เรื่องสั้น

บ้านเกิด

by ศิลปินหลังจอ @October,24 2007 01.03 ( IP : 203...9 ) | Tags : เรื่องสั้น

เขาพับผ้า1ยังทอดแนวตระหง่านดำทะมึน เป็นฉากหลัง  แนวเขาทอดยาวขนานกับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4    ผมไม่เคยรู้ว่าเขาพับผ้าเริ่มขึ้นที่ไหนและไปจบลงที่ไหน  ผมรู้เพียงแต่ว่าน้ำในคลองทุกสายไหลลงมาจากเขาพับผ้า  หล่อเลี้ยงเรือกสวนนาไร่  และชีวิตของคนเมืองลุงมานาน สายน้ำยังไหลลงสู่ทะเลลำปำ  ดวงอาทิตย์ยังตกบนยอดเขาพับผ้าทุกวัน  ยางยังผลัดใบทุกๆปี  ท้องทุ่งเมืองลุงยังเหลืองอร่ามทุกปีเมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยว  พอเดือนห้าก็จะเหลือเพียงตอซัง  รอเวลาที่จะหว่านกล้าใหม่ในเดือนแปด  เป็นวัฏจักรเช่นนี้มาชั่วนาตาปี ย่าทรุดนั่งลงบนหัวนา2มองดูผืนนาที่แห้งแล้ง ผมนั่งลงใกล้ๆย่า  แล้วช่วงเวลาที่แตกต่างของคนสองวัยก็แลกเปลี่ยนกัน  ย่าของผมเกิดในยุคที่ไม่มี เซเว่นอีเลฟเว่น  ท่านรู้เพียงว่าหากเย็นนี้ข้าวสารในกระบุงหมดพรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืด เพื่อซ้อมข้าว3ใส่กระบุง  ท่านไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต  มีผักสดแพ็คพลาสติกขาย  รู้เพียงแต่ว่าที่ชายดม4หลังบ้านผักหมึง5กำลังทอดยอดงาม น่าจะมาทำแกงเลียงให้หลานกินเย็นนี้ ส่วนผมก็ไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่า  ต้นข้าวที่ย่าผูกเป็นช่อขมวดที่มุม บิ้งนา6 เมื่อข้าวตั้งท้องเรียกว่าการทำขวัญข้าว  ไม่เคยรู้เลยว่ารวงข้าวในตะกร้าที่แขวนอยู่บนเตาไฟเป็นการถือเคล็ดเพื่อไม่ให้  หนูมากัดกินข้าวในท้องนา ย่าทอดถอนหายใจยาวดูท่าท่านโรยแรง และเหนื่อยล้า  ท่านงุนงงกับฟ้าดิน  ฟ้าเปลี่ยน  ดินเปลี่ยน  ฤดูราดนา  กลับต้องหว่านข้าวปลูกบนดินแห้งๆ  ฤดูเก็บข้าว กลับต้องลุยน้ำพร้อมโคม ลอยน้ำเพื่อเก็บข้าวใส่โคมล่องน้ำนำข้าวกลับมาตาก  แกะ7เก็บข้าวอันเก่าของย่ายังเหน็บอยู่ที่ชายฝา  รถเก็บข้าวเริ่มมีบทบาทในหมู่บ้าน    ฟ้าเปลี่ยน    ดินเปลี่ยน ความเป็นเมืองเริ่มคืบคลานเข้าครอบคลุมบ้านเกิด เราไม่ได้ยินเสียงกลองโนรามานานเท่าไหร่แล้ว เราไม่ได้ยินเสียงย่าไล่ให้นอนกลางวัน  เพื่อคืนนี้จะได้ไปดูหนังฉาย ในวัดมานานเท่าไหร่แล้ว โทรทัศน์เริ่มเข้ามาเป็นสมาชิกของบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ วีซีดีเข้ามาแทนเสียงโหม่งหนังตะลุง  ย่าได้แต่งุนงงเขาเอาหนังตะลุงใส่แผ่นกลมเรืองแสงกันได้อย่างไร ผมคิดถึงปี่ซังข้าว8คิดถึงกลิ่นตอซังกลางทุ่งที่เพิ่งเผาไปเมื่อวันวาน ลมว่าวหอมพามันมาแตะจมูก  ลมว่าวเอย……บัดนี้เจ้าพัด พากลิ่นตอซังไปไหน เมื่อก่อนหมู่บ้านผมมีรถโดยสารเข้าไปในตลาดสี่กั๊ก9แค่คันเดียว แต่เดี๋ยวนี้รถโดยสารมีมากจนผมนับไม่ถูก รถโดยสารออกลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ จ.พัทลุง ตั้งแต่ผมจำความได้เป็นจังหวัดเล็ก ๆ มีถนนไม่กี่สายตัดกันในตัวตลาดสี่กั๊ก ร้านค้าก็ไม่มากมาย ผู้คนอยู่กันอย่างเรียบง่าย ทุกเช้า สวนยางจะเต็มไปด้วย ตะเกียงดวงเล็ก ๆ วับ ๆ แวม ๆ กลิ่นถ่านหินระคนกันเสียงเท้าย่ำ กรอบ แกรบ บนใบยางแห้ง ๆ เป็นความรู้สึกที่ติดตาตั้งแต่เด็ก ๆ ทุกเช้าผมสนุกกับการทำยางของพวกผู้ใหญ่ผมจดจ่อรอ ยางที่เข้าราง10ให้แข็งตัว ผมมักแอบเอานิ้วจิ้มรางยางทดสอบว่ายางแข็งตัวรึยัง ผมจิ้มทุกๆ 1 นาทีจนยางรางนั้น เต็มไปด้วยรูเล็ก ๆ ที่เกิดจากนิ้วของผม    พอยางแข็งตัว ความสนุกของเด็ก ๆ อย่างพวกเราเริ่มขึ้น พวกผู้ใหญ่เทยางออกจากรางยางลงบนเสื่อน้ำมัน  เราเหยียบยางกันอย่างสนุกสนาน  แล้วยางผืนนั้นก็ต้องเหยียบใหม่  ก่อนเข้าจักร เมื่อเหนื่อยจากการเหยียบยางเราก็มาสนุกการผัดจักร11 ต่อ  ที่จริงเป็นหน้าที่ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ชาย แต่เรามักจะรบเร้า  ขอทำบ้างจนได้ทำ ส่วนเขาก็ผละไปนั่งมวนใบจากสูบควันขโมง เสื้อของผมมักจะดำและสกปรกด้วยน้ำมันจักร แม้เดี่ยวนี้เสื้อตัวนั้นจะกลายเป็นผ้าร้าย12 แต่มันก็ทำให้ผมนึกถึงความสนุกวัยเด็ก ทุกครั้งที่เห็นมัน พอถึงวัยเข้าโรงเรียน ผมต้องไปเข้าเรียนในตัวเมือง ผมยังเสียดายที่ไม่ได้เหยียบยางตอนเช้า แต่แม่บอกว่าที่โรงเรียนที่อะไรสนุก ๆให้เล่นเยอะกว่าการเหยียบยาง ทุกเช้าผมนั่งรถโดยสารไปโรงเรียนในตัวเมืองพวกเด็กเล็ก จะถูกบังคับให้นั่งข้างใน ส่วนเด็กโตจะได้โหนท้ายรถ ผมนึกอิจฉาและชื่นชมพวกเด็กโตที่โหนท้ายรถ    สักวันผมต้องได้โหนท้ายรถอย่างนั้นบ้าง โรงเรียนมีอะไร ๆ ให้เล่นเยอะมาก ผมสนุกและเล่นเครื่องเล่นต่าง ๆ อย่างบ้าคลั่ง  เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งผมร้องไห้รบเร้าให้พ่อเอารถมาบรรทุกกระดานลื่นกลับมาเล่นที่บ้าน ผมร้องตลอดทางกลับบ้าน และหยุดร้องเมื่อโดนก้านมะยมฟาดที่หน้าแข้ง “ต้นมะยมต้นนั้นยังออกลูกทุกปี” ตลาดสดในเมืองลุงยังคงเหมือนเดิม แม่ค้าจากกงหรายังคงนำสะตอหน่อไม้และผลไม้มาขายทุกเช้า  เรายังหาซื้อปลาที่มาจากทะเลน้อยและลำปำได้ที่นี่ รถผักจากตลาดหัวอิฐยังคงมาจอดส่งผักตอนตีสามทุกวัน    ที่ไม่เหมือนเดิม คงมีแต่แม่วัวและลูกอีกสามตัวที่มักเดินไปทั่ว ๆ ตลาดเพื่อเดินเศษผักที่ตกตามพื้น แม่ค้าบอกว่าเป็นวัวของการ์ดแดง 13  เดี๋ยวนี้ วัวพวกนั้นหายไปไหน หรือจะกลายเป็นลูกชิ้นจัมโบ้  ที่ผมเพิ่งกินไปเมื่อตอนกลางวันอโหสิให้ผมด้วยนะวัวน้อย พัทลุงในอดีตเมื่อใกล้ถึงวันออกพรรษา เราจะได้ยินเสียง โพน14ดังมาแต่ไกล โพนก็คือกลองที่พระใช้บอกเวลาในการทำวัตร คนภาคกลางเรียกกลองพล พัทลุงเรียก “โพน” ประเพณีการแข่งโพน – ลากพระที่พัทลุงจะขึ้นทุกปี ความจริงการแข่งโพนเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อใดไม่มีใครทราบ รู้เพียงว่าหากคืนใดได้ยินเสียงโพน ลอยผ่านปนกับเสียงหวัดเรไรเมื่อใด แสดงว่า วันออกพรรษาใกล้มาถึงแล้วต้องเร่งหาใบพ้อมาแทงต้ม15เพื่อแขวนเรือพระถวายพระวันออกพรรษา สมัยเด็กเวลากลางคืนใกล้จะออกพรรษาเด็กวัดจะนำโพนบรรทุกรถรุน 16 ตีและเดินไปตามหมู่บ้านต่าง ๆ หากบ้านไหนที่ทำต้มไว้แล้วก็จะเรียกเด็กวัด เพื่อแจกต้มส่วนหนึ่งที่เตรียมไว้ให้เด็กวัด สมัยนั้นผมยังเด็กมากจึงไม่มีโอกาสออกขอต้มตามบ้าน ได้แต่นั่งคอยฟังว่าเสียงโพนจะเข้าใกล้มาเมื่อไหร่ ทุกวันนี้เสียงโพนยังสะเทือนอยู่ในอก  แต่รถรุนพังไปนานแล้ว เด็กวัดที่เคยเดินขอต้ม ต่างก็ได้ดิบได้ดี บางคนเป็นทนายความ บางคนเป็นครู ฯลฯ  คืนนี้ไม่มีแล้ว  ต้มที่ทำเตรียมไว้คงต้องเอาไปถวายพระทั้งหมดในวันออกพรรษา การแข่งขันโพนเริ่มมีคนสนใจเป็นจริงเป็นจังขึ้น  ทางจังหวัดโดยศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน จ.พัทลุง มีการจัดแข่งโพน ชิงแชมป์ขึ้นในปี 2528 เป็นครั้งแรกโพนจากวัดต่าง ๆ ทั่วเมืองลุง มารวมกันอยู่ที่บริเวณสี่แยกเอเซีย  ซึ่งเป็นสนามแข่งขันครั้งแรก แล้วตำนาน ที่ว่า
“จะหมื่นพันร้อยเสียงกู่ตะโกน
ฤาจะสู้เสียงโพนที่เมืองลุง” ก็เริ่มขึ้น งานแข่งโพนในปัจจุบันเริ่มเป็นธุรกิจมากขึ้นตามกระแสทุนนิยม เสียงโพนถูกกลบด้วยเสียงเครื่องเสียงจากโรงรถบั๊ม และหนังกลางแปลง  จนงานแข่งโพน – ลากพระปัจจุบัน น่าจะเปลี่ยนสโลแกนเป็น “จะร้อยพันหมื่นแสนเสียงตีโพน ก็ไม่สู้เสียงลำโพงที่เมืองลุง” ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปเซเว่นอีเลฟเว่นแห่งแรกเริ่มผุดขึ้นข้าง ๆ วิกแกรนด์ ตอนเซเว่นฯ เปิดใหม่ ๆ มีคนเข้าแถวคอยซื้อของในเซเว่นยาวมาก  ผมเป็นคนหนึ่งในแถวนั้น  เด็กหาดใหญ่เที่ยวไดอาน่า เด็กพัทลุงเที่ยวเซเว่นฯ พอจบ ม.3 ผมมาเรียนที่  สงขลานาน ๆ ครั้งที่จะได้กลับพัทลุง ทุกครั้งที่กลับบ้าน ผมความก็เริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของพัทลุง ถนนเริ่มกว้างขึ้น ตึกรามบ้านช่องเริ่มมากขึ้น เซเว่นสาขาที่สองเปิดแล้ว แต่ไม่เห็นมีคนเข้าแถวคอยซื้อเหมือนเมื่อก่อนทะเลลำปำที่เคยสวยงาม กลับเต็มไปด้วยกอสวะ และ ผักตบชวา หาดทรายหายไปไหน สังคมเมืองเริ่มครอบคลุมเมืองลุงกำลังจะมิดแล้ว    ชิงช้าในโรงเรียนเริ่มผุพัง    เกมส์คอมพิวเตอร์เข้ามาแทนที่ม้าลื่นตัวเก่า  เด็กสมัยใหม่มีความสนุกกับจอสี่เหลี่ยม 15 นิ้ว ความสนุกระบายออกมาผ่านสีหน้าคร่ำเครียดเหยเก รอยยิ้มบนม้าลื่นหายไปไหน ผมลุกขึ้นจากหัวนาพร้อมย่า ถึงเวลาแล้วที่ย่าต้องทำกับข้าวมื้อเย็น แม้เดี๋ยวนี้ไม่ต้องก่อไฟหุงข้าว แต่ไม้คีบถ่าน17ยังแขวนอยู่หัวนอกชาน ผมกับย่าลุกขึ้นไปตระเตรียมอาหารสำหรับมื้อค่ำ ทิ้งผืนนาไว้เบื้องหลัง ลมว่าวยังคงพัด แต่วันนี้ไม่มีกลิ่นตอซังเหมือนวันวาน  มีแต่กลิ่นควันรถมอเตอร์ไซค์ปนมากับลมว่าว  ไม่มีปี่ซังข้าว ไม่มีเสียงเด็กน้อยวิ่งเล่นกลางป่าซังตอนเย็น มีแต่ภาพอดีตของบ้านเกิดที่ฝากไว้กับผืนนาที่แห้งแล้ง
เชิงอรรถ 1 เข้าพับผ้า:เทือกเขานครศรีธรรมราช 2หัวนา:คันนา 3ซ้อมข้าว:การตำข้าวเพื่อนำไปหุง 4ชายดม : ชายป่า 5ผักหมึง:ผักตำลึง 6บิ้งนา:แปลงนา 7แกะ:เครื่องมือสำหรับเก็บเกี่ยวข้าวใช้กันมากแถบพัทลุง นครศรีธรรมราช สงขลา ตรัง 8ปี่ซังข้าว:ของเล่นพื้นบ้านทางภาคใต้ทำจากซังข้าวใช้เป่าออกเสียงเหมือนปี่ 9ตลาดสี่กั๊ก : คำเรียกพื้นถิ่นของตัวเมืองพัทลุง 10เข้าราง : การนำน้ำยางใส่ในแม่พิมพ์ รอจนแข็งตัวเพื่อนำไปทำเป็นยางแผ่นต่อไป 11ผัดจักร:(กริยา)การหมุนเครื่องปีบยางแผ่นเป็นขั้นตอนในการแปรรูปยางแผ่น 12ผ้าร้าย : ผ้าขี้ริ้ว 13การ์ดแดง:บุคคลที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งในจังหวัดพัทลุง ชื่อแดงทำหน้าที่เก็บตั๋วรถไฟสายใต้ 14โพน : กลองเพลหรือตะโพน 15แทงต้ม : (กริยา)การห่อข้าวเหนียวที่ใช้ในงานบุญออกพรรษา 16รถรุน : รถเข็น 17ไม้คีบถ่าน : เหล็กคีบถ่าน 18ใบพ้อ : กระพ้อ 19ต้ม : ข้าวต้มลูกโยน 20ฤดูราดนา: ฤดูหว่านไถ

แสดงความคิดเห็น

« 8261
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ