เรื่องสั้น

ป่าสุดท้าย

by จู พเนจร @February,11 2008 23.34 ( IP : 61...110 ) | Tags : เรื่องสั้น

เราจะไม่พูดถึงป่าเขาลำเนาทุ่งที่เป็นเขตอนุรักษ์พันธุ์พืชสัตว์ป่าหรือป่าสงวนแห่งชาติต่างๆที่อนุรักษ์และสงวนเอาไว้ให้บุกรุกแผ้วถางตัดไม้ทำลายป่าได้ตามอัธยาศัยมาแต่ไหนแต่ไรนะครับ แต่จะพูดถึงป่าเล็กๆผืนหนึ่งในห้อมล้อมของเมืองที่กำลังรุกคืบเข้ามา ว่ามันจะยังคงอยู่ได้หรือไม่ นานแค่ไหน อย่างไร

ณ ป่าแห่งนี้...มีนกแซงแซวด้วย ที่ก้นมันชอบแกว่งพร้อมๆกับหางมันชอบกระดกน่ะ นานๆถึงได้เห็นมันสักที ส่วนนกกระจอก ค่อนข้างตัวใหญ่ๆกัน นานๆทีเหมือนกันที่มันลงมาโลดเต้นกันอยู่บนราวไม้พุ่มพฤกษ์ แต่ส่วนใหญ่มันจะอยู่ทั่ว ชายคาบ้าน สายไฟ ตามพื้นต่ำๆ

นกนานาชนิด เหมือนมาชุมนุม เสียงนกเขาขันกรู กรูฮุกกรู บางทีเหมือนดังอยู่ที่ไหนสักแห่งก้องกังวานลึกลับ แต่บอกได้เลยว่ามีนกเขาหลายชนิด และตัวมันใหญ่เชียวแหละ

นอกจากนี้ยังมีนกกรง นกกรงหัวจุกนั้นเห็นไม่บ่อยเท่านกกรงหน้าหมา คุณเคยเห็นไหม บางวันนกกรงแม่พะจะมาด้วย แล้วก็นกกรงดิน

นกเอี้ยงส่งเสียงร้องอออี๊เอี้ยงดังระนาวแต่เพื่อน เรียกว่าอย่างนั้น

วันก่อนผมเห็นนกเหยี่ยวบินโฉบตีวงแคบๆอยู่ใกล้ๆเหนือหลังคาห้องแถวระหว่างหนองน้ำกับแนวชายป่า

แม้แต่นกนางแอ่นที่บินฉวัดเฉวียนไปมาระเรี่ยผิวน้ำ บางวันเห็นโผไปเกาะอยู่ที่พุ่มไม้

นกกระปูดตาแดงก็พาร่างอันใหญ่หนักเหมือนบินไม่ใคร่รอดมาเกาะอยู่บ่อยๆ มักบินลงไปตรงพุ่มไม้ไผ่กอเล็กกลางพงหญ้าถัดไปจากหนองน้ำเล็กๆ ก่อนจะตวัดปีกพึ่บพึ่บกระพือไปที่พุ่มไม้รกที่อยู่ข้างบ้านห้องแถว

นานครั้งถึงจะเห็นนกน้ำสีเทาดำบางชนิด เหมือนกับว่าบินหลงมาจากที่ไหนสักแห่ง และนกกระยางขาว

และที่มาพร้อมกับส่งเสียงดังอยู่เหนือยอดกระถินต้นสูงที่สุดก็คืออีกาตัวหรือสองสามตัว

ตรงที่นกแซงแซวกับต้อยตีวิด และนกกระจอกที่มักโฉบตามลงไปกระโดดโลดเต้นด้วยเสมอนั้น อยู่ใต้ร่มสะตอเบาหรือต้นกระถิน กับต้นหูกวางเพรียวระหงระอยู่ด้วยไม้ล้มและไม้เลื้อยกับย่านเชือกและพงหนามห้อยย้อยปกคลุมอยู่เหนือแอ่งน้ำขังสีขุ่น เป็นทุ่งหญ้าป่ารกหย่อมเล็กๆติดกับถนนปูคอนกรีตกว้างแปดเมตรในซอยซึ่งเทศบาลเมืองเพิ่งทำแล้วเสร็จไม่นาน(ที่อีกด้านหนึ่งเป็นทุ่งป่าบอนก่อนจะระไปเป็นท้ายบ้านตึกรามใหญ่น้อยที่ขึ้นอยู่เรียงๆรายๆ) ตรงเนื้อที่ด้านยาวประมาณยี่สิบเมตรจรดมาถึงด้านข้างของกำแพงห้องแถวสองชั้นขนาดห้าห้อง ซึ่งขึ้นรกอยู่ด้วยกอบอนและพุ่มไม้ที่เหมือนพยายามจะระเลื้อยขึ้นไปไม่ได้

หลังห้องแถวลาดลงมานิดหน่อยคลุมด้วยพืชหญ้าไม้เลื้อยและต้นบอนประปรายจรดมาเป็นทุ่งหญ้าน้ำขังซึ่งเกิดจากที่รอบๆข้างๆถมลงบนที่ท้องทุ่งนาเก่า รวมทั้งบ้านผม เป็นเนื้อที่ประมาณสองห้องทอดเป็นทางยาวไปจนสุดความยาวห้องแถวเลยไปจากนั้นก็เป็นทุ่งบอนไม่เล็กไม่ใหญ่ไปจนจรดหลังบ้านหลังต่างๆซึ่งมีมะพร้าว มะละกอ มะม่วง กระถินและไม้อื่นๆสองสามสี่ต้นขึ้นอยู่ขอบๆบริเวณหลังบ้านแต่ละหลัง และจากขอบด้านบ้านห้องแถวด้านติดถนนปูคอนกรีต กับขอบหลังบ้านผมจะเยื้องเหลื่อมกันประมาณสองสามเมตร ความกว้างเป็นเนื้อที่ประมาณสองห้อง

จากหลังบ้านผมตรงแนวกลางบ้านไปเป็นที่ถมสูงเท่ากันกับบ้านผมเนื้อที่ประมาณห้าหกห้อง เป็นที่ทางของบ้านชั้นเดียวทิ้งร้างที่คนแถวนี้เรียกว่าบ้านฝรั่งเพราะเคยมีฝรั่งมาเช่าอยู่ กำแพงของบ้านฝรั่งนั้นอยู่สูงเลยเข่าผมไปเล็กน้อย มองต่ำลงไปบริเวณในบ้านลาดปูนหมดมีหญ้ากับฟ้าทะลายโจรขึ้นแซมอยู่ห้าหกต้น ส่วนด้านหน้ามุมกำแพงมีศาลพระภูมิตั้งอยู่ นกเขาชวาหลายตัวจะนอนที่แถวนั้น แนวชายคาหลังบ้านลางสาดสองต้นดูโตเกร็งอยู่บนพื้นซึเมนต์เพราะขาดการเหลียวแลมีไม้เลื้อยพันขึ้นไปนิดหน่อย ตรงมุมกำแพงตรงมุมท้ายบ้านมีอ่างเก็บน้ำสี่เหลี่ยมจตุรัสปูกระเบื้องมีน้ำปริ่มอยู่ประมาณครึ่งเมตร ผมแอบหย่อนผักบุ้งลงไปกับเลี้ยงปลาหางนกยูงเอาไว้ ถัดออกไปจากด้านข้างบ้านนายฝรั่งก็จะเป็นป่าบอนกับหญ้าน้ำรกประมาณหนึ่งห้อง ระไล่ขึ้นไปเป็นอาณาบริเวณที่เค้าเลี้ยงหมู (แถบนี้คนเลี้ยงหมูกันมาก และพวกทุ่งหญ้าป่าบอนยังมีอยู่ไม่น้อย) ตรงบริเวณหลังๆคอกหมูจะมีมะพร้าวแก่เล็กบ้างแกร็นบ้าง มีส้มจุกและต้นพ้อแก่ซึ่งเป็นที่นกเอื้ยงจะมาเล่นไล่จิกตีและส่งเสียงร้องครั้งละหลายๆตัว...และบางวันจะเห็นนกกระเต็นสีฟ้าใสมาปรากฏตัวให้เห็น ไม่นาน


จากแนวกำแพงหลังบ้านนายฝรั่ง แนวเดียวจากหลังบ้านผม มองจรดไปเห็นต้นส้มกับกะพ้อดูเหมือนชายป่าโบราณเก่าแก่ ย้อนขึ้นกลับมาทางหลังบ้านผม บนเนื้อที่ห้าหกห้องที่ว่าจะมีป่าสะตอเบาหรือกระถินต้นสูงใหญ่ห้าหกต้น ทุกต้น(รวมทั้งต้นด้านหน้าติดถนน)จะมีเปลือกฝักช่อสีน้ำตาลเหี่ยวแห้งห้อยย้อยอยู่เต็มต้น และแต่ละต้นจะมีย่านเชือกเถาวัลย์เล็กบ้างใหญ่บ้างปรกยอดทอดใบขึ้นไปชะคลุมอยู่ระราย ถัดไปจากข่อยเล็กๆสองสามต้น มะม่วงป่าแคระแกรนสองต้นขึ้นอยู่กลางป่ากระถินสูงทำให้บริเวณนั้นและดูมืดๆ ที่ตรงนั้นเป็นคอกหมูเก่าเล็กๆทิ้งร้างไว้นานเหลือแต่เพียงเสาไม้ผุพอให้เห็นว่าเป็นแนวคอกอยู่ มีกิ่งก้านต้นไม้เล็กๆขึ้นระไป

ถัดมาทางชายทุ่งหญ้าป่าน้ำตรงแนวขอบดินที่ถมจากหลังบ้านกึ่งกลางบ้านผมไป กระถินณรงค์ต้นสูงใหญ่สยายกิ่งใบไหวเอนอยู่แทบตลอดเวลา ต่ำลงมาใต้ต้นมะเดื่อไม่อาจโตสูงทอดลำต้นเอนกิ่งก้านลงมาระเรี่ยหนองน้ำสีเหลืองขุ่นใสตีวงกว้างออกไปจนสุดปลายใบของพุ่มมะเดื่อประมาณหนึ่งศอก จะโดยธรรมชาติจัดวางหรืออย่างไรก็ตามที ที่ตรงนี้ผมได้หมายตาไว้ว่าจะทำแคร่ไม้ไผ่ยื่นออกไปนั่งเล่นริมน้ำไว้ต้อนรับขับสู้พรรคพวกเวลามานั่งสังสันท์กันตั้งแต่แรกที่มาอยู่แล้ว

ถัดจากแนวหนองน้ำมาทางหลังบ้านผมประมาณเจ็ดแปดเมตรเป็นหญ้าน้ำและพืชคลุมค่อยๆทยอยระไล่ไต่ขอบดินขึ้นมา รวมทั้งผักบุ้งนาประปราย ตรงนั้นมีต้นกล้วยผอมกระหร่องใบฉีกวิ่นสองต้น ต้นหนึ่งเชิดต้นขึ้นมาสะบัดใบอีกต้นหนึ่งถูกความเสน่หาอาลัยของพืชคลุมรึงรัดเอาเกือบท่วมหัวพัวพันอยู่กับไม้ชนิดหนึ่งคล้ายๆต้นคราม

ระหว่างต้นกล้วย ถัดขึ้นมาบนที่นิดนึงขนุนหนุ่มบ้าใบยืนต้นโตไปแบบเรื่อยๆเหนื่อยหน่ายดูไม่สดชื่นนัก อาจเป็นเพราะไม่มีใครคอยให้ปุ๋ยบำรุงดินอะไรมันเลยก็เป็นได้ เวลาผมนึกครึ้มๆอยากเดินเข้าไปข้างใน ต้องก้มลอดกิ่งใบขนุนเข้าไปเหมือนกับลอดอุโมงค์เข้าไปทะลุอีกมิติหนึ่งเสมอ แต่ข้างในนั้นก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ มีแต่ดินแห้งๆ หลุมและเศษกิ่งไม้ใบไม้หยอยๆ ต้นไม้กิ่งต้นเล็กๆขึ้นแบบแห้งแล้งแห้งเฉา ระไปจากแนวใต้ต้นขนุนยืนต้น กระถินต้นใหญ่ถอนรากล้มลงนานแล้วมีย่านเชือกพงหนามระพันอยู่ปะปนกับเถาไม้เลื้อย ถัดออกมาทางหลังบ้านผมกับนายฝรั่งมีที่โล่งปรกด้วยพืชคลุมกับหญ้าแซมที่ตรงนี้เองที่ผมจะใช้เป็นที่ปลูกพืชผักสวนครัวเล่น ซึ่งตอนนี้ครึ่งหนึ่งของที่คือฝั่งหลังบ้านผมได้ลงพริกมะเขือมะละกอตะไคร้ไว้บ้างนิดหน่อยขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้างตามประสา ผมรดน้ำพรวนดินมันอยู่บ้าง แต่จะปล่อยๆหญ้าให้มันขึ้นรอบๆเอาไว้ เพราะผมคิดว่าจะทำอะไรก็ตามจะต้องรบกวนนิเวศธรรมชาติให้น้อยที่สุด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งรบกวนป่าอันเป็นที่พักพิงอิงอาศัยนกหนูแมลงแห่งนี้ให้น้อยที่สุด...

ช่วงเวลาเช้าย่างเข้าสาย จะมีผีเสื้อเด็กๆสีขาวเหมือนดอกดาวกระจาย บ้างสีเหลือง และดำบินวะว่อนวิบวับ เหมือนจะล้อเล่นลมที่เริ่มจะพัดมาวอยๆ บางวันมีผีเสื้อหลากสีตัวใหญ่ บางวันแมลงปอปีกแดง เวลาเช่นนี้มักเป็นเวลาที่ผมลุกตื่นมาชงกาแฟแล้วออกมานั่งบนแคร่หลังบ้าน จะเป็นช่วงเวลาที่สรรพเสียงนกเสียงกาพากันมาส่งเสียงเซ็งแซ่แทบทุกวัน

ผมนั่งฟังเสียงนั่งมองมันบินโฉบไปเฉี่ยวมาอย่างเพลิดเพลิน ถ้าตื่นเช้ากว่านั้นผมจะรดน้ำพืชผักเล่น ถ้าไม่มีธุระปะปังออกไปไหน หลังกินข้าวปลาเสร็จผมจะมานั่งจิบกาแฟอีกสักรอบและนั่งดีดกีต้าร์เล่นหรืออ่านหนังสือเล่น แต่ส่วนใหญ่จะมานั่งเฉยๆจิบกาแฟชื่นชมบรรยากาศที่ลมโชยพัดเย็นๆมากกว่า

สรรพสำเนียงส่งเสียงร้องกันเซ็งแซ่ ทั้งได้เห็นตัวมันเกาะนิ่ง บ้างอี๋อ๋อกันอยู่ บินโฉบไปมา พุ่มใบไม้ไหว ลมพัดโชยชาย ระลอกน้ำในหนองพลิ้วแผ่วสะท้อนเงาเหลืองนวลที่ก้านใบมะเดื่อ โลกในความจริงและความคิดฝันของผมก็คือถ้ามีเงินมากพอผมอยากจะซื้อที่อาณาแห่งนี้ไว้ ที่เล็กๆที่เป็นพุ่มป่าเล็กพงหญ้าและป่าบอนท่ามกลางเมืองที่จะค่อยๆรายล้อมรุกคืบเข้ามา ที่ซึ่งยังมีนกฉวัดเฉวียนร่ำร้องบินโบกไปมา มีทุ่งหญ้าป่าน้ำเหลืออยู่บ้าง ถ้าเทศบางหรือรัฐบาลจะเห็นค่าของสิ่งเหล่านี้บ้างอาจจะมีความคิดที่จะซื้อที่ทางในเมืองเหล่านี้เก็บไว้ตามธรรมชาติของมันเพื่อเป็นสมบัติหรือสวนสาธารณะ แต่อย่าเลยนะแค่คิดว่าจะซื้อที่ทางเหล่านี้แล้วทิ้งร้างไว้สำหรับเองก็ดูจะเป็นการฝันเฟื่องเกินประมาณแล้ว

ที่ดินผืนหลังบ้านกับด้านข้างเจ้าของที่เคยมาบอกๆขายอยู่เหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละจำเพาะผ่อนบ้านที่สร้างก็ไม่รู้ว่าจะอีกกี่สิบปีถึงจะหมด จริงอยู่ว่าบางทีถ้าเราต้องการจริงๆก็อาจจะมีปัญญาถูไถซื้อเอาได้บ้าง ข้างแม่ผมจะซื้อที่ข้างๆ ข้างน้าของผมก็เปรยๆไว้ว่าจะซื้อที่ข้างหลังอยู่ แต่นั่นแหละถ้ามีปัญญาที่จะซื้อได้จริงๆทั้งแม่และน้าก็คงไม่ใช่ซื้อไว้เพื่อทิ้งเป็นป่ารกร้าง ให้นกหนูอยู่อาศัยอย่างผมๆแน่ นั่นคือความจริง เพราะที่ดินหลายๆห้องซึ่งเป็นท้องทุ่งนาป่ารกไกลห่างที่พ่อกับแม่มาซื้อไว้กับคณะครูตอนนั้นคนละสองห้องสามห้องเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วนั้นราคาเพียงไม่กี่พันบางเท่านั้นเองไม่ใช่ห้องละล้านหรือครึ่งล้านอย่างทุกวันนี้

อย่างไรก็ตาม หลายปีดีดักทีเดียวที่อาณาบริเวณแห่งนี้ได้ถูกทิ้งร้างว่างเปล่าเอาไว้ นานๆครั้งชาวบ้านจะลงมาแวะวางเบ็ดวางไซได้ปลาได้เต่าบ้าง หมาจะวิ่งจ้วมๆลงไปแช่น้ำ แต่โดยมากจะมุ่งที่หลังบ้านห้องแถวหลังสองหลังซึ่งมีเศษกระดาษพลาสติกทิ้งระเรี่ยเพื่อไปดมดอมหาเศษอาหารเศษกระดูกกิน กระทั่งบางทีคนเลี้ยงวัวต้อนวัวลงไปแทะเล็มหญ้ารก

จากนั้นมาและจากนี้ไป บางวันผมได้เห็นนกบางชนิดรูปร่างสีสันแปลกตา ไม่รู้ว่ามันจะหลงดีใจไปใช่ไหมว่าอย่างน้อยที่นี่ก็ยังมีแหล่งรื่นรมย์พอให้มันได้มาพักพิงอิงอาศัยร่มไม้ใบบัง หรือมันมากันเพื่ออาลัยลาด้วยรู้ว่าไม่นานนักสิ่งเหล่านี้จะไม่อาจหลงเหลืออยู่ได้อีกต่อไป บางวันผมจะยืนแนบกระจกหน้าต่างแอบมองพวกนกต่างๆซึ่งบางตัวก็ลงมากระโดดโลดเต้นอยู่ในแปลงผักใกล้ๆพื้นหลังบ้านสิ่งเหล่านี้ก็จะปลาสนาการไปพร้อมกับเสียงนกเขาที่ขันคูอยู่ในห้วงกังวานลึกนั่น เสียงร้องที่เล่นล้อต่อกระซิกวี้ดวี่วู้อยู่ไม่ขาดสาย ณ ยามบ่ายที่ลมพัดโชยชาย ระลอกน้ำและหญ้าไหวเอน และบางค่ำคืนที่ร้องคุกคูๆของนกอะไรสักอย่างยังร้องให้ได้ยินอยู่เหมือนสมัยครั้งผมเด็กๆ ที่บ้านอยู่ท้ายป่านาน้ำ

ผมคิดว่าการที่คนเราจะรุกล้ำทำลายธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพรหรือไม่นั้น ไม่ได้อยู่ที่ว่าคนเราเหล่านั้นไม่ได้รักชอบหรือผูกพันกับธรรมชาติแต่เพียงอย่างเดียว มันมีเหตุผลความจำเป็นเงื่อนไขหลายๆอย่างอยู่ แต่อย่างน้อยมันก็ต้องมีสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานอยู่ในความคิดและจิตใจ ผมคิดว่าอย่างนั้น และก็ลงถ้าเหตุผลและความจำเป็นอยู่เหนือกว่าคนที่มีจิตใจรักชอบสิ่งเหล่านี้ ป่าผืนนี้ก็คงจะเป็นป่าสุดท้ายที่ไม่ได้ต่างจากป่าเล็กๆน้อยๆแบบนี้อีกหลายๆแห่งที่มีอยู่ตามละแวกบ้านชานเมือง

จะนานอีกเท่าไหร่ไม่รู้ สำหรับป่าเล็กๆผืนหนึ่งที่ยังอยู่ รู้แต่ว่าคนที่เป็นคนหนึ่งซึ่งได้มีโอกาสเฝ้ามองมันอย่างเพลิดเพลินใจนั้น ก็เป็นคนๆหนึ่งที่มาปลูกบ้านหลังใหม่อาศัยอยู่บนที่ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นทุ่งหญ้าป่าน้ำแห่งนี้เหมือนกัน.

Comment #1
จพนจ
Posted @February,14 2008 01.34 ip : 61...45

ระบบสมาชิกมีปัญหา(บ่อย)เข้าไปแก้ไขไม่ได้ เวบมาสเตอร์ช่วยดูด้วยยย

Comment #2
Posted @February,16 2008 22.19 ip : 61...243

ไม่แน่ใจว่าเป็นตรงที่การแก้ไขเอกสาร(หัวข้อ) หรือเปล่า ถ้าใช่ผมแก้ไขให้แล้วครับ

ลองดูอีกทีว่ายังมีปัญหาอีกหรือไม่?

Comment #3
Posted @February,17 2008 16.37 ip : 124...215

ได้แล้วครับ ขอบคุณครับผม..

ขออภัย ขณะนี้เว็บไซท์ของดการสร้างหัวข้อใหม่และการแสดงความคิดเห็นไว้ชั่วคราว
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ