เรื่องสั้น
หล่อนไม่เบา
หล่อนไม่เบา ถนอม ขุนเพชร
ขับรถมีหล่อนนั่งไปด้วยข้างๆ เจอรถตำรวจทางหลวง
เปิดไฟแดงวาบๆ ไล่ประชาชนและหมาบนท้องถนน ด้วยขบวนยาวเหยียดที่ตามหลังมา คาดว่าเป็นเจ้ากระทรวงใดกระทรวงหนึ่งบินมาจากเมืองหลวง ท่านจะรีบไปอย่างยิ่งยวด
ผมเห็นหล่อนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ใบหน้าบิดเบี้ยวและน้ำเสียงสั่ง อย่าหลีก ไม่อย่างนั้นโกรธกัน ผมตัดสินใจไม่นานหรอกครับ ระหว่างเจ้าหน้าที่บ้านเมืองกับบทอาฆาตอันน่าสะพรึงกลัว
ขบวนผู้ทรงเกียรติเสียจังหวะ เอียงกระเท่เร่ไม่สวยงามเท่าที่ควร ผมร่ำจะถูกดำเนินคดีฐานขัดขวางเจ้าพนักงาน แต่หล่อนสั่งว่าห้ามกลัว ถ้าต้องเสียค่าปรับยินดีจ่ายไม่อั้น มันก็แปลก หล่อนยินดีจ่ายการนี้ แต่ยาสีฟันที่บ้านบีบจนแบนแล้วแบนอีกไม่ยอมซื้อหลอดใหม่ คร้านที่ผมจะหาเหตุผลมาอธิบาย
ผมสงสารเจ้าหน้าที่ตำรวจตรงที่เขาอุตส่าห์ประกาศ ขอทางอย่างสุภาพ และขบวนที่ผู้ทรงเกียรติที่คงจะรีบไปทำธุระที่ไหนสักแห่งจริง อันที่จริงท่านต้องลุกลี้ลุกลนรีบร้อนกว่าคนปกติอยู่แล้ว เพราะต้องทำงานให้คุ้มกับภาษีประชาชน ไม่ใช่ว่าจะขับรถกินลมเล่นอย่างเราได้สักหน่อย (ผมบ่นในใจแบบไม่ให้หล่อนอ่านความรู้สึกได้)
ผมเองก็เคยมีวาสนานั่งร่วมรถขบวนแห่แบบนั้น มันมีความสุขตอนเห็นชาวบ้านถูกกวาดทิ้งริมทาง อย่างไรคงอธิบายไม่ได้ หล่อนคงต้องไปทดลองนั่งเองดูบ้าง
นิสัยหล่อนก็เป็นเสียอย่างนี้ ครั้งแรกผมนึกว่าหล่อนเป็นโรคเกลียดรัฐมนตรี คงไม่แปลกประหลาดมากนัก ใครๆ ก็มีอาการดังกล่าวกันได้ แต่ผมคงคิดผิดไป ก็เหมือนอย่างที่หล่อนว่า คุณนะไม่เคยเข้าใจฉันเลยแม้สักนิดเดียว คำพูดนี้ผมถึงกับอกสั่นขวัญแขวนทีเดียวนะครับ พูดเป็นเล่นไป
วันนั้นเราไปติดต่อที่ว่าการอำเภอเกี่ยวกับขออนุญาตอะไร
เกี่ยวกับปลูกบ้านนี่แหละ ผมเองก็ไม่ค่อยได้จดจำ ก็เหมือนการไปติดต่อราชการทั่วๆ ไปนั่นละครับ เจ้าหน้าที่เขาจะชี้มือให้เราเดินไปโต๊ะโน้นโต๊ะนี้สักพัก เป็นการยืดเส้นยืดสาย พอถูกชี้วนกลับมาจุดแรก เจ้าหน้าที่คนเดิมก็อ้างว่าเอกสารเราไม่ครบ จะต้องไปถ่ายเอกสารมาอีก ๒ ชุด หล่อนไม่ได้แสดงความรู้สึกอย่างไร ผมคิดว่าคงรับรู้และทำใจมาก่อนบ้างว่าการติดต่อราชการเป็นเรื่องยากอยู่แล้ว หล่อนดึงผมเดินออกมาจากห้อง มาถึงบันไดทางลงด้วยอารมณ์ไม่ปกติ
ตอนนั้นเวลาราว ๑๐ โมงเช้า บุรุษวัยกลางคนใส่ชุดซาฟารีคนหนึ่งกำลังเดินขึ้นมา นายอำเภอ ผมคิดในใจเคยเห็นมาครั้งหนึ่ง ผมอยากกระซิบบอกหล่อน ไม่มีเหตุผลอะไรหรอกครับเพียงอยากคุยว่า ผมรู้จักคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองนี้เหมือนกัน แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเสียก่อน
ถ่ายเอกสารให้ด้วย หล่อนสั่ง นายอำเภองง ผมสังเกตเห็นบุรุษผมสีดอกเลาท่าทางผู้ทรงอำนาจเหมือนกำลังเจออุบัติเหตุโดนหมัดหรือถูกปาขี้อย่างไม่ทันตั้งตัว นายอำเภอที่ถูกใช้ไปถ่ายเอกสารไม่ถือเป็นการดูถูกอย่างร้ายแรงอย่างนั้นหรือ?
ถ่ายเอกสาร หล่อนเอาจริง ท่าทางเหมือนกับใช้นักการภารโรง และหล่อนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสียด้วย ผมแทบลมจับ
ระหว่างที่กำลังอึดอัดว่าจะเกิดอะไรต่อไป ผมเห็นนายอำเภอทำหน้ากระอักกระอ่วนอย่างไรชอบกล คงเมาหมัดมากกว่า ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งมาสั่งงานเอาซึ่งหน้า ในใจอาจคิดหวาดหวั่นว่าหล่อนอาจเป็นลูกรัฐมนตรีแวะมาติดต่อราชการก็ได้ จึงเรียกคนแถวนั้นแล้วบอกว่า ไปถ่ายเอกสารให้หน่อย แล้วท่านก็จากไปอย่างสิ้นลาย ท่านยังหันมาสบตาผมอย่างคลับคล้ายคลับคลา แต่ผมไม่ยอมสบตาด้วยหรอก
ก็ตามไปซิ หล่อนหันมาแหวใส่ผมให้รีบตามเจ้าหน้าที่ ผมจะยืนอยู่ทำไมละครับ ขนาดนายอำเภอยังกลัว
ภายหลังไม่นานนัก ท่านนายอำเภอถูกย้ายไปเสียไกล
ปลายปีมะโรง เสียงโทรศัพท์ปลุกเราหลังเที่ยงคืน ฝนกระหน่ำ มาตั้งแต่หัวค่ำ อณูแห่งความชื้นไม่ได้ช่วยคลายอากาศอบอ้าว ผมฝันร้ายกลับไปกลับมาหลายตลบ
เพื่อนบอกข่าวร้ายว่าน้ำท่วมเขตเทศบาลอย่างน่ากลัว เขาหอบลูกเมียหนีอย่างทุลักทุเลติดที่ดอนอยู่ในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง
โชคดีที่เอ็งอยู่นอกเมือง สัญญาณโทรศัพท์ขาดหายไป ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นที่นั่น ผมพยายามติดต่อกลับไปหาเขาแต่ไม่สำเร็จ ลองเปิดสมุดบันทึกหาเบอร์โทรศัพท์หาใครอีก 4-5 คน แต่ดูเหมือนระบบถูกตัดขาดไป
รุ่งขึ้นอีกวัน เส้นทางออกจากหมู่บ้านเป็นอัมพาตด้วยกระแสน้ำ และฝนที่กระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง หล่อนบ่นอยากเดินทางไปทำงานในเมืองตามปกติ คงอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่นมากกว่า แต่หมดปัญญา ถ้าผมเหาะได้หล่อนคงได้ไป (ผมคิดเอาเอง ระหว่างหล่อนสั่งการให้วิดน้ำที่ไหลเข้าบ้านชั้นเดียวเป็นพัลวันอยู่เกือบชั่วโมง)
ฝนซาเม็ดช่วงสาย เมฆยังระบายผืนฟ้าที่เหมือนจะปกคลุมโลกทั้งใบด้วยสีดำ
มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำไปจ่ายตลาด เป็นมติของหล่อนที่น่าจะทำอะไรดีกว่าการนั่งจับเจ่าตายซากรอคอยชะตากรรม ตัวตลาดประจำอำเภออยู่ในม่านละอองฝน
เสียงตามสายถ่ายทอดสดจากวิทยุที่เหลือเพียงสถานีเดียวขณะนั้นดังล่องลอยไปไกล ข่าวคราวทั้งตาย พลัดพราก บาดเจ็บ อยู่เต็มอากาศ
หมด เจ้าของร้านชำในตลาดรายหนึ่งบอก
โน่น ทางอำเภอซื้อไปแจกชาวบ้านน้ำท่วม เขาขยายความ รถติดป้ายยี่ห้อมหาดไทยจอดเรียงอยู่ริมถนนสี่ห้าคัน ไฟสีแดงวาบอยู่บนหลังคารถคันหนึ่งด้านหน้าสุด
หล่อนลงจากรถล่วงหน้าเดินไปที่แผงขายของสด ร้านรวงเหล่านี้เยื้องกับห้องแถวที่เป็นร้านชำอยู่ใต้ต้นประดู่ที่เรียงกันอยู่ ๓ ต้น มองไกลออกไปเป็นสถานีรถไฟ มีรถขบวนหนึ่งติดค้างอยู่ ละอองฝนสาดซัดใบไม้สีเขียวหลุดร่วงเกลื่อนบนผิวน้ำที่ท่วมขังถึงหน้าแข้ง ผมหาที่จอดรถไกลออกไปราวอีกสัก ๒๐๐ เมตร ก่อนจะเดินตากฝนตามหล่อนไม่รีบร้อน ระหว่างทางพบชายวัยกลางคน ผิวขาว สูงโปร่ง ใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ เปียกปอนพอสมควร มีคนเดินล้อมหน้าล้อมหลัง ขณะเดินสวนมา บ่นงึมงำ
คงเข้าใจผิดนะครับท่าน
ยังไง ชายวัยกลางคนว่า ขู่อยู่ในที
คงเข้าใจผิด ท่านไม่เหมือนเลย เดี๋ยวไปหมู่บ้านไหนก่อนดีครับผม คนที่เดินตามว่า เขายกวิทยุสื่อสารขึ้นมาฟัง ความว่า เรือท้องแบน ข้าวสาร อาหารแห้ง ยืนอยู่หน้าร้านขายลูกชิ้นสด หล่อนเปื้อนยิ้มประหลาด
คณะของใครนั่น
นายอำเภอ หล่อนบอก ยืนอยู่ตรงนั้น ทีแรกคิดว่าพ่อค้าขายลูกชิ้น ก็เลยถามราคาขอซื้อ ท่านไม่พอใจ
อ้า... ท่านนายอำเภอ ผมตกใจ พ่อค้าตัวจริงที่ยืนอยู่แถวนั้นแอบอมยิ้ม
หล่อนดูเหมือนภูมิอกภูมิใจเสียเหลือเกินที่สามารถเปลี่ยนนายอำเภอคนใหม่เป็นพ่อค้าลูกชิ้นในความคิดของหล่อนเสียได้ มุขนี้มักถูกนำกลับมาเล่าแล้วเล่าอีกในการติดอยู่ใต้หลังคา ๕ วันเต็ม ต่อจากนั้นสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงขึ้น ลูกชิ้นถุงเดียวไม่พอประทังชีวิต และท่านนายอำเภอก็ไม่เคยโผล่หน้ามาที่หมู่บ้านเรา
ไม่น่าไปว่าท่านเลย เป็นครั้งแรกที่ผมขึ้นเสียงกับภรรยา หลังจากโมโหหิวรุนแรง และคงไม่ต้องเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น มาดูแผลเป็นที่หางคิ้วกันได้... ผมไม่หวง.