เรื่องสั้น

เสียงศตวรรษ

by สิงห์ลา @June,25 2007 18.37 ( IP : 202...98 ) | Tags : เรื่องสั้น

เสียงศตวรรษ

เช้านี้อากาศแจ่มใส แต่จิตใจเขาขุ่นมัว

บนถนนมุ่งสู่กลางเมือง การจราจรยังไม่กลายเป็นจลาจล ในรถยนต์ญี่ปุ่นสี่ประตูรุ่นที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี แอร์ภายในรถเย็นฉ่ำ มือของเขากำพวงมาลัยหลวม ๆ นิ้วมือทั้งสิบขยับเคลื่อนไหวเบา ๆ ตลอดเวลาคล้ายหนวดปลาหมึก<br />

ภาพสะท้อนจากกระจกมองหลัง-คิ้วของเขาขมวดแทบจะผูกกันเป็นปม ตาหรี่เล็กหน้าผากย่นเข้าหากันเหมือนคนกำลังกังวลครุ่นคิดอะไรสักอย่างหรือหลาย ๆ อย่างพร้อม ๆ กันอยู่ตลอดเวลา เกือบสัปดาห์แล้วที่เขาไม่สามารถข่มตาหลับได้เต็มตื่น กลางดึกเขาจะผวาสะดุ้งลืมตาโพรงในความมืด พร้อมกับเหงื่อเปียกชื้นเต็มฝ่ามือไรผมและแผ่นหลัง เนื้อตัวสั่นสะท้านหวาดกลัวกับเสียงแว่วที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึก เสียงที่ทำให้เขารู้สึกถึงความไม่มั่นคง เสียงที่น่าขยะแขยง น่ารำคาญ เสียงที่ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไร้ค่า...

เช้านี้เขาแต่งตัวไปทำงานด้วยจิตใจที่ห่อเหี่ยว อาบน้ำด้วยความรู้สึกด้านชา ปล่อยหนวดเคราให้แทงขึ้นมาบริเวณผิวหน้าโดยไม่คิดจะโกนมันทิ้ง ขอบตาเขียวคล้ำดวงตาเหมือนจมอยู่ในหลุมลึก หม่นหมอง เมื่อคืนเป็นอีกคืนที่เขาฝันถึงมัน ไอ้เสียงนั้นมันตามมาหลอกหลอนเขาอีกแล้ว





เขาอาจจะเป็นชายในฝันของหญิงสาวหลาย ๆ คน

หากดูจากความสวยงามของเปลือกที่ห่มกายภายนอก คงไม่มีใครสังเกตเห็นได้ถึงความผิดปกติที่ซ่อนอยู่ ภาพลักษณ์อันเลิศหรูของชายหนุ่มอนาคตไกล มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี ตั้งแต่อายุอานามยังไม่ถึงสามสิบปี ผิวขาวสูงร้อยเจ็ดสิบแปด ผมเรียบแปล้แต่งตัวภูมิฐาน เสื้อเชิ้ตแบรนด์เนม ใส่สูทผูกเนกไทไหมพรมราคาแพง รองเท้าเงาวาวเหมือนกระจก

ชีวิตดี ๆ เช่นนี้ จะมีเรื่องทุกข์ใจใดที่ทำให้หวาดผวานอนไม่หลับได้ทุกคืน

เลี้ยวรถเข้าตึก ยามเฝ้าทางเข้าออกลานจอดรถ ยกตวัดมือขึ้นที่หางคิ้วทำความเคารพเขาเหมือนทุกครั้ง แม้อยากจะยิ้มทักทายหรือหยุดรถเพื่อพูดคุยสักคำสองคำแต่เช้านี้มันห่อเหี่ยวเกินไปที่จะทำเช่นนั้น เขาค่อย ๆ เคลื่อนรถเข้าไปภายในอาคารจอดรถของตึกแฝดริมถนนรัชดาภิเษก ยังเช้าอยู่จึงยังพอมีที่จอดรถให้เขาเสียบเข้าไปโดยไม่ต้องวนขึ้นวนลงให้เปลืองน้ำมันเล่น

เดินสืบเท้าเข้าไปในตัวตึกสำนักงานที่อยู่ติดกัน ออฟฟิตเขาอยู่ชั้นยี่สิบเอ็ด เช้านี้เขายังไม่เดินตรงไปที่ลิฟต์เหมือนเช่นทุกวัน มีบางสิ่งบางอย่างต้องทำก่อน เขาหยุดตรงหน้าตู้กดเงินสดภายในอาคาร หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา กระเป๋าที่ตุงไปด้วยนานาสารพัดบัตร

ปลายนิ้วไล่ผ่านบัตรหลายใบ เขากระตุกคิ้วย่นถอนหายใจแรงหลุดออกไปทางโพรงจมูกด้านขวา เลือกบัตรพลาสติกสีขาวออกมาใบหนึ่ง สอดมันเข้าไปในตู้กดเงินสด กดรหัสแล้วเลือกรายการอย่างที่ใจคิดไว้ตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน บางทีเขาอาจจะคิดคำนวณไว้ก่อนหน้านั้นหลายตลบ

คำตอบถูกส่งกลับมาหลังปลายนิ้วสัมผัสไม่เกินห้าวินาที รายการถูกปฏิเสธ ไม่มีจำนวนนับใด ๆ ถูกคายออกมาจากตู้กดเงินสด เขายกมือขวาขึ้นลูบใต้คาง ปล่อยปลายลิ้นไหลออกมาเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ปลายนิ้วขยับเลือกรายการใหม่อีกครั้ง เปลี่ยนแปลงตัวเลขให้ลดลงมาสักนิด...

รายการถูกปฏิเสธเช่นเดิม เลือดลมสูบฉีดทั่วร่าง หัวใจเต้นแรง ความหงุดหงิดทวีคูณหนักหน่วงขึ้นมา ตามเส้นประสาทใต้ผิวหนัง นิ้วมือสั่นระริก แววตาที่ผลุบอยู่ในหลุมดำบ่งบอกถึงอาการหวั่นวิตก ยังไงก็ตามแต่เขาไม่ยอมยกเลิกความตั้งใจง่าย ๆ ทำรายการอีกครั้ง ลดจำนวนตัวเลขลงมาอีกนิดหน่อย

ยืนมองตัวหนังสือในจอแคบ ๆ อย่างใจจรดจ่อ ชั่วเสี้ยววินาทีเหมือนยาวนาน คล้ายกับการรอฟังประกาศผลสอบเอ็นฯ ของเด็กหนุ่มวัยสิบแปดปี และแล้วในที่สุดมันก็ได้ผล ธนบัตรจำนวนหนึ่งไหลออกมาจากตู้กดเงินสด

เขาคลายกังวลกับเรื่องราวที่ฝังอยู่ระหว่างคิ้วชั่วครู่ ก่อนกระตุกมันกลับเข้ามาหากันเช่นเดิม<br />






ภายในลิฟต์ที่เคลื่อนตัวขึ้นสู่ที่สูง ขีดสัญญาณโทรศัพท์มือถือบนหน้าจอยังเต็มเปี่ยม การันตีความมั่นใจของผู้ใช้ว่าคุณจะไม่พลาดการติดต่ออย่างแน่นอน

เขาจ้องโทรศัพท์มือถือเนิ่นนานจากชั้นหนึ่งจนถึงชั้นยี่สิบเอ็ด ประตูลิฟต์เปิดตัว เขาทิ้งมันลงในกระเป๋ากางเกงด้านซ้าย บางเวลาเขาก็ไม่อยากให้มันมีสัญญาณแม้แต่ขีดเดียว<br />

คิดถึงเนื้องานความรับผิดชอบที่จะต้องทำในวันนี้ มีความจำเป็นต้องใช้โทรศัพท์ฯติดต่อใครหรือเปล่า ถามตัวเองกับภาระหนัก ๆ ที่อยู่บนบ่าทั้งสองข้างว่า วันนี้เขาควรจะปิดโทรศัพท์ฯดีไหม

หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ล้อหมุนที่โต๊ะทำงาน มองไปรอบ ๆ&nbsp; นอกจากแม่บ้านทำความสะอาด เช้าขนาดนี้ยังไม่มีใครมาทำงาน แม้จะไม่ชอบงานที่ทำ แต่เขาก็ชอบมาถึงที่ทำงานเช้า ๆ ชอบความสงบเงียบยามเช้าก่อนที่มันจะหายไปเมื่อถึงเวลาแปดนาฬิกาสามสิบนาที เมื่อเพื่อนร่วมงานต่างทยอยดาหน้ามาทำงานพร้อม ๆ กัน พร้อมกับเสียงจุกจิกจอแจระงมหึ่งไปทั่ว ภาพและเสียงดังกล่าวมันทำให้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในตลาดสด ต่างกันตรงเพียงแค่ว่ามันติดแอร์และทุกคนต่างแต่งตัวภูมิฐานเท่านั้นเอง

โทรศัพท์ตั้งโต๊ะสีขาวอยู่ตรงมุมโต๊ะด้านซ้าย หลายครั้งที่นั่งทำงานเพลิน ๆ ต้องสะดุ้งตกใจแทบอุทานดัง ๆ ออกมาเมื่อมันแผดเสียงน่ารำคาญขึ้นมา เขามองมันอย่างพินิจพิเคราะห์ โทรศัพท์เครื่องนี้เป็นเบอร์ตรงซึ่งบุคคลภายนอกสามารถโทรเข้ามาได้โดยไม่ต้องผ่านโอเปอเรเตอร์ และเขาสามารถโทรออกได้ทั้งเบอร์ศูนย์สองและเบอร์มือถือ ซึ่งปกติพนักงานส่วนมากจะไม่มีสิทธิ์พิเศษได้ใช้โทรศัพท์ตั้งโต๊ะที่สามารถโทรออก-เข้าเบอร์มือถือได้ แต่ด้วยตำแหน่งหัวหน้าพนักงานทำให้เขาได้สิทธิ์นั้น<br />

เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพลิกดูด้านหลังของมัน ไล่สายตาดูสายโทรศัพท์แบนเรียวสีขาวตั้งแต่ต้นขั้วสายจนถึงปลายสายที่มันเสียบติดอยู่กับโทรศัพท์ แวบความคิดหนึ่งเขาอยากจะดึงมันออก แต่ก็ต้องยับยั้งมือกับใจเอาไว้ หมุนเครื่องโทรศัพท์ดูรอบ ๆ พอจะมีทางเลือกไหนบ้างหรือเปล่าที่ดีกว่าการดึงสายโทรศัพท์ออก และแล้วก็เห็นฟังค์ชั่นบางอย่างที่ข้างเครื่อง เขาจ้องมองอย่างพินิจพิเคราะห์กับภาษาอังกฤษสองสามตัวตรงนั้น อ่านมันในใจแล้วก็ดันนิ้วไปปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่าง

วันนี้เขาต้องการความเงียบ-สงบ

เขาทดลองโทรเข้าที่เบอร์โต๊ะจากโทรศัพท์ภายในออฟฟิตด้วยกัน ได้ผลไฟสีแดง ๆ กระพริบที่ตัวเครื่องจังหวะละหนึ่งครั้งแต่ไม่มีเสียง เพื่อให้การทดลองนี้สัมฤทธิ์ผลเขาลองใช้โทรศัพท์ฯโทรเข้าที่เบอร์โต๊ะ ไฟสีแดงกระพริบจังหวะละสองครั้ง

ในความเงียบ รอยยิ้มแรกของเช้านี้เผยอออกตรงมุมปากของเขา<br />






ปาร์ตี้ความเงียบยามเช้าเลิกราไป เมื่อเวลาแปดโมงสี่สิบห้านาที

เขาเหม่อมองปฏิทินตั้งโต๊ะที่มีรอยปากกาขีดฆ่าจำนวนวันจนถึงกลางเดือน สมาธิในการทำงานจากไม่มีอยู่แล้ว กับแตกกระจายไปเมื่อจิตใจยังหวาผวาอยู่กับเสียงนั้น<br />

สะดุ้งสุดตัวเมื่อโทรศัพท์ฯในกระเป๋ากางเกงด้านซ้ายสั่นรัว ถอนหายใจแรง เรียกหัวใจที่ตกไปอยู่ตาตุ่มกลับคืนมาที่เดิม ใจหวิว ๆ อยู่ไม่กล้าที่จะหยิบมันขึ้นมาดู แต่ก็ต้องหยิบมันออกมา จ้องดูเบอร์โทรเข้าที่คุ้นเคย....

เขาไม่อยากรับโทรศัพท์ฯ

เขาเกลียดเบอร์นี้

เขาไม่อยากได้ยินเสียงมัน<br />



เสียงที่ก้าวเข้ามาในชีวิต “สวัสดีค่ะเรียนสายคุณคฑาวุธค่ะ” “ครับ” “จิญชยาได้รับมอบหมายจากธนาคารนอนแบงค์ให้มาสอบถามยอดค้างชำระค่ะ” “คะ ครับ” “ไม่ทราบว่ายอดดิววันที่สี่ คุณคฑาวุธชำระเข้ามาหรือยังคะ” “เอ่อ ยังครับ” “สามารถชำระวันนี้ได้เลยหรือเปล่าค่ะ” “เอ่อ...” “คุณคฑาวุธต้องชำระเข้ามาวันนี้นะคะ เพราะเป็นวันสุดท้ายแล้วธนาคารจะตัดยอดบัญชีแล้ว ถ้าคุณคฑาวุธไม่ชำระมาภายในวันนี้บัตรเครดิตของคุณจะถูกระงับใช้ชั่วคราว จะจ่ายขั้นต่ำก่อนก็ได้นะคะ สามพันห้าร้อยบาท” “เอ่อ ครับ”





เสียงที่เริ่มได้ยินเป็นประจำ “สวัสดีค่ะเรียนสายคุณคฑาวุธค่ะ” “ครับ” “จิญชยาได้รับมอบหมายจากธนาคารนอนแบงค์ให้มาสอบถามยอดค้างชำระค่ะ” “ครับ” “ไม่ทราบว่ายอดที่นัดชำระ ได้ชำระเข้ามาหรือยังคะ” “ยังครับ” “ทำไมคุณคฑาวุธยังไม่ชำระเข้ามาล่ะคะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ตอนนี้บัตรคุณถูกระงับใช้แล้วนะคะ ถ้าคุณคฑาวุธชำระเข้ามา อีกสองวันทำการบัตรก็กลับมาใช้ได้ตามปกติ” “ครับ” “คุณคฑาวุธ สามารถชำระเข้ามาวันนี้ได้เลยหรือเปล่าค่ะ เพราะมันเกินกำหนดมาหลายวันแล้ว” “ครับ” “ชำระที่เซเว่นหรือที่ไหนคะ” “เอ่อ เซเว่นครับ” “ยังไงกรุณาเก็บใบเสร็จไว้ด้วยนะคะ” “ครับ”





เสียงที่คุ้นเคย “สวัสดีค่ะเรียนสายคุณคฑาวุธค่ะ” “ครับ” “จิญชยาได้รับมอบหมายจากธนาคารนอนแบงค์ให้มาสอบถามยอดค้างชำระค่ะ” “ครับ” “ทำไมคุณคฑาวุธยังไม่ชำระยอดเข้ามาล่ะคะ” “เอ่อ” “มีปัญหาการเงินหรือเปล่าค่ะ แต่ถึงยังไงคุณคฑาวุธก็ต้องหาเงินมาชำระขั้นต่ำนะคะ หามาจ่ายก่อนเพื่อให้บัตรใช้ได้ แล้วคุณคฑาวุธค่อยกดเงินหมุนออกไปใช้ก็ได้” “ครับ” “คุณคฑาวุธต้องชำระเงินเข้ามาวันนี้นะคะวันนี้วันสุดท้ายแล้ว เพราะถ้าคุณคฑาวุธยังไม่ชำระเข้ามาประวัติของคุณก็จะเสียไปด้วย” “ครับ”





เสียงที่เกลียด “สวัสดีค่ะเรียนสายคุณคฑาวุธ นารีได้รับมอบหมายจากบริษัทหนี้ออน ให้มาสอบถามยอดค้างชำระค่าคอมพิวเตอร์...” “สวัสดีค่ะเรียนสายคุณคฑาวุธ รพีพรได้รับมอบหมายจากธนาคารเพื่อไทย  ให้มาสอบถามยอดค้างชำระบัตร เครดิต...” “สวัสดีค่ะเรียนสายคุณคฑาวุธ เบญมาศได้รับมอบหมายจากธนาคารซิตี้บอนด์ให้มาสอบถามยอดค้างชำระบัตรเงินสด...” “สวัสดีค่ะเรียนสายคุณคฑาวุธ จิญชยาได้รับมอบหมายจากธนาคารนอนแบงค์ให้มาสอบถามยอดค้างชำระ...”





...โทรศัพท์ฯสั่นระริกอยู่ในอุ้งมือ แม้ในแววตาหวาดวิตกหัวใจเต้นไร้จังหวะ แต่เขากลับตีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเดินผ่านที่โต๊ะทำงาน วางโทรศัพท์ไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน ปล่อยให้มันสั่นจนหยุดไปเอง ผ่านไปราวห้านาทีไม่มีเสียงกุกกักในลิ้นชักโต๊ะ เลื่อนออกมาดูเบอร์นั้นโทรเข้ามาติดกันสามครั้ง

เขานึกว่ามันเหตุการณ์มันจะจบลงแล้ว อย่างน้อยก็ในช่วงเช้า แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แสงสีแดงบนเครื่องโทรศัพท์ตั้งโต๊ะวูบวาบขึ้น ไม่มีเสียงอย่างที่เตรียมการไว้ แววตาหวาดหวั่นจ้องมองจังหวะแสงกระพริบบนตัวเครื่อง จังหวะกระพริบหนึ่งครั้งเป็นสายใน สองครั้งเป็นสายนอก

เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ทั้ง ๆ ที่คอแห้งผากราวทะเลทราย มันกระพริบสองครั้งติดกันเป็นจังหวะ<br />



แม้พระเจ้าก็บอกไม่ได้ว่าวังวนแห่งความหวาดระแวงนี้มันจะไปจบลงตรงไหน จากจุดเริ่มที่เกิดขึ้นตั้งแต่มีบัตรเครดิตใบแรกของเขา ทั้ง ๆ ที่เงินเดือนยังไม่ถึงหมื่นบาทด้วยซ้ำ

สามเท่าของเงินเดือนคือวงเงินที่ทางสถาบันการเงินผู้มีพระคุณอนุมัติให้ และไม่น่าเชื่อว่าสำหรับเขา จะมีสถาบันการเงินดี ๆ สามแห่งพร้อมใจกันให้บัตรเครดิตไว้ใช้อย่างพอเพียง<br />

เมื่อน้ำตาลใกล้มด ความเผลอใจที่ยากจะหักห้ามก็อุบัติขึ้น วิถีชีวิตสุขสบายที่ใช้เงินจนลืมตัว จากใบแรกไปใบที่สองลามไปจนถึงใบที่สาม ห้วงเวลาแห่งความสุขในการูดผ่านไปไม่พ้นปี บัตรทั้งสามใบก็เต็มเปี่ยม พร้อมกับภาระหนี้สินที่เคาะประตูเรียกให้ชำระในทุก ๆ รอบเดือนไม่ต่างจากประจำเดือนของสตรีเพศ

แม้จะได้โบนัสสามเดือนตอนปลายปี เงินเดือนขึ้นสิบเปอร์เซ็นต์ ปรับพิเศษตอนเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้างาน เบี้ยเลี้ยงและโอที แต่มันไม่มีผลใด ๆ เลยสำหรับการหาเงินมาชำระหนี้บัตรเครดิตแบบเดือนชนเดือน รายได้ที่เพิ่มขึ้นกลับสร้างรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นดั่งเงาที่โตตามตัว

เป็นสัจจะธรรมของชีวิตมนุษย์เงินเดือนที่ยังไม่คิดที่จะทำอาชีพเสริม ด้วยการก้าวขาเข้าไปสู่ระบบขายตรง เงินเดือนยังไม่เพิ่มรายได้ไม่พอกับรายจ่าย ยอดที่เคยชำระตรงตามวันทุกงวดกลายเป็นล้าช้า กลายเป็นเงินหมุน-เบิกใบนั้นใบนั้นมาจ่ายใบนี้ ด้วยความยินยอมกลั้นใจกับดอกเบี้ยช่องามที่ถวายให้สถาบันการเงินเหล่านั้น จวบจนดอกเบี้ยเพิ่มพูนจนหมุนเงินไม่ทัน ทิ้งระยะห่างจนกลายเป็นเดือนทบเดือน จนกลายเป็นที่มาของเสียงนั้น เสียงที่เขาเกลียด

ครั้งหนึ่งก่อนที่จะอยู่ในภาวะตกอับอย่างนี้ เขาคิดที่จะหากูเงินก้อนใหญ่ ๆ สักก้อนเพื่อเอามาโปะหนี้สินเหล่านี้ให้หมดไป แล้วมาจ่ายเพียงที่เดียว แต่ที่ไหนได้เมื่อกู้เงินก้อนออกมาได้ พร้อมกับภาระผ่อนชำระสองปีเต็ม เม็ดเงินที่ได้กลับไม่ถูกนำมาชำระหนี้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ที่ไหนได้มันกลับถูกหว่านไปใช้กับความสุขในการใช้ชีวิตดื่มกินเที่ยว และภาพลักษณ์ เงินก้อนนั้นหมดลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายเมื่อต้องถือภาระที่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งยอดชำระ เขาได้แต่หลอกตัวเองว่ายอดนี้ชำระแค่สองปี แป๊บเดียวก็หมด

เพลานั้นสองปีในความคิดเหมือนสั้นนิดเดียว แต่เพลานี้แม้เสี้ยววินาทีในความรู้สึกกลับยาวนานดุจนิจนิรันดร<br />






แสงกระพริบสีแดงหายไป หลังจากกร้านตาอยู่สองนาที เขาคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงดี หยิบดูเงินอนาคตก้อนสุดท้ายที่เพิ่งกดออกมาจากตู้กดเงินสดเมื่อเช้า นับยังไงก็ไม่พอจ่ายยอดค้างชำระที่มีมูลค่ามากกว่ามันกว่าสิบเท่า

ดั่งระรอกคลื่นที่ถาโถมเข้าหาฝั่งไม่มีวันจบในยามพายุคลุ้มคลั่งอยู่เต็มท้องฟ้า สำนึกความรู้สึกผิดในระเบียบการใช้ชีวิต สุรุ่ยสุร่ายในการใช้เงิน ทำให้เขาอยากจะย้อนเวลากลับไปเพื่อหยุดยั้งเรื่องราวทั้งหมดที่มีผลตามมาในตอนนี้-อนาคต อยากจะไปหยุดยั้งมือรูดที่ไร้สติในตอนนั้น ถ้าเขารู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นนี้ เขาคงไม่หลงระเริงไปกับของแถมแรกเข้าตอนสมัครบัตรเครดิต คำพูดหวาน ๆ ถึงสิทธิ์ประโยชน์ของมัน

แต่อดีตเป็นสิ่งที่ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ ขณะนี้สำหรับเขามีเพียงปัจจุบันกับอนาคตที่ต้องตามชดใช้สิ่งที่เขาทำไว้ในอดีต<br />

อีกนานแค่ไหนจากปัจจุบันถึงอนาคตที่เขาต้องจมอยู่กับเสียงเหล่านั้น

นาทีนี้เขาไม่รู้จะหลุดพ้นจากมันได้อย่างไร ก้มหน้าหลับตาเอามือกุมขมับดั่งชายหนุ่มซึ่งยอมแพ้ต่อโชคชะตา นาทีนี้อยากจะพรางตัวและหายไปจากโลกใบนี้เต็มทน<br />

เขารู้สึกถึงความเงียบชั่วครู่ ก่อนที่โลกทั้งใบจะสั่นกระเพื่อมด้วยแรงสะเทือนจากภายในลิ้นชักโต๊ะ

ถ้าหูไม่ได้ฝาด เขาได้ยินเสียงมันวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวดังขึ้นเรื่อย ๆ<br />

มันดังขึ้นทุกที

ดังขึ้น ๆ

ไม่รู้จบ
ขออภัย ขณะนี้เว็บไซท์ของดการสร้างหัวข้อใหม่และการแสดงความคิดเห็นไว้ชั่วคราว
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ