขาจะไม่มีวันเดินทางออกไปนอกกรุงเทพฯ แต่สิ่งที่เขาเผชิญและดำรงอยู่ ความสุขในการใช้ชีวิตในช่วงวันหยุด (ทั้งสั้นและยาว) ไม่เคยเอื้ออำนวยให้สำหรับชายหนุ่มที่ไร้แฟน เพื่อนไม่มี ทรัพย์จางและอ้วนดำ

เขาเป็นชายหนุ่มซึ่งมีทุกสิ่งเหล่านั้นฯ ครบถ้วน

ขณะที่พยายามประคับประคองชีวิตให้ก้าวข้ามความเหงาจากกิจกรรมอะไรสักอย่าง ความจริงเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำเขาค้นพบสัจธรรมบางอย่างของชีวิต หลังจากไปดูหนังคนเดียวที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ซินิเพล็กซ์รัชโยธินในบ่ายวันอาทิตย์ เช้าวันถัดมาเขาถูกถามด้วยคำถามเรียบ ๆ จากเพื่อนที่ทำงานว่าเมื่อวานไปดูหนังใช่ไหม เห็นเราเปล่า เราไปกับแฟนนั่งอยู่แถวสามเอส(สิงค์โปร์) เขาแกล้งทำเป็นคิดอยู่ชั่วครู่ทั้ง ๆ ที่จำได้อีกทั้งยังรู้อยู่แก่ใจ เพราะเห็นตั้งแต่ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่นั้นที่เดินเข้าโรงไปก่อนหน้าเพียงไม่กี่ก้าว และหย่อนก้นนั่งซ่อนตัวอยู่ในเงามืดถัดไปข้างหลังจากที่เขานั่งสามแถว การสนทนาแม้จะพูดคุยกันเกี่ยวกับทัศนะความคิดเห็นที่มีต่อหนังสั้น ๆ  แต่ก็มิวายตบท้ายด้วยคำถามที่เขาสังเกตออกแล้วตั้งแต่ต้นว่าจะต้องกระเด็นออกมา ภายใต้แววตาสงสัย สงสาร สังเวท หรือจะอะไรก็แล้วแต่ที่เขาไม่ชอบเลยแม้แต่นิดเดียว

“ทำไมไปดูหนังคนเดียว”

เขาไม่เคยคิดว่าการดูหนังคนเดียวมันน่าสมเพชตัวเองแค่ไหน จนกระทั้งตอนที่พยายามคิดหาคำตอบดี ๆ ต่อคำถามนั้น อาจจะตอบไปว่าเพราะเบื่ออยากไปไหนมาไหนคนเดียว เดินเที่ยวคนเดียวดูหนังคนเดียวซื้อของคนเดียวสบายใจดี ฯลฯ คำตอบกระตุ้มต่อมทัศนคติในแง่บวกของการดูหนังคนเดียว มันช่างมีน้อยนิดเหลือเกิน วันนั้นในแววตาที่ถูกบรรจุแน่นเต็มไปด้วยความแค้นเคือง เขาเลือกคำตอบดี ๆ หนึ่งข้อตอบกลับไป ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้รู้สึกดีกับคำตอบนั้นเลยสักนิดเดียว

“สบายใจดี” แน่นอนใจเขาไม่ได้สบายอย่างนั้นอย่างแน่นอน

นี่ขนาดไปดูหนังคนเดียวยังต้องทนแบกรับความรู้สึกแปลก ๆ แปลกแยก มากมายขนาดนี้ เขาจึงไม่อยากจะคิดถึงเวลาเดินทางไกลกว่านี้คนเดียวเลย ว่าความรู้สึกแปลก ๆ แปลกแยกแบบนี้จะเพิ่มพูนขึ้นขนาดไหน

แต่จะว่าไปนี้ก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่เขาคิดล้มเลิกการดูหนังคนเดียว ไปเที่ยวคนเดียว ออกต่างจังหวัดคนเดียว เพราะปมของเขามีมากกว่าหนึ่ง ไม่ต่างจากจำนวนปมที่มากกว่าหนึ่งของประเทศนี้เช่นกัน





แม้จะใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ที่อัดแน่นไปด้วยประชากรกว่าสิบล้านคน จากประเทศที่มีจำนวนประชากรหกสิบห้าล้านคนในเจ็ดสิบหกจังหวัด แต่เขาก็ไม่ได้รู้จักหรือสนิทสนมกับใครเป็นพิเศษเลย อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัว หลังจากบิดามารดาจูงมือกันเดินออกไปจากโลกใบนี้ ก่อนวัยอันควรเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะที่กำลังเดินทางไปเที่ยวพักผ่อนในช่วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ จากเหตุผลเดิม ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นซ้ำ ๆ กันได้ตลอดเวลา ต่างกันเพียงแค่ กรรมและวาระ (ถ้าจะใช้ศัพท์สวย ๆ ฟังและแปลยาก ๆ หน่อยก็คงประมาณคำว่า ต่างกรรมต่างวาระ) คือคนขับรถทัวร์อดนอนมาหลายวัน ไม่ได้ตรวจสอบสภาพรถก่อนออกจากท่ารถ รถทัวร์จึงกลายเป็นหีบโรงศพขนาดมหึมาเมื่อเข้าโค้งอันตรายระหว่างเข้าตัวเมืองนครราชสีมา ขณะที่รถไหลลงจากเนินเบรกไม่ทำงาน คนขับไม่สามารถควบคุมรถได้ เหตุการณ์คงจะไม่เลวร้ายไปกว่านี้หากสามารถเอารถค่อย ๆ ลัดเลาะจอดข้างทาง ถ้าไม่มีขี้เมาขับรถกระบะบรรทุกคนเต็มรถพุ่งสวนเข้ามาชนซะก่อน

รถกระบะยับยู่ยี่เหมือนกระป๋องโค้กที่ถูกเหยียบ รถทัวร์พลิกคว่ำตกเหวข้างทาง มีผู้คนบาดเจ็บและเสียชีวิตกว่าครึ่งร้อย อุบัติเหตุครั้งนั้น มันเป็นเหตุการณ์สยดสยองต้อนรับช่วงเทศกาลปีใหม่ที่โหดร้ายสิ้นดี เขาไม่รู้ว่าตัวเองโชคดีหรือโชคร้ายที่ได้ตั๋วเที่ยวรถในเช้าวันถัดไป แน่นอนจนถึงทุกวันนี้เขาไม่ได้เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่ตั๋วนั้นระบุไว้

พ่อและแม่เขาก็เช่นกัน

  หลายคืน หลายปีมาแล้วที่เหตุการณ์นั้นผ่านไป เหตุการณ์ที่ฝังความทรงจำร้าย ๆ ให้เขาหลายคืน ในทุก ๆ ปีที่ผ่านไป

  มันกลายเป็นปมอีกปมหนึ่งที่เขาไม่สามารถแกะออกจากใจได้





เขาเชื่อว่าในประเทศนี้มีปมเล็กปมน้อยเต็มไปหมด

  มันกลาดเกลื่อนอยู่บนถนน ป้ายรถเมล์ ถังขยะ บนสะพานรอย ใต้สะพานลอย ใต้ทางด่วน ตรงป้อมตำรวจ หรือแม้กระทั่งในไม้กวาดทางมะพร้าวของลูกจ้างชั่วคราว กทม.

ชีวิตในกรุงเทพฯ แม้จะเป็นชีวิตที่เร่งชีวิต ดำเนินชีวิตแบบตัวใครตัวมันท่ามกลางฝูงชน แต่พอเอาเข้าจริง ๆ แล้วทุกคนย่อมมีพ่อแม่ พี่น้อง แฟนสาวหรือไม่ก็เพื่อนสนิทสักคน แต่สำหรับเขาหากจะคิดมองหาคนที่มีคุณสมบัติเช่นนั้นคงไม่มีเลย

  มุมหนึ่งไม่ใช่ไม่มีเพราะไม่มีจริง ๆ แต่คงเป็นเพราะเขาเลือกที่จะไม่คบใครมากกว่า

  สำหรับเขา แม้การใช้ชีวิตเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบนี้ดูช่างโหดร้าย เหงาและน่าโศกเศร้าสิ้นดี กินข้าวคนเดียว ดูทีวีคนเดียว นอนคนเดียว ฯลฯ  แต่เขาต้องฝ่าฟันต่อสู้กับจิตใจที่โหยหาให้ได้ แต่จะฝ่าฟันไปทำไมเพื่ออะไร มันก็เป็นปมที่เขาต้องคนหาคำตอบให้กับตัวเองต่อไป

  เทศกาลหยุดยาววันแรกผ่านไปอย่างเชื่องช้าตามความชินชาของเขา ตื่นเช้าล้างหน้าแปรงฟัน เปิดทีวีดูรายการเล่าข่าวยามเช้า เปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย ๆ ตามประสามนุษย์ที่มีอำนาจรีโมทในมือ เช้านี้มีข่าวอุบัติเหตุมากผิดปกติ เขายิ้มอย่างไม่ยี่หระ มันไม่ได้ผิดปกติหรอก เพราะมันเป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับประเทศนี้ ที่พอถึงเทศกาลหยุดยาวที่ไรก็ต้องมีการรณรงค์ให้ระมัดระวังอุบัติเหตุบนท้องถนนกันที “เจ็ดวันอันตราย” “เมาไม่ขับ” “ง่วงไม่ขับ” “ขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน” คำจำพวกนี้ถูกพูดกรอกหูซ้ำนับร้อย ๆ รอบตั้งแต่เขาเปิดทีวี ขณะที่ภาพข่าวอุบัติเหตุจากหลาย ๆ แห่งของประเทศ ถูกประมวลตัวเลขสถิติเอาไว้ คล้าย ๆ วันประกาศผลนับคะแนนการเลือกตั้ง

ตัวเลขผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงเช้าหลังจากที่เขาได้เห็นตัวเลขไม่กี่หลักก่อนจะผล็อยหลับไป พอตื่นมาอีกทีช่วงบ่าย ตัวเลขเหล่านั้นพุ่งทะยานสูงขึ้นกลายเป็นเลขหลายหลัก เหมือนตัวเลขหุ้นรัฐวิสาหกิจที่ถูกขายไปให้ต่างชาติ

เขาจินตนาการภาพไม่ออกว่า ถ้าหากเบียร์ช้างเขาตลาดหุ้นสำเร็จ ตัวเลขของหุ้นจะพุ่งสูงขึ้นทะลุเพดานแค่ไหนในช่วงเทศกาลหยุดยาวเช่นนี้

ตัดสลับจากภาพข่าวสยดสยองที่เพิ่งเริ่มต้นในวันหยุดยาววันแรก ก็พอจะมีภาพให้เขาชื่นใจได้บ้าง เกี่ยวกับการรายงานสดการเล่นน้ำสงกรานต์จากหลาย ๆ จุดสำคัญของประเทศ เขานึกถึงเชียงใหม่สถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนมักจะไปเล่นสงกรานต์กันที่นั้น คิดถึงทำเลเล่นสงกรานต์ในกรุงเทพฯ ที่ประชาชนมักจะนิยมชมชอบการตระเวนรถกระบะแล่นไปตามท้องถนน และที่แห่งหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือตรอกข้าวสาร ถนนเส้นเล็ก ๆ ที่พอถึงเทศกาลสงกรานต์ทีไร ผู้คนต่างทุกสารทิศจะมารวมตัวกันที่นี่จนแน่นถนน ชาวต่างชาติบางกลุ่มเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย เพื่อการนี้โดยเฉพาะ (เขาคิดว่าบางทีมันอาจจะเป็นปมนำเข้าจากทุนต่างชาติ)

ครั้งหนึ่งเมื่อห้าปีก่อน สมัยที่ยังพอมีเพื่อนสมัยเรียนคบค้าสมาคมกันอยู่ เขาเคยไปสัมผัสบรรยากาศที่ถนนเล็ก ๆ เส้นนี้

  กลิ่นแป้ง ไอร้อน ภาวะเบียดเสียดระหว่างคนที่แทบจะไม่มีช่องว่างให้หายใจ เสียงเพลงดังกระหึ่ม ตลอดเวลา ความรู้สึกถึงความเหนียวชื้น ๆ ยังครุกรุ่นอยู่ตรงปลายจมูกเหมือนกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้ เขาจำได้ถึงภาพตัวเองที่มือข้างหนึ่งถือขวดน้ำมืออีกข้างหนึ่งกำถุงแป้งในมือ ขณะที่ผู้คนกำลังลื่นไหลไปตามถนนเรื่อย ๆ จากหัวถนนไปท้ายถนน จากท้ายถนนไปหัวถนน แม้อากาศจะร้อนและอบอ้าวเพียงใด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกลดน้อยลงไปสักนิดเดียวเลย เขามีความสุขทุกครั้งที่นึกย้อนความคิดของตัวเองไปถึงตรงนั้น แปลก, ตรงนี้เขาไม่รู้ว่าความสุขเหล่านั้นมันหายไปไหนหมด มันเกิดขึ้นจากปมหลาย ๆ ปมในชีวิตที่เกิดขึ้นเรื่อยมา หรือว่าเป็นเพราะอายุที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เขาไม่กล้าที่จะออกไปข้างนอกอีก เป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัวและไม่(พยายาม)คบใคร

บางครั้งในบางคืนเมื่อความเหงาและอ้างว้างถึงขีดสุด เขาก็อยากเรียกวันดี ๆ เหล่านั้นกลับมาเช่นเดิม

เมื่อข่าวประมวลภาพวันสงกรานต์จบลง เขานึกเล่น ๆ ว่าอยากจะลองไปเดินเล่นดูอีกสักครั้งจะดีไหม ไม่จำเป็นต้องห่วงว่าจะมีใครไปด้วยหรือเปล่า เพราะถึงยังไงเขาก็ไปคนเดียวอยู่แล้ว ถ้าจะมีห่วงที่สุดนอกเหนือจากอุบัติเหตุบนท้องถนนก็น่าจะเป็นความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากกว่า ช่วงเทศกาลหยุดยาวแบบนี้โจรผู้ร้ายชุกชุม มีข่าวให้เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์บ่อย ๆ ว่าบ้านถูกงัด ถูกยกเค้าเพราะเจ้าของบ้านและเพื่อนบ้านต่างเบนเข็มออกนอกบ้านกันไปซะหมด แม้จะมีโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ แต่ลำพังกำลังตำรวจเพียบหยิบมือเดียว กับช่วงเทศกาลที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการปลอดภัยของประชาชนเป็นสิบเท่า กำลังพลที่ไหนจะไปพอ เขานึกไกลไปถึงระเบิด สองปีที่ผ่านมานี้ข่าวระเบิดครึกโครมมาก จำได้ว่าหลังจากปีใหม่ที่ผ่านมา ความหวาดระแวงเกี่ยวกับถังขยะและกระเป๋าและสัมภาระที่ไร้เจ้าของนั้นอยู่ในจุดสูงสุด ถึงขั้นประสาทหลอนไปเลย ไม่มีคนกล้าเดินเข้าใกล้ถังขยะจนกระทั่งทาง กทม. จำเป็นต้องเก็บและเปลี่ยนเป็นถังขยะใสทั่วกรุงเทพฯ ส่วนกระเป๋าที่ไร้เจ้าของก่อนหน้านี้พลเมืองดีต่างพากันแย่งเก็บกันด้วยจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งหวังในทรัพย์สิน

แต่เดี๋ยวนี้คงยากที่จะมีใครกล้าหยิบกระเป๋าสีดำสักใบที่วางไว้ตรงป้ายรถเมล์ เขานึกขำว่าหลายครั้งกับข่าวของกระเป๋าเครื่องสำอางที่ผู้หญิงขี้ลืมคนหนึ่งลืมไว้ที่ป้ายรถเมล์ กลับถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัตถุระเบิดเก็บกู้กันอย่างอย่างระแวดระวัง มีการกั้นพื้นที่เกิดเหตุและกันประชาชนที่มุงดูให้อยู่ในระยะห่าง

เขาหัวเราะหึหึในลำคอ เพราะนึกขึ้นได้กับภาพของทหาร สุนัขตำรวจ เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิดที่ถูกเอามาตั้งตรงหัวถนนและท้ายถนนข้าวสาร อย่างน้อยถนนเส้นนี้ก็ปลอดจากวัตถุระเบิด มองไปรอบ ๆ ห้องตัวเองกับเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่กี่ชิ้น อย่างน้องถ้ามีใครสักคนงัดบ้านเขาเข้ามา มันคงเสียใจมากกว่าดีใจ ที่ต้องเอาดีวีดีที่หยิบไป ไปซ่อมก่อนนำไปขาย






เขาตั้งใจว่าจะออกไปเดินให้ชาวบ้านสาดน้ำเล่น แต่จำเป็นต้องเปลี่ยนใจหลังเดินพ้นประตูบ้านไปสองก้าว

เมษายนเป็นเดือนอากาศร้อนอบอ้าวกว่าทุกปี และเป็นอีกเรื่องที่ผิดปกติจนกลายเป็นปกติไปซะแล้ว กับภาวะโรคร้อน ปฏิกิริยาเรือนกระจก น้ำแข็งขั้วโลกเหนือกำลังละลาย เขาไม่สนใจภาวะโรคร้อนสักเท่าไรเพราะว่านักวิเคราะห์ข่าวหลายคนที่เขาเคยดู ต่างพูดตรงกันว่ามันวิกฤตการณ์ทั้งหมดนี้จะไม่เกิดขึ้นในช่วงศตวรรษนี้ โลกจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปช้า ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว มันอาจจะเกิดขึ้นในอีกร้อยปีข้างหน้า หลังจากที่เขาตายไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่จำเป็นต้องสนใจกับสิ่งไกลตัวแบบนี้เท่าไรนัก (หรืออาจจะไม่จำเป็นต้องกังวลเลยด้วยซ้ำ!) ตราบใดที่ยังมีน้ำเย็น ๆ ในตู้เย็น กับแอร์เบอร์ประหยัดไฟเบอร์สามเครื่องใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อเงินผ่อนสิบสองงวดมาจากห้างสรรสินค้า หยุดยาว ๆ อย่างนี้ ถึงไม่ได้ไปออกไปไหน อย่างน้อยการได้นอนตากแอร์เย็น ๆ อยู่กับบ้านมันคงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนมีปมอย่างเขา

หยุดยาวอย่างนี้เขาสามารถเปิดแอร์ได้ทั้งวันทั้งคืนโดยไม่จำเป็นต้องกังวลถึงค่าไฟตราบใดที่ มันฯ ยังไม่เอารัฐวิสาหกิจตัวนี้เข้าตลาดหุ้น

แอร์กำลังเย็นได้ที่ เขาอยากจะนอนหลับอีกสักตื่น เพราะรู้สึกว่าชีวิตของเขากับวันหยุดยาว ๆ ห้าวัน ได้เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

รถกระบะแล่นผ่านหน้าบ้าน เขาได้ยินเสียงดังจากข้างนอกเจี้ยวจ้าวเข้ามา คนเหล่านั้นคงกำลังมีความสุข หลายคนกำลังเมาได้ที่ หลายคนเนื้อตัวมอมแมมขาวโพลนหัวจรดเท้าเต็มไปด้วยแป้ง สวมใส่เสื้อผ้าเปียก ๆ ชายหนุ่มกำลังสนุกหลงระเริงไปกับการปะแป้งตรงแก้มหญิงสาว ขี้เมาบางกลุ่มกำลังเมาได้ที่และพยายามหาทางทำอะไรสักอย่าง เพื่อแสดงอำนาจซุปเปอร์แมนที่ซ่อนไว้ข้างในของตัวเอง

ใช่แล้ว! ประเทศนี้นอกจากจะเต็มไปด้วยปมแล้ว ยังเต็มไปด้วยซุปเปอร์แมน แปลก! ซุปเปอร์แมนคนแรกในความคิดกลับไม่ใช่ผู้ชายกล้ามโตใส่กางเกงในสีแดงไว้ข้างนอกกางเกง เพราะเขากลับนึกถึงนักการเมืองบางกลุ่มที่อาสาเข้ามาช่วยประเทศให้พ้นวิกฤตตอนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจปีสี่ศูนย์ เขานึกไม่ออกว่าสงกรานต์ปีนี้นักการเมืองกลุ่มนั้นกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน แต่เทศกาลวันหยุดยาวทุก ๆ ครั้งเป็นผลของการอนุมัติจากพวกเขาเหล่านั้นแน่นอน พวกเขาคงอยากให้คนในประเทศนี้มีความสุขกันอย่างเต็มที่ในช่วงเทศกาลหยุดยาว ที่ยาวขึ้นกว่าเดิม

เปลือกตาที่ผสานกันภายใต้แอร์ประหยัดไฟเบอร์สาม ความเย็นสบายทำให้เขาเริ่มหลับลึกลงไป เขานึกถึงโปรแกรมหนังสไปเดอร์แมนภาคสามที่กำลังจะเข้าต้นเดือนพฤษภาคม เขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ของหนังเรื่องนี้เพราะติดตามดูตั้งแต่ภาคแรก ฉะนั้นภาคนี้เขาจะพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง เขาตั้งใจว่าจะไปดูวันแรกที่ฉาย แต่คงจะเป็นรอบดึกเพราะไม่อยากเจอคนรู้จัก และขี้เกียจตอบคำถามที่ทำให้เขารำคาญใจ

สเปเดอร์แมนภาคนี้ตัวสีอะไรนะ แดงหรือดำ เขาจำไม่ค่อยได้เพราะเห็นผ่าน ๆ ตรงป้ายโฆษณาตอนนั่งรถเมล์ผ่านหลังเลิกงาน

น่าจะแดง

หรือว่าดำ

แดง

ดำ

แปลกที่เขานึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าสไปเดอร์แมนภาคนี้ตัวสีแดงหรือสีดำ แต่กลับจำได้ว่ารอบแรกลงโรงฉายวันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 20.00น. เขาถอนหายใจเบา ๆ อีกครั้งจะคิดมากไปใย เพราะมันเป็นเรื่องผิดปกติที่เป็นปกติไปซะแล้วในเรื่องเกี่ยวกับความทรงจำที่ลืมกันง่ายดายเหลือเกินสำหรับเขา หรือสำหรับประเทศนี้

ประเทศที่มีปมหล่นเกลือนกลาดอยู่มากมาย

ปมที่ทุกคนเห็น ทุกคนรู้ แต่ดูและแยกแยะไม่ออกว่ามันสีอะไร

Comment #1
Posted @April,25 2007 13.25 ip : 202...98

สวัสดีครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ

แสดงความคิดเห็น

« 1431
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ