เรื่องสั้น
หลังจากการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่
หลังจากการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่
หล่อนพยายามคิดประโยคภาษาอังกฤษสั้น ๆ ง่าย ๆ สำหรับการพูดเพื่อให้กำลังใจ ขณะที่กำลังทำแผลตามร่างกายให้กับเขา มันเป็นร่องรอยที่เกิดจากสะเก็ดระเบิด
หล่อนจำได้ว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้ ใคร ๆ ก็มักจะพูดผ่านสื่อว่า มันเป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่
เหตุการณ์วุ่นวายเกิดขึ้นตั้งแต่เช้ามืด เมื่อคนในพื้นที่สีแดงสองคนถูกกลุ่มคนลึกลับ ขับจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้ปืนจ่อยิงที่หัวและตามลำตัวจนเสียชีวิตแล้วจุดไฟเผาซ้ำอย่างโหดเหี้ยม ความโหดเหี้ยมไม่ได้จบลงตรงแค่นั้นเหมือนทุกครั้ง เพราะขณะที่ทหารกำลังเข้าไปตรวจสอบพื้นที่จุดเกิดเหตุ เสียงระเบิดก็ดังกึกก้องไปทั้งบริเวณจากระเบิดตั้งเวลาที่คนร้ายวางแผนชั่วซ้อนเอาไว้
มีทหารเสียชีวิตทันทีหนึ่งนายจากแรงระเบิด ทหารอีกหลายนายได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคยังดีที่มีการกั้นบริเวณจุดเกิดเหตุเอาไว้ไม่ให้เข้ามามุงดูได้ใกล้นัก จึงทำให้ไม่มีคนในพื้นที่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติมจากแรงระเบิด<br />
เว้นแต่เขาที่ไม่ใช่ทหารและอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุโดนอัดจากแรงระเบิด จนกระเด็นกระดอนเกลือกกลิ้งไปบนพื้นถนน หลังระเบิดความโกลาหลเกิดขึ้นซ้ำอีกระรอก กับการลำเลียงผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
หล่อนเป็นนางพยาบาลที่กำลังจะออกเวรในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
แม้ว่าจะเหนื่อยล้าจากการเข้าเวรข้ามคืนมาเกือบยี่สิบชั่วโมง แต่ด้วยกำลังแพทย์และพยาบาลที่มีไม่เพียงพอกับจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บ ทำให้หล่อนต้องอยู่ทำหน้าที่ต่อเพื่อให้ความช่วยเหลือ ส่วนหนึ่งหล่อนคิดว่ามันเป็นหน้าที่ในวิชาชีพของหล่อน แต่อีกส่วนหนึ่งหล่อนรู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ของเพื่อนร่วมแผ่นดินเดียวกัน
หล่อนทำแผลให้เขา ทั้ง ๆ ที่เขาไม่มีเค้าโครงสัญชาติของคนบนผืนแผ่นดินนี้เลยสักนิด
จากป้ายพลาสติกที่คล้องคอ หล่อนรู้ว่าเขาเป็นนักข่าวต่างประเทศที่มาทำข่าวในพื้นที่แห่งนี้ หล่อนไม่รู้ว่าเขาเข้ามาฝังตัวอยู่ที่นี่นานเท่าไรแล้ว หล่อนพยายามนึกหาเหตุผลว่าเขาคิดยังไงถึงยอมเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงในพื้นที่อันตรายเช่นนี้ เพราะในพื้นที่แห่งนี้ ดินแดนสีแดงที่คนในพื้นที่ถูกฆ่ารายวันราวกับผักปลา มีแต่คนอยากจะย้ายหนีออกไปเพื่อรักษาชีวิตตัวเอง
หล่อนคิดว่าถ้าเขาไม่บ้าก็คงเพี้ยน
ผู้บาดเจ็บถูกลำเลียงเข้ามาเรื่อย ๆ ทหารเสียชีวิตเพิ่มเป็นสองรายเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว แม้ทางทีมแพทย์จะทำการช่วยชีวิตอย่างสุดความสามารถ หล่อนมองเตียงรถเข็นที่มีผ้าขาวคลุมร่างจนมิดเข็นผ่านไปด้วยความเศร้าใจ ไม่รู้ว่าหล่อนจะต้องทนเห็นภาพนี้ซ้ำ ๆ กันอีกสักกี่ครั้ง
ภาพซ้ำ ๆ ที่เห็นกี่ครั้งก็ไม่เคยทำใจได้สักที
หล่อนเป็นคนในพื้นที่ตั้งแต่กำเนิด ครอบครัวของหล่อนพำนักอยู่นอกตัวเมืองออกไปสิบกิโลเมตร ครอบครัวเล็ก ๆ ที่มีพ่อแม่และหล่อนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของครอบครัว ด้วยพ่อแม่ไม่อยากให้หล่อนต้องประกอบอาชีพหาเช้ากินค่ำเหมือนอย่างตน จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อส่งหล่อนให้ได้เรียนสูงที่สุด และหล่อนก็ไม่ทำให้หยาดเหงื่อแรงกายของบุพการีผิดหวัง ด้วยการตั้งใจร่ำเรียนจนจบและประกอบอาชีพนางพยาบาลในโรงพยาบาลในตัวเมือง
แต่เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง ให้ชีวิตของหล่อนไม่สามารถตอบแทนคุณบุพการีได้อย่างที่ตั้งใจเอาไว้ เพราะเช้าวันแรกที่หล่อนแต่งชุดขาวไปที่โรงพยาบาล ก็คือเช้าวันเดียวกันกับที่พ่อแม่ของหล่อนถูกกลุ่มคนลึกลับใช้ปืนกราดยิงเข้าไปในบ้านจนเสียชีวิต
เหตุการณ์เกิดขึ้นและหายเข้ากลีบเมฆไปเหมือนทุก ๆ ครั้งที่มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา อำนาจรัฐไม่สามารถจับมือใครดมได้ว่าเป็นฝีมือของใคร แม้ความเสียใจจากการสูญเสียบุคคลที่สำคัญที่สุดในชีวิต จะทำให้หล่อนพยายามหาหนทางทุกวิถีเพื่อให้ทางการนำตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้ แต่สุดท้ายเสียงเล็ก ๆ ของหล่อนก็เหมือนโยนหินก้อนเล็ก ๆ ลงมหาสมุทร กับเสียงสรุปง่าย ๆ สั้น ๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์รายวันฉบับเช้าวันถัดไปว่า เป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่
หล่อนจำไม่ได้ว่าตั้งแต่วันนั้นหรือตั้งแต่ก่อนหน้านั้น คำ ๆ นี้ถูกพูดออกมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้งแล้ว
แม้ในหลาย ๆ ครั้งที่รัฐจะหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สถานการณ์ก็ไม่เคยดีขึ้นเลยสักนิดเดียว หล่อนนึกถึงนกกระดาษตัวแทนสัญลักษณ์ของความสงบสุขนับล้าน ๆ ตัวที่คนนอกพื้นที่ต่างร่วมแรงร่วมใจพับกันมาเพื่อปูพรมโปรยลงในพื้นที่ นึกถึงท่านฯคนก่อนที่เคยมาพักนักค้างแรมอยู่ในพื้นที่นี้ข้ามคืน ซึ่งตอนนี้ระหกระเหินเป็นนกขมิ้นผลัดถิ่นไปอยู่ต่างแดน จากการถูกรัฐประหารของคณะปฏิรูปการปกครอง ล่วงเลยมาจนถึงท่านฯคนใหม่ที่เดินทางลงมาในพื้นที่ เพื่อกราบขอโทษคนในพื้นที่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ไม่เคยมีอะไรดีขึ้น
ตรงกันข้ามกลับเลวร้ายขึ้นทุกวันด้วยซ้ำ หลายครั้งที่หล่อนเกิดความไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศนี้หลังจากดูข่าวในทีวี กับสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง ไม่ว่าจะเป็นเหตุระเบิดกลางกรุงในช่วงปีใหม่ กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงขับรัฐบาลทหารและรัฐบาลสิบเก้าล้านเสียงก่อนหน้านั้น และเหตุการณ์อื่น ๆ อีกมากมาย ตลอดไปจนถึงการประท้วงเรียกร้องให้มีหวยบนคิดต่อไป หล่อนไม่เข้าว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้นมันเป็นสถานการณ์ที่คนนอกพื้นที่เดือดร้อนกันจริง ๆ อย่างที่เป็นข่าวครึกโครมหรือเปล่า ถ้าเทียบกับข่าวฆ่ารายวันกรอบเล็ก ๆ น้อย ๆ บนหน้าหนังสือพิมพ์อย่างที่คนในพื้นที่อย่างพวกหล่อนกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ด้วยความหวาดผวาไม่ว่ายามหลับตาหรือลืมตา
หากคนนอกพื้นที่ประสบปัญหาความวุ่นวายในชีวิตจริง ๆ คนในพื้นที่อย่างหล่อนก็ประสบกับการตายรายวันจริง ๆ เช่นกัน
หลายครั้งที่ความหวาดผวาเกิดขึ้นกลางดึกและในทุกครั้งเวลาเดินออกจากบ้าน หล่อนเคยบอกกับตัวเองว่าถ้าหากกลัวตายนักทำไมไม่ย้ายออกไปนอกพื้นที่ สู่พื้นที่สีขาวล่ะ และคำตอบที่หล่อนมีให้กับตัวเองก็เกิดขึ้นในทุกครั้งที่เห็นภาพวิถีการดำเนินชีวิตของคนในพื้นที่เฉกเช่นหล่อน ภาพเหล่านั้นมันทำให้หล่อนรู้สึกรักผืนแผ่นดินเกิดของตัวเองจนหมดหัวใจ คนในพื้นที่ทุกคนที่หล่อนรู้จักถ้าไม่ถูกฆ่ารายวันตายซะก่อน น้อยคนนักที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วจะย้ายหนีออกไป ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะว่าไม่รู้ว่าจะย้ายหนีไปไหน ญาติพี่น้องทั้งหมดตั้งแต่ชั่วลูกชั่วหลานก็เกิดที่นี่และตายที่นี่ และอีกส่วนหนึ่งหล่อนคิดว่าทุกคนคิดเช่นเดียวกันกับหล่อน
ผืนแผ่นดินนี้เป็นของเรา
พ่อแม่ของหล่อนเกิดและตายที่นี่ หล่อนก็จะเกิดและตายที่นี่เช่นกัน
หล่อนมองเขาที่นอนอยู่บนเตียง แรงระเบิดคงทำให้เขาแน่นหน้าอกและหูอื้อ ขณะนี้เขายังไม่ได้สติคืนมาสักเท่าไร จากบาดแผลตามร่างกายของเขา หล่อนคิดว่าหลังจากเหตุการณ์นี้เขาคงตัดสินใจได้ว่าควรออกนอกพื้นที่เพื่อรักษาชีวิตตัวเองไว้ ชาวต่างชาติอย่างเขาไม่สมควรเอาชีวิตมาทิ้งอย่างไร้เหตุผลกับพื้นที่สีแดงเช่นนี้
พื้นที่ที่มีคนตายทุกวันอย่างไร้เหตุผล หรือเหตุผลอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับ ทหาร การเมือง ศาสนา โจรแบ่งแยกดินแดน ประวัติศาสตร์ ภาษา ความแตกต่างของเชื้อชาติ ฯลฯ หล่อนไม่รู้ว่าการสร้างสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากสาเหตุใด สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนี้สำหรับหล่อนก็คือทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และเฝ้ารอคอยความหวังจากรัฐบาล ที่จะเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
ทุกวันหล่อนได้เพียงหวังว่าพรุ่งนี้สถานการณ์มันจะดีขึ้นกว่าวันนี้ แม้มันจะไม่เคยเกิดขึ้นจริงเลยก็ตาม
หล่อนทำแผลให้เขาเสร็จ พูดสำเนียงภาษาอังกฤษแปร่ง ๆ สั้น ๆ เท่าที่นึกออก หวังว่าจะสร้างกำลังใจให้เขาได้บ้างสักเล็กน้อยก็ยังดี
พูดจบหล่อนเดินจากไป ในทุกก้าวที่ออกห่างไปจากเตียงเขา หล่อนรู้สึกคิดถึงพ่อแม่ขึ้นมาจนน้ำตาใส ๆ ซึมออกมาไม่รู้ตัว
เขาได้ยินเสียงบางเสียง ขยับเปลือกตาเปิดขึ้นมาทันพอที่จะพบนางฟ้าสีขาวกำลังเดินหายไป
เขาออกจากโรงพยาบาลหลังจากนอนพักรักษาตัวได้สามคืน
บาดแผลเริ่มตกสะเก็ด อาการหูอื้อทุเลาลงไปแล้วแต่ทั้งร่างกายยังคงปวดเมื่อยและเจ็บแปลบที่หน้าอกอยู่ตลอดเวลา แม้จะเตรียมใจไว้แล้วกับการขออาสามาทำข่าวในพื้นที่แห่งนี้ แต่เขาก็ไม่นึกว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับอย่างเขา<br />
ช่วงชีวิตนี้เขาไม่เคยมีความคิดเลยว่าจะมีโอกาสได้มาทำงานในพื้นที่แห่งนี้ แต่ด้วยหน้าที่หรือด้วยอุดมการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้น หลังจากเห็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากอีกฟากฟ้าหนึ่ง จึงทำให้เขาอาสาตัวเองมาทำงานที่นี้ด้วยความตั้งใจและเต็มใจ แม้ว่าทางครอบครัวจะทัดทานไว้แต่ก็ไม่สามารถห้ามได้ เขาต้องการลงมาเห็นความจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้และรายงานให้ชาวโลกได้รับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้น
และสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ก็ทำให้เขาไม่เดินทางออกไปจากพื้นที่เลย ทั้ง ๆ ที่เรื่องเหล่านั้นมันเป็นเหตุผลชั้นดีในการเดินทางออกจากพื้นที่แห่งนี้
เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลยว่า ชีวิตนี้จะมีโอกาสได้ทำข่าวฆ่ากันตายรายวันจนกลายเป็นเรื่องปกติแบบนี้ ที่ประเทศของเขาไม่มีความขัดแย้งรุนแรงเช่นนั้น เขาพยายามหาสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นแต่กว่าสามเดือนมาแล้วที่เขาอยู่ที่นี่ เขาก็ยังหาสาเหตุที่แท้จริงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย มีแต่การคาดเดาไปต่าง ๆ นานา จากสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มันก็ยากเกินกว่าจะหาคำตอบที่เหมาะสมในผลของเหตุที่เกิดขึ้น
เขาเขียนข่าวส่งสำนักข่าว รายงานข่าวตามจริงทุกวัน ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เลยว่าพื้นที่แห่งนี้ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าด้วยสาเหตุใด เขาเห็นข่าวในประเทศมักจะสรุปท้ายข่าวในพื้นที่แห่งนี้ว่ามันเป็นการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ เขาไม่รู้ว่าผู้อ่านในประเทศนี้จะเข้าใจความหมายของคำ ๆ นั้นหรือเปล่าว่าแท้จริงแล้ว ใครสร้างสถานการณ์ และสร้างสถานการณ์ไปทำไมและเพื่ออะไร
ขณะที่เดินออกจากโรงพยาบาล เขาได้รับโน้ตจากสำนักข่าวว่า สามารถเดินทางกลับได้ทันทีเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง เขามองข้อความนั้นอย่างไม่ใส่ใจ แน่นอนความคิดที่จะเดินออกไปจากพื้นที่แห่งนี้นั้นไม่ได้อยู่ในหัวเขาเลยสักนิด แม้ว่าแรงระเบิดนั้นจะทำให้เขาตายได้ทันทีถ้าอยู่ใกล้กว่านั้นอีกสักสองเมตร
ที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ เขาถามถึงนางพยาบาลที่ทำการรักษาเขาในวันที่ถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาล เขานึกอยากจะขอบคุณหล่อนที่ดูแลและทำแผลให้เขาเป็นอย่างดี นึกแปลกใจว่าหลังจากวันนั้นเขาก็ไม่เจอหล่อนอีกเลย
ด้วยภาษาที่ต่างกันทำให้การสื่อสารเป็นไปแบบกระท่อนกระแท่น แต่ภาษามือก็ช่วยทำให้เขาได้รับกระดาษมาแผ่นหนึ่งจากเจ้าหน้าที่ที่อยู่หลังเคาน์เตอร์ หลังจากพยายามสื่อสารกันอยู่นานสองนาน
เขาเดินออกจากโรงพยาบาลด้วยความมึนงงจนสับสน มองกระดาษในมือ เหมือนถูกแรงระเบิดซ้ำอีกระรอก
เขารีบรุดเดินทางมาตามแผนที่ เป็นครั้งแรกที่เขามีโอกาสเข้ามาในวัด
ภายในวัดดูเงียบสงบและเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความโศกเศร้าที่ลอยวนอยู่ในอากาศ เขารีบเดินไปยังศาลาตามที่ระบุไว้ในแผนที่ ในศาลามีคนอยู่ไม่กี่คน<br />
หัวใจเขาเต้นแรงทุก ๆ ย่างก้าวที่เดินเข้าไปใกล้ ผู้คนที่อยู่ในศาลาต่างมองเขาเป็นตาเดียวกัน เดินเข้าไปจนถึงในตัวศาลามองไปที่รูปขาวดำที่ตั้งอยู่ข้างโลงศพ แม้เขาจะเคยเห็นหล่อนเพียงครั้งเดียวจากด้านหลัง แต่เขาก็จดจำหล่อนได้ด้วยความรู้สึกที่ฝังอยู่ในใจตลอดสามวัน
น้ำตาเขาไหลออกมาไม่รู้ตัว เขาบอกไม่ได้ว่าเขาสมควรเสียใจเพราะอะไร ทั้ง ๆ ที่เขากับหล่อนเกิดขึ้นคนละแผ่นดินที่ไกลกัน หล่อนไม่ใช่ญาติเขาและเขากับหล่อนก็ไม่เคยคุยกันสักคำเลยด้วยซ้ำ แม้ในหลาย ๆ ครั้งที่เขาทำข่าวเหตุการณ์ฆ่ากันตาย ปืนจ่อยิง ระเบิด เผาทั้งเป็น เขาก็ไม่เคยรู้สึกเสียใจและสูญเสียเช่นนี้
เขาไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้เพราะอะไร เพราะความสูญเสีย หรือว่าร้องไห้ให้กับหล่อน หรือว่าร้องไห้ให้กับผืนแผ่นดินแห่งนี้
เดินเข้าไปใกล้ที่โรงศพ มองไปยังรูปหล่อน เขาจำได้ถึงแรงสัมผัสนุ่มนวลที่หล่อนทำแผลให้กับเขา ยังรู้สึกอบอุ่นจากคำพูดภาษาของเขาเบา ๆ ที่หล่อนบอกกับเขาในตอนนั้น
หล่อนคือนางฟ้าของเขาในผืนแผ่นดินที่เต็มไปด้วยการสร้างสถานการณ์ในพื้นที่แห่งนี้
ขอบ คุณ คับ เขาพูดภาษาของหล่อนออกมา