เรื่องสั้น
เรื่องสั้นสมบูรณ์แบบ
เรื่องสั้นสมบูรณ์แบบ
1. ภายในห้องสี่เหลี่ยมอับ ๆ ไร้หน้าต่าง ลมชื้นพัดลอดเข้ามาแผ่ว ๆ ตรงช่องประตู พัดลมเพดานหมุนเอื่อยอาดไม่รู้ร้อนรู้หนาว เหมือนกับโลกที่ค่อย ๆ หมุนรอบตัวเองให้หมดไปในหนึ่งวัน บริเวณพื้นผิว-หนังสีน้ำผึ้งที่เริ่มแห้งเหนี่ยว เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ค่อย ๆ ผุดพรายออกตามรูขุมขน ด้วยอุณหภูมิภายในร่างกายที่แล่นสูงขึ้นทุกที ๆ จนกระทั่งปลายนิ้วล่วงล้ำสัมผัสตัวอักษรสุดท้าย
สมบูรณ์แบบ! เขาตะโกนก้องออกมา เนื่องจากเก็บอารมณ์ตื่นเต้น ดีใจไว้ไม่อยู่ เหงื่อเม็ดเล็กหยดหนึ่งไหลลาดลงจากปลายจมูก ปะพรมลงบนแป้นคีย์บอร์ดสีขาวขุ่นที่ผ่านการสัมผัสจากปลายนิ้วนับครั้งไม่ถ้วน
ทันทีที่เขาเขียนเรื่องสั้นเรื่องล่าสุดจบ ด้วยความรวดเร็วและชำนาญ เขาเซฟงาน-เอนตัวหยิบกระดาษเอสี่ในลิ้นชักใส่เครื่องปริ้นเตอร์-ปริ้นงานออกมา-หยิบมันดูด้วยความชื่นชมทีละแผ่นจนครบ-นำกระดาษใส่ซองเอกสารสีน้ำตาล-ใช้ปลายลิ้นเลียแต้มปิดผนึกซอง-เขียนที่อยู่ผู้ส่ง(ที่อยู่ของเขาเอง)-ผู้รับ(บรรณาการเรื่องสั้นนิตยสารรายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง)-หยิบปากกาเมจิกสีแดงเขียนต่อท้ายรหัสไปรษณีย์ผู้รับตัวใหญ่ ๆ อย่างชัดเจนว่า ด่วน รีบวิ่งไปที่ไปรษณีย์หน้าปากซอย-ยืนต่อคิว-ยื่นจดหมายระบุกับพนักงานไปรษณีย์ว่า อีเอ็มเอส
ถึงเมื่อไหร่ครับ เขาถามน้ำเสียงกระวนกระวาย
พนักงานไปรษณีย์ก้มมองนาฬิกา พรุ่งนี้ประมาณบ่ายโมง
น่าจะทัน ๆ เขารำพันกับตัวเองซ้ำไปซ้ำมา
2.
เขาเริ่มเขียนเรื่องสั้นมาสามปีแล้ว จุดเริ่มในการเขียนเรื่องสั้นของเขา เกิดขึ้นจากแรงบันดาลใจเมื่อได้อ่านหนังสือ สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคน ของวินทร์ เลียววาริณ ด้วยความบังเอิญที่เผลอเดินเข้าร้านหนังสือ ในวันที่ไปยืนรอแฟน(ที่มาช้ากว่าชั่วโมง)ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
ในร้านหนังสือระหว่างเตร็ดเตร่ เขาหยิบหนังสือเล่มนี้ออกมาชั้นวางหนังสือโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจจะเป็นเพราะสายตาตวัดเห็นป้ายซีไรต์ แปะการันตีไว้ นึกเล่น ๆ ซื้อมาถือเท่ ๆ ก็คงไม่เสียหายอะไร แต่เมื่อหลงไปอ่านเรื่องแรก จนกระทั่งเรื่องสุดท้ายจบไป เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างกระทบกระทั่งจิตใจอย่างหักห้ามไม่ได้ และสุดท้ายเขาก็เริ่มลงมือเขียนเรื่องราวจากจินตนาการของตัวเองเรื่องแรก ด้วยแรงกระตุ้นจากการอ่านหนังสือเล่มนั้นเป็นจุดเริ่ม
แม้จะไม่มีประสบการณ์เลยแม้แต่นิดเดียวในการเขียนหนังสือ แต่ด้วยความตั้งใจและมุ่งมั่นที่อยากจะผลิตงานวรรณกรรมดี ๆ (บ้าง) เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง และหวังว่ามันจะเป็นที่ยอมรับแก่สังคมโดยรวม ทำให้เขามุ่งมั่นที่เขียนเรื่องสั้นออกมาไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
จากวันแรกจนถึงวันนี้ เรื่องสั้นกว่าร้อยเรื่องถูกถ่ายทอดออกมาจากจินตนาการ และรอยหยักในสมอง ด้วยกลเม็ดเคล็ดลับ, ไม่ลับ วิธีการต่าง ๆ ที่เขาสืบเสาะหามาเพื่อเติมแต่ง และตกแต่งผลงานของตัวเอง ยังจำได้ดีถึงเรื่องสั้นเรื่องแรกที่เขียนเสร็จ หัวใจเต้นเร้าไม่เป็นจังหวะ ดีใจ อยากแสดงออกให้โลกภายนอกได้เห็นถึงคุณค่าของวรรณกรรมชั้นดีที่ได้อุบัติขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ แต่ความไม่กล้าพอ เขาจึงเก็บมันไว้อ่านเพียงคนเดียวและผลิตงานชิ้นต่อไป ๆ และต่อไป
หลังจากซุ่มเขียนเรื่องสั้นไว้อ่านคนเดียวมานาน จุดเปลี่ยนในการเขียนเรื่องสั้นเขา ถูกยกระดับเปลี่ยนไปอีกครั้งหนึ่งเมื่อได้อ่านเจอในอินเตอร์เน็ตแล้วพบว่า มีนิตยสารรายเดือน รายปักษ์ รายสัปดาห์ หลายเล่มที่เปิดรับเรื่องสั้น เขาใช้เวลาตรึกตรองอยู่หลายวันในความคิดที่จะกล้าส่งผลงานออกไป
ในที่สุดผลงานเรื่องแรกเขาก็ถูกออกไปสู่โลกกว้าง หลังจากเขาเริ่มเขียนเรื่องสั้นได้สองปี กับผลงานกว่าหนึ่งร้อยเรื่อง เขาส่งเรื่องสั้นที่คัดสรรแล้วไปให้นิตยสารรายสัปดาห์ฉบับหนึ่งพิจารณา
3.
หนึ่งปีเต็ม ๆ ที่เขาส่งเรื่องสั้นไปให้นิตยสารรายสัปดาห์ฉบับนั้นพิจารณา ตัวอักษรที่ถูกถักทอร้อยเรียงจากจินตนาการกว่าร้อยเรื่องที่ถูกส่งไป การรอคอยอย่างใจจรดจ่อทำให้เขาเหว่ว้า จมอยู่กับความเงียบในแรงสะท้อนกลับ เวลาที่หลุดพ้นปฏิทินไปทุกวันทำให้นึกท้อแท้ว่าจะไม่ส่งอีกต่อไปแล้ว จนสุดท้ายสวรรค์ก็ฉายแสงลงมา(แม้มันจะเป็นแสงจาง ๆ ก็เถอะ) ก่อนวันที่เขาจะเลิกล้มความตั้งใจว่าจะเป็นนัก(อยาก)เขียน-เมื่อวานนี้เขาได้รับการตอบรับ(สักที) ไปรษณียบัตรจากบรรณาธิการกับข้อความสั้น ๆ ทำให้เขาต้องทนอดหลับอดนอนทั้งคืน รีบเร่งเขียนเรื่องสั้นชิ้นใหม่แล้วรีบส่งให้ไปทันทีในเช้าวันถัดไป(วันนี้)
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ เพราะหนึ่งปีเต็ม ๆ กับการพยายามส่งเรื่องสั้นนับร้อยเรื่องที่เขียนเก็บเอาไว้ทยอยส่งไป แต่เรื่องทั้งหมดก็เหมือนถูกดูดกลืนไปในหลุมอากาศ หายสาบสูญไปเหมือนกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
ในท้ายที่สุดมันก็เกิดขึ้นเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้หายไป แม้ข้อความตอบกลับเนื้อความในจดหมาย มันจะไม่ได้เป็นข้อความที่บอกว่าเรื่องสั้นที่เขาส่งไป ผ่าน แต่อย่างน้อยมันก็เป็นกำลังใจให้คน(อยาก)เขียนเรื่องสั้นอย่างเขา มีแรงกระตุ้นในการทำมันต่อไป
ข้อความตอนหนึ่งในจดหมาย สร้างแรงกระตุ้นอย่างมหาศาลให้กับเขา เหมือนคนที่เดินหลงทางอยู่ในความมืด แล้วจู่ ๆ ก็มีความหวังในชีวิตเมื่อเห็นแสงสว่างสาดส่องเข้ามา
...ผมเห็นถึงความตั้งใจของคุณ แม้ตอนนี้งานของคุณจะยังไม่ผ่าน แต่ผมเห็นถึงการพัฒนาของงาน งานช่วงหลัง ๆ มีวิธีการเขียนและนำเสนอที่ดีขึ้น แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่คุณยังขาดในงานของคุณก็คือชีวิต...
ทุก ๆ ครั้งที่เขาเขียนเรื่องสั้นเสร็จ เขามักจะอ่านทบทวนหาจุดบอด และจุดบกพร่องของตัวเอง เรื่องสั้นหลาย ๆ เรื่องที่เขียนเสร็จสิ้น มีการนำเสนอที่อ่อนเกินไป โครงเรื่องไม่แน่นและหละหลวม ภาษาที่ใช้ยังไม่ดี การดำเนินเรื่องติดขัด การเสนอแนวคิดไม่คมพอ ฯลฯ และอีกหลาย ๆ อย่างที่เขาพยายามพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ
เขาเชื่อว่าจุดบอดหลาย ๆ จุดเขาถูกลบออกไป พร้อม ๆ กับการพัฒนาตัวเองในการเขียนเรื่องสั้นกว่าสามปีที่ผ่านมา ความมั่นใจในตัวเองว่าเขาเดินมาถูกทางจะไม่เพิ่มพูนมากขนาดนี้เลย ถ้าไม่ได้จดหมายฉบับนั้นจากบรรณาธิการ แม้มันจะเป็นจดหมายคอมเมนต์ก็ตาม แต่เขาก็เชื่อว่ามันเป็นการติเพื่อก่อ ติเพื่อสร้างนักเขียนวรรณกรรมชั้นเลิศให้เกิดขึ้นในประเทศนี้
จุดบอดจุดสุดท้ายกำลังถูกลบออกไป จากคำชี้แนะของจดหมายฉบับนั้น
4. เขาเดินออกจากไปรษณีย์ด้วยความอิ่มเอมใจ หลังจากงานชิ้นล่าสุดได้ถูกส่งออกไป วันนี้เขาได้เรียนรู้จุดผิดพลาดอีกจุด นอกจากที่ได้ทดลองการเขียนงานในหลาย ๆ แนวทางนั้นก็คือ ไม่เป็นเรื่องดีเลยในการที่เขาเก็บดองงานเอาไว้กับตัวเองนานเกินไป และอีกทั้งการส่งที่ล้าช้าเกินไป(ปกติเขาส่งไปรษณีย์แบบธรรมดาเป็นประจำ)
เช้านี้-เขาฝันถึงเรื่องสั้นเรื่องแรกที่ลงนิตยสารรายสัปดาห์ คงโก้ดีพิลิก ถ้าเช้าวันนั้นมาถึงเขาจะเหมานิตยสารฉบับนั้นให้เกลี้ยงแผง ฝันถึงเรื่องสั้นเรื่องต่อไปที่จ่อคิวที่จะลงนิตยสารฉบับถัดไป จินตนาการถึงหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มแรกที่วางอยู่บนชั้นวางหนังสือในร้านหนังสือชื่อดัง กลายเป็นหนังสือติดอันดับ(เรื่องสั้น)ขายดีอันดับหนึ่ง จนกระทั่งได้รางวัลซีไรต์มาประดับบนปกหนังสือ
ก่อนความคิดในการวางแผนที่จะเขียนเรื่องสั้นเรื่องต่อไป เขาคิดว่าบางทีเขาอาจจะสมควรเริ่มเขียนนิยาย หรือนวนิยายบ้าง แม้จะยังไม่ค่อยเข้าใจว่าสองคำนี้มันแตกต่างกันเท่าไร แต่ไม่เป็นไรค่อย ๆ เรียนรู้ไปแล้วกัน ยังไงเขาเป็นคนที่เรียนรู้เร็วและพร้อมที่จะเรียนรู้อยู่แล้ว และหากมีเวลาว่าง ๆ เขาอาจจะเจียดเวลาเพื่อไปเขียนบทความ หรือความเรียงให้กับนิตยสารรายสัปดาห์ หรือรายปักษ์ชื่อดังทั้งหัวไทยหัวนอก
หัวเราะกับความโง่เง่าของตัวเองเบา ๆ พอขำ ๆ ไม่นึกเลยว่า การส่งไปรษณีย์แบบช้าและเร็วจะมีผลกระทบต่อการพิจารณาเรื่องสั้นของบรรณาธิการอย่างนี้ เรื่องสั้นเรื่องต่อไปคงไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปแบบการส่งงานครั้งผ่าน ๆ มาอย่างแน่นอน
หยิบใบเสร็จค่าส่งไปรษณีย์มาดู ค่าขนส่งแบบอีเอ็มเอสกับแบบธรรมดาต่างกันสามสิบบาท ราคาที่แตกต่างแต่แลกมาซึ่งความคุ้มค่ากับนักเขียนเรื่องสั้นรางวัลซีไรต์ในอนาคตยังไงก็คุ้ม
เขามีความมั่นใจว่างานชิ้นนี้ต้องผ่านการพิจารณาแน่นอน
ถ้ามันไปถึงมือบรรณาธิการทัน โดยไม่ตายซะก่อน เหมือนต้นฉบับเรื่องสั้นทุกเรื่องที่ผ่านมา ที่เสียชีวิตระหว่างทางจัดส่ง (หรือก่อนหน้านั้น)
เขาเพิ่งเข้าใจว่าตัวอักษรมีเรื่องราว เรื่องสั้นมีชีวิตก็ตอนนี้เอง นี้อาจจะเป็นการพัฒนาอีกขั้นสำหรับนักเขียนชั้นเลิศอย่างเขา
คราวหลังทุกครั้งที่เขียนเรื่องสั้นจบ หลังจากที่ต้นฉบับยังดิ้นเร่า ๆ อยู่บนหน้ากระดาษ หากมันถูกปริ้นออกมา เขาจะต้องรีบส่งมันออกไปทันที ไม่ให้มันตายไร้ชีวิตเหมือนกับเรื่องสั้นทุกเรื่องที่เขาเขียนส่งไปอย่างล่าช้าเหมือนที่เคยเป็นมา
5.
ในห้องสี่เหลี่ยมอับ ๆ พัดลมหมุนวนเอื่อยอาดอย่างไม่สะทกสะท้านหรือรู้ตัว ว่าเขากำลังรำคาญในความเฉื่อยชาของมัน เขานั่งลงตรงที่เดิม เปิดคอมพิวเตอร์ คลิกเมาท์ไล่มองต้นฉบับที่ไร้ชีวิตนับร้อยที่อยู่ในไฟล์คอมพิวเตอร์
ขณะที่นั่งมองงานเก่า ๆ ของตัวเองเหล่านั้น เขามีความรู้สึกว่า งานไร้ชีวิตก็คือสิ่งที่เกิดมาชั่วครู่ชั่วคราวแล้วก็ตายจากไป แต่งานเขียนที่แท้จริงมันจะเป็นอมตะมีชีวิตยืนยาวไม่มีวันตาย แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน
น่าจะทันนะ ๆ เขาบอกกับตัวเองซ้ำ ๆ ภาวนาขอให้เรื่องสั้นที่ส่งไป มีชีวิตยืนยาวพอที่จะถึงมือบรรณาธิการนิตยสารรายสัปดาห์ฉบับนั้น
สูดลมหายใจเข้าลึก ท่ามกลางความร้อนที่พัดลมบนหัวที่กำลังหมุนช้า
เขาเริ่มเขียนเรื่องสั้นเรื่องใหม่อีกครั้ง ด้วยรูปแบบการเขียนเท่ ๆ บวกกับกลวิธีนำเสนอใหม่ล่าสุดที่เขาเพิ่งคิดออกระหว่างเดินกลับจากไปรษณีย์