เรื่องสั้น
ความจริงจากกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ความจริงจากกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
หนังสือเล่มหนึ่งตกลงมาจากบนท้องฟ้าสู่ใจกลางเมืองหลวง ตรงสี่แยกไฟแดงเด็กชายขายพวงมาลัยคนหนึ่งวิ่งไปเก็บมันขึ้นมาจากบนพื้นคอนกรีต ก่อนที่รถจะเอาล้อไปเหยียบมัน ผู้คนขวักไขว่ข้ามถนนจากฝั่งไปอีกฝั่ง ไม่มีสายตาคู่ใดสนใจสมุดเล่มนั้น นอกจากเด็กชาย
เด็กชายอ่านหนังสือไม่ออกเพราะไม่ได้เรียนหนังสือ ตกเย็นเอาหนังสือเล่มนั้นไปให้ยายดู
หนังสืออะไรเอามาจากไหน ไปขโมยใครมาหรือเปล่า<br />
เปล่า เจอมันตกอยู่บนพื้น
ป่านนี้เจ้าของเขาไม่หากันให้วุ่นแล้วหรือไง
ไม่มีเจ้าของหรอก มันตกลงมาจากบนฟ้า
เอาหน้าปกหนังสือเข้าไปให้ยายดูใกล้ ๆ ตัวหนังสือมันอ่านว่าอะไรยาย
ยายดูเพียงแวบเดียว แล้วหันไปร้อยพวงมาลัยต่อ ไม่มีคำตอบใด ๆ ผุดพรายออกมา<br />
ทุกเช้าที่ไปขายพวงมาลัย เด็กชายจะพกหนังสือเล่มนี้ติดตัวไปเสมอ แม้จะยังอ่านไม่ออก แต่เชื่อว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะขึ้นชื่อว่าหนังสือ สิ่งที่อยู่ข้างในนั้นต้องเป็นสิ่งที่พิเศษ ความรู้ทุกอย่าง มักจะถูกอัดแน่นอยู่ในหนังสือ
ตอนเช้า ๆ รถที่จอดตามสี่แยก เด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน นอนหลับอยู่ในรถยนต์ที่จอดแน่นิ่งอยู่ตรงสี่แยก ชุดนักเรียนขาวสะอาด เด็กชายเหม่อตามมองเข้าไปในนั้น สิ่งใดเป็นผู้กำหนดให้เขาต้องมานั่งอยู่ตรงนี้ในทุก ๆ เช้า ไม่ใช่เป็นที่ตรงนั้น
พวงมาลัยไหมครับ ทุกครั้งที่ไฟแดงผลัดเปลี่ยนขึ้นมา เด็กชายจะวิ่งไปตามรถคันต่าง ๆ ที่ติดเครื่องทิ้งไว้บนถนน ชูพวงมาลัยที่เสียบไม้เรียงรายขึ้นเหนือหัว รถยนต์คันหรูน้อยคันนักที่จะเลือกอุดหนุน ขายประจำของเขามีเพียงแท็กซี่ รถตู้ รถกระบะ<br />
ช่วงเวลาไฟเขียว เด็กน้อยจะนั่งฆ่าเวลาด้วยการเปิดดูหนังสือที่ตกลงมาจากฟ้า ทั้ง ๆ ที่อ่านไม่รู้เรื่องกับภาษาที่บรรยายอยู่ในนั้น แต่เชื่อว่าสักวันหนึ่งจะเข้าใจสิ่งที่เขียนไว้ในนั้น<br />
เช้านี้ตรงสี่แยกพิเศษกว่าทุกวัน เพราะมีนักร้องสาวสวยสี่คนมาถ่ายทำมิวสิกวีดีโอกลางสี่แยก ผู้คนต่างจอดรถรอดูกันเป็นแถวยาวเหยียด ยิ่งรถติดอยู่แล้วก็ยิ่งติดมากยิ่งขึ้น เสียงเพลงจากเครื่องขยายเสียงดังลั่นถนน การถ่ายทำดำเนินไปจากเช้าจนถึงช่วงสาย ๆ ของวัน
รถติดนานแต่ไม่มีใครสนใจซื้อพวงมาลัย ทุกคนสนใจแต่นักร้องที่แต่งตัวมั่นใจตามสไตล์วัยรุ่นไทยปัจจุบันอย่างน้ำลายสอ นักข่าวกำลังรุมสัมภาษณ์นักร้องสาวระหว่างรอสัญญาณไฟแดงจากตำรวจตรงสี่แยก
albumนี้พวกเรามีมุมมองความรักที่โตขึ้นกว่าเดิม และใส่ความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เด็กชายได้ยินถ้อยคำหวานใสบางประโยค ระหว่างที่พวกเธอกำลังให้สัมภาษณ์กับกล้องวิดีโอ แล้วมีความแปลกใหม่อะไรมาให้แฟน ๆ ได้surpriseกันบ้างครับ นักข่าวถาม
นอกจากstyleการแต่งตัวที่ชัดเจนขึ้น ยังมีเรื่องเสื้อผ้าทรงผมที่พวกเราออกแบบกันเอง อืม...ท่าเต้นบางท่าด้วย นักร้องคนหนึ่งยืนขึ้นแล้วเต้นท่ากระเด้ง ๆ ตรงสะโพก เรียกเสียงฮือฮาจากคนที่อยู่รอบ ๆ ได้พอสมควร
มีความสามารถกันมากจังเลยนะครับ แล้วในส่วนของงานเพลงชุดนี้ มีส่วนร่วมอะไรกันบ้างครับ
ถ้าถามถึงภาพรวมของดนตรีแล้วก็เนื้อเพลงในชุดนี้ เราก็มีส่วนร่วมกับproducerในการคิดconceptของalbum มีส่วนในการเลือกsoundใหม่ ๆ แปลก ๆ แล้วก็เนื้อเพลงบางเพลง ที่คิดว่าเหมาะกับพวกเรามากที่สุด
เด็กชายมองพวงมาลัยในมือ ถ้าหากความเป็นตัวของตัวเองของพวกเธอ ต้องค้นหาจากการออกเทป แล้วเมื่อไรที่เด็กชายจะค้นพบสิ่งที่เหมาะกับตัวเองเสียที และจะต้องเริ่มค้นหาจากสิ่งใด<br />
เด็กชายนั่งฟังเพลงที่เปิดประกอบระหว่างที่น้องร้องสาวเหล่านั้นกำลังเต้นโยกย้ายส่ายสะโพกกลางสี่แยกไฟแดงนับสิบรอบตั้งแต่เช้า ความหมายของเพลงค่อย ๆ ซึมซับให้ติดหูอย่างไม่รู้ตัว กับคำง่าย ๆ ที่พูดซ้ำ ๆ วนเวียนเกี่ยวกับความรักหักอก
เด็กชายพยายามเข้าใจความหมายของเนื้อเพลงที่พวกเธอ แม้จะเป็นภาษาสมัยใหม่ ไทยคำอังกฤษคำปนกันไปปนกันมา จำทำให้ฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็พอจับใจความได้ว่า มันเป็นเนื้อหาของความรักที่ผิดหวัง เด็กชายได้ยินเพลงที่มีเนื้อหาอย่างนี้ทุกวันจากบนรถเมล์ หรือรถยนต์คันหรูที่เปิดกระจกสูบบุหรี่ขณะที่กำลังติดไฟแดง
เด็กชายเกิดความไม่เข้าใจขึ้นว่า ทำไมคนหน้าตาดี คนรวย ๆ สมัยนี้เขาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องราวเหล่านี้ได้ทั้งวันทั้งคืน<br />
เด็กชายอาศัยอยู่ใต้ทางด่วน เป็นเพิงเล็ก ๆ ที่เอาไว้คอยหลบแดดหลบฝน พ่อแม่ของเด็กชายถูกจับเมื่อปลายปีที่แล้ว ตอนนี้ติดคุกอยู่ที่บางขวางข้อหาค้ายาเสพติด ยายบอกว่ายังไม่รู้เลยว่าจะติดคุกกี่ปีทางการจะลดหย่อยโทษให้ได้แค่ไหน ถ้าหากคดีสืบสาวไปถึงตัวการใหญ่ไม่ได้ก็คงถูกประหารชีวิต
ก่อนที่พ่อแม่จะถูกตำรวจจับ วิทยุทรานซิสเตอร์เครื่องเล็ก ๆ ยังใช้การได้ดีอยู่ พ่อจะชอบฟังเพลงลูกทุ่ง เนื้อเพลงฟังง่ายท่วงทำนองหวานหู ทำให้เด็กชายมักจะเคลิ้มไปตามเนื้อร้องที่นักร้องขับขานความไพเราะออกมา แม้จะไม่รู้จักชื่อเพลงหรือชื่อนักร้อง แต่เพลงลูกทุ่งหลายเพลงเด็กชายมักจะร้องคลอตามได้ ถ้าได้ยินแว่วมา
ตอนนี้วิทยุเสียไปแล้ว เด็กชายจึงต้องอาศัยฟังเพลงจากที่ต่าง ๆ บนถนนหรือไม่ก็ตามร้านอาหารซึ่งหลาย ๆ ครั้งเด็กชายมักจะได้ยินเพลงของพวกเธอ <br />
บ่ายวันหนึ่งเด็กชายยืนหลบมุมดูทีวีอยู่ตรงหน้าร้านข้าว มิวสิกวีดีโอของนักร้องสาวเหล่านั้นกำลังถูกถ่ายทอดออกอากาศเป็นครั้งแรกทางสถานีโทรศัพท์ เด็กชายยืนดูเผื่อว่าจะเห็นตัวเองแวบ ๆ ขึ้นมาในทีวีบ้าง จนเพลงจบ ก็ไม่มีภาพตัวเองแวบขึ้นมาเหมือนในจินตนาการที่หวังเอาไว้
หลังเพลงจบ พวกเธอเหล่านั้นออกมาขอบคุณแฟนเพลงที่ให้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น และเล่าถึงบรรยากาศในการถ่ายทำมิวสิกวีดีโอว่าร้อนและเหนื่อยมากมายแค่ไหน กว่าจะได้ภาพมันส์ ๆ สนุก ๆ มาฝากแฟนเพลง และทิ้งท้ายตอนจบว่าให้แฟนเพลงร่วมมือกันสนับสนุนผลงานที่มีลิขสิทธิ์ถูกต้อง หยุดซื้อแผ่นผีซีดีเถื่อน เพื่อศิลปินจะได้มีกำลังใจในการทำงานต่อไป
เด็กชายเดินออกมาจากที่ตรงนั้น ปากขมุบขมิบพยายามร้องเพลงของพวกเธอ ย้อนคิดถึงภาพตัวเองที่กำลังวิ่งขายพวงมาลัยในตอนเช้า มันไม่สนุกเหมือนพวกเธอเลยสักนิด <br />
หนังสือปริศนาอยู่กับเด็กชายมาหลายวันแต่เด็กชายยังไม่สามารถเข้าใจความหมายของมันได้ มองขึ้นไปบนฟ้าหลายครั้ง หาที่มาที่ไปของมัน ใครส่งมันลงมา
เช้าวันหนึ่งที่แผงหนังสือ นักร้องสาวกลุ่มนั้นได้ลงหน้าปกหนังสือ ภาพของพวกเธอดูสวยใสและมีรอยยิ้มที่มีความสุข เด็กชายยืนมองภาพสวย ๆ บนปกหนังสือ พยายามซึมซับรอยยิ้มเหล่านั้นไว้ในความทรงจำ ไม่ถึงอึดใจ ผู้ชายหลายคนต่างพากันแย่งซื้อจนเกลี้ยงแผง
เด็กชายสงสัยกับปรากฏการณ์ตรงหน้า ลดสายตามองหนังสือที่พกติดตัว คิดย้อนไปถึงตอนหนังสือเล่มนี้ตกลงมาจากบนท้องฟ้า<br />
ระหว่างรอยายร้อยพวงมาลัยเพื่อนำไปขายตรงสี่แยก เด็กชายร้องเพลงลูกทุ่งที่พอจำได้ พลิกหนังสือเล่มนั้นทีละหน้า
เสียงดีจังนะ น่าจะไปประกวดเป็นนักร้อง ยายเอ่ย
จริงหรอยาย เด็กชายมีน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ
จริงสิ แต่ข้าก็พูดไปอย่างนั้นแหละ อย่างเอ็งไปเป็นนักร้องกับเขาไม่ได้หรอก ดำอย่างกับถ่านอย่างนี้
คนตัวดำเป็นนักร้องไม่ได้เหรอยาย
เป็นไม่ได้หรอก แล้วอย่างเอ็งด้วยนะ ความรู้ก็ไม่มีเป็นแค่เด็กขายพวงมาลัยตามสี่แยก ใครจะเอาเอ็งไปเป็นนักร้องวะ ไม่ได้หน้าตาสวย ๆ หล่อ ๆ เป็นลูกคนรวยเหมือนนักร้องในทีวี
แล้วนักร้องจน ๆ ตัวดำ ๆ ไม่มีเหรอ
ไม่มีหรอกสมัยนี้ ใครเขาจะไปสนใจคนจน ดูอย่างเอ็งกับข้าสิ ขายพวงมาลัยตามสี่แยก อดมื้อกินมื้อไม่เห็นมีใครมันจะมาสนใจเลย
ฉันอยากให้คนมาสนใจอย่างพวกนักร้องในทีวีบ้างจัง จะได้มีชื่อเสียงมีเงินเยอะ ๆ แล้วเราจะได้กินอาหารอร่อย ๆ ไม่ต้องอดมื้อกินมื้อเหมือนอย่างนี้ไง...แล้วฉันก็จะได้เรียนหนังสือด้วย
เพ้อไปเรื่อยนะเอ็ง อ้าว...เสร็จแล้วเอาพวงมาลัยไปขายได้ ถ้าขายได้เอาเงินไปซื้อข้าวสารมากิโลด้วย ข้าวหมดแล้ว<br />
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
หนังสือเล่มหนึ่งตกลงมาจากบนท้องฟ้าสู่ใจกลางเมืองหลวง ผู้คนมากมายต่างวิ่งกรูเข้าไปเพื่อแย่งชิงกันเป็นเจ้าของ หลายคนไม่ได้ครอบครอง ต่างร้องไห้ฟูมฟายคร่ำครวญ เหมือนฟ้าจะเข้าใจความต้องการของคนเหล่านั้น จึงโปรยหนังสือเล่มนั้นลงมาอีกครั้งทุกคนต่างพากันแย่งชิงเก็บกันเหมือนมันเป็นทรัพย์สมบัติล้ำค่า
ครั้งที่สอง
ครั้งที่สาม
ครั้งที่สี่
ครั้งที่ห้า
ครั้งที่หก
ครั้งที่เจ็ด
ครั้งที่แปด
ครั้งที่เก้า...
แม้จะหล่นมาจากบนท้องฟ้าไม่รู้จักกี่ครั้ง ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของคนที่อยากได้เลย เหมือนเพลงติดหูของนักร้องสาวที่ไร้ใจความ เพียงแต่ร้องซ้ำ ๆ ถ้อยคำโดนใจ จนฮิตถูกใจของคนหมู่ปาก ร้องตามกันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ถ้าใครร้องไม่ได้อาจจะเชย ไม่อินเทรนด์ ตกยุคสมัยไป
แม้เด็กชายรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเนื้อหาที่อยู่ในหนังสือเหล่านั้น แต่ก็ทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่าง ๆ อย่างเจียมตัวโดยลำพัง
ตามประสาเด็ก ด้วยความอยากรู้จนห้ามใจตัวเองไม่อยู่ จึงรวมรวมความกล้าทั้งหมดถามคนที่มาแย่งชิงหนังสือที่ตกลงจากฟ้า เด็กชายเลือกถามเด็กชายวัยเดียวกัน ที่แตกต่างกันตรงเสื้อผ้า ผิวพรรณและความสะอาดผิวร่างกาย
หนังสืออะไรเหรอ
หนังสือแปลก
หนังสือแปลก? เด็กชายพูดทวนซ้ำอีกครั้ง ขมวดคิ้วสงสัย ไม่เข้าใจความหมาย
ใช่ทำไมเหรอ
เอ่อ สนุกหรือเปล่า
สนุกสิ<br />
นายอ่านหนังสือออกใช่ไหม เด็กชายถาม
อ่านออกสิ<br />
อ่านนี่ให้เราฟังหน่อยได้ไหมว่ามันอ่านว่าอะไร หยิบหนังสือที่พกติดตัวเสมอออกมา
อันไหน
เด็กชายชูหนังสือในมือให้ดู ตัวหนังสือบนหน้าปกนี้อ่านว่าอะไร
เด็กชายผิวสะอาดยิ้มง่าย ๆ อ่านตัวหนังสือบนหน้าปกให้เด็กชายขายพวงมาลัยฟัง<br />
ที่เพิงใต้ทางด่วน เด็กชายฮัมเพลงลูกทุ่งในลำคอ ระหว่างรอพวงมาลัยจากยายเพื่อเอาไปขายตรงสี่แยก
ร้องได้ทุกวันเลยนะเอ็ง อยากเป็นนักร้องจริง ๆ หรือไง
เปล่าหรอกยาย ฉันก็แค่อยากร้อง ร้องแล้วมีความสุขดี
ยายหัวเราะ อย่างนั้นก็ดี ถ้าร้องแล้วมีความสุข เพราะถ้าคิดจะไปเป็นนักร้องละก็หมดหวัง เดี๋ยวนี้ไม่มีใครเขาฟังเพลงลูกทุ่งกันแล้ว โดยเฉพาะนักร้องลูกทุ่งที่ตัวดำ ๆ
ไม่แน่นะ ต่อไปอาจจะมีคนชอบเหมือนกับฉันก็ได้ นักร้องลูกทุ่งตัวดำ ๆ ขายพวงมาลัย
สาธุ ให้มันจริงเถอะ แล้วข้าจะรอดูวันนั้น ยายยื่นพวงมาลัยที่เพิ่งร้อยเสร็จให้
ฉันไปก่อนนะยาย เด็กชายรับพวงมาลัย เดินออกไป
เอ็งยังไม่เลิกถือหนังสือเล่มนั้นอีกหรือ อ่านออกสักตัวหรือไง
อ่านออกตัวหนึ่งแล้ว มีคนอ่านให้ฟัง
หนังสืออะไรของเอ็งวะ
เด็กชายนิ่งไปชั่วครู่ มองหน้าปกหนังสือ ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ กับสมบัติที่ฟ้าประทานมาให้เขา
แดดอ่อนกำลังโรยตัวเต็มแผ่นฟ้าสีส้ม สองขานำพาร่างเล็ก ๆ พวกมาลัยแล้วก็หนังสือหนึ่งเล่มวิ่งออกไปบนถนน เพื่อทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป บนถนนรถรากำลังหนาแน่น
ระหว่างนั่งรอสัญญาณไฟแดง เด็กชายมองขึ้นไปบนฟ้า<br />
บางสิ่งบางอย่างกำลังร่วงหล่นลงมา
เด็กชายยิ้มด้วยรอยยิ้มเดียวกับพวกเธอ<br />
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
หนังสือเล่มหนึ่งตกลงมาจากบนท้องฟ้าสู่ใจกลางเมืองหลวง
นานแสนนาน นอนนิ่งอยู่บนพื้น ไม่มีใครสนใจและเหยียบข้ามมันไป อาจจะเป็นเพราะว่าสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ในหนังสือเล่มนั้น มันเป็นเรื่องราวธรรมดา ๆ ที่ไม่แปลกพอ จึงทำให้มันถูกกลืนหายไปในกระแสกาลเวลาที่พัดผ่านไป<br />
สิ่งที่เกิดขึ้นในนั้นอาจเป็นเพียง เรื่องราวธรรมดา ๆ ของคนในดินแดนแห่งหนึ่ง ที่มีให้เห็นกันดาษดื่น เรื่องราวธรรมดา ๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นได้กลายเป็นตัวละครกลม ๆ แบน ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากนักเล่าเรื่องไส้แห้งสักคนหนึ่ง ที่เฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบ ๆ บนความจริงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
ความจริงจากกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว
ความจริงที่โหดร้าย
ความจริงที่เจ็บปวด
ความจริงที่น้ำเน่าไร้สาระ
ความจริงที่อุดมไปด้วยความสุข
ความจริงที่เกิดขึ้นบนดินแดนแห่งนี้
ความจริงที่ไม่มีใครสนใจมันอีกต่อไป