เรื่องสั้น

ขวัญเมือง

by Pookun @January,09 2008 18.56 ( IP : 222...112 ) | Tags : เรื่องสั้น

ขวัญเมือง ชาคริต โภชะเรือง

ภายใต้ดวงตะวันเดียวกันที่ลอยสู่ท้องฟ้า ในมุมสูงลิบลิ่วเช่นนี้ ผมเห็นขวัญเมืองกำลังนั่งอยู่ตรงหน้า ทอดสายตามองดูเมืองใหญ่ มือเขาเอื้อมไปจับราวระเบียง ทุกอย่างปรากฏเบื้องหน้าบอกกับเขาว่าไม่อาจหนีไปไหนได้อีก ชะตากรรมของเขา ความทรงจำเก่าๆ ทุกสิ่งทุกอย่างเผยตัวขึ้นเบื้องหน้าบอกว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่ไม่อาจสลัดทิ้งไปได้ และเขาจะต้องยอมรับพันธะแห่งการมีอยู่ของมัน

ในชั่วเสี้ยวเวลาที่สายฝนโปรยปรายลงมา ขวัญเมืองเหมือนพลัดเข้าสู่มิติของเวลา เพ่งตาลงมายังเมืองใหญ่ที่กำลังอยู่ภายใต้อุ้งมือแห่งสายฝน ชายวัยกลางคนเหมือนถูกโจมตีด้วยภาพอันสวยงามแต่ก็เศร้าจับใจนี้ เขาถอนสายตาจากยอดตึกโรงแรมใหญ่ คิดถึงบางคนที่ได้จากมา

ขอบฟ้าโล่งลิ่วเวิ้งว้างที่อยู่ไกลออกไป เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าระหว่างต้นจามจุรีและทิวสนที่ตัดกับผิวน้ำทะเลเป็นเส้นตรง แล้วเขาก็เห็นเกาะน้อย ดวงตะวันกลมโตสีแดงลอยตัวเหนือแนวพื้นทะเล ทางด้านซ้ายมือถัดไปจากเนินพุ่มพฤกษ์นั่นคือยอดเขาตระหง่านระหว่างกึ่งกลาง เว้นที่ว่างเป็นที่ราบกว้าง ในท้องทุ่งโล่งมีกลุ่มต้นไม้เขียวชอุ่ม เบียดตัวขึ้นสูง โน้มตัวเอียงเข้าหาถนน ราวจะทักทายผู้มาเยือน

ภาพทุกอย่างเหมือนสดใหม่ และแล้วแสงสีส้มก็เลือนหายไป ป้ายสีฟ้าแกมเขียวของ “โพธิ์เล-คัมพานา” ค่อยๆปรากฏชัดขึ้นทางขวามือ รูปดวงตะวันสีส้มกลมเรืองเหนือตัวอักษรลอยเด่นแลเห็นแต่ไกล

ตอนนั้นเขาเริ่มที่จะเหนื่อยล้า

ความร้อนตลอดการเดินทางทำให้ขวัญเมืองอ่อนล้า อา เสียดายที่ความบริสุทธิ์สวยงามของทัศนียภาพทั่วทั้งสองข้างทางช่วยให้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่ามาได้เพียงชั่วอึดใจ

ขวัญเมืองเอนหลังลงพิงพนักเบาะ บิดศีรษะไล่ความเมื่อยขบ พลางเหยียดขาแตะเบรกผ่อนพักความเร็วของรถและคลายความแข็งตึงของกล้ามเนื้อขา เส้นทางนั้นลาดต่ำลงอย่างรวดเร็ว เหมือนจะนำเขาไปสู่ทางเข้าที่พักกลางทาง เหนือริ้วไม้สีน้ำตาลคล้ำ หลังคากระเบื้องสีแดงอิฐของบังกะโลที่พักสะท้อนแสงยามเย็นเป็นประกาย ตรงมุมนี้เขาไม่เห็นดวงตะวัน สุดตาเหนือบริเวณหลังคาก็มีโพธิ์ต้นใหญ่เหยียดกิ่งใบงามลงคลุมแนวรั้ว มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงทางเท้า

ด้านขวามือทัพคลื่นกำลังยกขบวนตะลุมบอนเข้าซัดฝั่งทราย พร้อมกับแต่งแต้มทิวทัศน์ซึ่งไม่เคยนิ่งงันด้วยลมพายุจากอีกซีกโลกกระชากผ่านมา ลูกคลื่นแห่งเวิ้งอ่าวกำลังกระเพื่อมแรงเต็มที่ มันยังเคลื่อนไหวด้วยอิริยาบถซ้ำๆอยู่นั้นแล้ว แต่สักพักหนึ่งมันก็ลดความเกรี้ยวกราดลง

ชั่วอึดใจต่อมา ขวัญเมืองก็รู้สึกว่าทุกอย่างที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเชื่องช้าลงแล้วก็สงบนิ่งงัน

‘ฉันจะทำอย่างไรต่อไปดี?’

ขวัญเมืองเหนื่อยเกินกว่าที่จะขับรถรวดเดียวกลับไป ชายวัยกลางคนตัดสินใจจอดรถ เขาเดินตรงเข้าไปติดต่อห้องพัก ตรงเคาน์เตอร์ไม่มีใคร เขารอจนครู่ต่อมา มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา อีกไม่ถึงสิบนาทีเขาก็นอนฟังเสียงลมพัดประตูเสียงดังปึงปัง! ห้องที่เขาพักนั้นลูกบิดประตูถูกกระอายทะเลซัดสาดขึ้นสนิมจนเสียหายหมดแล้ว ปิดประตูไม่ได้ เสียงลมกับเสียงคลื่นซัดครืน ครืน กระหน่ำซ้ำภาพความคิด

น้ำร้อนๆ จากเครื่องทำน้ำอุ่นในห้องน้ำของบังกะโลริมชายหาดช่วยให้เขาสบายตัวมากขึ้น

ชั่วครู่ต่อมาขวัญเมืองจึงออกมาหาอะไรรองท้อง ซื้อเบียร์กระป๋องกลับมาแล้วคว้าหนังสือพิมพ์ในรถติดมือ เขานอนพลิกคว่ำพลิกหงายอยู่บนเตียง นอนไม่หลับแทบทั้งคืน

พอหลับตา-เขาก็มองเห็นใบหน้าอันอ่อนเยาว์ของ ‘น้องหวาน’ ผุดแทรกเข้ามา ผมพยายามจินตนาการถึงฉากประจันหน้าระหว่างคนทั้งคู่...

“หนูอยากให้ครูมีความสุข” เด็กสาวพูด ชายวัยกลางคนถึงกับตัวเย็นวูบ

“หนู...เอ่อ หนูรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นครู”

เด็กสาวเผยอรอยยิ้ม “ครูจำหนูไม่ได้แล้ว ครูเคยสอนหนูตอนหนูอยู่ป. 4 ที่โรงเรียนวัดแหลมอรุณ....ไงคะ”

เขาถึงกับใจหายวาบ

“หนูอยากตอบแทนครู อยากให้ครูมีความสุข” แขนขาวๆเปลือยเปล่าโอบกระชับหัวไหล่ รั้งตัวเขาเข้าแนบอกอุ่น

แววตาปลาบปลื้มยินดีของเด็กสาวทำให้ชายวัยกลางคนถึงกับใจสั่น  เขาหลบตา

ตาที่แข็งกร้าวเหลือบมองไปนอกหน้าต่าง ฉุกคิดถึงคำพูดของเด็กสาว ทีแรกเขาประหลาดใจที่เห็นเด็กสาวปรนนิบัติเขาดีเป็นพิเศษ ต่างไปจากเด็กสาวคนอื่นๆที่เขารู้จัก เขาคิดอย่างเคลิ้มใจว่าบางทีนี่อาจเป็นเสน่ห์ทางเพศที่บันดาลให้ อยากโทรไปขอบคุณเจ้านายในกระทรวงที่ดึงเขาขึ้นมาช่วยงาน นึกถึงเพื่อนครูคนอื่น ป่านนี้คงจะถึงสวรรค์กันถ้วนทั่ว

เขานึกทวนสิ่งที่เกิดขึ้นมาด้วยท่าทีที่อิดโรยพลางยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ

ขวัญเมืองรู้สึกปวดแปลบจับใจ มันยากจะทำใจได้ เขาคิดถึงฤดูมรสุมที่โหมซัดชายฝั่ง มีเขากับเรือที่ใกล้อับปาง เรือลำน้อยโดดเดี่ยวเดียวดาย แกว่งไกวโยกไหวโอนเอนอยู่ท่ามกลางเกลียวคลื่นและพายุ  กำลังโหมกระหน่ำซ้ำอยู่อย่างนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า มันพัดกระโชกจนเขา-ผู้ซุกตัวอยู่บนเรือลำน้อย ไม่อาจต้านทาน และไม่มีวันรู้ว่าจะสิ้นสุดเมื่อไร

ความรู้สึกต่อเนื่องเดียวกันรุมเร้าเขาอีกเมื่อลุกตื่นขึ้นมาตอนเช้า ทั้งที่ยังหลับไม่เต็มอิ่ม

บ้านพักอีกสามสี่หลังยังปิดประตูเงียบเชียบ ลมพัดแรงดีเหลือเกิน ฟ้าสลัวซึมเซาจนมองไม่ออกว่าดวงตะวันหลบเร้นอยู่ที่ใด เขาทอดสายตามองไปยังมหานที เห็นแต่คลื่นสีเทาขมุกขมัว ‘เป็นไงล่ะ เจ้าความเปล่าเปลี่ยว เจ้ากับฉัน...’ ผุดรอยยิ้มหยามเหยียดขึ้นมุมปาก ‘เราจะต้องห้ำหั่นกันไปอีกนานเท่าไร’ เขาร้องตำหนิตัวเอง ยืนกอดอกสูดกลิ่นหญ้าเปียกชื้นน้ำฝน ฟังเสียงฝีเท้าของตนที่ย่ำสวบสาบไปตามพื้นดิน พลันเหลือบไปเห็นเด็กคนงานผู้ชายสองคนกำลังเก็บขยะบนลานโล่งหน้าศาลานั่งเล่น คนหนึ่งคอยกวาด อีกคนนั่งยองๆ คว้าแก้วพลาสติกรวบใส่ถุงขยะ

อากาศยามเช้าเย็นชื้น ลมยังโหมพัดแรง มะพร้าวต้นเตี้ยบนสนามหญ้าสะบัดใบพรึ่บพั่บ เขามาหยุดอยู่ใต้ต้นสน ยืนฟังเสียงคลื่นที่ไล่ทบทยอยเข้าซัดเซาะชายฝั่ง กำแพงรั้วด้านหนึ่งพังครืนลง ต้นสนต้นหนึ่งฉีกขาด ทิ้งตัวหล่นฟาดร่วงซบลงสู่พื้น  ‘เมื่อคืนลมคงแรง...’ เขาคิด ฟ้ายังคงเป็นสีเทาขมุกขมัว มองไม่เห็นแสงตะวันที่ซ่อนอยู่ในหลืบเมฆ เขาเดินกลับห้องเก็บสัมภาระ แล้วก็มาจ่ายเงิน

“อาจารย์มาคนเดียวหรือครับ...”

เขาผงกศีรษะ รีบจ่ายเงินแล้วเดินเลี่ยงออกมา

ขับรถไปเรื่อยๆ พร้อมกับปลดปล่อยอารมณ์เพริศล่องลอยไปไร้จุดหมาย เหยียดเท้าเหยียบคันเร่ง สุดแล้วแต่ถนนเบื้องหน้าจะพาไปสู่ที่แห่งใด

แสงแดดเริ่มเปล่งแสงเรืองๆอออกมามากขึ้นเรื่อยๆ รถแล่นตัดทะลุเนินเขาสูงด้านขวามือและทิ้งทะเลครามด้านซ้ายไว้เบื้องหลัง ออกสู่ลานทุ่งกว้างโล่ง เขาเริ่มมองเห็นดวงตะวันโผล่พ้นออกมาจากหลืบเมฆ ฟ้าอีกด้านหนึ่งเหนือขุนเขาโปร่งโล่งเริ่มมีสีสันสดใส

เตลิดไปสู่อนาคต ป่ายปีนขึ้นไปสู่ถนนแห่งชะตากรรม ใต้ข้ามมิติเวลา หยั่งลึกสู่การกระทำ มาบัดนี้เขากุมภาพอดีตเอาไว้และวางลงบนตาชั่ง พินิจดูในทุกแง่มุม

สำนึกนี้เขย่าหัวใจขวัญเมืองให้สั่นไหวอีกครั้ง และยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งมันเล่นงานแต่ก็ขยักไว้ไม่ถึงที่สุดเสียทีจนเขานึกพรั่นใจ

ดูเหมือนความมั่นใจที่เคยมีอย่างเปี่ยมล้นได้จางหายไปจนขวัญเมืองนึกหวั่นไหว และที่ห้อมล้อมเขาไว้มีแต่เงาจางๆของพายุที่เขาจะต้องบุกตะลุยฝ่าออกไป ความปวดร้าวในใจเร่งเร้าให้ชายวัยกลางคนเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว กระตุ้นไฟในตัวให้ลุกโชนขึ้นมาใหม่ เขาเหลือบตาไปมองกระจกหลัง-ไม่มีรถตามมาแม้คันเดียว ขวัญเมืองรู้สึกเหมือนกำลังแล่นไปบนถนนแห่งชีวิตที่เขาเป็นเจ้าของเพียงผู้เดียว ถนนค่อนข้างราบเรียบ กระทั่งผ่านสามแยกที่จะตัดเข้าสงขลา

ตามเนินเขาและท้องฟ้าที่อ้าแขนต้อนรับ ขวัญเมืองรู้สึกว่าโลกนี้มีแต่เงารางๆขวางไว้แต่เขาก็อ่อนแอและเปราะบางเกินกว่าที่จะตะลุยฝ่าไปได้ ทำอย่างไรเขาก็ไม่อาจสลัดให้หลุดพ้นไปจากภาพของเด็กสาวที่กำลังนอนเปลือยอยู่กับที่ไปได้

ภาพนั้นทำร้ายจิตใจ นึกได้แค่นี้ขวัญเมืองก็ได้ยินเสียงกระเส่าอันสั่นสะท้านนั้นขึ้นมาอีก เขาลืมตาขึ้นมาทีไรก็มองเห็นดวงหน้าแดงซ่านอาบเรื่อแสงเรืองของโคมไฟหัวเตียง

ขวัญเมืองเห็นร่างเปล่าเปลือยของหล่อน เห็นดวงตาที่กำลังหยาดเยิ้ม เห็นมือนุ่มเนียนโอบกระชับร่างเขาไว้ เสียงกระซิบสั่นพร่าจนหัวใจเขาสะท้อนเยือก ทำไมเขาจะจำไม่ได้เมื่อโถมเข้าหาร่างบอบบาง กระชับร่างเบียดแน่น...

“หนูอยากตอบแทนครู อยากให้ครูมีความสุข” ในทันใดเขาเจ็บแปลบแผ่นหลัง ปลายเล็บหล่อนจิกลงบนเนื้อ ได้ยินเสียงที่เผลอร้องออกมา “โอ ครูขา!!”

ขวัญเมืองถึงกับใจหายวูบ

มีรถแล่นสวนทางมาเรื่อยๆ ใจเขาสงบลง แหงนมองท้องฟ้าที่เมฆฝนเริ่มจางหาย

ขวัญเมืองไม่ได้ยินเสียงเพลงในรถอีกต่อไป เขาได้ยินเสียงเด็ก เสียงขีดชอล์กบนหน้ากระดาน เสียงสัญญาณบอกหมดเวลา พลันห้วงนึกย้อนกลับไปสู่วันแรกที่เขาสวมชุดสีกากีของเครื่องแบบครู “โตขึ้นผมอยากเป็นครู...” ขวัญเมืองพูดกับพ่อที่ล้มเจ็บใกล้ตาย จูงจักรยานคันเก่งออกจากบ้าน สูดอากาศอันบริสุทธิ์เข้าเต็มปอด เดินอย่างสง่าเข้าสู่รั้วกำแพงวัดทะลุโรงเรียน เขาข้ามเส้นแบ่งแห่งอดีตไปไกลจนเหลือเชื่อ ยี่สิบปีผ่านไป เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ชีวิตช่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเหลือใจ

เมื่อคืนขวัญเมืองปิดมือถือ ไม่ติดต่อหาใคร ออกมานั่งดื่มเบียร์ตรงระเบียงห้องพักจนกระทั่งเคลิ้มหลับไป ไม่นึกอยากพูดคุยกับใคร ‘ฉันเหนื่อย’ เขาคิด อยากหาที่พักชั่วคราว เขายังไม่อยากกลับบ้านในตอนนี้ ความคิดยังเกาะเกี่ยวอยู่กับอดีต...

สวนทางกับขบวนรถบรรทุก มีอยู่คันหนึ่งโฉบวูบเข้าใกล้ ขวัญเมืองเบี่ยงออกไหล่ทาง แรงปะทะมหึมาเคลื่อนผ่านจนเขารู้สึกเหมือนรถสั่นครึ่ดๆ พร้อมจะถูกเหวี่ยงแล้วรอคอยเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับอะไรสักอย่าง

แสงแดดจ้าขึ้นเรื่อยๆ ส่องผ่านความเหน็บหนาว ทิ้งทิวทัศน์ของท้องทะเลสีเขียวใสไว้เบื้องหลัง ขวัญเมืองนึกอยากบ่ายหน้ากลับบ้านให้เร็วที่สุด ถนนบางช่วงเปียกชื้น

อากาศจู่ๆกับวิปริตเปลี่ยนแปลง มาฝนตกลงมาอีกแล้วก็หายไป ทั้งที่แดดจ้า แดดฝนสลับกันอยู่อย่างนี้อีกพักใหญ่ กระทั่งมารู้สึกตัวอีกที ขวัญเมืองเพิ่งเห็นว่ารอบๆข้างห้อมล้อมไปด้วยเนินเขา  เมฆขาวลอยฟ่องเรี่ยปลายฟ้า รถกำลังไต่ขึ้นเนินเขา มาถึงทางโค้ง บนทางคดเคี้ยวแห่งชะตากรรม ทางค่อยลาดต่ำลงแล้วสูงขึ้นอีก เขากับรถเพียงคันเดียวบนท้องถนน เร่งความเร็วขึ้นเพื่อหนีพ้นไปจากความเปลี่ยวเหงา

นั่น-ทั้งสองฟากทางทองอุไรเหลืองสะพรั่งบานต้อนรับ เหลืองอร่ามแต่งแต้มสีเขียว แลสว่างไสว แต่โลกก็ยังร้างผู้คน

ตัดทะลุโค้งเนินเขา รถแล่นลงเนิน บนทางลาดชันสีเทาหม่นมัวลาดต่ำลงแล้วปราดเข้าหาท้องทุ่ง ถากความสูงอันว่างเปล่าสู่นภากาศอันเวิ้งไพศาลเห็นแต่ฟ่อนเมฆขาวเป็นหย่อม แต้มฟากฟ้าสีครามสด นานๆทีจะได้เห็นทิวทัศน์งดงามเยี่ยงนี้ รถเข้าสู่เมือง ขวัญเมืองมีนัดกับเพื่อนรุ่นน้อง หล่อนไปเป็นครูภาษาไทยอยู่ที่มาเลเซียหลายปี เขาได้ข่าวว่าหล่อนเพิ่งจะเปิดร้านขายผ้าไหมไทย

ไม่เจอกันประเดี๋ยวเดียว ไม่น่าเชื่อว่าลูกชายหล่อนโตเป็นหนุ่มอายุได้สิบเจ็ดปีแล้ว

การค้าในประเทศต่างแดนของมิตรรุ่นน้องทำท่าว่าจะไปได้สวย ราบรื่นกว่าที่เขาคาดไว้ (แต่ก็เข้าใจได้ไม่ยากเพราะว่าร้านขายผ้าไหมไทยของหล่อนปราศจากคู่แข่ง) อย่างไรก็ดี ขวัญเมืองรับรู้ได้ถึงอาการลังเลและกังวลใจของเพื่อนรุ่นน้องได้เช่นกันว่า ยังมีความไม่แน่นอนคอยรบกวนใจหล่อนอยู่ “ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่บ้านเรา...” ใช่สินะ หล่อนรีบออกตัวเสียก่อนที่การพูดคุยเชิงธุรกิจจะขยับไปอีกก้าว เขาและหล่อนดื่มเข้าไปพอสมควร อย่างไรก็ตาม คำบอกเล่าของหล่อนก็ช่วยให้เขาพอจะเห็นภาพธุรกิจที่นั่นได้รางๆ หล่อนบอกว่าค่าเช่าร้านที่มาเลเซียค่อนข้างแพงหากเปรียบกับเมืองไทย (หล่อนต้องเสียเงินว่าจ้างคนเฝ้าร้านอีกหนึ่งคน) แต่ก็มีข้อดีอยู่บ้างตรงที่ลูกค้ามาเลเซียไม่เรื่องมากและจุกจิกน้อยกว่าคนไทย ทำให้รายได้แต่ละเดือนค่อนข้างงดงาม “ก็พออยู่ได้” หล่อนหัวเราะ หล่อนมีลูกค้าประจำอยู่บ้าง อาศัยปากพวกเขาบอกต่อกันไป ร้านของหล่อนจึงไม่จำเป็นต้องอาศัยการโปรโมตมากนักเท่ากับเป็นการประหยัดต้นทุนไปในตัว

นั่งคุยเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวแล้วก็หันเหไปเรื่องทั่วไปเรื่อยเจื้อยไปตามแต่ใจ

เงียบกันไปสักครู่

คุยไป ดื่มเบียร์ไป “ได้ข่าวว่าผู้ใหญ่ในกระทรวงเรียกพี่ไปช่วยงานรึ น่าอิจฉาจัง” หล่อนหัวเราะ

นั่นเป็นอีกครั้งที่เขาจ้อจนน้ำไหลไฟดับ พูดมากจนนึกรำคาญตัวเอง คิดขึ้นมาแล้วก็นึกประหลาดใจ ความจริงแล้วเขาไม่มีความสุขแม้สักนิดเดียวที่ต้องเสียเวลาไปออดอ้อนเอาอกเอาใจใคร แต่ความสุขนั้นคืออะไรเล่า?

หวนนึกถึงปัญหาที่เกิดในโรงเรียน ขวัญเมืองเรียกประชุมพ่อค้าแม่ค้าในโรงเรียน มอบนโยบายเรื่องการจัดสรรโควตาในการจำหน่ายอาหารให้เด็กๆ เขานึกถึงค่าเปอร์เซ็นต์ที่จะได้มาจากพ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้น ค่าน้ำอัดลม ค่าก๋วยเตี๋ยว อาหารจานเดียว กับเด็กเรือนพันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า“ทุกอย่างต้อง win-win” เขาคิด

ปัญหาอยู่ที่ผู้ช่วยคนใหม่เริ่มระแคะระคาย แล้วนี่เขาจะทำอย่างไร ‘มันอยากได้ค่าปิดปากหรือ’ เขาคิด ...หวนถึงสีหน้าปลาบปลื้มของเด็กสาว เขารู้สึกปวดใจ

และบัดนี้ราวกับว่าความรู้สึกนั้นหวนย้อนกลับมาอีกครั้ง.

Comment #1
Posted @January,10 2008 22.44 ip : 61...182

คุ้นๆว่าจะเคยอ่านเรื่องนี้ที่ไหนแล้ว ตอนท้าย มันมีความเกี่ยวพันกับวิถีชีวิตต่างประเทศอย่างไรที่ผู้เขียนใส่เข้ามา
ผมอ่านแล้วได้ศึกษาการเขียนเรื่องสั้นไปด้วยในตัวครับ

Comment #2
Posted @January,11 2008 15.58 ip : 222...36

ผมนำบางฉากจากงานเขียนที่ไม่ได้ใช้แล้วมาใส่เนื้อหา ตัวละครใหม่ อาจจะเคยโพสต์ทิ้งไว้ในเว็ปที่ไหนสักแห่ง เลยดูคุ้นๆ ฉากในต่างแดนใส่เข้ามา อ่านในเรื่องอาจไม่มีส่วนเชื่อมโยงหรือจำเป็น แต่นี่เป็นแนวคิดรวมของเล่ม(ในอนาคต)ที่วางไว้ครับ กำลังเขียนเรื่องของสังคมกาฝาก(สังคมไร้ราก)พร้อมจะงอกงามที่ไหนก็ได้ ไม่เว้นแม้ครู..ที่เปลี่ยนไปทั้งหลักคิดในการเป็นครู(อดีต/ปัจจุบัน)ครูสมัยโบราณกับอาจารย์สมัยนี้(การเรียนกลายเป็นธุรกิจ) บังเอิญไปเจอนักเรียน(แม้อยู่ในคราบโสเภณี)ที่อยู่ภายใต้สำนึกคุณธรรม จริยธรรม ความเชื่อแบบเก่า(กตัญญูรู้คุณ) ครูก็เลยกระตุกความคิดกลับไป สุดท้ายเลยไม่รู้ว่าระหว่างนักเรียนที่กลายเป็นโสเภณีกับอาจารย์ที่กลายเป็นผู้คอรัปชั่น ขายตัวให้ผู้บริหาร อะไรจะเลวร้ายกว่ากัน

แสดงความคิดเห็น

« 6012
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ