เรื่องสั้น

ความจริงจากกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

by สิงห์ลา @May,14 2007 08.13 ( IP : 202...98 ) | Tags : เรื่องสั้น

ความจริงจากกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

หนังสือเล่มหนึ่งตกลงมาจากบนท้องฟ้าสู่ใจกลางเมืองหลวง ตรงสี่แยกไฟแดงเด็กชายขายพวงมาลัยคนหนึ่งวิ่งไปเก็บมันขึ้นมาจากบนพื้นคอนกรีต ก่อนที่รถจะเอาล้อไปเหยียบมัน ผู้คนขวักไขว่ข้ามถนนจากฝั่งไปอีกฝั่ง ไม่มีสายตาคู่ใดสนใจสมุดเล่มนั้น นอกจากเด็กชาย

เด็กชายอ่านหนังสือไม่ออกเพราะไม่ได้เรียนหนังสือ ตกเย็นเอาหนังสือเล่มนั้นไปให้ยายดู

“หนังสืออะไรเอามาจากไหน ไปขโมยใครมาหรือเปล่า”<br />

“เปล่า เจอมันตกอยู่บนพื้น”

“ป่านนี้เจ้าของเขาไม่หากันให้วุ่นแล้วหรือไง”

“ไม่มีเจ้าของหรอก มันตกลงมาจากบนฟ้า”

เอาหน้าปกหนังสือเข้าไปให้ยายดูใกล้ ๆ “ตัวหนังสือมันอ่านว่าอะไรยาย”

ยายดูเพียงแวบเดียว แล้วหันไปร้อยพวงมาลัยต่อ ไม่มีคำตอบใด ๆ ผุดพรายออกมา<br />






ทุกเช้าที่ไปขายพวงมาลัย เด็กชายจะพกหนังสือเล่มนี้ติดตัวไปเสมอ แม้จะยังอ่านไม่ออก แต่เชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะขึ้นชื่อว่าหนังสือ สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นต้องเป็นสิ่งที่พิเศษ ความรู้ทุกอย่าง มักจะถูกอัดแน่นอยู่ในหนังสือ

ตอนเช้า ๆ รถที่จอดตามสี่แยก เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน นอนหลับอยู่ในรถยนต์ที่จอดแน่นิ่งอยู่ตรงสี่แยก ชุดนักเรียนขาวสะอาด เด็กชายเหม่อตามมองเข้าไปในนั้น สิ่งใดเป็นผู้กำหนดให้เขาต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ในทุก ๆ เช้า ไม่ใช่เป็นที่ตรงนั้น

“พวงมาลัยไหมครับ” ทุกครั้งที่ไฟแดงผลัดเปลี่ยนขึ้นมา เด็กชายจะวิ่งไปตามรถคันต่าง ๆ ที่ติดเครื่องทิ้งไว้บนถนน ชูพวงมาลัยที่เสียบไม้เรียงรายขึ้นเหนือหัว รถยนต์คันหรูน้อยคันนักที่จะเลือกอุดหนุน ขายประจำของเขามีเพียงแท็กซี่ รถตู้ รถกระบะ<br />

ช่วงเวลาไฟเขียว เด็กน้อยจะนั่งฆ่าเวลาด้วยการเปิดดูหนังสือที่ตกลงมาจากฟ้า ทั้ง ๆ ที่อ่านไม่รู้เรื่องกับภาษาที่บรรยายอยู่ในนั้น แต่เชื่อว่าสักวันหนึ่งจะเข้าใจสิ่งที่เขียนไว้ในนั้น<br />






เช้านี้ตรงสี่แยกพิเศษกว่าทุกวัน เพราะมีนักร้องสาวสวยสี่คนมาถ่ายทำมิวสิกวีดีโอกลางสี่แยก ผู้คนต่างจอดรถรอดูกันเป็นแถวยาวเหยียด ยิ่งรถติดอยู่แล้วก็ยิ่งติดมากยิ่งขึ้น เสียงเพลงจากเครื่องขยายเสียงดังลั่นถนน การถ่ายทำดำเนินไปจากเช้าจนถึงช่วงสาย ๆ ของวัน

รถติดนานแต่ไม่มีใครสนใจซื้อพวงมาลัย ทุกคนสนใจแต่นักร้องที่แต่งตัวมั่นใจตามสไตล์วัยรุ่นไทยปัจจุบันอย่างน้ำลายสอ นักข่าวกำลังรุมสัมภาษณ์นักร้องสาวระหว่างรอสัญญาณไฟแดงจากตำรวจตรงสี่แยก

“albumนี้พวกเรามีมุมมองความรักที่โตขึ้นกว่าเดิม และใส่ความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น” เด็กชายได้ยินถ้อยคำหวานใสบางประโยค ระหว่างที่พวกเธอกำลังให้สัมภาษณ์กับกล้องวิดีโอ “แล้วมีความแปลกใหม่อะไรมาให้แฟน ๆ ได้surpriseกันบ้างครับ” นักข่าวถาม

“นอกจากstyleการแต่งตัวที่ชัดเจนขึ้น ยังมีเรื่องเสื้อผ้าทรงผมที่พวกเราออกแบบกันเอง อืม...ท่าเต้นบางท่าด้วย” นักร้องคนหนึ่งยืนขึ้นแล้วเต้นท่ากระเด้ง ๆ ตรงสะโพก เรียกเสียงฮือฮาจากคนที่อยู่รอบ ๆ ได้พอสมควร

“มีความสามารถกันมากจังเลยนะครับ แล้วในส่วนของงานเพลงชุดนี้ มีส่วนร่วมอะไรกันบ้างครับ”

“ถ้าถามถึงภาพรวมของดนตรีแล้วก็เนื้อเพลงในชุดนี้ เราก็มีส่วนร่วมกับproducerในการคิดconceptของalbum มีส่วนในการเลือกsoundใหม่ ๆ แปลก ๆ แล้วก็เนื้อเพลงบางเพลง ที่คิดว่าเหมาะกับพวกเรามากที่สุด”

เด็กชายมองพวงมาลัยในมือ ถ้าหากความเป็นตัวของตัวเองของพวกเธอ ต้องค้นหาจากการออกเทป แล้วเมื่อไรที่เด็กชายจะค้นพบสิ่งที่เหมาะกับตัวเองเสียที และจะต้องเริ่มค้นหาจากสิ่งใด<br />






เด็กชายนั่งฟังเพลงที่เปิดประกอบระหว่างที่น้องร้องสาวเหล่านั้นกำลังเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกกลางสี่แยกไฟแดงนับสิบรอบตั้งแต่เช้า ความหมายของเพลงค่อย ๆ ซึมซับให้ติดหูอย่างไม่รู้ตัว กับคำง่าย ๆ ที่พูดซ้ำ ๆ วนเวียนเกี่ยวกับความรักหักอก

เด็กชายพยายามเข้าใจความหมายของเนื้อเพลงที่พวกเธอ แม้จะเป็นภาษาสมัยใหม่ ไทยคำอังกฤษคำปนกันไปปนกันมา จำทำให้ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็พอจับใจความได้ว่า มันเป็นเนื้อหาของความรักที่ผิดหวัง เด็กชายได้ยินเพลงที่มีเนื้อหาอย่างนี้ทุกวันจากบนรถเมล์ หรือรถยนต์คันหรูที่เปิดกระจกสูบบุหรี่ขณะที่กำลังติดไฟแดง

เด็กชายเกิดความไม่เข้าใจขึ้นว่า ทำไมคนหน้าตาดี คนรวย ๆ สมัยนี้เขาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องราวเหล่านี้ได้ทั้งวันทั้งคืน<br />






เด็กชายอาศัยอยู่ใต้ทางด่วน เป็นเพิงเล็ก ๆ ที่เอาไว้คอยหลบแดดหลบฝน พ่อแม่ของเด็กชายถูกจับเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ติดคุกอยู่ที่บางขวางข้อหาค้ายาเสพติด ยายบอกว่ายังไม่รู้เลยว่าจะติดคุกกี่ปีทางการจะลดหย่อยโทษให้ได้แค่ไหน ถ้าหากคดีสืบสาวไปถึงตัวการใหญ่ไม่ได้ก็คงถูกประหารชีวิต

ก่อนที่พ่อแม่จะถูกตำรวจจับ วิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเล็ก ๆ ยังใช้การได้ดีอยู่ พ่อจะชอบฟังเพลงลูกทุ่ง เนื้อเพลงฟังง่ายท่วงทำนองหวานหู ทำให้เด็กชายมักจะเคลิ้มไปตามเนื้อร้องที่นักร้องขับขานความไพเราะออกมา แม้จะไม่รู้จักชื่อเพลงหรือชื่อนักร้อง แต่เพลงลูกทุ่งหลายเพลงเด็กชายมักจะร้องคลอตามได้ ถ้าได้ยินแว่วมา

ตอนนี้วิทยุเสียไปแล้ว เด็กชายจึงต้องอาศัยฟังเพลงจากที่ต่าง ๆ บนถนนหรือไม่ก็ตามร้านอาหารซึ่งหลาย ๆ ครั้งเด็กชายมักจะได้ยินเพลงของพวกเธอ <br />






บ่ายวันหนึ่งเด็กชายยืนหลบมุมดูทีวีอยู่ตรงหน้าร้านข้าว มิวสิกวีดีโอของนักร้องสาวเหล่านั้นกำลังถูกถ่ายทอดออกอากาศเป็นครั้งแรกทางสถานีโทรศัพท์ เด็กชายยืนดูเผื่อว่าจะเห็นตัวเองแวบ ๆ ขึ้นมาในทีวีบ้าง จนเพลงจบ ก็ไม่มีภาพตัวเองแวบขึ้นมาเหมือนในจินตนาการที่หวังเอาไว้

หลังเพลงจบ พวกเธอเหล่านั้นออกมาขอบคุณแฟนเพลงที่ให้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และเล่าถึงบรรยากาศในการถ่ายทำมิวสิกวีดีโอว่าร้อนและเหนื่อยมากมายแค่ไหน กว่าจะได้ภาพมันส์ ๆ สนุก ๆ มาฝากแฟนเพลง และทิ้งท้ายตอนจบว่าให้แฟนเพลงร่วมมือกันสนับสนุนผลงานที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง หยุดซื้อแผ่นผีซีดีเถื่อน เพื่อศิลปินจะได้มีกำลังใจในการทำงานต่อไป

เด็กชายเดินออกมาจากที่ตรงนั้น ปากขมุบขมิบพยายามร้องเพลงของพวกเธอ ย้อนคิดถึงภาพตัวเองที่กำลังวิ่งขายพวงมาลัยในตอนเช้า มันไม่สนุกเหมือนพวกเธอเลยสักนิด <br />






หนังสือปริศนาอยู่กับเด็กชายมาหลายวันแต่เด็กชายยังไม่สามารถเข้าใจความหมายของมันได้ มองขึ้นไปบนฟ้าหลายครั้ง หาที่มาที่ไปของมัน ใครส่งมันลงมา

เช้าวันหนึ่งที่แผงหนังสือ นักร้องสาวกลุ่มนั้นได้ลงหน้าปกหนังสือ ภาพของพวกเธอดูสวยใสและมีรอยยิ้มที่มีความสุข เด็กชายยืนมองภาพสวย ๆ บนปกหนังสือ พยายามซึมซับรอยยิ้มเหล่านั้นไว้ในความทรงจำ ไม่ถึงอึดใจ ผู้ชายหลายคนต่างพากันแย่งซื้อจนเกลี้ยงแผง

เด็กชายสงสัยกับปรากฏการณ์ตรงหน้า ลดสายตามองหนังสือที่พกติดตัว คิดย้อนไปถึงตอนหนังสือเล่มนี้ตกลงมาจากบนท้องฟ้า<br />






ระหว่างรอยายร้อยพวงมาลัยเพื่อนำไปขายตรงสี่แยก เด็กชายร้องเพลงลูกทุ่งที่พอจำได้ พลิกหนังสือเล่มนั้นทีละหน้า

“เสียงดีจังนะ น่าจะไปประกวดเป็นนักร้อง” ยายเอ่ย

“จริงหรอยาย” เด็กชายมีน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ

“จริงสิ แต่ข้าก็พูดไปอย่างนั้นแหละ อย่างเอ็งไปเป็นนักร้องกับเขาไม่ได้หรอก ดำอย่างกับถ่านอย่างนี้”

“คนตัวดำเป็นนักร้องไม่ได้เหรอยาย”

“เป็นไม่ได้หรอก แล้วอย่างเอ็งด้วยนะ ความรู้ก็ไม่มีเป็นแค่เด็กขายพวงมาลัยตามสี่แยก ใครจะเอาเอ็งไปเป็นนักร้องวะ ไม่ได้หน้าตาสวย ๆ หล่อ ๆ เป็นลูกคนรวยเหมือนนักร้องในทีวี”

“แล้วนักร้องจน ๆ ตัวดำ ๆ ไม่มีเหรอ”
“ไม่มีหรอกสมัยนี้ ใครเขาจะไปสนใจคนจน ดูอย่างเอ็งกับข้าสิ ขายพวงมาลัยตามสี่แยก อดมื้อกินมื้อไม่เห็นมีใครมันจะมาสนใจเลย”

“ฉันอยากให้คนมาสนใจอย่างพวกนักร้องในทีวีบ้างจัง จะได้มีชื่อเสียงมีเงินเยอะ ๆ แล้วเราจะได้กินอาหารอร่อย ๆ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อเหมือนอย่างนี้ไง...แล้วฉันก็จะได้เรียนหนังสือด้วย”

“เพ้อไปเรื่อยนะเอ็ง อ้าว...เสร็จแล้วเอาพวงมาลัยไปขายได้ ถ้าขายได้เอาเงินไปซื้อข้าวสารมากิโลด้วย ข้าวหมดแล้ว”<br />






กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

หนังสือเล่มหนึ่งตกลงมาจากบนท้องฟ้าสู่ใจกลางเมืองหลวง ผู้คนมากมายต่างวิ่งกรูเข้าไปเพื่อแย่งชิงกันเป็นเจ้าของ หลายคนไม่ได้ครอบครอง ต่างร้องไห้ฟูมฟายคร่ำครวญ เหมือนฟ้าจะเข้าใจความต้องการของคนเหล่านั้น จึงโปรยหนังสือเล่มนั้นลงมาอีกครั้งทุกคนต่างพากันแย่งชิงเก็บกันเหมือนมันเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่า

ครั้งที่สอง

ครั้งที่สาม

ครั้งที่สี่

ครั้งที่ห้า

ครั้งที่หก

ครั้งที่เจ็ด

ครั้งที่แปด

ครั้งที่เก้า...

แม้จะหล่นมาจากบนท้องฟ้าไม่รู้จักกี่ครั้ง ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนที่อยากได้เลย เหมือนเพลงติดหูของนักร้องสาวที่ไร้ใจความ เพียงแต่ร้องซ้ำ ๆ ถ้อยคำโดนใจ จนฮิตถูกใจของคนหมู่ปาก ร้องตามกันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ถ้าใครร้องไม่ได้อาจจะเชย ไม่อินเทรนด์ ตกยุคสมัยไป

แม้เด็กชายรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเนื้อหาที่อยู่ในหนังสือเหล่านั้น แต่ก็ทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ อย่างเจียมตัวโดยลำพัง





ตามประสาเด็ก ด้วยความอยากรู้จนห้ามใจตัวเองไม่อยู่ จึงรวมรวมความกล้าทั้งหมดถามคนที่มาแย่งชิงหนังสือที่ตกลงจากฟ้า เด็กชายเลือกถามเด็กชายวัยเดียวกัน ที่แตกต่างกันตรงเสื้อผ้า ผิวพรรณและความสะอาดผิวร่างกาย

“หนังสืออะไรเหรอ”

“หนังสือแปลก”

“หนังสือแปลก?” เด็กชายพูดทวนซ้ำอีกครั้ง ขมวดคิ้วสงสัย ไม่เข้าใจความหมาย

“ใช่ทำไมเหรอ”

“เอ่อ สนุกหรือเปล่า”

“สนุกสิ”<br />

“นายอ่านหนังสือออกใช่ไหม” เด็กชายถาม

“อ่านออกสิ”<br />

“อ่านนี่ให้เราฟังหน่อยได้ไหมว่ามันอ่านว่าอะไร” หยิบหนังสือที่พกติดตัวเสมอออกมา

“อันไหน”

เด็กชายชูหนังสือในมือให้ดู “ตัวหนังสือบนหน้าปกนี้อ่านว่าอะไร”

เด็กชายผิวสะอาดยิ้มง่าย ๆ อ่านตัวหนังสือบนหน้าปกให้เด็กชายขายพวงมาลัยฟัง<br />






ที่เพิงใต้ทางด่วน เด็กชายฮัมเพลงลูกทุ่งในลำคอ ระหว่างรอพวงมาลัยจากยายเพื่อเอาไปขายตรงสี่แยก

“ร้องได้ทุกวันเลยนะเอ็ง อยากเป็นนักร้องจริง ๆ หรือไง”

“เปล่าหรอกยาย ฉันก็แค่อยากร้อง ร้องแล้วมีความสุขดี”

ยายหัวเราะ “อย่างนั้นก็ดี ถ้าร้องแล้วมีความสุข เพราะถ้าคิดจะไปเป็นนักร้องละก็หมดหวัง เดี๋ยวนี้ไม่มีใครเขาฟังเพลงลูกทุ่งกันแล้ว โดยเฉพาะนักร้องลูกทุ่งที่ตัวดำ ๆ”

“ไม่แน่นะ ต่อไปอาจจะมีคนชอบเหมือนกับฉันก็ได้ นักร้องลูกทุ่งตัวดำ ๆ ขายพวงมาลัย”

“สาธุ ให้มันจริงเถอะ แล้วข้าจะรอดูวันนั้น” ยายยื่นพวงมาลัยที่เพิ่งร้อยเสร็จให้

“ฉันไปก่อนนะยาย” เด็กชายรับพวงมาลัย เดินออกไป

“เอ็งยังไม่เลิกถือหนังสือเล่มนั้นอีกหรือ อ่านออกสักตัวหรือไง”

“อ่านออกตัวหนึ่งแล้ว มีคนอ่านให้ฟัง”

“หนังสืออะไรของเอ็งวะ”

เด็กชายนิ่งไปชั่วครู่ มองหน้าปกหนังสือ ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ กับสมบัติที่ฟ้าประทานมาให้เขา

แดดอ่อนกำลังโรยตัวเต็มแผ่นฟ้าสีส้ม สองขานำพาร่างเล็ก ๆ พวกมาลัยแล้วก็หนังสือหนึ่งเล่มวิ่งออกไปบนถนน เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป บนถนนรถรากำลังหนาแน่น

ระหว่างนั่งรอสัญญาณไฟแดง เด็กชายมองขึ้นไปบนฟ้า<br />

บางสิ่งบางอย่างกำลังร่วงหล่นลงมา

เด็กชายยิ้มด้วยรอยยิ้มเดียวกับพวกเธอ<br />






กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

หนังสือเล่มหนึ่งตกลงมาจากบนท้องฟ้าสู่ใจกลางเมืองหลวง

นานแสนนาน นอนนิ่งอยู่บนพื้น ไม่มีใครสนใจและเหยียบข้ามมันไป อาจจะเป็นเพราะว่าสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในหนังสือเล่มนั้น มันเป็นเรื่องราวธรรมดา ๆ ที่ไม่แปลกพอ จึงทำให้มันถูกกลืนหายไปในกระแสกาลเวลาที่พัดผ่านไป<br />

สิ่งที่เกิดขึ้นในนั้นอาจเป็นเพียง เรื่องราวธรรมดา ๆ ของคนในดินแดนแห่งหนึ่ง ที่มีให้เห็นกันดาษดื่น เรื่องราวธรรมดา ๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นได้กลายเป็นตัวละครกลม ๆ แบน ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากนักเล่าเรื่องไส้แห้งสักคนหนึ่ง ที่เฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบ ๆ บนความจริงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา

ความจริงจากกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

ความจริงที่โหดร้าย

ความจริงที่เจ็บปวด

ความจริงที่น้ำเน่าไร้สาระ

ความจริงที่อุดมไปด้วยความสุข

ความจริงที่เกิดขึ้นบนดินแดนแห่งนี้

ความจริงที่ไม่มีใครสนใจมันอีกต่อไป
ขออภัย ขณะนี้เว็บไซท์ของดการสร้างหัวข้อใหม่และการแสดงความคิดเห็นไว้ชั่วคราว
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ