เรื่องสั้น
สมุย
ชาคริต โภชะเรือง
น้ำทะเลสีเขียวมรกตแตกฟองคลื่นขาวเป็นทาง อวดผืนน้ำแผ่ตัวกว้างอัดมวลสารความหนาแน่นขนาดมหึมาแหวกออกเป็นช่องให้เรือใหญ่มุดทะลวง ต้อนรับพวกเราขณะมาเยือนเกาะสมุยอีกครั้ง
เป็นครั้งที่ 2 แล้วในรอบ 3 เดือน ผมกับพวกเรา (ผมหมายถึงเสือ ดาว และน้อย) ซึ่งนั่งรถตู้มาตั้งแต่เช้าตรู่ เรามาถึงท่าเรือที่ดอนสักก็เที่ยงตรงไม่ทันเรือลำแรกของช่วงบ่าย กว่าจะได้เรือเฟอรี่เดินทางไปถึงห้องประชุมเทศบาลตำบลเกาะสมุยเวลาก็จวนเจียน 4 โมงเย็น
รถพลุกพล่านไปทั่วเกาะราวกับจะออกมารับแดดยามบ่ายอันสดใสเจิดจ้า และสาดสะท้อนแทงสายตาขณะผมผลักประตูเข้ามา ผมปล่อยให้ร่างกายสัมผัสความเย็นฉ่ำของแอร์ห้องประชุมเต็มที่ ผมเห็นคุณสมศักดิ์กำลังนำเสนอข้อมูลด้วยโปรแกรม powerpoint ภาพสะพานตรงท่าเรือ ทิวมะพร้าวร่มครึ้มกับชายหาดทรายขาวสะอาดสวยจับใจ ฉุดความหลังเมื่อครั้งลงมาทำงานให้โลดลิ่วเข้ามาอีก
ผมฉีกตัวไปด้านหลังมองหาที่นั่ง เปิดโน๊ตบุ๊ก แล้วคลี่แผ่นพับที่ข้างในมีรายละเอียดคร่าวๆ ซึ่งบอกถึงแนวทางการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่เกาะสมุยและปริมณฑล ตามการศึกษาของคณะทำงานบริษัทที่ปรึกษาได้แบ่งเป็น 3 โซนหลักๆ ได้แก่ พื้นที่สงวน(Preservation Zone) พื้นที่อนุรักษ์(Conservation Zone) และพื้นที่พัฒนา(Development Zone)
"ผังที่เรานำเสนอเป็นผังนโยบาย" คุณสมศักดิ์ทอดจังหวะ น้ำเสียงเนิบช้า ท่าทางเขาเหมือนคุณลุงใจดีที่กำลังเล่านิทานให้ลูกๆหลานๆฟังเสียมากกว่าเป็นสถาปนิกใหญ่ "เพื่อที่จะนำมาให้ท้องถิ่นใช้ เป็นแนวทางให้เทศบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปออกข้อบัญญัติ"
ผมพยายามจับใจความตามที่เขาพูด ซึ่งได้ร่ายยาวต่อไปอีกชั่วครู่ ถึงเป้าหมาย วิธีการ วัตถุประสงค์ของโครงการ ต่อมาคณะทำงานได้นำเสนอประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ต่างๆ เช่น พื้นที่สงวน พื้นที่อนุรักษ์ พื้นที่รองรับการพัฒนาทั่วไป พื้นที่รองรับการพัฒนาเข้มข้น พื้นที่พัฒนาพิเศษเพื่อการอุตสาหกรรม พื้นที่พัฒนาพิเศษเพื่อการท่องเที่ยว ซึ่งตามร่างข้อกำหนดเพื่อการควบคุมการปลูกสร้างอาคารในย่านการใช้ประโยชน์ที่ดินประเภทต่างๆ อาคารที่ว่าได้แก่ บ้านเดี่ยว บ้านแผด บ้านแถว ทาวน์เฮาส์ อาคารชุด ตึกแถว อาคารพาณิชย์ พาณิชย์กรรมพื้นที่เกิน 200 ตร.ม. อาคารสำนักงานพื้นที่เกิน 200 ตร.ม. ที่พักแรมขนาดไม่เกิน 10 ห้องพัก ที่พักแรมขนาด 10-20 ห้องพัก ที่พักแรมขนาดเกินกว่า 20 ห้องพัก โรงมหรสพ สถานบริการ ตลาด ศูนย์ประชุมหรือแสดงสินค้า รวมไปถึงสวนสนุกหรือสวนสัตว์ และอีกสาระพัด
ยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมง่ายๆ ไม่ใช้ศัพท์เฉพาะทางแวดวงผังเมืองมากนัก ดูเหมือนว่าทุกคนพอจะนึกภาพออก วงประชุมในช่วงบ่ายเลยไหลรื่น ผมนั่งฟังสมาชิกโรตารี่ที่ส่วนใหญ่ซักถามเรื่องการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตอนุรักษ์ และบ่นปัญหารถติดที่ยากจะแก้ไข บางคนบอกว่าแนวทางแก้ให้ทำถนน one way ที่เฉวงหรือไม่ก็มีที่จอดรถทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ของหาด ซึ่งทุกวันนี้ยังติดขัดเรื่องที่ดิน แล้วต่อรองให้นำสายไฟฟ้าลงดินไปพร้อมกับการขุดท่อที่กำลังดำเนินการ
บางคนบอกว่าให้สร้างจิตสำนึกของคน รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เช่น รถจะเข้าจะออกมาวิ่งบนถนนให้ทำความสะอาดล้อก่อน เรื่องนี้ความจริงก็มีข้อกฎหมายรองรับอยู่แล้ว
หรือไม่ก็ให้มีระบบขนส่งมวลชน แก้ปัญหาราคาบริการและการให้บริการของรถสองแถว รถแท็กซี่ยังไม่มีมาตรฐาน(เรื่องนี้ไม่ง่าย เพราะใครๆก็รู้ว่ารถสองแถว และรถแท็กซี่เป็นของผู้บริหารเทศบาลที่มีอิทธิพลไม่เบา) ต้องการทางเท้าของคนเดินทางทั้งสองข้างและรถเข็นสำหรับคนพิการ
"สมุยกำลังค้นหารูปแบบเมืองพิเศษ" รองนายกฯเทศมนตรีกล่าวขึ้น "มีการศึกษาให้สมุยขึ้นตรงกระทรวงมหาดไทย แต่ไม่ได้มีการผลักดันต่อเนื่องและยังไม่ได้ทำประชาพิจารณ์ เนื่องจากเห็นว่าจะมีความคล่องตัวในการบริหารจัดการมากกว่า โดยเฉพาะในเรื่องต้นทุน-ภาษีที่ท้องถิ่นจัดเก็บปัจจุบันท้องถิ่นบริหารจัดการเอง ประมาณ 300 ล้าน และมีเงินจากนักท่องเที่ยวมากมายถึงปีละ 10,000 ล้านบาท" มองเห็นความตื่นตัวของสมาชิกโรตารี่ ผมไม่สบายใจเมื่อหวนนึกถึงคนสมุยดั้งเดิมที่ไม่รู้ว่าหลงเหลืออีกสักเท่าไร (เพราะส่วนใหญ่ขายที่บนเกาะออกไปอยู่ในตัวเมืองกันหมดแล้ว) ที่ผมเข้าใจเอาว่ายังหลับไหลไม่รู้ไม่ชี้ มองไม่เห็นความสำคัญของการเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนของตน
กว่าที่เราจะเดินทางออกมาจากห้องประชุมเทศบาล เวลาก็ล่วงเข้าหกโมงเย็น ดวงตะวันกำลังคล้อยลับทิวมะพร้าวและยอดตึก
เราผ่านคืนแรกที่สมุยด้วยความฉุกละหุก ความที่พักโรงแรมใหญ่ที่ซึ่งเราใช้เป็นสถานที่จัดการประชุมอยู่ในพื้นที่ไข่แดงของเกาะและอยู่ในช่วงไฮท์ซีซั่น ห้องพักเต็มเพียบ ผมกับเสือที่เป็นช่างภาพได้ห้องพักรีสอร์ทใกล้ๆ ห้องค่อนข้างแคบมิหนำซ้ำแอร์ก็เก่า มีแต่ลมอุ่นๆระบายแผ่ว ผมต้องเปิดพัดลมที่ส่งเสียงครางกระเส่า เรานอนฟังเสียงพัดลมจนเคลิ้มหลับไปอย่างทุรนทรมาน
เพื่อให้งานคืบไปข้างหน้าเร็วมากขึ้น เรานัดหมายล่วงหน้ากับผู้ประสานในพื้นที่ไว้ว่าจะจัดเวทีรับฟังความเห็นอย่างต่อเนื่อง ภายหลังอุ่นเครื่องกับกลุ่มสมาชิกโรตารี่ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศที่มาฝังตัวอยู่บนเกาะจนเป็นสมาชิกถาวรแล้ว เราจะต้องรับฟังความเห็นจากตัวแทนคนสมุยทั้งที่เป็นทั้งเกษตรกร ชาวประมง ผู้ประกอบการ ข้าราชการ สถาปนิก นักการเมืองท้องถิ่น รวมไปถึงไกด์ท่องเที่ยว แล้ววันรุ่งขึ้นเรามีโปรแกรมจะไปเกาะเต่า และจบด้วยเกาะพะงัน ซึ่งแต่ละที่ไม่มีใครบอกได้ว่าจะมีคนมาร่วมเวทีเรามากน้อยเพียงใด ที่แน่ๆจดหมายเชิญก็ออกไปกว่าร้อยฉบับ
"หน้าที่เราก็เพียงแค่สร้างโอกาสให้พวกเขาได้มาพบกัน" คุณสมศักดิ์ว่า
หน้าที่ของเราตามที่รับปากไว้ก็คือว่า นำเสนอร่างผังนโยบายที่ได้ไปจัดทำมา เพื่อให้ทุกคนที่เราเชิญมาช่วยกันตรวจสอบว่าตรงกับความต้องการหรือยัง โดยเฉพาะเรื่องขององค์กรที่จะมาดูแลกำกับการใช้ผังนโยบายที่บริษัทที่ปรึกษาไปยกร่างมาให้อยู่ภายใต้การกับดูแลของเทศบาล ซึ่งผมกับคุณสมศักดิ์รู้ว่าเป็นไปได้ยาก
"ผมว่า เราน่าจะไปได้ไกลกว่านั้นนะ ถ้าหากว่าเรากระตุ้นให้พวกเขาแต่ละกลุ่มรวมตัวกันได้ อย่างน้อยก็เป็นจุดเริ่มต้นให้กับการตั้งองค์กรในอนาคต" ผมว่า
ตัวแทนบริษัทที่ปรึกษาพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย
รุ่งเช้า ผมรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปรับคูปองทานอาหารที่โรงแรม เดินสวนกับชาวต่างชาติกลุ่มใหญ่ผมรู้สึกตัวเล็กลีบลงไปอีก
การประชุมเริ่มต้นขึ้น คุณสมศักดิ์ผู้ประสานงานหลักกล่าวรายงานกับนายอำเภอเกาะสมุย ที่มาเป็นประธานในพิธีเปิดบอกว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการ ที่จะนำเสนอร่างแผนผังนโยบายเพื่อให้คนสมุยมาช่วยพิจารณา พร้อมกับนำความเห็นให้ทีมที่ปรึกษาไปปรับปรุงให้ตรงกับความต้องการของทุกคนต่อไป
"ในการแสดงความคิดเห็น เราจะถือว่าทุกความเห็นเป็นอิสระ เราจะรับความเห็นทุกท่านไปทั้งหมด จะไม่ให้มีการโต้แย้ง และจะนำไปศึกษาต่อ"
ผมบันทึกคำพูดของท่านนายอำเภอที่นั่งอ่านคำกล่าวเปิด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการบ่นปัญหาหลักๆในการพัฒนาเมืองใหญ่ ว่าก่อให้เกิดปัญหาน้ำเสีย ปัญหายาเสพติด การพนัน ปัญหาต่อเนื่องของชุมชน ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการท่องเที่ยวเสื่อมโทรม ส่วนต้นเหตุปัญหาหลักๆเกิดจากการใช้ประโยชน์ที่ดินไม่เหมาะสม ดังนั้นแนวทางดำเนินการของกรมโยธาฯ จึงดำริที่จะใช้ผังเมืองมาเป็นเครื่องมือจัดระเบียบการใช้ประโยชนที่ดินเพื่อให้สมุยเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเอเชีย
"ปัญหาของเราทั้งหมดมีทางเดียวที่นำไปสู่การแก้ปัญหาได้ คือการยอมรับความจริง" นายอำเภอย้ำเสียงดัง "หลายเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นว่าน้ำที่ลงมาท่วมถนน ที่การแก้ปัญหาไม่จำเป็นต้องรองบประมาณ เพียงแค่ท่านมาช่วยร่วมคิดร่วมแก้ และท่านได้นำเอาแนวทางพระราชดำริของในหลวง การนำหญ้าแฝกมาปลูกเพื่อชะลอความเร็วของน้ำ ปัญหาคือว่าเราใช้ที่ดินมาก่อสร้างขวางทางน้ำ มีการบุกรุกทางน้ำ สิ่งเหล่านี้ต้องแก้...."
พูดไปแล้วก็น่าขำ ประเทศเรามีระบบผังเมืองใช้มานานแล้ว และเราก็มีผังทุกระดับ ตั้งแต่ผังประเทศ ผังภาค ผังจังหวัด ผังรวมชุมชน และผังพัฒนาพื้นที่เฉพาะ ทุกอย่างมีทั้งที่ใช้กฎหมายบังคับและไม่ใช้กฎหมายบังคับ แต่ก็อย่างที่รู้ๆกัน ว่าผลการบังคับใช้ผังเมืองนั้นเป็นอย่างไร
นั้นเป็นเพราะว่าในอดีตทางผังเมืองจะเป็นผู้รับผิดชอบเพียงผู้เดียว ประชาชนเพียงแค่มามีส่วนร่วมรับฟัง แต่การกระทำดังกล่าวไม่ได้รับความร่วมมือจากท้องถิ่นและประชาชน เลยกลายเป็นเหตุผลใหญ่ที่ได้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางการวางผัง ให้ทุกภาคส่วนมาดำเนินการวางผังตั้งแต่แรกเริ่ม แม้ว่าหลายคนจะไม่มีความรู้โดยตรง แต่มีประสบการณ์ในท้องถิ่น มาร่วมกับบริษัทปรึกษาช่วยประคองความคิดความอ่านของทุกคนให้เป็นระบบระเบียบ สามารถดำเนินการได้จริง
ผมไม่รู้ว่าใครวางระบบผู้เชี่ยวชาญนี้ขึ้นมา
ว่าไปแล้ว ผมมาร่วมกับเวทีครั้งนี้นอกจากช่วยคุณสมศักดิ์คิดหาวิธีทำงานให้บรรลุเป้าหมายแล้ว มีหน้าที่หลักก็คือนั่งบันทึกความเห็นจากผู้เข้าร่วมเพื่อส่งต่อไปให้ทีมงานของบริษัทวิเคราะห์ในการวางผังต่อไป (ซึ่งเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของการทำงาน)ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นปัญหารอบๆตัว อย่าง น้ำท่วม รถติด คนบุกรุกป่าต้นน้ำ บางคนบอกว่าที่แล้วมาการพัฒนา ไม่ได้วางแผนล่วงหน้าระยะยาว อย่างในสมัยก่อนฝนตกลงจากภูเขาไม่มาก ภูเขาสามารถดูดซับน้ำไว้ได้ ทว่าปัจจุบันมีการบุกรุก เมื่อน้ำทะลักไหลบ่าตกลงมาอย่างรวดเร็ว น้ำไหลเชี่ยว ที่แล้วมาที่ดินเอกชนเป็นที่รับน้ำ แต่เมื้อมีการถม ทำให้ไม่มีที่รับน้ำ ทำให้น้ำทะลักมาที่ถนน
นับเป็นโอกาสดีในการพิสูจน์ความเชื่อ เรียนรู้หาประสบการณ์ เปิดหูเปิดตาให้กว้างไกลออกไป(ผมกับคุณสมศักดิ์ เสือ เราเป็นคนนอกที่รับช่วงงานต่อจากบริษัทที่ปรึกษาในการสร้างกระบวนการมีส่วนร่วม) ซึ่งว่าไปแล้วก็เป็นสิ่งที่หาได้ไม่ง่ายนักในการทำงานกับภาคราชการ
ผมลำดับความเห็นของผู้เข้าร่วมประมวลผลเก็บไว้
ผญ.น้อย วิชัยรักษ์ บอกว่าสมุยเป็นนางงามคนสุดท้ายของอ่าวไทย เขาเคยเสนอให้มีโครงการถนนรอบเกาะ คนที่มีบังกะโลเป็นเจ้าของหาด แล้วให้คนรุ่นหลังต้องช่วยกันดูแลสมุย เพราะต่อไป ที่ดินบนภูเขาเริ่มหมดแล้ว เขาบ่นว่าการออกเอกสารสิทธิ์ไม่รู้ว่าทำไปได้อย่างไร เขาฝากเจ้าหน้าที่ให้ลงมาดูแลด้วยเพราะว่าน้ำท่วมมาตามถนนที่ตัดขึ้นไปบนเขา
คุณอภิชัย ใจดี บอกว่าอยากให้กำหนดพื้นที่ใช้ประโยชน์สถานบันเทิง ไม่ให้อยู่ใกล้วัดวาอารามจนเกินไป
คุณภิญโญ วรรณภักดี บอกว่าปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นมานี้เรามาแก้ภายหลัง และยังไม่มีเจ้าภาพ ปัญหาจราจรไม่มีเจ้าภาพ น้ำท่วมเกิดมาหลายครั้งแล้ว ก็ไม่มีเจ้าภาพ และการแบ่งเขตการใช้ที่ดินนั้น เดิมชุมชนมี 3 แห่ง คืออ่างทอง เฉวง ละไม ปัจจุบันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ชุมชนแม่น้ำไปถึงปลายแหลมเปลี่ยนไปแล้ว ความเจริญจะทำให้น้ำเสียลงสู่ทะเลมากขึ้น
คุณเรือนงาม ใจดี บอกว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการปกครอง สมุยโตเกินกว่าที่เทศบาลตำบลจะดูแลได้ ควรจะมีองค์กรภายนอกที่จะมองเข้ามากำกับนโยบายการพัฒนา จะเป็นองค์กรมหาชนหรืออะไรก็ได้
คุณวิชัย ดิฎรักษ์ บอกว่าควรจัดระเบียบเรือเฟอรี่ เรื่องความปลอดภัย และเรื่องทรัพยากรของชาติ การที่จะขุดปลายคลองบางรักที่เป็นคลองน้ำเค็ม แต่ไปเขียนว่าเป็นพื้นที่พรุ ฝากว่าอย่าไปทำลายเสีย เพราะธรรมชาติหายาก
คุณธนาคม พร้อมดี บอกว่าการบริหารจัดการปัญหาของสมุย เกินศักยภาพของเทศบาลที่จะรับผิดชอบได้ มีแนวคิดว่าทำไมไม่ร่วมกันผลักดันให้มีฐานะที่ใหญ่กว่านี้ ที่สามารถจะนำเอาทรัพยากรและงบประมาณมาแก้ปัญหา ให้ช่วยกันผลักดันให้เกิด...
ผมเริ่มมองเห็นความชุลมุนวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นกับสมุย เหมือนกับมองเห็นผลกระทบที่จะเกิดกับคนท้องถิ่นที่ทุนใหญ่จากต่างถิ่นกำลังระบาดหนัก ต่อไปหากว่ามีแผนงานพัฒนาลงมายังพื้นที่จริงๆ คนที่จะกอบโกยประโยชน์ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยจะเป็นใคร? เป็นคนดั้งเดิมในพื้นที่หรือเปล่า? หรือจะเป็นผู้ประกอบการใหม่ที่มีเงินถุงเงินถัง? ผมถามตัวเอง เพราะในอีกฟากฝั่งหนึ่งเกาะที่เคยร่มรื่นมีแต่เงาของมะพร้าวโยกไหวไปตามชายหาดขาวสะอาด มาบัดนี้สมุยเป็นเหมือนกับเมืองใหญ่ที่รองรับความต้องการที่หลากหลาย ซึ่งรวมไปถึงความสกปรกเน่าเหม็นของการพัฒนาที่เริ่มปะทุตัวเป็นแผลเต็มร่าง หาดทรายสมุยไม่ได้ขาวสะอาดอีกต่อไป แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสมุยยังขาดมนต์ขลังดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะเมื่อฝั่งอันดามันมีแต่ข่าวร้ายจากสึนามิ
"เป้าหมายวันนี้จะมาฟังว่าเวทีวันนี้คิดอย่างไร แต่ยังไม่ทะลุในสิ่งที่ผมอยากเห็น" คุณสมศักดิ์ว่า "สมุยยังจะเติบโตได้อีก แต่ทำอย่างไรที่จะควบคุมการพัฒนาให้เป็นไปในทิศทางที่สามารถสร้างประโยชน์ได้เต็มที่ มิใช่สะเปะสะปะไร้ทิศทางเหมือนเช่นทุกวันนี้ ผมยกตัวอย่างสภาหน้าทอนที่เกิดขึ้นได้เพราะว่าที่หน้าทอนกำลังจะมีการถมทะเล สภาหน้าทอนจึงเกิดขึ้นเพื่อต่อสู้กับการพัฒนาที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของคนในพื้นที่"
เขายกตัวอย่างที่เกาะเต่าที่เราไปมาแล้วอีกครั้ง ที่นั่นจะมีการขยายท่าเรือ แล้วสร้างยื่นไปทะเลเป็นตัวที มีผู้นำชุมชนบอกว่าไปทักท้วงผู้ออกแบบแล้วว่าไม่เหมาะสมกับพื้นที่ แต่ก็มีการยัดเยียดความต้องการมาให้อีกโดยไม่ฟังเสียง จะเห็นว่าคนตัวเล็กตัวน้อย หรือกลุ่มเล็กๆ ผลักดันต่อสู้ มักจะไม่ได้ผล
"เขาไม่ฟังหรอก" คุณสมศักดิ์ว่า "เพราะฉะนั้น จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะหาทาง ทำอย่างไรให้พวกเรามีเสียงดังพอที่จะให้ความต้องการของเรากลายไปเป็นนโยบายท้องถิ่น"
คุณสมศักดิ์ มองหน้าทุกคนที่เหลืออยู่ราวๆ สามสิบคน
"ที่นัดกันมาครั้งนี้ก็อยากให้ได้มาเจอกัน มาร่วมมือกันเป็นเครือข่ายจะได้เกิดพลัง...ตรงนี้ก็เหมือนกัน ทำอย่างไรให้มีการขยายเครือข่ายออกไป หากเราสามารถสถาปนาบทบาทร่วมกัน จัดฟอรั่มก็ได้ ใช้ช่องทางสื่อก็ได้ ผลักดันนโยบายสาธารณะออกมา"
ผมเห็นหลายคนพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วยที่จะมีการตั้งคณะผู้ก่อการขึ้นมาสักคณะหนึ่งที่จะมาช่วยกลั่นกรองกำหนดทิศทางการพัฒนาของสมุย ซึ่งแต่เดิมทุกคนฝากความหวังไว้กับองค์กรท้องถิ่นหรือไม่ก็รัฐบาล แต่สุดท้ายทุกคนก็เห็นแล้วว่าแนวทางดังกล่าว ไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นรายวันในสมุยได้ แต่เหมือนยังไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ได้แต่นั่งมองหน้ากัน
เงียบ! มีแต่ความเงียบงันปกคลุม คล้ายกับว่าเปิดโอกาสให้ทุกคนได้นิ่งใคร่ครวญ
"ว่าไงครับ พวกเราจะเดินต่อไปอย่างไรดี" คุณสมศักดิ์ถามขึ้นอีก
บรรยากาศชักจะอึดอัด ที่ไม่รู้จะทลายกำแพงลึกลับถางทางให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างไร ได้แต่มองหน้ากันไปมา ผมรู้สึกเหมือนกับว่าในชั่ววินาทีใดวินาทีหนึ่งจะต้องเกิดอะไรสักอย่าง เช่นว่า มีใครสักคนที่ปะทุอารมณ์อันขุ่นเคืองออกมา เป็นไปได้ว่าเขาอาจปฎิเสธความเจริญภายใต้โฉมหน้าของเงินตราที่กำลังหลั่งไหลกันมาเข้ามารุกรานวิถีแห่งท้องถิ่น แล้วชักชวนให้เราทบทวนตัวเอง ควรจะมีใครสักคนลุกขึ้นมาช่วยกันทัดทานการพัฒนาที่ก้าวรุดไปข้างหน้าอย่างรีบเร่ง ช่วยกันหมุนโลกให้ช้าลง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น การจะให้คนลุกขึ้นมาต่อต้านเพียงลำพัง นั่นหาใช่ทางออกอีกต่อไป
เราควรเชื่อมั่นในศักดิ์ศรี ในจิตวิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์ต่อไปรึ? ว่าจะค้ำจุนให้โลกมิถึงกับมีแต่แง่มุมที่โหดร้ายเย็นชา ความบริสุทธิ์ใจ ความรักใคร่สมัครสมาน ความเชื่อและศักดิ์ศรี ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ยากจะทำลาย ยังคงซ่อนเร้นอยู่ภายในหัวใจผู้คน รอวันที่จะปะทุก่อตัวออกมา โลกใบนี้หาได้สร้างแต่ความเลวร้าย วิถีแห่งโลกสอนบทเรียนให้มนุษย์เรียนรู้ที่จะหยิบฉวยสิ่งดีๆ ที่เป็นประโยชน์ และเลือกปฎิเสธความชั่วช้าต่ำทรามกระนั้นรึ?
จนชั่วขณะต่อมา ผมกลับรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มเต็มที แต่ก็มีบางอย่างชักกะเย่ออยู่นั่น ได้แต่นั่งลุ้นอยู่กับที่ อาจเป็นเพราะความไม่คุ้นชิน อาจเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว หรือไม่ก็เป็นเพราะรูปแบบการจัดประชุมในโรงแรมที่ดูเป็นทางการเกินไป
"ผมว่าเราจัดที่นั่งกันใหม่ดีกว่า เอาเก้าอี้มานั่งเป็นวงกลมหันหน้าเข้าหากัน คุยกันไปมองหน้ากันไป จะได้รับรู้ความรู้สึก"คุณสำรวยที่มาช่วยคุณสมศักดิ์กระตุกที่ประชุม
ดูเหมือนว่าไม่มีใครเห็นต่าง
ทุกคนกุลีกุจอยกเก้าอี้ พร้อมกันดันโต๊ะยาวหันหน้าชนกัน เปิดที่ว่างกลางฟลอร์ รองนายกเทศมนตรี คว้าไมค์มา เขาพูดยิ้มๆ "ผมขนลุกเลยนะครับ นี่ไม่ได้พูดเล่น" เขาชี้ให้ทุกคนดูขนบนแขน "โอกาสเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ จริงๆนะครับ พวกเราเองก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าไปแล้วดูเหมือนว่าง่าย แต่เรากำลังสับสนว่าจะเริ่มต้นอย่างไร ทั้งที่เราก็พร้อมกันหลายอย่าง ผมว่าถ้าเรามาเริ่มต้นเป็นผู้ก่อตั้งในวันนี้ได้หรือไม่ เพื่อที่จะรองรับเวทีครั้งที่ 3 ที่จะเกิดขึ้น การระดมความเห็นแม้จะไม่เป็นเอกภาพก็ไม่เป็นไร"
เขาหันไปโยนคำถาม "เอ้า พวกเราว่าไง..."
พวกเขาแลกเปลี่ยนความเห็นกันอีกพักใหญ่ มาถึงชั่วโมงนี้เปล่าประโยชน์ที่มัวแต่มาบ่นปัญหา ทุกคนพร้อมจะยกระดับความเห็นให้เป็นข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ปัญหา ผมระบายลมหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งใจ คนเราเมื่อก้าวข้ามวิถีแห่งความคุ้นชิน มองข้ามความเป็นปัจเจกของตน หันมาจับไม้จับมือร่วมกัน ผมเชื่อเหลือเกินว่าคนเราเมื่อพูดจาภาษาเดียวกัน ได้ก็มีแรงต้านที่จะต่อสู้กับหายนะที่เข้ามาโยกคลอนจิตใจ
ในที่สุดที่ประชุมก็มีความเห็นให้ร่วมกันจัดตั้งองค์กรภาคประชาชนเพื่อช่วยกันดูแลการพัฒนาพื้นที่ พวกเขาพร้อมใจกันเรียกตัวเองว่าสภาร้อยเกาะ
เย็นวันนั้น เรานั่งรถตู้ตระเวนหาร้านอาหารมื้อค่ำ แล้วก็ดื่มด่ำกับรสชาติของอาหารอย่างสำราญใจ ชั่วขณะละเลียดอาหารเลิศรส ในหัวผมก้องไปด้วยเสียงของคุณสมศักดิ์ที่กำลังนำเสนอร่างผังนโยบายการใช้ประโยชน์ที่ดิน ที่อยู่บนบกและในทะเล ที่เป็นพื้นที่สงวน พื้นที่อนุรักษ์ และพื้นที่พัฒนา แล้วได้กำหนดแนวทางการพัฒนาออกเป็น 2 แบบ คือ การรวมกลุ่มพัฒนาที่สมุย และการกระจายการพัฒนาไปสู่ปริมณฑลโดยรอบ ซึ่งจากการรับฟังความเห็นของทุกคนในรอบแรกได้มีมติให้พัฒนาไปในแบบกระจายตัว
ทำอย่างไรที่จะให้สมุยเป็นเกาะน่าเที่ยว เมืองน่าอยู่ และเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงนิเวศระดับสากลมีการกระจายกิจกรรมการท่องเที่ยว การค้า การบริการ เป็นกรอบแนวทางในการควบคุมลักษณะทางกายภาพของเมือง เพื่อส่งเสริมคุณค่าทางวัฒนธรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่น โดยดำรงรักษาสถานที่ที่มีคุณค่าทางศิลปะ สถาปัตยกรรม และสร้างพื้นที่รองรับกิจกรรมทางวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิตชุมชน และเพื่อฟื้นฟู อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดล้อม...
เสียงและภาพต่างๆเลื่อนผ่านเข้ามา แล้วก็จางหายไปกับเสียงคลื่น อะไรหนอทำให้เรามาถึงที่นี่ ผมรำพึงกับตัวเอง
สมุยใต้แสงไฟยามค่ำดูลี้ลับแปลกตา แสงไฟหลากสีที่สะพรั่งไปทั่วเกาะดึงดูดความสนใจอยู่ทุกหลืบมุม ผมนั่งมองโคมไฟที่ตัดเย็บด้วยผ้าแพรสีแดงสีส้มสดที่ทำให้บรรยากาศของร้านอาหารภาคเหนือมากกว่าภาคใต้ ทะเลสมุยที่อยู่ด้านหลังนั้นเล่าก็สงบราบเรียบมีสีดำทะมึน แซมแทรกด้วยสีแดงก่ำแก่ตรงขอบฟ้า และวับแวมดวงไฟที่อาบสะท้อนลงจับสายน้ำ เสียงคลื่นแทรกซ่าอยู่แผ่วเบา ผมหวนนึกไปถึงวันแรกๆที่เราลงพื้นที่ นึกถึงวันที่เดินทางไปเกาะเต่า เพื่อที่จะฟังความเห็นของคนที่นั่นแล้วได้รับการต้อนรับอย่างเย็นชา
สมุยวันนี้ก็เหมือนกับโลกของเราที่กำลังเปลี่ยนไปทุกวินาที ไกลออกไป หมู่บ้านที่ไหนสักแห่ง ที่มีชุมชนอยู่อย่างสงบสุข ในเช้าตรู่ของวันที่แสงแรกอาบทอไปทั่ว และกำลังแตะแต้มแมกไม้พุ่มพฤกษ์นานาพรรณ ดอกประดู่ที่ปลูกเต็มหมู่บ้านออกดอกเหลืองอร่าม แล้วก็มีเสียงไก่ขันแทรกเสียงมอเตอร์ไซด์ ผู้คนคลาคล่ำในตลาดนัด เสียงด่าทอของเด็กสาวต่อว่าสามีขี้เมา เสียงเด็กแรกเกิดร้อง แล้วก็เสียงร่ำให้ ไม่มีใครรู้ว่าอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ทั้งหมู่บ้านจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ เพราะว่ามีคนจะพลิกแผ่นดินนำถ่านหินที่มีอยู่มาใช้ประโยชน์ ผมถามตัวเองว่าถ้าหากทำได้ เราจะทำอย่างไรกับสิ่งเหล่านี้?
เราแยกกลับที่พัก ผมหวนถึงงานที่รออยู่วันข้างหน้า ยังมีอะไรอีกมากที่รอเราไปเรียนรู้และแก้ปัญหา ชีวิตคือการเรียนรู้ ผมคิด
เรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ บอกตัวเองก่อนที่เคลิ้มหลับไปพร้อมความเย็นฉ่ำของไอเย็นจากเกาะลอยเข้าปกคลุม.