เรื่องสั้น

ผัง

by 1 @October,22 2006 20.42 ( IP : 222...94 ) | Tags : เรื่องสั้น

ผัง ชาคริต โภชะเรือง ตีพิมพ์ครั้งแรก : จุดประกายวรรณกรรม พย. 2547

ผมยืนอยู่ตรงหน้าหาดทรายขาวสะอาด พรายฟองคลื่นซัดเรี่ยขึ้นมาซบเนินหาดเป็นระยะๆ เราสมมุติว่านี่คือเมืองๆหนึ่ง ซึ่งจำเป็นจะต้องวางผังเมืองเสียใหม่

ผมไม่ได้ยืนคนเดียว ยังมีเครือข่ายของเราอีกร่วม 10 คนล้อมวงอยู่ด้วย ในรีสอร์ทริมทะเลที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ที่นี่สวยเสียจนผมอยากเปรียบเป็นโลกใหม่อีกใบหนึ่งที่ไม่เหมือนโลกใบที่เราอยู่ สภาพหาดทรายที่เราเห็นก็ยังเนียนนุ่มขาวสะอาด หมู่สนยืนลู่ตามแรงลมเป็นฉากหลัง ซ่อนบ้านพักหลังน้อยไว้ในอ้อมกอด แมกไม้เขียวขจี และท้องทะเลเวิ้งว้างไพศาลมองเห็นเส้นขอบฟ้าไกลลิบ<br />

พวกเรามาจากคนละทิศละทาง หลากหลายสาขาอาชีพ ต่างที่มาและต่างวัย มาร่วมงานสัมมนาเพื่อที่จะถอดบทเรียนของการทำงานเครือข่ายประชาคมจังหวัด ซึ่งร่วมทำกิจกรรมกันมานานหลายปี นานๆครั้งจะมีโอกาสดีเช่นนี้ ในช่วงพักเราเห็นตรงกันว่าน่าจะมีกิจกรรมอะไรสักอย่างร่วมกัน

ผมชวนพวกเราออกมาที่ริมหาด อาศัยช่วงเวลาเย็นย่ำที่แดดอ่อนแสงจ้าลง หวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างรื่นรมย์

ปิยะโชตินักข่าวเป็นคนตั้งประเด็นขึ้นมาว่าเมืองของเรา ทำอย่างไรที่จะให้เป็นเมืองน่าอยู่

ผมโยนคำถาม&nbsp; พวกเราคิดว่าเมืองที่เราอยู่ทุกวันนี้ล่ะเป็นอย่างไร?<br />

หลายคนสงบสตินิ่งคิด “เป็นไงรึ...ไม่ดี อากาศเสีย มลภาวะเป็นพิษ รถก็ติด อาชญากรรมก็มาก” สุภัทรนายแพทย์หนุ่มยืนกอดอกพูด

คลื่นแผ่ระลอกคลื่นโยนตัวเข้ามาช้าๆ “บ่อยครั้งน้ำท่วม” มีคนช่วยเสริม ผมหันไปดูปรากฏว่าเป็นบรรจงนักจัดรายการวิทยุ

“ไม่รู้เป็นยังไง ฝนตกนิดๆหน่อยๆน้ำก็ท่วมขัง ระบายน้ำไม่ทัน หรือว่าธรรมชาติทุกวันนี้วิปริตแปรปรวนไปหมดแล้ว” ณัฐวรรณ นักธุรกิจที่หันมาเอาดีด้านการท่องเที่ยวเปรยขึ้นบ้าง

“ไม่ละมัง ฝนฟ้ามันก็ตกของมันตามปกติ เป็นเพราะมนุษย์เราต่างหากที่ไปดัดแปลงธรรมชาติ สร้างอาคารบ้านเรือน สร้างถนน ขวางทางน้ำ” บรรจงว่า

คราวนี้ ลุงลัภย์ผู้เฒ่าที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน เอามือลูบคางหัวเราะลั่น “อ้าว ก็เราเองมาอยู่ในที่ลุ่มน้ำมันท่วมขังอยู่แล้วไม่ใช่รึ จะไปโทษธรรมชาติมันทำไม”

ผมถอนหายใจยาว “สรุปว่าไม่ดี แล้วถ้าหากอนาคตเราจะมีเมืองใหม่ขึ้นมาสักเมืองล่ะ รูปร่างหน้าตาของมันควรจะเป็นอย่างไร”<br />

“ฉันอยากให้เป็นเมืองที่มีแต่ความสงบ เป็นเมืองสีเขียว ปลอดมลพิษ ผู้คนมีสุขภาพดี หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุข”<br />

ผู้พูดเป็นหญิงวัยกลางคนชื่อชโลม นัยน์ตาใสกระจ่าง อายุราว 40 ปี เป็นสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้ามา ผมรู้ว่าในอดีตหล่อนเคยป่วยเป็นมะเร็ง ปัจจุบันเป็นเจ้าของสวนผักปลอดสารพิษ<br />

ผมซึ่งเป็นคนต้นคิด ชักชวนทุกคนมาระดมความคิด ขีดเส้นด้วยกิ่งไผ่ลงไปบนผืนทรายขาวเนียน กำหนดพื้นที่ของตัวเมือง ก่อนที่จะลากวงใกล้ๆกับตัวเมืองซึ่งอยู่กึ่งกลาง กำหนดเป็นเขตพื้นที่สีเขียว แล้วก็เป็นเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ<br />

“ผมอยากให้มีสวนสาธารณะ มีลานกีฬาให้คนทุกวัยได้ออกกำลัง มีโรงเรียน มีสนามเด็กเล่น อยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย เด็กๆจะได้เดินไปเรียนได้ หรือไปเล่นได้ง่ายๆ”

คราวนี้คนเสนอความคิดเป็นอาจารย์ชาญณรงค์จากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ผมลากเส้นขีดเป็นรูปตึกพอให้ดูออกเป็นเชิงสัญลักษณ์ แล้วขีดวงเป็นรูปต้นไม้ใหญ่น้อยรายล้อมไว้ใกล้ๆ<br />

“เท่านั้นไม่พอ เรายังจำเป็นต้องมีโรงพยาบาล มีตลาดขายสินค้าปลอดสารพิษด้วย” คุณชโลมเป็นฝ่ายช่วยเสริม

“เราจะอนุรักษ์กันอย่างเดียว แล้วอุตสาหกรรมล่ะ เราจะเอาไปไว้ที่ไหน” อลงกรณ์ นักธุรกิจตัวแทนจากหอการค้าเปรยขึ้นเบาๆ

ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง

“ถ้าเช่นนั้น เราก็ให้มีพื้นที่พิเศษ เป็นเขตเศรษฐกิจ ที่นี่จะมีอุตสาหกรรม มีระบบบำบัดน้ำเสีย มีโรงงาน” คุณณัฐวรรณเสนอทางออก

ผมขีดเส้นแบ่งพื้นที่ แยกเป็นโซนพิเศษ<br />

“ที่สำคัญต้องอยู่ห่างไปจากลำคลอง แม่น้ำ ไม่น้อยกว่า 20 กิโลเมตร แล้วก็ต้องมีมาตรการทางกฎหมายบังคับควบคุม”<br />

“อย่างจริงจังด้วยนะ” อาจารย์ชาญณรงค์เสริม

ทุกคนหัวเราะ

“เหนืออื่นใด ทุกขั้นตอนของการบริหารงาน ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม...”

เราช่วยกันระดมความเห็น สร้างเมืองใหม่ของเราขึ้นมาอย่างสนุกสนาน ผมเห็นแววตาทุกคนแจ่มใสมีความสุข นานมาแล้วที่ผมไม่เห็นพวกเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเช่นนี้ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ อาจเป็นเพราะเรามาระดมภาพความฝันในอนาคต เป็นความฝันอันอิสระของทุกคน ไม่ได้พูดถึงปัญหาความขัดแย้งในปัจจุบันที่ยากจะหาทางออก<br />

โลกนี้วุ่นวายเกินไป ชีวิตเราก็ยุ่งเหยิงเกินไป ผมคิด<br />

ชีวิตเราก็เช่นกัน ผมคิด

ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ภาพฝันนี้จะทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้หรือไม่ แต่นั่นก็ไม่สำคัญ น้ำจากทะเลขึ้นสูงเรื่อยๆ ระลอกน้ำเริ่มซัดเรี่ยเข้ามาใกล้จะถึงแผนผังเมืองใหม่ที่เราช่วยกันคิด แผนที่บนหาดทรายของเราเปราะบางเกินไป ถูกลบล้างได้ง่ายเกินไป ผมคิด

ดวงอาทิตย์ลอยดวงเหนือขอบฟ้าลอยต่ำลง ใกล้พลบค่ำเต็มที<br />

เราเดินย้อนศร กลับที่พัก เส้นทางที่เราเดินทำให้เราต้องสวนกับแสงตะวัน ผมมองดวงอาทิตย์สีหมากสุกกลมโตที่ใกล้ลับขอบฟ้า นึกถึงความเป็นจริงของชีวิต นึกถึงเมืองที่เราอยู่ซึ่งรอคอยเรากลับไปใช้ชีวิตร่วมกับมัน งานหนักรอเราอยู่วันข้างหน้า การระดมความคิดอาจเป็นเครื่องมือ เป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดความสนิทสนมกลมเกลียว สร้างความสัมพันธ์อันดี กระทั่งเพื่อเอื้อในการทำงานร่วมกันในอนาคต การทำงานเชิงประชาคมไม่ใช่เรื่องง่าย นี่คือการจัดความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่&nbsp; ผมนึกถึงเช้าวันใหม่ที่จะมาถึง ทำอย่างไรที่จะไม่ให้ความคิดดีๆเราสูญหายไปง่ายๆ ทำอย่างไรที่จะรักษาแผนที่ความคิดไม่ให้สายน้ำกลืนกิน<br />

คืนนั้นผมนอนไม่หลับ คิดถึงความเห็นของทุกคน<br />

ความจริงไม่ใช่แค่ผังเมืองเท่านั้น ผังชีวิตของเราล่ะ ผมถามตัวเอง.
ขออภัย ขณะนี้เว็บไซท์ของดการสร้างหัวข้อใหม่และการแสดงความคิดเห็นไว้ชั่วคราว
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ