เรื่องสั้น

ชีวิตงดงามด้วย 38 มงคล ตอนที่ 2

by สิรารมย์ @October,09 2007 17.30 ( IP : 203...7 ) | Tags : เรื่องสั้น

2…..

          “วันนี้เราจะเริ่มต้นพูดถึงมงคลชีวิตที่ 1 การไม่คบคนพาล และมงคลชีวิตที่ 2 การคบบัณฑิต ไปพร้อมกันเลยนะ เพราะเป็นเรื่องที่สัมพันธ์กัน” มิ้นท์บอกน้องชายทันทีที่นั่งพร้อมหน้าบนเก้าอี้โซฟารับแขกไม้ลายชุดหลุยส์ 2 ตัวเดี่ยว โดยมีบิดานั่งอยู่ที่เก้าอี้โซฟาตัวยาว           แม้วน้องชายตัวอ้วนกลมพยักหน้ายิ้ม           “โอเคได้เลย...”           “ความหมายของคนพาลตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน นิยามไว้ว่า พาลคือคนชั่วร้าย, คนเกเร, เกะกะ และบัณฑิต คือผู้ทรงความรู้, ผู้มีปัญญา, นักปราชญ์, ผู้สำเร็จการศึกษาขั้นปริญญา, ผู้มีความสามารถพิเศษโดยกำเนิด ดังนั้นเมื่อประเมินคุณสมบัติทั้งของคนพาลและบัณฑิตแล้วพอจะกล่าวได้ว่า คือมนุษย์สองจำพวกที่มีคุณลักษณะตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง” มิ้นท์เริ่มต้นโดยการกางสมุดที่โน้ตไว้อ่าน           “โอ้โฮ...ถ้าอย่างนี้เพื่อนแม้วที่เป็นคนพาลก็เยอะแยะเลยน่ะสิ”
          “เดี๋ยวนะ อีกสักครู่ค่อยมาวิเคราะห์กัน เพราะมิ้นท์อยากพูดถึงลักษณะพิเศษของบัณฑิต 3 ประการที่มีกล่าวไว้ในพจนานุกรมด้วยคือ ทำดี พูดดี และคิดดี ดังนั้นคนพาลก็จะมีลักษณะซึ่งตรงกันข้ามกันคือ ทำชั่ว พูดชั่ว และคิดชั่ว”           “แหมค่อยดีขึ้นหน่อย เพราะเพื่อนที่เกเรของแม้วจะได้หลุดจากข้อกล่าวหาการเป็นคนพาลได้” แม้วทำท่าถอนใจเอามือลูบอก           “แต่แม้วก็ต้องดูด้วยนะว่า เพื่อนแม้วน่ะมีการผิดศีล 5 ข้อใดข้อใดข้อหนึ่งหรือไม่ เพราะหากแม้ผิดเพียงข้อเดียวก็เข้าข่ายคนพาลได้แล้วนะ”           “ถึงขนาดนั้นเชียวหรือ” แม้วถามอย่างไม่แน่ใจ           มิ้นท์พยักหน้าบอกต่อ           “แน่นอน เพราะการฆ่าสัตว์, การลักทรัพย์ และการผิดกาเม ก็เข้าข่ายการทำชั่วหนึ่งในลักษณะพิเศษของคนพาลแล้ว ส่วนการพูดโกหกหรือพูดคำหยาบก็จัดอยู่ในการพูดชั่ว และสุดท้ายการคิดชั่วนั้นคือการคิดร้ายพยาบาทต่อคนอื่นรวมทั้งมิจฉาทิฐิทั้งมวล ซึ่งการติดสุรายาเมานั้นจัดเป็นทั้งการคิดชั่วและทำชั่ว”           “ถ้าเป็นอย่างนี้เพื่อนแม้วถ้าจะไม่รอดเป็นคนพาลมากเชียวล่ะ” เด็กชายบ่นอุบ           “ยังไม่ถึงขั้นนั้นหรอก เพราะการกระทำของเด็กนั้นโดยมากจะเกิดจากความไม่ตั้งใจโดยการเยาว์สติยั้งคิดรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเกิดจากการที่ยังไม่ได้รับการสั่งสอนที่พึงให้อภัยได้ ดังนั้นในทางที่ดีที่สุดแล้วหากแม้วมีเพื่อนที่เข้าข่ายลักษณะคนพาลแล้วแม้วควรจะทำอย่างไร” พี่สาวอมยิ้มนั่งเท้าคางมองหน้าน้องชายซึ่งทำท่าขบคิด           “มงคลข้อที่ 1 คือการไม่คบคนพาลใช่ไหมครับ”
          “ใช่...แต่ไม่ใช่คำตอบ” มิ้นท์ยิ้ม รู้ทันความคิดน้องชาย           “แล้วคืออะไรล่ะ” แม้วคิดไม่ออกจริง ๆ
          “แม้วเล่นไม่คบเลยแล้วแม้วจะมีเพื่อนเหลือหรือ? แม้วก็ทำให้เพื่อนกลายเป็นบัณฑิตสิ” พี่สาวเฉลยคำตอบ แต่น้องชายก็ยังงง ๆ           “แล้วจะทำอย่างไรให้เขาเป็นบัณฑิตได้ล่ะ”           “ลักษณะบัณฑิต 3 ประการคืออะไร” มิ้นท์ถามเป็นปริศนา           “ทำดี พูดดี และคิดดีครับ” แม้วตอบอย่างมั่นใจ           “ถูกต้องแล้ว ทีนี้เราก็ค่อยมาดูทีละข้อ” พี่สาวยกนิ้วชี้ขึ้น           “ยังไงครับ” แม้วถามเร่งพี่สาว           “ในข้อการทำดี แม้วก็ชวนเพื่อนทำตัวให้เป็นประโยชน์ มีระเบียบวินัย ไม่ก้าวก่ายงานคนอื่น ไม่ทำสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ เช่นขโมยของคนอื่นแม้แต่ยางลบสักก้อน เสพสิ่งเสพติด การที่ชอบดื่มแต่น้ำอัดลมซึ่งไม่มีประโยชน์ก็ถือเป็นการเสพสิ่งเสพติดได้นะ” มิ้นท์หยุดเล็กน้อยยิ้มมองหน้าน้องชายเพราะรู้ว่าชอบดื่มน้ำอัดลมเป็นชีวิตจิตใจ           “แม้วก็ต้องเลิกดื่มด้วยสิ” น้องชายทำเสียงอ่อย           “ถูกต้องนะคะ” พี่สาวยกมือชี้หน้าล้อแบบพิธีกรดังในโทรทัศน์หัวร่อคิกก่อนพูดต่อ           “หรือการเล่นการพนันที่แม้จะเป็นการเล่นหลอก ๆ ไม่กินเงินในปัจจุบันก็ตาม เพราะอาจทำให้กลายเป็นคนติดการพนันงอมแงมเกิดความโลภอยากได้เงินทองของเขาทุ่มเทจนเสียหมดเนื้อหมดตัวในอนาคตได้”
          น้องแม้วพยักหน้าเห็นด้วย ฟังพี่สาวพูดต่อโดยไม่สอดแทรก           “ส่วนในข้อการพูดดี คือการพูดจาไพเราะ ไม่นินทาว่าร้ายใคร ไม่พูดเพ้อเจ้อ พูดจาด้วยสติรู้คิด เข้าใจไหมแม้ว” มิ้นท์หยุดถามเพราะเห็นน้องชอบนำคำพูดหยาบคายของเพื่อนมาต่อความ           “เข้าใจครับ แม้วจะไม่จำคำพูดไม่ดีของเพื่อนมาอีกแล้ว”           “และสุดท้ายการคิดดี ก็คือการรู้จักแนะนำสิ่งที่ดีให้คนอื่น ไม่โลภอยากได้ของเขา ไม่คิดร้ายคนอื่น เหล่านี้เป็นต้น”
          “แม้วคิดว่าแม้วเป็นบัณฑิตได้นะ” น้องชายบอกเหมือนมั่นใจในตนเอง           “แต่ไม่ต้องทำตนเป็นผู้รู้ไปสั่งสอนนะ เดี๋ยวเพื่อนพาลหมั่นไส้ไม่คบเอา ใช้วิธีค่อยบอกให้เพื่อนซึมซับเอา” มิ้นท์เบรกเมื่อเห็นท่าทีเอาจริงเอาจังของน้องชาย           “เราต้องค่อย ๆ สอดแทรกความคิดของเราไม่ให้เขารู้ตัว เช่นถ้าเห็นเพื่อนแอบจิ๊กดินสอคนอื่น เราก็บอกว่าอย่าทำเลย มันไม่ดี อาจเพาะนิสัยความเป็นโจรในอนาคตได้ ไม่โลภไม่อยากได้เสียอย่างก็จะไม่มีการขโมยเกิดขึ้น หรือหากเห็นเพื่อนแกล้งใครก็ห้ามเพื่อนบอกว่าหากต้องถูกคนที่แข็งแรงกว่ามากลั่นแกล้งเช่นนี้บ้างเพื่อนคนนั้นจะรู้สึกเช่นไร”           “แปลว่าเราควรพูดให้เขาคิดเองใช่ไหม” แม้วเอียงหน้าถาม           พี่สาวพยักหน้า           “นั่นแหละคือการชักนำเพื่อนสู้ความเป็นบัณฑิตที่ถูกต้อง เมื่อเขาคิดเองเป็น เขาก็จะเลิกเป็นคนพาลด้วยตัวตนแท้จริงของเขาเอง”           “แล้วพี่มิ้นท์มีบอกเพื่อนบ้างหรือเปล่า”           “ก็มีบ้างนะ แต่วัยรุ่นสมัยนี้ชี้ทางสว่างยาก เพราะสิ่งเย้ายวนมันเยอะ ไม่อย่างนั้นจะมีนิยามที่เห็นภาพพจน์ชัดเจนของวัยรุ่นสมัยนี้หรือว่า “ช้อปไว ใช้แหลก แดกด่วน” นั่นและคือภาพของการเห็นเงินเป็นพระเจ้า ใช้เงินโดยไม่มีการยั้งคิด ทำให้นำมาซึ่งความโลภซึ่งเป็นต้นเหตุของสารพัดความชั่ว แก้ไขยากมาก แต่มิ้นท์ก็ไม่เคยทิ้งความตั้งใจนะ...หากมีโอกาสก็จะทำทุกครั้ง” พี่สาวบอกก่อนถอนหายใจยาว           “มิ้นท์ก็อย่าท้อเสียก่อนล่ะ เราเป็นส่วนเล็ก ๆ นิดเดียวของสังคมที่จะต้องร่วมมือกัน ขอเพียงเราทำในส่วนของเราให้ดีที่สุดเท่านั้น...สังคมก็ดีขึ้นได้แล้วส่วนหนึ่ง...และหากเราช่วยกันทำให้คนคิดเหมือนเรามาก ๆ และช่วยกันขยายต่อไปเรื่อย ๆ อีกหน่อยสังคมก็จะดีขึ้นเอง” ผู้เป็นบิดาสอดปลอบขึ้น           “ค่ะ”           “ครับ”           สองบุตรหญิงชายขานรับโดยพร้อมเพรียงกัน           “วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวป๊าพาไปทานก๋วยเตี๋ยวข้างนอก” บิดาลุกนำ           “ไชโย้...” สองพี่น้องร้องดีใจลุกขึ้นจูงมือผู้เป็นบิดาเดินไปที่รถหน้าบ้านพร้อมกันโดยที่ไม่ลืมชวนมารดาที่อยู่ในสวนข้างบ้านไปด้วย

ขออภัย ขณะนี้เว็บไซท์ของดการสร้างหัวข้อใหม่และการแสดงความคิดเห็นไว้ชั่วคราว
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ