เรื่องสั้น
วันที่ไว้เคราแพะ
วันที่ไว้เคราแพะ
มันเป็นเพียงเรื่องสั้นธรรมดา ๆ เรื่องหนึ่ง ของผมกับเขา
เขาเป็นชายวัยสามสิบปีธรรมดาคนหนึ่ง ผิวดำแดงสวมเสื้อยืดกางเกงยีนรองเท้าแตะไว้ผมรองทรง ผู้ชายธรรมดา ๆ ที่พวกคุณสามารถพบเห็นเขาได้บ่อย ๆ ตรงป้ายรถเมล์ เซเว่นอีเลฟเว่น ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ ร้านก๋วยเตี๋ยวชายสี่หมี่เกี๊ยว ฯลฯ และในทุก ๆ ที่ที่ความธรรมดาสามารถรุกล้ำไปได้
แม้วันนี้จะเป็นวันอาทิตย์หยุดสุดวิเศษสำหรับพวกคุณทุกคน แต่สำหรับเขามันเป็นเพียงอีกหนึ่งวันธรรมดาในรอบสัปดาห์เท่านั้น
หลังจากตื่นนอนตอนสาย ๆ ลุกขึ้นมาขอสตางค์แม่ตามปกติ เขาขอสตางค์แม่อย่างนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดปกติอะไรที่จะทำมันต่อไปเรื่อย ๆ
เขาออกจากบ้านเดินไปเรื่อย ๆ เพื่อไล่ฆ่าความธรรมดาของวันนี้ให้ตายหมดสิ้นไป
ชีวิตธรรมดาพาเขามาหยุดอยู่ตรงร้านหนังสือแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้า ก่อนหน้านี้เขาเดินวนเวียนอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งนี้หลายรอบแล้ว เดินไปเรื่อยเปื่อยไล่ตั้งแต่ชั้นใต้ดินที่เป็นซุปเปอร์มาร์เก็ตจนถึงชั้นบนสุดที่เป็นโรงภาพยนตร์ แล้วก็เดินไล่ย้อนลงมาจากโรงภาพยนตร์จนลงมาถึงชั้นใต้ดิน จนเลี้ยวเช้ามาที่ร้านหนังสือ
พนักงานในร้านไม่มีใครสนใจเขาเท่าไรนักอาจจะไม่มีใครสนใจเขาเลยด้วยซ้ำ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ถือกระเป๋าเขามาจึงไม่จำเป็นต้องถูกเรียกให้ฝากกระเป๋า อีกอย่างอาจจะเป็นเพราะความราบเรียบกลมกลืนเหมือนไร้ตัวตนของเขา จึงเป็นเรื่องปกติที่ความธรรมดาจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครให้ความสนใจเป็นพิเศษ
ตั้งแต่เด็กเขาเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ
เขาจึงไม่ได้มีเป้าหมายที่จะมาซื้ออะไรแม้แต่ชิ้นเดียว เขาจำไม่ได้ว่าหนังสือเล่มสุดท้ายที่ซื้ออ่านนั้นคือหนังสือเล่มไหน บางทีเขาอาจจะไม่เคยซื้อหนังสืออ่านเลยด้วยซ้ำ
ในร้านหนังสือมีหนังสือนับแสน ๆ เขามั่นใจได้ว่าไม่เคยอ่านหนังสือที่อยู่ในนี้แม้แต่เล่มเดียว ยืนสงบนิ่งอยู่ตรงแผงนิตยสารที่อยู่ด้านหน้าร้าน ไม่ได้ตั้งใจอยากเพิ่มความฉลาดตัวเองโดยการมายืนอ่านหนังสือฟรีที่ร้าน แต่ยืนเพราะไม่รู้ว่าจะเดินทางไปทางไหนต่อดี
เขาเป็นคนที่ไม่มีเพื่อน ด้วยเหตุผลธรรมดา ๆ ง่าย ๆ ที่ว่าเขาเป็นคนธรรมดา และทุกคนมักจะชอบคบคนและมีเพื่อนเป็นคนพิเศษ เมื่อวานนี้เขาดูรายการเรียลลีตี้โชว์ ที่มีกลุ่มวัยรุ่นนักล่าฝันมาเปลี่ยนความธรรมดาของพวกตนให้กลายเป็นคนพิเศษ ในการแสดงความสามารถพิเศษของตนเองและแสดงตัวตนของตัวเองให้โลกได้รับรู้
เขานึกไม่ออกว่าถ้าเขามีโอกาสได้ไปยืนตรงนั้นสักครั้ง สักสัปดาห์หรือสองสัปดาห์ก่อนที่จะถูกโหวตออกเป็นคนแรก หรือไม่ก็มีคะแนนโหวตต่ำสุด เขาจะยังสามารถรักษาความธรรมดาเอาไว้กับตัวได้ดังเดิมหรือไม่ ครั้งหนึ่งตอนรับสมัครนักล่าฝัน เขาสองจิตสองใจที่จะไปสมัครในตัวแทนภาคกลาง แต่เมื่อคิดถึงอายุและความสามารถของตัวเอง เขาจึงโยนความคิดบ้า ๆ นี้ทิ้งไป
เขาเชื่อว่าไม่มีใครชอบผู้ชายธรรมดา ที่ไม่มีงานทำและอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ แถมยังขอสตางค์แม่ทุกเช้า
หยิบนิตยสารหนึ่งออกมาจากแผง หลังจากเหลียวซ้ายแลขวาอยู่หลายครั้งว่าจะกล้าหยิบดีหรือเปล่า แต่เห็นจากเห็นพวกคุณทุกคนต่างก็สามารถหยิบมันขึ้นมาอ่านฟรี ๆ ได้โดยไม่มีใครว่า เขาก็คงทำได้เช่นกัน
นิตยสารประกาศรับสมัครงานเล่มหนึ่งถูกเปิดตาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากหน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้าย เขาเลิกล้มความคิดที่จะสมัครงานมาหลายปีแล้ว ด้วยวุฒิการศึกษา ม.6 กสน. ยากที่จะทำให้เขาได้งานดี ๆ จากบริษัทร่วมทุนข้ามชาติที่ไหนสักแห่ง อย่างมากก็เป็นชนชั้นล่างลูกจ้างรายวันค่าแรงขั้นต่ำทำงานไม่มีวันหยุดเท่านั้นเอง เขาคิดว่าขืนทำไปชีวิตก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา สู้ใช้ชีวิตธรรมดา ๆ อย่างนี้ดีกว่า ตราบใดที่แม่ยังมีเงินให้ขอในทุกเช้า
วางนิตยสารฯคืนแผง พินิจดูหนังสือพิมพ์ธุรกิจฉบับหนึ่ง ขึ้นหัวตัวโตว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเป็นสามสิบสองบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศเป็นอย่างมาก ในธุรกิจการค้านำเข้าและส่งออกที่ต้องอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ เขาไม่รู้ว่าเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ต่างสกุลมันเป็นปัญหาของชาติอะไรนักหนาจึงพาดหัวซะตัวโตขนาดนี้ เขาคิดว่ามันไร้สาระสิ้นดี จำได้ราง ๆ ว่าสมัยก่อนเมื่อสิบปีที่แล้ว อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศอยู่ที่ยี่สิบห้าบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แล้วเกิดฟองสบู่แตกตัวขึ้นมาทำให้ อัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวขึ้นไปจนถึงสี่สิบห้าบาท จนถึงทุกวันนี้มันอยู่ที่สามสิบสองบาท มันก็ขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างนี้เป็นประจำ
ยี่สิบห้าบาทแลกหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ
สี่สิบห้าบาทแลกหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ
สามสิบสองบาทแลกหนึ่งดอลลาร์สหรัฐ
เขาคิดได้อย่างนั้นก็เริ่มหัวเราะในลำคอ มีแต่พวกโง่เท่านั้นที่เอาเงินหลายสิบบาท ไปแลกเงินเหรียญเพียงเหรียญเดียว เพียงแค่เห็นพวกมันเป็นชาติที่มีอารยะธรรมเทคโนโลยีสูงส่งกว่าและปันเศษเนื้อติดกระดูกให้แทะนิดหน่อย เขาสงสัยว่าถ้าต่อไปอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรามันพุ่งขึ้นสูงถึงหนึ่งล้านบาทต่อเหรียญจะมีคนไทยคิดจะแลกเปลี่ยนอยู่หรือเปล่า เขานึกถึงข้าวตามสั่งหน้าปากซอยจานละยี่สิบบาทใส่ไข่ยี่สิบห้าบาท แต่พอมาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งนี้ อาหารเหมือนกันแต่ขึ้นห้างฯเข้าหน่อย สามสิบบาทไข่สักฟองก็ไม่มี นี่ไม่ต้องพูดถึงร้านฟาสฟูสต์ชื่อฝรั่งที่มีอยู่เกลื่อนห้างฯ ราคาไก่ทอดชิ้นเดียว สามารถซื้อไก่ย่างตลาดนัดได้ครึ่งตัว<br />
เขาหยิบดูหนังสือหลายเล่มบนแผง แล้วก็มาหยุดตรงหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งเมื่อตั้งสติได้แล้ว ต้องหยุดดูหนังสือทุกเล่มบนแผงหนังสือ เพราะเขาเผลอคิดไปว่าดันหยิบหนังสือเล่มเดิมขึ้นมาอ่านอยู่ตลอดเวลา มองสัญลักษณ์กลม ๆ รูปองค์เทพเทวา บนหน้าปก ภาพของสิ่งศักดิ์สิทธ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดนครศรีธรรมราช
แม้จะเป็นคนที่ไม่เคยข้องเกี่ยวกับวัด พระเครื่องหรือพระพุทธศาสนาเท่าที่ควร อย่างที่พุทธศาสนิกชนที่ดีพึงจะปฏิบัติ แต่กระแสของข่าวนี้ก็ดังพอที่จะทำให้คนธรรมดา ๆ อย่างเขารับรู้ได้ เพราะข่าวปลุกเสกเครื่องรางของขลังสายนี้มีให้ได้ยินทุกวัน เขายังจำได้ว่าเมื่อวานนี้แม่ของเขายังได้มาห้อยคอหนึ่งองค์ หลังจากสั่งจองอยู่หลายสัปดาห์ แม่บอกว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นที่แย่งกันจองจนเหยียบกับตาย โชคดีที่สั่งให้ทีมงานไปจองให้โดยไม่ได้ไปเอง เขาไม่ได้ถามอะไรแม่มากมายเกี่ยวกับรายละเอียด แต่แม่มักจะพูดออกมาตลอดเวลาว่า มีไว้แล้วการค้าขายจะดีขึ้น จะร่ำรวยขึ้น
เขาสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะแม่เป็นเพียงข้าราชการครูที่กำลังจะเกษียณอายุ ไม่ได้ข้องเกี่ยวกับการค้าขายอะไร จะมีบ้างก็ทำธุรกิจขายตรงที่ทำเพราะความเกรงใจจากการถูกตื้อไปเข้าประชุม ถ้าบูชาเพื่อให้ร่ำรวยขึ้นได้อย่างที่พูด แม่ก็คงต้องซื้อหวยใต้ดินมากกว่าเดิมหรือไม่ก็ขายสินค้าในระบบขายตรงให้ได้มากกว่าเดิม เพราะลำพังเดินเดือนประจำนั้น เป็นตัวเลขที่ตายตัวทุกเดือนอยู่แล้ว
เปิดหนังสือที่มีหน้าปกซ้ำ ๆ กันอยู่หลายเล่ม เขายืนอ่านด้วยความสนเท่ห์เกี่ยวกับมูลค่าการตลาดของเงินหมุนเวียนในระบบนี้สูงถึง 22,000 ล้านบาท เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่า สังคมในประเทศนี้จะแบ่งเค้กมูลค่าความศรัทธาให้กับระบบนี้มากถึงเพียงนี้<br />
บรรทัดหนึ่งบนหน้านิตยสารบอกว่า มันคือจีดีพี 1.5 ของประเทศ แน่นอนเขาไม่เข้าใจความหมายของมัน<br />
ภาวะศรัทธาเทพเทวา แม้ตอนนี้มันจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกคุณทุกคน แต่สำหรับเขาคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งมันกลายเป็นเรื่องไม่ธรรมดาไปเสียแล้ว
ยิ่งอ่านยิ่งตกใจ ยิ่งอ่านยิ่งได้ข้อมูลที่เขาไม่เคยรู้จากการอ่านที่ไหน (แน่นอนเขาไม่เคยอ่านหนังสือ) จากรุ่นแรกที่ผลิตขึ้นในปีพุทธศักราช 2530 ผ่านมายี่สิบปีจนถึงปัจจุบันปีพุทธศักราช 2550 มี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ถูกปลุกเสกออกมาแล้วกว่าห้าร้อยรุ่น และขณะนี้รุ่นแรกมีมูลค่าการตลาดสูงนับล้านบาท (หนึ่งล้านบาท) จากที่ตอนแรก ๆ มีราคาบูชาเพียงสามสิบห้าบาท และข่าวจากนิตยสารบางฉบับกล่าวว่ารุ่นแรก ๆ ในตอนนั้นแจกฟรียังไม่ค่อยมีใครอยากได้เลย (เขานึกเสียดายว่าถ้าตอนนั้นรู้ทันฯ จะไปกวาดมาให้เรียบ)
มันเกิดขึ้นจากสาเหตุใดเขาเริ่มใช้สมองที่มีรอยหยักน้อย ๆ ของเขาคิด
นิตยสารหลายเล่มที่หน้าปกซ้ำ ๆ กันถูกเปิดอ่านแบบไม่ผ่านตา เป็นครั้งแรกในชั่วชีวิตที่เขาอ่านหนังสือด้วยความตั้งใจ เขาได้อ่านข้อมูลในทุก ๆ ด้านเกี่ยวกับเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้ เขารู้ถึงประวัติศาสตร์จุดเริ่มต้น ชื่อผู้ปลุกเสกและคนดังที่เข้ามาเกี่ยวข้อง อิทธิฤทธิ์และปาฏิหาริย์เหนือธรรมชาติ การประทับทรง ประสบการณ์ตรงของผู้ที่ศรัทธา ที่มาของชื่อว่านต่าง ๆ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่นำมาปลุกเสก (นิตยสารบางเล่มบอกว่าบางรุ่นผสมเหล็กไหลเข้าไปด้วย) เขาพยายามเรียนรู้และจดจำชื่อรุ่นที่เกี่ยวข้องกับคำว่า โคตรรวย, อภิมหาเศรษฐี, เงินทองไหลมาเทมา ฯลฯ แน่นอนด้วยมันสมองธรรมดา ๆ อย่างเขาไม่มีทางจำได้ทั้งหมด
เขายื่นอ่านอยู่นาน พักสายตาชั่วครู่ นึกถึงมูลค่าการของส่วนผสมการผลิตและส่งออก ย้อนนึกไปถึงเรียลลีตี้โชว์ของนักล่าฝัน นึกถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศที่มีขึ้นและลงได้ทุกวันตามเศรษฐกิจการเมือง จนไปถึงราคาอาหารตามสั่งที่หน้าปากซอยและห้างสรรพสินค้า ทุกเรื่องล้วนมีต้นทุนการผลิตที่ไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว แต่สิ่งที่ต่างกันเพียงอย่างเดียวนอกจากต้นทุนการผลิตก็คือต้นทุนความเชื่อ และความศรัทธาที่ใส่ลงไปในมูลค่าของทุกสรรพสิ่งเหล่านั้น
เขาพยายามนึกว่าใครเป็นผู้กำหนดมูลค่าศรัทธาและความเชื่อเหล่านั้น ให้แปรเปลี่ยนเป็นมูลค่าทรัพย์สินที่ประเมินค่าไม่ได้ เป็นหมื่น ๆ ล้าน นึกสนุกว่าถ้าหากอาหารตามสั่งหน้าปากซอยใส่ความเชื่อ ความศรัทธาลงไปแล้วจะเพิ่มมูลค่าได้สักห้าบาทหรือเปล่า เขาหัวเราะให้กับความโง่ของตัวเอง ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ก็แค่เอาขึ้นห้างฯเท่านั้นจะขึ้นราคาสักสิบยี่สิบบาทก็มีคนเข้าคิวรอซื้อ
ปิดหนังนิตยสารเล่มล่าสุดวางไว้ วันนี้เขาอาจจะเครียดมากเกินไปเกี่ยวกับเรื่องธรรมดาที่ไม่ธรรมดาเหล่านี้ เขานึกโกรธตัวเองที่ใฝ่รู้มากเกินไป สำหรับเขาถ้าหากเดินมาที่แผงหนังสือ สมควรจะจบที่หนังสือกอซซิป แอบถ่ายและข่าวคราวแวดวงดาราก็เพียงพอแล้ว เดินออกจากร้านหนังสือด้วยหัวที่ปวดหนึบ ๆ เพราะข้อมูลที่อัดแน่นมากเกินไป
สำหรับพวกคุณทุกคนวันพิเศษกำลังจะหมดไปอีกวัน
สำหรับเขาวันธรรมดากำลังจะหมดไปอีกวัน<br />
กลับไปถึงบ้านเขาคงกินข้าวเย็น นั่งดูละครหลังข่าวแล้วก็เข้านอน
แม้วันนี้เขาจะได้ความรู้มาเยอะแยะมากมาย แต่เขาก็คงไม่กลับไปพูดกับแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะเขาไม่อยากสูญเสียความรู้สึกธรรมดาของตัวเองไป แต่หากมีสักวันที่เขาครึ้มอกครึ้มใจเขาอาจจะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดกับแม่หรือไม่ก็ใครสักคนก็ได้ที่สนใจเรื่องพวกนี้
ถ้าถึงวันนั้นพวกคุณสามารถเข้ามาทักทายเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกับเขาได้เลยทันที ถ้าพวกคุณก็สนใจในเรื่องเดียวกัน แต่ถ้าหากพวกคุณยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใครคนไหนในคนธรรมดา ๆ ที่เดินบนท้องถนนล่ะก็ เขาจะทำสัญลักษณ์ให้คุณดู เพื่อคุณจะได้สังเกตเห็นความไม่ธรรมดาที่งอกขึ้นมา
วันนั้นเขาจะไว้เคราแพะ แล้วห้อยความศรัทธาก้อนกลมโตไว้นอกเสื้อ
ถ้าวันหนึ่งวันใดคุณบังเอิญได้พบกับเขาในสถานที่ธรรมดา ๆ ต่าง ๆ ที่ผมได้กล่าวมาข้างต้นก็ทักทายได้นะครับ
ไม่ต้องกลัวอะไร เพราะเขาไม่เคยมีพิษมีภัยกับใคร เขาก็เป็นเพียงผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่มีเรื่องเล่าที่ไม่ธรรมดาฝังอยู่ในหัวเท่านั้นเอง
และผมก็เป็นเพียงคนเล่าเรื่องสั้นธรรมดา ๆ คนหนึ่ง