เรื่องสั้น
ผัง
ผัง ชาคริต โภชะเรือง ตีพิมพ์ครั้งแรก : จุดประกายวรรณกรรม พย. 2547
ผมยืนอยู่ตรงหน้าหาดทรายขาวสะอาด พรายฟองคลื่นซัดเรี่ยขึ้นมาซบเนินหาดเป็นระยะๆ เราสมมุติว่านี่คือเมืองๆหนึ่ง ซึ่งจำเป็นจะต้องวางผังเมืองเสียใหม่
ผมไม่ได้ยืนคนเดียว ยังมีเครือข่ายของเราอีกร่วม 10 คนล้อมวงอยู่ด้วย ในรีสอร์ทริมทะเลที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ ที่นี่สวยเสียจนผมอยากเปรียบเป็นโลกใหม่อีกใบหนึ่งที่ไม่เหมือนโลกใบที่เราอยู่ สภาพหาดทรายที่เราเห็นก็ยังเนียนนุ่มขาวสะอาด หมู่สนยืนลู่ตามแรงลมเป็นฉากหลัง ซ่อนบ้านพักหลังน้อยไว้ในอ้อมกอด แมกไม้เขียวขจี และท้องทะเลเวิ้งว้างไพศาลมองเห็นเส้นขอบฟ้าไกลลิบ<br />
พวกเรามาจากคนละทิศละทาง หลากหลายสาขาอาชีพ ต่างที่มาและต่างวัย มาร่วมงานสัมมนาเพื่อที่จะถอดบทเรียนของการทำงานเครือข่ายประชาคมจังหวัด ซึ่งร่วมทำกิจกรรมกันมานานหลายปี นานๆครั้งจะมีโอกาสดีเช่นนี้ ในช่วงพักเราเห็นตรงกันว่าน่าจะมีกิจกรรมอะไรสักอย่างร่วมกัน
ผมชวนพวกเราออกมาที่ริมหาด อาศัยช่วงเวลาเย็นย่ำที่แดดอ่อนแสงจ้าลง หวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนความเห็นกันอย่างรื่นรมย์
ปิยะโชตินักข่าวเป็นคนตั้งประเด็นขึ้นมาว่าเมืองของเรา ทำอย่างไรที่จะให้เป็นเมืองน่าอยู่
ผมโยนคำถาม พวกเราคิดว่าเมืองที่เราอยู่ทุกวันนี้ล่ะเป็นอย่างไร?<br />
หลายคนสงบสตินิ่งคิด เป็นไงรึ...ไม่ดี อากาศเสีย มลภาวะเป็นพิษ รถก็ติด อาชญากรรมก็มาก สุภัทรนายแพทย์หนุ่มยืนกอดอกพูด
คลื่นแผ่ระลอกคลื่นโยนตัวเข้ามาช้าๆ บ่อยครั้งน้ำท่วม มีคนช่วยเสริม ผมหันไปดูปรากฏว่าเป็นบรรจงนักจัดรายการวิทยุ
ไม่รู้เป็นยังไง ฝนตกนิดๆหน่อยๆน้ำก็ท่วมขัง ระบายน้ำไม่ทัน หรือว่าธรรมชาติทุกวันนี้วิปริตแปรปรวนไปหมดแล้ว ณัฐวรรณ นักธุรกิจที่หันมาเอาดีด้านการท่องเที่ยวเปรยขึ้นบ้าง
ไม่ละมัง ฝนฟ้ามันก็ตกของมันตามปกติ เป็นเพราะมนุษย์เราต่างหากที่ไปดัดแปลงธรรมชาติ สร้างอาคารบ้านเรือน สร้างถนน ขวางทางน้ำ บรรจงว่า
คราวนี้ ลุงลัภย์ผู้เฒ่าที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน เอามือลูบคางหัวเราะลั่น อ้าว ก็เราเองมาอยู่ในที่ลุ่มน้ำมันท่วมขังอยู่แล้วไม่ใช่รึ จะไปโทษธรรมชาติมันทำไม
ผมถอนหายใจยาว สรุปว่าไม่ดี แล้วถ้าหากอนาคตเราจะมีเมืองใหม่ขึ้นมาสักเมืองล่ะ รูปร่างหน้าตาของมันควรจะเป็นอย่างไร<br />
ฉันอยากให้เป็นเมืองที่มีแต่ความสงบ เป็นเมืองสีเขียว ปลอดมลพิษ ผู้คนมีสุขภาพดี หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุข<br />
ผู้พูดเป็นหญิงวัยกลางคนชื่อชโลม นัยน์ตาใสกระจ่าง อายุราว 40 ปี เป็นสมาชิกใหม่ที่เพิ่งเข้ามา ผมรู้ว่าในอดีตหล่อนเคยป่วยเป็นมะเร็ง ปัจจุบันเป็นเจ้าของสวนผักปลอดสารพิษ<br />
ผมซึ่งเป็นคนต้นคิด ชักชวนทุกคนมาระดมความคิด ขีดเส้นด้วยกิ่งไผ่ลงไปบนผืนทรายขาวเนียน กำหนดพื้นที่ของตัวเมือง ก่อนที่จะลากวงใกล้ๆกับตัวเมืองซึ่งอยู่กึ่งกลาง กำหนดเป็นเขตพื้นที่สีเขียว แล้วก็เป็นเขตอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ<br />
ผมอยากให้มีสวนสาธารณะ มีลานกีฬาให้คนทุกวัยได้ออกกำลัง มีโรงเรียน มีสนามเด็กเล่น อยู่ใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย เด็กๆจะได้เดินไปเรียนได้ หรือไปเล่นได้ง่ายๆ
คราวนี้คนเสนอความคิดเป็นอาจารย์ชาญณรงค์จากมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง ผมลากเส้นขีดเป็นรูปตึกพอให้ดูออกเป็นเชิงสัญลักษณ์ แล้วขีดวงเป็นรูปต้นไม้ใหญ่น้อยรายล้อมไว้ใกล้ๆ<br />
เท่านั้นไม่พอ เรายังจำเป็นต้องมีโรงพยาบาล มีตลาดขายสินค้าปลอดสารพิษด้วย คุณชโลมเป็นฝ่ายช่วยเสริม
เราจะอนุรักษ์กันอย่างเดียว แล้วอุตสาหกรรมล่ะ เราจะเอาไปไว้ที่ไหน อลงกรณ์ นักธุรกิจตัวแทนจากหอการค้าเปรยขึ้นเบาๆ
ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง
ถ้าเช่นนั้น เราก็ให้มีพื้นที่พิเศษ เป็นเขตเศรษฐกิจ ที่นี่จะมีอุตสาหกรรม มีระบบบำบัดน้ำเสีย มีโรงงาน คุณณัฐวรรณเสนอทางออก
ผมขีดเส้นแบ่งพื้นที่ แยกเป็นโซนพิเศษ<br />
ที่สำคัญต้องอยู่ห่างไปจากลำคลอง แม่น้ำ ไม่น้อยกว่า 20 กิโลเมตร แล้วก็ต้องมีมาตรการทางกฎหมายบังคับควบคุม<br />
อย่างจริงจังด้วยนะ อาจารย์ชาญณรงค์เสริม
ทุกคนหัวเราะ
เหนืออื่นใด ทุกขั้นตอนของการบริหารงาน ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม...
เราช่วยกันระดมความเห็น สร้างเมืองใหม่ของเราขึ้นมาอย่างสนุกสนาน ผมเห็นแววตาทุกคนแจ่มใสมีความสุข นานมาแล้วที่ผมไม่เห็นพวกเราเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันเช่นนี้ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ อาจเป็นเพราะเรามาระดมภาพความฝันในอนาคต เป็นความฝันอันอิสระของทุกคน ไม่ได้พูดถึงปัญหาความขัดแย้งในปัจจุบันที่ยากจะหาทางออก<br />
โลกนี้วุ่นวายเกินไป ชีวิตเราก็ยุ่งเหยิงเกินไป ผมคิด<br />
ชีวิตเราก็เช่นกัน ผมคิด
ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ภาพฝันนี้จะทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้หรือไม่ แต่นั่นก็ไม่สำคัญ น้ำจากทะเลขึ้นสูงเรื่อยๆ ระลอกน้ำเริ่มซัดเรี่ยเข้ามาใกล้จะถึงแผนผังเมืองใหม่ที่เราช่วยกันคิด แผนที่บนหาดทรายของเราเปราะบางเกินไป ถูกลบล้างได้ง่ายเกินไป ผมคิด
ดวงอาทิตย์ลอยดวงเหนือขอบฟ้าลอยต่ำลง ใกล้พลบค่ำเต็มที<br />
เราเดินย้อนศร กลับที่พัก เส้นทางที่เราเดินทำให้เราต้องสวนกับแสงตะวัน ผมมองดวงอาทิตย์สีหมากสุกกลมโตที่ใกล้ลับขอบฟ้า นึกถึงความเป็นจริงของชีวิต นึกถึงเมืองที่เราอยู่ซึ่งรอคอยเรากลับไปใช้ชีวิตร่วมกับมัน งานหนักรอเราอยู่วันข้างหน้า การระดมความคิดอาจเป็นเครื่องมือ เป็นโอกาสที่จะทำให้เกิดความสนิทสนมกลมเกลียว สร้างความสัมพันธ์อันดี กระทั่งเพื่อเอื้อในการทำงานร่วมกันในอนาคต การทำงานเชิงประชาคมไม่ใช่เรื่องง่าย นี่คือการจัดความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่ ผมนึกถึงเช้าวันใหม่ที่จะมาถึง ทำอย่างไรที่จะไม่ให้ความคิดดีๆเราสูญหายไปง่ายๆ ทำอย่างไรที่จะรักษาแผนที่ความคิดไม่ให้สายน้ำกลืนกิน<br />
คืนนั้นผมนอนไม่หลับ คิดถึงความเห็นของทุกคน<br />
ความจริงไม่ใช่แค่ผังเมืองเท่านั้น ผังชีวิตของเราล่ะ ผมถามตัวเอง.