เรื่องสั้น
เรื่องสั้น : คือคน(แรก)...ที่คิดถึง
เรื่องสั้น
คือคน(แรก)
ที่คิดถึง
ปิติ ระวังวงศ์
มีวาจาและรูปเป็นทรัพย์ มีเสน่ห์เป็นที่พึงใจของเพศตรงข้าม ต้องตาต้องใจผู้คนทั่วไป การเงินมักไม่ค่อยขาดแคลน แต่เก็บไว้ไม่อยู่ มีเงินอวดเงิน มีทองอวดทอง คนที่มาขอหยิบยืมมักไม่ได้คืน ร้างพ่อห่างแม่ แต่มีเพื่อนและหญิงสูงวัยคอยอุปถัมภ์ แม่เฒ่าช่วยบอกพลางเอื้อมมาจับฝ่ามือข้างขวาของฉันพลิกไปมา- ใกล้ๆ กันนั้น ชายหนุ่มยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียง เอียงหน้ามองมาด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม ฉันหลับตานึกถึงเรือนกายใต้ผืนผ้าห่ม รูปร่างที่กำยำ แขนขาทั้งคู่ขนานกัน สมส่วนไม่เทอะทะ กล้ามท้องเป็นมัด ๆ พละกำลังอันมหาศาลเมื่อครั้งที่ถาโถมเข้าหา อานุภาพของมันเพียงพอที่จะบดขยี้ร่างของฉันให้แหลกออกเป็นชิ้น ๆ ฉันคลายมัดผมที่มุ่นมวยออก หยิบหวีบนโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมาสางผม ชายหนุ่มส่งเสียงกระแอมไอเบา ๆ ฉันหันหน้ามองแล้วยิ้ม เดินมาล้มตัวนอนลงบนเตียง ชายหนุ่มขยับร่างเบียดเข้าหา แนบหน้าลงตรงหว่างอก สูดกลิ่นกาย ฝ่ามือลูบไล้อยู่บนอกที่ขาวอวบเต่งตึง ชูช่อเหมือนบัวกำลังบาน งามน่าช้อนขึ้นมาชม ชายหนุ่มขยับตัวเข้าชิด ฝ่ามือข้างขวาค่อย ๆ ลูบต่ำลงไปเรื่อย ๆ ในลักษณะใช้เรียวนิ้วกรีดลากผ่านกลางลำตัว จากช่วงอกจนลงมาถึงท้องน้อย นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ข้างซ้ายกำลังบี้คลึงอยู่กับเม็ดขนาดปลายนิ้วบนเนินอก ฉันนอนครางเสียงสั่น บิดกายพลิกพลิ้วไปมา ชายหนุ่มโถมทับร่างเข้าหา ปากก็พร่ำรำพันออกมาเป็นเสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ฉันไม่พูดอะไรได้แต่ร้องครางเบา ๆ และแล้วทุกอย่างก็ดำเนินไปตามธรรมชาติของการเสพสม - ๒ - กี่คนนั้นพอจะนับได้ แต่ถ้าจะให้นับว่ากี่ครั้งเห็นทีว่าคงจะเกินกำลัง ฉันนอนนิ่งคิดทบทวนบางสิ่งบางอย่างในใจ พลางมองไปยังร่างของชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้าง ๆ หลังจากถอนตัวที่โถมทับออกจากกัน ชายหนุ่มพลิกร่างมาเกยก่าย ฉันกระมิดกระเมี้ยน ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกาย แล้วพลิกตัวหันหลังให้ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียงนอน เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เสียงครวญเพลงเบา ๆ ประสานกับเสียงน้ำที่หล่นกระทบผิวกายดังแว่วลอดออกมาจากห้องน้ำ
ฉันนอนเหม่อมองเพดานห้องอยู่เงียบ ๆ ในใจยังคงคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่ยังคั่งค้างไปเรื่อย ๆ
เพียงครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็เดินกลับออกมาจากห้องน้ำ ร่างนั้นเปลือยเปล่า มีผ้าเช็ดตัวพาดคล้องคอ หยุดและยืนเช็ดตัวหน้ากระจกบานใหญ่ หันหน้ามายิ้มให้ เมื่อเห็นว่าฉันกำลังแอบมอง ชายหนุ่มเดินมาล้มตัวนอนลงข้าง ๆ ก้มลงจูบที่ตรงเปลือกตา ฉันหลับตาพริ้มโอบกอดตอบ ขยับร่างนอนก่ายเกยเบียดกันใต้ผ้าห่มผืนนั้น
ผ่านไปสักพักหนึ่ง เสียงครวญครางของฉันที่บ่งบอกถึงความสั่นเสียวก็เริ่มต้นดังขึ้นมาเบา ๆ เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสอดแทรกเป็นจังหวะ ชายหนุ่มบ่นงึมงำเบา ๆ ตั้งคำถามถึงความพึงพอใจบางอย่าง แล้วในที่สุดเราทั้งสองคนก็เสร็จกิจ เสียงครวญครางประสานกันอย่างสุขสมอารมณ์หมาย- ความรักของแกคืออะไร ?... เท่าที่กูเห็น พอเจอใครเอาใจเข้าหน่อย แกก็รักเขาเสียทุกรายไป เพื่อนสนิททักท้วงและเอ่ยถาม ซึ่งฉันเองก็ตอบไม่ถูกจริง ๆ เหมือนกันว่ามันคืออะไร รู้เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่ได้รู้จักใครสักคน ฉันก็อยากจะให้เขาทำดีกับฉันเอาใจห่วงใยและรักเพียงฉันคนเดียว แกต้องการเพียงแค่นั้น จริงๆ หรือ ?.. เพื่อนคนเดิมถามต่อ
ฉันเงียบพลางครุ่นคิด คนเราเกิดมาก็มีกามราคะติดมาด้วยเหมือนกันทุกคน ไม่ต้องฝึก ไม่ต้องสอน ต่างก็ใคร่ที่จะรู้กำหนัดในเพศตรงข้าม ทั้งนี้ด้วยเหตุที่คนเราปรารถนาในกาม และกามที่กล่าวถึงนี้ต้องอาศัยกายเป็นที่ระบายเพื่อก่อให้เกิดความพอใจในกามนั้น กายจึงเป็นที่รำพึงของคน กายยิ่งประณีตสวยงามมากเท่าใด ก็ยิ่งก่อให้เกิดกิเลสแก่ผู้ได้ดู ได้เห็นไม่รู้จักจบสิ้น ฉันจึงมองหาและต้องการใครสักคนที่จะเข้าใจและช่วยปลดเปลื้องอารมณ์คั่งค้างให้มันหลุดหายออกไป กี่คนแล้ว แกลองใช้สมองคิดดู มันหลอกทั้งแดกทั้งเอาเหมือน ๆ กันทุกคน
เท่าที่ผ่านมาแกก็เปลืองตัวไปเปล่า ขายมันเสียเลย ดีกว่าให้พวกมันเอาฟรี ๆ นังหนิงเพื่อนสนิทกับเจ๊เบียบเจ้าของบ้านเช่าออกปากพูดเป็นเชิงชี้นำ หลังจากเงินที่ฉันหยิบยืมจากทั้งสองคน คิดเงินต้นทบกับดอกเบี้ย แล้วยอดมันเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่น ใบแจ้งหนี้ค่าโทรศัพท์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าเงินผ่อนอีกหลายชิ้น งวดนี้ยังคงค้างชำระ ลำพังเพียงเงินเดือนพนักงานขายเครื่องสำอางอย่างเดียว คงแบกรับเอาไว้ไม่ไหว รายได้เท่าหัวหมัด หนี้สินเท่าภูเขา ฉันก้มหน้าพูดบ่นกับตัวเอง คงไม่มีอะไรที่จะเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว อีหนิงมันรู้ดี เจ๊เบียบพูด หันกลับไปมองหน้านังหนิง ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วทั้งสองคนก็หันมายิ้มให้กัน ก่อนหัวเราะออกมาเสียงดังลั่นบ้าน - ๓ - เสียงโทรศัพท์มีสัญญาณสายเรียกเข้าดังขึ้น . นาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังห้อง บอกเวลาสามทุ่มสี่สิบห้านาที ฉันหยิบมันขึ้นมากดปุ่มรับสาย เมื่อเห็นหมายเลขที่คุ้นชิน
ถึงเวลา ต้องไปทำงานแล้ว ฉันบอกตัวเอง แว่วยินเสียงนังหนิงและนังฝ้าย ตะโกนโหวกเหวกดังมาจากชั้นบน บ้านหลังนี้เจ๊เบียบเป็นคนเช่าเอาไว้ หล่อนและเพื่อนช่วยกันจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ
โทรศัพท์มือถือส่งเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ฉันเดินไปแง้มผ้าม่านตรงบานหน้าต่าง แล้วมองออกไปนอกบ้าน รถยนต์คันหนึ่งจอดติดเครื่องรออยู่หน้าบ้าน สีและเลขบนป้ายทะเบียนตรงกันตามที่เจ๊เบียบโทร. มาบอก ฉันล้วงกระเป๋าสะพายหยิบเอาตลับแป้งมาเปิดส่องกระจกมองหน้าตัวเองอีกครั้ง
ขณะที่มือกำลังไขกุญแจเปิดประตูรั้วเหล็กหน้าบ้าน ภาพความทรงจำเดิมๆ บางเรื่องราวก็พลันหวนกลับเข้ามาและผุดฉายอยู่ในความคำนึง น้าต้อยจะมาอยู่ด้วยกันกับเรา มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน แม่บอก ฉันเงียบไม่พูดอะไรเดินเข้าห้อง มันไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เขามาพร้อมกับแม่ ก่อนนั้นเขาก็เคยเข้า ๆ ออก ๆ บ้านเช่าหลังนี้อยู่เป็นประจำ
และทุก ๆ ครั้งที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ฉันมักจะได้ยินเสียงทะเลาะด่าทอและโต้เถียงกันดังลั่นบ้าน สักพักหนึ่ง เสียงทะเลาะก็จะเบาลง แล้วเปลี่ยนเป็นเสียงครวญครางอย่างสุขสมอารมณ์หมายของคนทั้งสอง ฝาผนังไม้อัดช่วยกั้นแบ่งห้องออกเป็นห้อง ๆ มันก็จริงอยู่ แต่ใช่ว่ามันจะช่วยกลบลบเสียงดังที่เล็ดลอดมาลงได้เลย อย่าเห็นฉันเป็นที่ระบายอารมณ์และความใคร่ของเธอได้ไหม เสียงแม่ดังแว่วมา แล้วทั้งคู่ก็เริ่มโต้เถียงกันใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นสักพัก ขั้นตอนและกระบวนการต่างๆ ก็กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้งทั้งคู่เริ่มต้นด้วยการทะเลาะกัน แล้วพักครึ่งด้วยการร่วมรัก
ทุก ๆ เช้าที่เดินออกจากบ้านไปขึ้นรถสองแถวที่หน้าปากซอย คนที่เช่าบ้านห้องติดกัน ต่างมองฉันด้วยสายตาที่แปลก ๆ ป้องปากพูดซุบซิบเมื่อฉันเดินผ่านหน้าร้านน้ำชา
ไอ้โจ้เพื่อนร่วมชั้นลูกชายเจ้าของร้าน คาบข่าวนี้ไปโปรยไว้ที่โรงเรียน เพื่อนผู้ชายหลายคนจึงพากันหยอกล้อจนเป็นที่สนุกปาก และเป็นอยู่อย่างนั้นไม่ถึงสองสัปดาห์ ฉันก็ตัดสินใจหอบผ้าหนีออกจากบ้านเช่าหลังนั้น ย้ายไปอยู่หอพักกับนังหนิงเพื่อนร่วมชั้นเรียน
แม่ย้ายบ้านแล้ว บ้านหลังใหม่มีห้องหับเป็นสัดส่วน กลับไปอยู่ด้วยกันนะ แม่บอกในเช้าวันที่ไปดักรอฉันที่หน้าโรงเรียน มือข้างหนึ่งเอื้อมมาจับแขน ทำท่าเหมือนว่าจะพูดต่อ แต่แล้วก็หยุดเมื่อเสียงแตรรถยนต์คันที่จอดอยู่อีกฝั่งหนึ่งของถนนดังขึ้น ชายคนที่นั่งอยู่ในรถลดกระจกด้านข้างลง ยกมือขึ้นโยกทักทาย แล้วยิ้มให้ เมื่อหันหน้าไปมอง อย่าลืม โทร. หาแม่ด้วย น้าต้อยต้องรีบไปทำงาน แม่พูดยื่นเงินส่งให้
ถ้าบอกว่าพ่อหนู เป็นใคร อยู่ที่ไหน หนูจะยอมกลับไปอยู่ด้วย ฉันบอกก่อนคว้าเงินยัดลงกระเป๋ากระโปรง วิ่งกลับเข้าโรงเรียน หยุดที่ริมรั้วแอบมองออกมา เห็นแม่หันรีหันขวางก่อนข้ามถนนกลับไป พร้อม ๆ กับเสียงแตรรถยนต์ที่ดังซ้ำขึ้นมาอีกสองสามครั้ง - ๔ - ฉันยิ้มให้ชายหนุ่มเมื่อเปิดประตูรถ ก่อนนั่งลงบนเบาะแล้วปิดประตู ระหว่างทางที่รถแล่นไป ฉันนั่งนิ่งเงียบ คิดทบทวนถึงหลายสิ่งหลายอย่างที่ผ่านมาในชีวิต ทุกครั้งคราวที่คิดและทำอะไรเป็นครั้งแรกความสับสนก็มักก่อตัวขึ้นมาภายในสมอง มันผุดขึ้นพร้อมๆ กับความรู้สึกผิดต่อศีลธรรมอันดีที่เกิดก่อเป็นประกายขึ้นมาในสามัญสำนึก และเป็นเหตุที่ทำให้ความคิดและการตัดสินใจของฉันเริ่มที่จะลังเล ความรู้สึกใฝ่ดีมันก็พลันตื่นตัวลุกขึ้นมาปลุกสติ หลังจากที่หลับใหลไปนานแสนนาน แต่ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนว่าจะไร้ผล
ฉันเดินทางมาไกลเกินกว่าที่จะหันกลับไปตั้งต้นใหม่ ฉันบอกตัวเอง - ชายหนุ่มเอ่ยปากถามอะไรบางอย่างออกมา เสียงเพลงกลบทับทำให้ฉันฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ก็แสร้งพยักหน้าเบาๆ ชายหนุ่มยักไหล่ทำท่าเหมือนว่าจะเข้าใจในคำตอบของฉัน ก่อนจอดรถแล้วลงเดินหายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ขณะที่รถติดไฟแดง ฉันทอดสายตามองออกไปที่ร้านขายน้ำชาริมถนน หญิงสาววัยรุ่นห้าหกคนกำลังวุ่นอยู่กับการบริการลูกค้า ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มวัยรุ่นและแก๊งมอเตอร์ไซค์ซิ่ง เมื่อหลายปีก่อนฉันก็เคยเป็นลูกจ้างในร้านขายน้ำชา รถแล่นผ่านสนามกีฬาจังหวัดซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับวิทยาลัยเทคนิค มันทำให้ฉันฉุกคิดถึงใครคนหนึ่ง ชายหนุ่มลดความเร็วของรถลง ก่อนถึงป้อมยามรักษาการณ์หน้าค่ายทหาร ฉันชะเง้อมองทหารเวรห้า-หกนายที่ยืนตรงตั้งแถวหน้ากระดานอยู่ริมถนน ชายหนุ่มหันหน้ามามอง ฉันก้มหน้าหลบแอบยิ้มคนเดียว พลางยกฝ่ามือขึ้นมาแบตรงหน้า ก่อนก้มลงมองดูเท้าตัวเอง หลายปีที่ผ่านมา ฉันเคยนอนกับผู้ชายมาแล้ว มากกว่าจำนวนนิ้วมือและเท้าของคนสองคนมานับรวมกัน รถแล่นมาเรื่อย ๆ จนผ่านหน้าโรงเรียนมัธยมแห่งนั้น ภาพความทรงจำเมื่อครั้งงานลอยกระทง ก็ผุดขึ้นมา ฉันยังคงจำได้ดี แม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตามที-
เขาโอบไหล่ฉันพาเดินมาที่เตียง เมื่อเดินเข้ามาถึงในห้อง ดันเบา ๆ ให้นั่งลง ก่อนที่จะก้มลงมาจูบ
ที่หน้าผาก ฉันหลับตาโอบกอดตอบ อ่อนระทวยเมื่อเขาขยับเข้ามาเคลียคลอ ก่อนโถมร่างเข้าหา และเริ่มถอดเสื้อผ้าออก แล้วทุกสิ่งทุกอย่างมันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นมันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ในใจก็อยากที่จะปัดป้องและขัดขืน แต่ร่างกายกลับโอนอ่อนตามกับเขาไปเสียแล้ว ฉันวาบหวิวและเสียวซ่าน เลือดสูบฉีดวิ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง ท้องปั่นป่วนเมื่อเขาสอดมือเข้าใต้กระโปรง แล้วกดนิ้วเข้าไปใต้ขอบกางเกงในและดึงลง ลมเย็นๆ สัมผัสเนื้อด้านในทำให้ฉันตื่นตัว ได้ยินเพียงเสียงพร่ำรำพัน ใบหน้านั้นซบลงตรงซอกคอ ฝ่ามือทาบลงบนหน้าอกลูบไล้และบีบกลึงบนเนินถัน ฉันทำได้เพียงแค่ร้องครางออกมาเบา ๆ ด้วยเสียงที่สั่นเสียว บิดร่างไปมาเหนือผ้าปูที่นอน- รายได้เท่าหัวหมัด หนี้สินเท่าภูเขา ฉันพึมพำกับตัวเองด้วยคำพูดเดิม ๆ ก่อนเดินออกจากห้องน้ำ คืนนี้ชายหนุ่มเลือกใช้บริการของบังกะโลริมทะเลเป็นสถานประกอบกามกิจ และคราวนี้ก็หาได้เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มกับฉันพบเจอกัน ชายหนุ่มนอนเปลือยกายอยู่บนเตียง ตีมือเบา ๆ ลงบนที่นอน เผยยิ้มและแววตาเชื้อเชิญ ขยับตัวเข้าชิด เมื่อฉันล้มลงนอนข้าง ๆ ใบหน้านั้นซุกซอน ปลายลิ้นละโลมเลียทั่วถ้วนบนเนินถัน ฉันพลิกร่างเหวี่ยงสะโพกขึ้นนั่งทาบบนร่างของชายหนุ่ม แปลงทรัพย์สินให้เป็นทุน ฉันนึกถึงคำพูดที่คุ้นหูและใบหน้ารูปเหลี่ยมที่คุ้นตาของอดีตผู้นำประเทศ ก่อนขยับโยกร่างในท่วงจังหวะซึ่งสอดคล้องและประสานกันกับเสียงครางกระเส่าของชายหนุ่ม ทักษิณ เขาชื่อเดียวกันกับผู้ชายคนแรกของฉัน เมื่อครั้งเรียน ม. 3 .
*******************************