เรื่องสั้น
เรื่องสั้น แม่ลูกอ่อน จู พเนจร
รวมเรื่องสั้นชุด : สรรพสัตว์ จู พเนจร
ตกช่วงดึกๆ หน่อย จะแว่วได้ยินเสียงร้องครางงี้ดๆอยู่ทางหลังห้องเช่าสองสามวันมาแล้ว ค่อนข้างแน่นอนเป็นเสียงร้องของลูกหมาที่เพิ่งเกิดแน่ พอได้ยินเสียงมันร้องอีกผมก็เขย่งเท้ามองลอดช่องลมของห้องน้ำออกไปดู (เพราะห้องที่ผมเช่าอยู่ไม่มีประตูออกด้านหลัง) ไม่เห็นตัวแต่เข้าใจว่าน่าจะอยู่ใต้ซุ้มตรงที่มีกระเบื้องหลังคาวางพาดอยู่แผ่นนึง ที่หลังบ้านของห้องแถวให้เช่าอีกหลังซึ่งหันข้างมาชนกัน เป็นบริเวณที่ว่างรกเรื้ออยู่ติดกับโรงจอดรถสังกะสีเก่าคร่ำ
คืนต่อมาขณะที่ผมกำลังเคลิ้มๆ หลับ ก็ได้ยินเหมือนเสียงคนดังเอะอะโวยวายไล่ต้อนพร้อมกับเสียงหมาเห่ากรรโชกใส่กันอยู่บริเวณหลังบ้าน พักเดียวแล้วก็เงียบเสียงไป สายๆ ของวันรุ่งขึ้นผมงัวเงียลุกตื่นได้ยินเสียงร้องงี้ดๆอีก แต่คราวนี้ไม่ใช่ดังอยู่ด้านหลัง เปิดประตูห้องออกมาก็เห็นลูกหมาตัวมันท้วมๆ สีขาวแต้มจุดดำตัวละนิดละหน่อยเหมือนแม่มันสี่ห้าตัวนอนกองก่ายกันอยู่ตรงหน้าชานห้องเช่าของผมซึ่งเป็นห้องอยู่ริมสุด
ที่ซอกประตูซึ่งเปิดออกไปติดกับกำแพงอิฐก่อขึ้นจรดเพดานนั้น สามตัวกำลังตะเกียกตะกายกันดูดดุนนมแม่ ส่วนอีกสองตัวก็นอนแอ้งแม้งหลับตาครางงี้ดๆอยู่อีกด้านหนึ่งของประตู
ตรงคัดเต้าของมันพองบวม ดูตัดกับหุ่นซึ่งชะลูดผอมผ่าย ปากยาวจมูกเลี่ยมสีน้ำตาล ดวงตาแลดูเศร้าสร้อยหงอยเงื่อง เหลือบตาขึ้นมาแลผมเฉยๆ ทอดตาไปทางอื่นแล้วซบหัวนอนลงไปเหมือนเดิม ผมส่งเสียงชุๆทักทาย ค่อยๆนั่งยองลงพลางหันกลับไปมองแม่มันอีกทีดูปฏิกริยาหวงลูกมันก่อน ก่อนที่จะเอื้อมมือไปลูบๆ เจ้าสองตัวนั้นเล่น มันน่ารักน่าเอ็นดู (นึกถึงใครคนหนึ่งที่บอกกับผมว่าเธอชอบจูบตรงปากลูกหมาเพิ่งเกิดมันหอมดี) แต่ก็ดูกะมอมกะแมม เห็นตัวหมัดยุบยิบอยู่เต็มตามเนื้อตามตัวแล้วนึกสงสารพวกมันที่เกิดมาแล้วไม่สุขสบาย ตัวที่นอนก็หลับตานิ่ง ที่ไม่นอนก็หลับตาน้อยของมันครางงี้ดๆ เกาะก่ายกัน
แม่มันพามาตากไออุ่นหรืออย่างไร
ผมเปิดประตูเข้า-ออกแม่มันก็นอนเฉยไม่ขยับเขยื้อนให้ความร่วมมือเลย บางทีผมแสร้งเปิดประตูเบียดๆมันก็ยังเฉย เอาละมันคงจะมายึดที่ตรงนี้ขออาศัยแน่แล้ว ก็ไม่ว่ากัน
พักนึงแม่มันไม่อยู่แล้ว เจ้าสองตัวนั้นไปซุกอยู่ใต้แผ่นยิปซั่มขนาดแผ่นหมากฮอสที่พิงตากผ้าเช็ดเท้าอยู่หน้าห้อง ผมดึงเอาผ้าเช็ดเท้าออกมาวางๆให้สามตัวซุกนอนก่อนออกไปหาอะไรกินข้างนอก
........................................
กลับมาถึงกำลังไขกุญแจห้อง หันไปเห็นหมาพันธุ์อัลเซเชี่ยนตัวใหญ่หงอๆ ที่อยู่แถวนั้นเดินผ่านมา จู่ๆ แม่มันซึ่งนอนอยู่ก็ลุกปราดไปเห่ากรรโชกใส่ จังหวะเดียวกันนั้นเองหมาดำตัวหนึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้เข้ามาร่วมวงปะทะและแยกเขี้ยวใส่กันเป็นเชิงขู่เล็กน้อยก่อนที่จะต่างฝ่ายต่างถอยกันไป แม่มันก็กลับมาที่ลูกมัน ผมคะเนว่าไอ้ตัวดำนั้นน่าจะเป็นคู่ตุหงานาหงันแม่หมานี้มาก่อน
........................................
ตกเย็นผมกลับมาไม่เห็นพวกมันอยู่แล้ว เหลือบไปแลที่ซอกพงหญ้ารกข้างห้องซึ่งติดอยู่กับกำแพงบ้านหลังใหญ่ เห็นพวกมันอพยพไปไหวๆ อยู่ตรงนั้น ไม่เห็นแม่มันอยู่ ด้วยสงสารผมจึงเอาแผ่นยิปซั่มไปวางไว้บนพุ่มไม้เล็กๆ ตรงกำแพงเผื่อพอจะช่วยกันแดดกันฝนให้พวกมันได้บ้าง
ตกค่ำกลับมาเห็นแม่มันกลับมานอนอยู่หน้าห้องดูอิดโรยเหนื่อยหน่าย เหลือบไปเห็นแผ่นยิปซั่มตกลงมา ผมตกใจว่ามันจะหล่นไปทับลูกๆ มันหรือเปล่า ยกขึ้นดูไม่เห็นมีจึงเอามาพิงๆ กำแพงไว้เผื่อให้ลูกๆ มันที่นอนระเกะระกะอยู่ได้ซุกๆ เล่น
............................................
สายๆ วันนี้แหละได้ยินเสียงปาอะไรสักอย่างดังโพละ! เพื่อนๆ ของน้องนักเรียนปวช.ข้างห้องมาดื่มกินกัน คนนึงคงเมาแล้วหาเรื่องเอากะหมาหรืออย่างไรไม่รู้ ได้ยินว่าไม่พอใจอะไรสักอย่างแม่มัน “แค่แตะนิดแตะหน่อยทำเป็นหงุดหงิด” บอกว่าหมานี่น่าจะเชือดคอให้หมด-อยู่ซ้ำๆ ฟังดูก็ไม่ได้ประชดประเทียดใคร ทะเลาะกับหมาจริงๆ ผมยังงัวเงียๆ อยู่นอนต่อสักพักเมื่อตื่นออกมาดูปรากฏว่า ขวดเบียร์แตกเกลื่อนอยู่ตรงที่แม่ลูกนอนทอดกายคลุกดินคลุกหญ้าอยู่ ดูแม่มันอ่อนระโหย มองลอดพุ่มไม้ไปเห็นดวงตามันยิ่งทอดอาลัยสร้อยเศร้ารันทด ส่วนลูกๆ ก็คอยแต่ร้องครางงี้ดๆดูดดุนนมซึ่งดูว่าจะไม่มีน้ำนมออกให้แล้ว
ผมนึกตำหนิตัวเองอยู่เหมือนกันที่ไม่คิดจะหาข้าวปลาอาหารมาวางๆ ให้มันสักหน่อย แต่อย่างว่าเรามันอยู่ห้องเช่ากินข้าวนอกบ้าน อาหารแห้งรึมีก็แต่มาม่ามันคงไม่กิน
พลัน!ผมก็เหลือบไปเห็นลูกมันตัวนึงซึ่งนอนอยู่ตรงที่ลุ่มลงไปที่เดิมแต่เมื่อวานยังนอนนิ่งแล้วผมไม่กล้าคิดไม่กล้านึก เป็นไปได้ไหมนะที่ลูกหมาตัวนี้จะโดนแผ่นยิปซั่มหล่นลงมาทับเข้า มันคงไม่ใช่โดนขวดปาเมื่อตอนสายในวันนี้หรอกผมค่อนข้างมั่นใจ
ผมหันเหม่อมองไปตลอดหน้าห้องเช่าสี่ห้าห้องล้วนหับประตูปิด ยิ่งขับบรรยากาศเงียบงันกลางแดดจ้าให้เวิ้งว้าง เวิ้งว้างและพร่ามัวเหมือนกับสายตาคู่นั้น
น้องนักเรียนผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านมา เห็นผมยืนเอามือเท้ากำแพงชะโงกแลพวกมันอยู่ถามขึ้นว่า “ลูกหมาเหรอ” ผมบอกว่า “อืม!เอามันไปเลี้ยงบ้างไหมล่ะ ไม่รู้หมาใคร ดูท่าทางแม่มันจะเลี้ยงไม่ค่อยไหวแล้ว และไม่แน่ใจว่าตัวนึงมันจะตายรึเปล่า” แต่น้องเขาบอกว่า “ไม่มีที่จะเอาไปเลี้ยงหรอก” ผมพยักหน้าให้
...แต่ไม่ต้องห่วงหรอกเจ้าหมาน้อยเอ๋ย ถึงเจ้าจะไม่ทันได้ลืมเปลือกตามาดูโลกโสภีใบนี้ แต่อย่างน้อยที่สุดเจ้าจะต้องมีที่ทางของเจ้านะเจ้าลูกหมาน้อย
“น้อง แล้วที่บ้านมีจอบมีเสียมอะไรไหม” ผมถามพร้อมกับความตั้งใจที่จะถ่ายโทษอันเศร้าหม่นของตนให้คลี่คลายลงบ้างสักนิดก็ยังดี
ใช่ สักนิดก็ยังดี...