เรื่องสั้น
หน้าต่าง
เรื่องสั้น จู พเนจร หน้าต่าง
๑)
ตอนแรกบ้านที่ว่าที่ดินส่วนหนึ่งจะถูกเวนคืนเฉียดๆครึ่งของที่ดินสองห้อง บนเนื้อที่ประมาณห้าสิบตารางเมตร จึงต้องร่นที่ถอยไปข้างหลัง ข่าวล่าสุดทราบว่าตอนนี้เมื่อที่นี่ยกฐานะเป็นเทศบาลเมือง และได้สร้างเป็นถนนคอนกรีตกว้างแปดเมตรแล้ว โครงการสร้างถนนของกรมทางหลวงชนบทคงจะไม่สร้างล่ะ ผมก็เลยเบาใจไปเปราะหนึ่งว่าได้มีที่ข้างหน้าบ้านเหลืออยู่หน่อยนึง สำหรับปลูกต้นไม้อะไรต่าง ๆ เพิ่ม นอกจากส่วนข้างหลัง ซึ่งเป็นที่ถมแล้วของเขาบ้านทิ้งร้างข้าง ๆ มีป่าหญ้าและต้นไม้ขึ้นรกเรื้อ จนถัดไปข้างหลังเป็นป่าบอนผมกะจะลงแปลงปลูกผักสวนครัวตรงที่ว่างๆ ส่วนอีกข้างเป็นบึงเล็ก ๆ และที่น้ำขังและหญ้ารกอาจจะลงผักบุ้งกับผักกรูดแทรกข้าง ๆ ตลิ่ง แต่ที่สำคัญคือผมไม่ต้องอพยพโยกย้ายหาที่ทางสักผืนไปอยู่ในป่าเสียให้รู้แล้วรู้รอด ก็ถ้าถนนสี่เลนตัดเลียบผ่านหน้าบ้านไปแบบแนบสนิทเช่นนั้น
ใครชอบก็ชอบไปเถอะแต่ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่
เท่าที่จะมากได้นะครับ เพราะต่อจากนี้ไปผมอยากจะอยู่แบบสมถะเรียบง่ายมากกว่านะแหละครับ เมื่อได้บ้านมาหลังหนึ่งก็อยากจะตั้งต้นอะไรเสียใหม่
อ่อ ผมลืมบอกไปว่าบ้านที่ว่านี้เป็นบ้านแม่ ถึงใครจะว่าบ้านแม่ก็เหมือนบ้านลูก และบ้านนี้ก็เป็นบ้านที่แม่สร้างให้ผมนั่นแหละอันที่จริง แต่ผมก็ยังรู้สึกว่าโดยจริงๆแล้วมันเป็นบ้านแบบที่แม่อยากจะสร้างมากกว่า คือสร้างให้ผมนั่นแหละ แต่พูดง่ายๆก็คือสตางค์สักแดงเดียวผมก็ไม่ได้มีส่วนออก ช่วยมากที่สุดก็คือคอยมาดูมาแลเองเวลาเขาสร้าง คือตอนแรกจริงๆผมบอกว่าจะสร้างบ้านไม้แบบเล็กๆก็พอ เอาแบบประมาณบ้านใร่กาแฟที่อยู่ตามปั๊มน้ำมันอะไรแบบนั้นแหละ ขอที่เหลือไว้เยอะๆ ปลูกต้นไม้ใบหญ้าอะไรไป แต่ก็นั่นแหละสุดท้ายแม่บอกว่าเมื่อสร้างแล้วก็สร้างให้ดีให้มันมั่นคงแข็งแรงไปเลย ต่อไปใครไปใครมาจะได้มาพักมาอยู่ แต่นั่นก็ช่างมันเถอะ ว่าไปแล้วผมเป็นคนที่ถึงที่สุดแล้วอะไรก็ได้พูดไม่ยาก เมื่อแม่มีเหตุผลบนพื้นฐานความเป็นจริงเช่นนั้นผมก็ไม่ขัดอะไร เพียงแต่ลึกๆถ้าให้ผมสร้างบ้านของผมเองผมก็มีบ้านทำนองในฝันของตัวเองอยู่ ก็คงจะเป็นฝันต่อไป
และก็โดยที่ว่าบ้านซึ่งออกแบบมาก็ง่ายๆลงตัวและดูดี คือไม่หรูจนเกินไปไม่ใหญ่จนเกินงาม พอจะปรับแต่งผสมผสานให้เป็นสไตล์ที่เราชอบได้อยู่ เมื่อกอปรกับทราบข่าวว่าเขาน่าจะยกเลิกการเวนคืนที่ดินสร้างถนนสี่เลนแล้ว ผมก็รู้สึกว่าบ้านหลังนี้ก็น่าจะเป็นอะไรที่พอได้ล่ะ ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์ตามแบบที่เรานึกฝันก็ตาม
ว่าที่จริงบ้านนี้ก็เป็นของผมแล้วนะแหละ เพราะว่าแม่จะมาบ้างก็เสาร์อาทิตย์หรือแต่เวลามาธุระมานอนมาพักสักคืนสองคืน หรือหลังเกษียณก็อาจจะมาอยู่เป็นพักๆ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าเมื่อเป็นบ้านผม นอกจากของที่แม่ซื้อหามาไว้แล้วจำพวกเฟอร์นิเจอร์ข้าวของเครื่องใช้อะไรต่าง ๆ ที่จำเป็นๆ ผมก็ไม่อยากให้บ้านมีอะไรมากมายอีก ไม่ว่าของตกแต่งข้าวของเครื่องใช้ประดามีทั้งหลาย เรียกว่าถ้าตามใจตัวเองได้จริงๆก็อยากให้มันเป็นบ้านที่เรียบง่ายธรรมดามากที่สุด ไม่อยากให้มีของรกรุงรังเหมือนบ้านสมัยใหม่ของคนชั้นกลางทั่วไป ที่มีอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด
แต่ก็นั่นแหละ เมื่อกอปรกับของส่วนตัวที่ผมจำต้องมี ซึ่งมากสุดก็เห็นจะเป็นกองเอกสารหนังสือเครื่องไม้เครื่องมือเครื่องเขียนสารพัด ไปๆมาๆของที่ว่าจะคัดทิ้งก็ยังไม่ได้สะสางเสียที ขณะข้าวของที่ซื้อมาทั้งของกินของใช้ก็เพิ่มพูน และไปๆมาๆ ทั้งๆที่มาอยู่ได้ไม่กี่เดือนข้าวของประดามีที่คิดว่าอาจจะต้องมีและมีเพิ่ม ก็คงจะทยอยของมันมา ทั้งที่ซื้อมาเอง แม่ซื้อมาให้พ่อเอามาฝากแต่ละครั้งๆ ดูไปดูมาก็กลายเป็นบ้านปกติที่มีโน่นมีนี่เหมือนบ้านเขาทั่วไป
แต่โดยความรู้สึกของผมกลับรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ไม่น่าจะมีอะไรมากมายนะ ซึ่งนั่นหมายของของที่คิดว่าจะไม่มีก็มีบ้างก็ยังไม่เป็นไรอยู่ เช่นเครื่องออกกำลังเอย ราวตากผ้า หรือแม้แต่ตู้เสื้อผ้า หรืออย่างในครัว ถ้าเราคิดจะทำครัวให้เป็นครัวขึ้นมาแม้เพียงครั้งคราว ข้าวของต่างๆก็ย่อมขาดไม่ได้ หม้อหุงข้าว มีกระทะไฟฟ้าอีกต่างหาก แล้วของจิปาถะประเภทหม้อชามรามไหต่างๆ ที่ใส่มีดใส่ช้อนคว่ำจาน ใส่ข้าวสารใส่สะตอดองก็ตามมา นี่ยังไม่นับครกกับสากที่ยังไม่มีแล้วก็ต้องมี ไหนจะที่ใส่ตู้ยาประจำบ้านที่จะต้องมี
ชั้นวางหนังสือที่ยังไม่มี หิ้งพระ รูปปั้นสวยๆงามๆ ภาพวาด และไหนจะภาพถ่ายที่เพื่อนบอกจะเอามาให้เป็นของขวัญอีก ชุดโซฟา ชุดโต๊ะกับข้าวก็มีเรียบร้อยอยู่แล้ว แต่ไหนจะแจกัน ผ้ายางหรือที่รองโต๊ะกับข้าวที่ยังไม่ได้หามาอีกล่ะ ตู้เย็นมีแล้ว เครื่องซักผ้ายังไม่มีและคิดว่าจะไม่มีไม่ใช้ แต่ใครจะไปรู้ล่ะวันหนึ่งแม่ก็จะซื้อมาหรือไม่เราก็หามาเอง เพราะทำที่เผื่อไว้แล้ว
เครื่องไม้เครื่องมือระเกะระกะอยู่ข้างนอก รวมทั้งพวกกระเบื้องกระป๋องสีโครงไม้โครงเหล็กที่เหลือ ๆ จากสร้างบ้านก็กองอยู่มุมหน้าบ้านที่ที่จอดรถ ข้างบ้าน หลังบ้านเริ่มระเกะระกะไปด้วย พวกขวดถุงนานาๆ พร้าจอบเสียม กองไม้กองดินเพราะริจะทำสวนปลูกผักปลูกต้นไม้ ไม่นับพวกขยะต่างๆ
กลับเข้ามาในบ้าน พัดลมที่คิดว่าจะมีไว้ตัวเดียว เป็นพัดลมซันโยรุ่นเก่า พ่อกับแม่ก็ซื้อพัดลมตัวใหญ่มาไว้ให้ใช้สำหรับข้างล่างตัวนึง บนห้องนอนแม่เองตัวนึง ตกลงบวกกับพัดลมตัวเก่าอีกตัวหนึ่ง กับพัดลมที่ติดอยู่กับวิทยุเครื่องในห้องของผมก็เป็นสี่ ทั้งๆที่ผมเป็นคนไม่ชอบเปิดพัดลม นั่นไม่พักพูดถึงในห้องเก็บของใต้กะได
ทีวีแรกๆว่าจะไม่เอา เพราะเป็นคนไม่ดูทีวี ตอนแรกแม่บอกว่าถ้าจะเอาทีวีเครื่องเล็กๆเครื่องเก่าที่บ้านมาไว้ก็ได้ แต่ตอนหลังแม่ก็ซื้อมาไว้เพราะเวลามาพักก็จะได้ดู ก็เป็นอันว่ามีทีวีเป็นปกติของบ้านปกติทั่วไปอีกประการ เพียงแต่อยู่ในห้องนอนแม่ ยังไม่มีเครื่องเล่น ซึ่งคิดว่าน่าจะไม่มีหรือยังไม่ซื้อตอนนี้เพราะแม่ไม่ค่อยดูหนังซีดีเท่าไหร่ พ่ออาจจะชอบแต่ถ้าจะมาพักพ่อก็ไม่ค่อยได้มาบ่อยเท่าแม่ ส่วนผมดูหนังบ้างแต่ก็มีโน๊ตบุ๊คดูได้ อ่อ สำหรับการทำงานของผมมีโน๊ตบุ๊คก็ต้องมีเครื่องปริ๊น เครื่องปริ๊นส์น่ะมีแล้วได้มาจากเพื่อนขาดก็แต่หมึกปริ๊นส แต่ว่าไปแล้วได้เครื่องคอมฯตั้งโต๊ะสักเครื่องก็สะดวกดี ไม่ใช่ตอนนี้หรอก แหงๆ แต่เครื่องเล่นซีดีสำหรับฟังเพลงถ้าบังเกิดจะมีขึ้นมาก็คงหลังเพื่อน และอีกนาน
ผมอยากจะอยู่แบบสมถะครับ
ข้างล่างว่าไปแล้วยังไม่มีทีวี ในส่วนของรับแขกหน้าบ้านซึ่งว่างโล่งอยู่ แต่แม่เองก็บอกว่าอยากปล่อยให้มันโล่งๆมากกว่าจะมีทีวีประเภทมีโต๊ะมีตู้ตั้ง รกรุงรัง แต่วันก่อนไปๆมาแม่ก็ซื้อชั้นหนังสือมาสามชั้นคละขนาดกัน เพื่อจัดวางหนังสือของผมซึ่งกองเต็มบนลังอยู่ตรงหน้าห้องเก็บใต้บันได ตอนนี้ผมยักย้ายมันมาไว้ตามมุมต่างๆของส่วนด้านล่างสองตู้ และยกมาใช้ในห้องนอนผมตู้นึง ทั้งๆที่ผมไม่คิดจะสร้างตู้พวกนี้ อยากจะมีชั้นหนังสือสั่งทำติดผนังรวดเดียวไปเลย ตรงมุมรับแขกข้างล่างนั้นมีแจกันใหญ่ใส่ดอกไม้ไว้อย่างเดียว แต่สำหรับทีวีจอแบนติดตั้งแบบเรียบง่ายไม่แน่ว่าอาจจะมีวันใดวันหนึ่งขึ้นมาในไม่ช้าก็ได้ เป็นธรรมดาครับคนเราพอมีบ้านใหม่ก็อยากซื้อนั่นซื้อนี่ใส่บ้านให้ครบครัน ของที่จำเป็นบ้าง ของกะจุ๊กกะจิ๊กบ้าง และที่สำคัญของประดับประดาบ้าน ที่ผมพูดนี่หมายถึงแม่นะครับเป็นส่วนใหญ่ ส่วนผมนั้นมีปัญญาแค่เห็นเออออด้วยเท่านั้นแหละครับตอนนี้ถ้าจะซื้อหรือไม่ซื้ออะไร
อ่อ ก็เป็นอันว่าบ้านผม ซึ่งอยู่คนเดียว จากที่เมื่อก่อน เดิน กับนั่งรถเมล์รถสองแถวไปไหนมาไหน ตอนนี้มีรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และจักรยานครบครัน ร่ำๆจะเอารถที่บ้านอีกคันมาใช้ เพราะมอเตอร์ไซค์ที่มีอยู่เป็นรถรุ่นเก่าเหมาะสำหรับขี่ไปมาในซอย มากกว่าจะออกไปนอกถนนใหญ่ไกลๆ แน่นอนพอมีรถมันก็มีอีกจิปาถะนั่นแหละครับ อะไหล่ เครื่องมือ น้ำมันเครื่อง น้ำยาล้างรถ จิปาถะ
นั่นเชิงเทียนโต๊ะหมู่บูชา ตั้งอยู่ใกล้กับภาพเก่าของในหลวงกับราชินีภาพใหญ่ที่อาให้มานานแล้ว ซึ่งยังหาที่แขวนที่วางเหมาะๆไม่ได้ เก้าอี้ไม้ฉำฉาเอนอ่านหนังสือยังขาดโต๊ะเล็ก ๆ สำหรับวางถ้วยกาแฟและสมุดหนังสือปากกาไว้ใกล้ๆ ยังไม่นับตู้เก่าๆแบบต่างของที่บ้านที่เล็งๆไว้อีกหลายตัวที่จะเอามา หนังสือกองอัดแน่นทั้งผนังสามด้านในห้องโถงด้านบน โน่นกะละมังซักผ้าแปรงสองอันไปตั้งรองรับน้ำฝนอยู่ที่ระเบียง ถัดไปไม้แขวนเสื้อเก่าสองอันกับนัมเบลตั้งขึ้นสนิมอยู่ใกล้ถ้วยกาแฟนั่น ส่วนถ้วยกาแฟไม่ต่ำกว่าห้าหกใบวางอยู่ เอ่อ อยู่ตรงไหนบ้างในบ้านก็ยังไม่ได้เก็บสม่ำเสมอ
ยังดีที่วันก่อนได้สำนักงานใหม่ ขนย้ายข้าวของที่เอามาฝากใส่ถุงใส่ลังวางอยู่เกลื่อนกล่นไปหมด กว่าครึ่งหนึ่งเป็นเศษกระดาษขยะเสียมาก เอ่อว่าไปแล้วถังขยะเยอะจริงๆบ้านนี้ แม่ซื้อมาอีกหลายใบหลายมุมในบ้าน เสื้อกางเกงผ้าเช็ดตัวเริ่มแขวนไว้ตามลูกบิดประตู เก้าอี้ ตรงราวบันไดซึ่งแม่ไม่ให้แขวนไว้ ผ้าเช็ดเท้าก็วิ่งไปวิ่งมาไม่หยุด อ่างล้างในครัวกับบนโต๊ะกินข้าวถ้วยชามกองพะเนินอีกแล้ว หม้อกระทะกำลังเก้งเขรอะตามธรรมเนียม ให้ตายเถอะตั้งกะมาอยู่ผมไม่เคยขัดห้องน้ำเลยแม้แต่ครั้งเดียว แบบเป็นเรื่องเป็นราวนะครับ อาจจะด้วยว่าห้องน้ำมันยังใหม่ยังสะอาดก็เหอะ กวาดบ้านหรือถูบ้านเองนับครั้งได้ไม่เกินสิบ ถูไม่เกินห้า แถมงานหลวงก็ขาดนั่นแหละครับ งานราษฎร์ก็คั่งค้างของมันมาโดยตลอด มีก็แต่ความตั้งใจ จะ จะ จะ แล้วก็จะ แต่ไม่เป็นไรครับผมก็สุขสบายดีตามอัตภาพ สุขทุกข์ตามธรรมดาโลกไปอยู่เช่นนั้น รู้ว่าตัวเองรักสันโดษ สมถะเหมือนเดิม และชีวิตก็คงพอเพียงของมันตามประสา
เย็นวันนึงหลังออกไปธุระปะปังเรื่องเปลี่ยนมิเตอร์ไฟเสร็จ ผมกลับมาดูฟุตบอล ซีเกมส์ คู่ชิงชนะเลิศระหว่างไทยเรากับพม่า ลูกหมาสีขาวมาจากไหนไม่รู้มานอนหมอบครางงิ้ดๆอยู่หน้าบ้าน ผมตั้งชื่อมันว่าอะไรท่านคงเดากันนะครับ แต่ที่ไม่ต้องเดา ผมคงต้องซื้อกับข้าวกับปลาเพิ่มขึ้น และรู้สึกยินดี
เปิดประตูเข้ามา เปิดไฟ เปิดตู้เย็น ผมเห็นหน้าต่างด้านหลังเปิดแง้มอยู่ อ่า ผมลืมปิดล็อคหน้าต่างอีกแล้ววันนี้
๒)
เอ่อ พี่มีอีกเรื่องนึง ครูเจี๊ยบว่า พร้อมกับเล่าเรื่องบ้านหลังเล็กที่สร้างใหม่เพิ่งแล้วเสร็จ
พี่นึกถึงความรู้สึกที่ว่าเราได้นั่งมองออกไปทางหน้าต่าง หรือชะโงกหน้าออกไป ดูลมชมดาวได้ ลมพัดเย็นๆ มันรู้สึกโล่งโปร่ง สบายไม่อึดอัด ยื่นมือออกไปสัมผัส ยื่นหน้ายื่นตาออกไปได้
พี่ไม่อยากติดเหล็กดัด และพี่คิดว่าจะไม่ติดนะบ้านพี่
เหมือนบ้านสมัยก่อน จริงแหละว่าสมัยนี้บ้านต้องติดเหล็กดัด และโขมยขโจรเยอะต้องป้องกัน แต่พี่รู้สึกเหมือนกับว่าเราต้องขังตัวเองไว้เลย ใช่ ทำไมเหรอ ซึ่งคนเดี๋ยวนี้ต้องเป็นแบบนี้กันหมดเลย ทุกบ้าน
พี่ว่านะเออ ถ้าโจรเขาอยากได้ของอะไรนะ พี่ยกให้เลย ขอให้บอกถ้าเขาอยากได้นะ ครูเจี๊ยบพูดถึงตรงนี้แล้วคงไม่ต้องถามว่าสำหรับครูเจี๊ยบนั้น ความรู้สึกที่อยากได้หน้าต่างจริงๆ หน้าต่างที่มันไม่ต้องขันชันน๊อตแน่นหนาด้วยเหล็กดัด ด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่รู้ที่เราต้องแลกมาถึงขนาดนั้น หน้าต่างที่เปิดปิด เปิดไว้ชมดาว ถ่ายเทอากาศ แสงสว่าง และปิดเมื่อหลับนอนยามค่ำคืน เท่านี้คงพอ
หน้าต่างสมัยใหม่ ไม่อนุญาตให้สร้างหน้าต่างแบบบานพับไม้ต่อไป ในอีกไม่ช้านาน บานเลื่อนกรุกระจกสีชาเข้ามาแทนที่เกือบสิ้นหมด หนึ่งด้วยอาณาเขตเมืองไม่อนุญาตให้เปิดหน้าต่างออกกว้างอีกต่อไป สองหน้าต่างซึ่งเป็นบานเลื่อนจะถูกกว่าสะดวกกว่า และอาจจะดูดีมีรสนิยมสมัยใหม่ ผิดกับหน้าต่างบานไม้ซึ่งหายากขึ้นแพงและไม่เหมาะกับสมัย แม้แต่บ้านที่มีหน้าต่างมีบริเวณก็ยังเปลี่ยนเป็นบานเลื่อนกันไป เมื่อมีบานหน้าต่างเช่นนั้น แน่นอนว่าก็ต้องมีเหล็กดัด มุ้งลวดและก็ม่านตามมา จริงอยู่ว่าหน้าต่างบานไม้สมัยใหม่หลังๆแต่ละบ้านก็เริ่มจะมีเหล็กดัดและมุ้งลวด แต่สิ่งเหล่านี้ตามมาพร้อมกันกับการเปลี่ยนไปเป็นหน้าต่างบานเลื่อนมากขึ้น จนกระทั่งทั้งสิ้นในยุคปัจจุบัน
อาจจะเป็นเพราะว่ายุงมันชุมยังกะโจรหรือไม่ก็โจรมันชุมยังกะยุงก็ไม่รู้
ผมคิดเหมือนกันเลยครับพี่เจี๊ยบ ผมบอกครูเจี๊ยบไปว่าเรื่องนี้ผมคิดและรู้สึกอย่างเดียวกันกับครูเจี๊ยบเลย แม้แต่เรื่องที่ว่าถ้าโจรอยากได้ก็มาบอกเถอะอยากได้อะไรก็จะ(ยอม)ให้ ผมเองก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน แต่ผมก็ไม่เคยได้ฟังได้ยินใครพูดอะไรอย่างนี้มาก่อน คือพูดอย่างนั้นจริงๆ
เอ่อ แล้วบอกช่างให้รีบมาทำเสียก่อนเลยนะ พ่อบอก พ่อหมายถึงเหล็กดัดที่จะให้ช่างมาติดเสียไวๆ ข้าวของเครื่องใช้อะไรก็ทยอยซื้อมาบ้างแล้ว แต่ดูเหมือนที่แต่ละคนกังวลก็คือมันเป็นหน้าต่างบานเลื่อนกรุกระจก ความคิดต่อไปก็คือคนไม่อยู่บ้าน ความคิดต่อมาก็คือไม่มีเหล็กดัด งัดหรือเอาค้อนเคาะสองทีก็ปลดล๊อคเข้ามา อย่างน้อยช่วงหลังบ้าน หรือไม่ส่วนหน้าบ้านก็ติดแบบอลูมิเนียมสวยๆ
ก็คือความกลัวว่าคนจะเข้าบ้าน ส่วนข้าวของว่าจริงๆก็คงไม่มีอะไร
ไม่ติดเหรอ ตกลงจะติดหรือไม่ติด เฉพาะด้านล่าง ต้องติดสิ ขโมยขโจร ยิ่งไม่ค่อยจะอยู่บ้านอยู่แล้วด้วย ก็แลกเปลี่ยนพูดคุยกันประมาณนี้ เพื่อนผมคนนึงเป็นสถาปนิกแนะนำว่าให้ติดเหล็กดัดแบบบานพับไว้ข้างในก็ได้ ผมรับไว้พิจารณา เพราะคงหลายกะตังค์อยู่ แต่เมื่อแรกเริ่มเดิมทีผมก็บอกเกริ่นๆไว้แล้วว่าจะคงจะไม่ติดเหล็กดัด ไม่อยากติด ไม่ว่าแบบไหนโดยเฉพาะตอนนี้ เรื่องอยู่บ้านไม่อยู่บ้านนั้นผมอยู่ไม่อยู่ไม่เป็นเวล่ำเวลาอยู่แล้ว นั่นทำให้เรื่องขโมยขโจรกะเก็งยากอยู่ประการหนึ่ง บางทีกลับบ้านเอาเช้าตีสามตีสี่ บางทีก็นอนเงียบอยู่คนเดียวปิดไฟมืดตื่นมาเที่ยงคืนตีหนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญๆก็คือแลกกับโจรเข้าบ้าน อาจจะสักครั้งสองครั้ง กับการติดเหล็กดัดไปตลอดกาลผมเลือกที่จะไม่ มีที่ผมแบ่งรับแบ่งสู้จะใจอ่อนเลยตามเลย แต่ผมมักบอกว่า
เดี๋ยวค่อยติด ให้โดนงัดก่อนแล้วค่อยติด แล้วผมก็อธิบายต่อ ผมคิดอย่างนั้นจริงๆว่าถึงตอนนั้นแล้วค่อยว่ากัน สำหรับผมเองมันก็มีของที่พอจะเป็นห่วงกังวลอยู่อย่างสองอย่าง คือ โน๊ตบุ๊คกับกล้องถ่ายดิจิตอล แต่เวลาออกไปไหนผมมักเอาติดรถไปด้วยอยู่แล้ว แต่ว่าที่จริงโจรสมัยใหม่ถ้าจะเอาจริงๆต่อให้ติดเหล็กดัดแน่นหนาแค่ไหน ก็สะเดาะเอาได้ อาจจะประตู ติดเหล็กดัดประตู โน่นเลาะหลังคาลงมา
ตู้เย็นมันคงไม่เอา ถ้าเข้ามา โอเคมีหม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน กระทะ ถ้าจะเอา ซึ่งก็ไม่กี่สิบกี่ร้อย แต่ถ้าทีวีโจรสมัยใหม่มันคงไม่เอา อื่นๆก็คงไม่มีอะไร พัดลมโจรสมัยใหม่โจรลักเล็กขโมยน้อยที่ไหนเอาก็ให้ไปเถอะไม่กี่สิบกี่ร้อย ว่าที่จริง ผมว่าต่อ
โจรเดี๋ยวนี้ถ้าจะเอาก็คือเอาพวกแก้วแหวนเงินทองสร้อยหรือพระอะไรทำนองนั้นมากกว่า คงไม่ขนอะไรที่มันรกพะรุงพะรังหนักอึ้งเช่นทีวีตู้เย็นเครื่องซักผ้าแบบสมัยก่อนๆแล้ว แล้วที่นี่มีอะไร แก้วแหวนเงินทองไม่มีแน่ มีก็แต่เหรียญในกระปุกไม่กี่สิบกี่ร้อย ผมอธิบายทำนองนี้ ซึ่งว่าไปแล้วก็จริง โจรเข้ามามันจะมาเอาอะไรมากมายที่จะได้ไปจริงๆ บางทีเรากลัวเกินไปนั่นหนึ่ง สองเรายิ่งติดเครื่องป้องกันแน่นหนานั่นแสดงว่าเรามีของมีค่าอยู่มากมาย ,กระนั้นหรือ บางทีอาจไม่ใช่ด้วยซ้ำไป แต่เรากลัวไว้ก่อน หรือที่เราเรียกว่าป้องกันเอาไว้ก่อนเท่านั้นเอง
แต่จะว่าไป ไม่ใช่ยกยอขโมยขโจรเดี๋ยวนี้นะครับ เรื่องจะขึ้นบ้านขึ้นเรือนคนนั้นน้อยลง อย่างดีก็เป็นโจรต้มตุ๋นหรือขโมยรถราอื่นๆเสียมากกว่า สถิติโขมยขโจรขึ้นบ้านจะน้อยลงมากขึ้นอย่างไรก็ไม่ทราบชัด แต่เทียบเป็นจำนวนต่อบ้านต่างๆแล้วย่อมเทียบไม่ได้ แต่บ้านทุกหลังประเดี๋ยวนี้ต้องมีเหล็กดัดแน่นหนา เป็นเหมือนจารีตใหม่ แน่นอนรวมทั้งบ้านอีกมากมายก่ายกอง ที่คิดแล้วว่าเอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้มีอะไรมีค่าให้ขโมยขโจรหรอก ถ้าเว้นไปแต่จำพวกทีวีตู้เย็นพัดลมต่างๆ
เมืองไทยเรา บ้านทุกหลังล้วนแต่สร้างกรงขังไว้ให้กับตัวเองไปทั่วทั้งเมืองและชนบทห่างไกล เมื่อมีบ้านหลังใดหลังหนึ่งคิดจะเปิด(หน้าต่าง)โล่ง กลับเป็นไปไม่ได้เลย แม้ว่าบ้านหลังนั้นจะไม่มีอะไรมากเลยก็ตาม
การสร้างเหล็กดัดสำหรับบ้านนับเป็นความเคยชินประการหนึ่งไปแล้วสำหรับสมัยใหม่ และนับเป็นความมั่นคงปลอดภัยประการต่อมา
แต่สำหรับผมคนหนึ่งแล้ว สำหรับครูเจี๊ยบอีกคนหนึ่งล่ะ คงจะคิดว่าแก้วแหวนเงินทองเราก็คงจะมีไม่มาก ไม่อยากไม่มี คนหนึ่งอยู่แบบสมถะเรียบง่ายจริงๆ ถ้าวันใดวันหนึ่งมีใครเข้ามาเอาข้าวของอะไรจริงๆก็คงเป็นแค่ข้าวของพวกนั้น คนหนึ่งอยู่แบบธรรมดาสามัญ เช่นเดียวกับข้าวของเครื่องใช้จิปาถะประดามี ถ้าวันหนึ่งมันต้องสูญเสียไปเพราะมีคนมาขโมยมันไปก็เอาไปเถอะ คงไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
จริงๆแล้วที่เราพูดไม่ใช่เรื่องข้าวของเสียทีเดียว ไม่ใช่เราไม่ห่วงข้าวของ แต่เรารู้สึกว่าสำหรับเหล็กดัดน่าจะอึดอัดเกินไป
และหน้าต่างกับกรงขังนั้นคนละอย่างกัน.