เรื่องสั้น

สมาชิกในครอบครัว

by Pookun @November,04 2006 22.30 ( IP : 58...231 ) | Tags : เรื่องสั้น

ส้มแป้นเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ผมบังเอิญได้รู้จัก

เด็กหญิงอายุราวๆ 5 ขวบ ผมสั้น ผิวดำแดง ตาหรี่ปรือ มีแววขวยเขินที่พร้อมจะเปลี่ยนเป็นใคร่ครวญ และริมฝีปากจิ้มลิ้ม (รับกับพวงแก้มระเรื่อ) พร้อมจะหล่นคำพูดกระแทกใจคนฟังได้ง่ายๆ

ผมเจอเธอในวันที่แดดรวยระริน ซ่อนอายร้อนอันอุ่นอ้าวไว้บนฟ้ากว้างเธอนั่งอยู่ท่ามกลางเด็กผู้หญิงอีกนับสิบ ดูไม่กลมกลืนแต่ก็ไม่แปลกแยกไปจากคนอื่น ที่บอกว่าไม่กลมกลืนก็เพราะว่าเธอแยกตัวออกมานั่งอยู่กับเด็กหญิงร่างผอมสูง ท่าทางแปลกๆ ทั้งคู่สนุกอยู่กับการเติมแต่งจินตนาการของตัวลงบนแผ่นกระดาษ ขณะที่คนอื่นๆ ทยอยกันลุกไปทานมื้อเที่ยงในโรงอาหารของโรงเรียน

เด็กหญิงหยิบสีเทียนขึ้นแล้วบรรจงวาดรูปพ่อ แม่ พี่สาวกับตัวแก ผมชะโงกดูก็เห็นว่าตรงกึ่งกลางหน้ากระดาษมีบ้านหลังน้อยโดยที่มีสมาชิกของครอบครัวยืนอยู่ตรงมุมทั้ง 4 ของกระดาษ

ส้มแป้นวาดรูปหัวใจดวงสวยลงตรงมุมทั้ง 4 ดวงเข้าหากัน ราวจะสื่อถึงความรักของคนในครอบครัวที่เชื่อมโยงถึงกัน หัวใจมีสีแดงสดสวยงามมาก

แววตาจริงจังของเด็กหญิงทำให้ผมนึกอยากจะบันทึกภาพของเธอไว้ ผมคว้าดินสอมาจรดสายเส้นลากไล้ใบหน้าของเด็กหญิงลงบนแผ่นกระดาษอันเปล่าเปลือย

พอเดาได้ว่าผมกำลังวาดรูปของเธอ ส้มแป้นก็ยิ้มอายๆ เธอกระถดตัวเข้ามาหาผม เมียงๆ ขอดูภาพของเธอ

น้าวาดรูปหนูเหรอ เธอถามเบาๆ ไม่กล้าบอกว่าเหมือนหรือไม่เหมือน

เด็กนักเรียนคนอื่นๆ ทยอยเดินกลับมา บ้างวิ่งเล่น บ้างนั่งล้อมวงนั่งคุย-ตอนนั้นผมเบื่อๆ ก็เลยเดินออกมานั่งยืดเส้นยืดสาย แล้วก็อ่านหนังสือพิมพ์ที่พกติดตัวมา ใต้ร่มมะขามต้นเตี้ยลมพัดเย็นชื่น ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นส้มแป้มเดินหน้ามุ่ยเข้ามาหา

แกนั่งลงบนเก้าอี้โดยที่ไม่รอให้ผมเอ่ยชวนมือทั้งสองยืดขอบเก้าอี้ ยื่นปลายเท้าเขี่ยไปยังพื้นทราย
ไม่ไปเล่นกับเพื่อนๆ เหรอ ผมถามเธอ เด็กหญิงส่ายหน้า ดวงตาเหม่อลอย เหมือนคิดอะไรอยู่ในใจ

หิวมั้ย ผมถามอีก

ส้มแป้นส่ายหน้า

เด็กหญิงโยกตัวไปมานั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แกจึงพูดขึ้น ไม่อยากวาดรูปแล้วล่ะ

ส้มแป้นมองหน้าผม แม่ให้หนูอยู่เป็นเพื่อนพี่นุ่น จู่ๆ แกก็พูดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

พี่นุ่นคนที่ผอมๆ ใส่เสื้อสายๆ นั่นแหละ แกเป็นพี่สาวของหนู เป็นคนแปลกๆ  เธอพูดทิ้งท้ายไว้เหมือนจะให้ผมถามต่อ แววตาแปลกๆ ของเธอกับท่าทางที่เป็นผู้ใหญ่เกินตัว ทำให้ผมนึกสนใจ ขณะเดียวกันก็ร้อง- อ๋ออยู่ในใจ ที่แท้เด็กหญิงร่างผอมสูงที่นั่งถลึงตาเงียบๆ ไม่พูดกับใครคนนั้นเป็นพี่สาวของเธอ

แปลกยังไงล่ะ ผมถามต่อ

พี่หนูไม่พูด แกเป็นใบ้

ผมมองผ่านฉากอาคารเรียนที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนื้อที่หลายสิบไร่ของโรงเรียนชื่อดัง นึกถึงเด็กนักเรียนนับร้อยที่ยืนเข้าแถวหน้าเสาธงในยามเช้า นึกถึงแววตาใสบริสุทธิ์ของเด็กหญิงเด็กชายตัวน้อยๆ ที่เพิ่งจากอ้อมอกพ่อแม่มาเข้าสู่รั้วโรงเรียนอันเป็นโลกภายนอกอดนึกไม่ได้ว่าในท่ามกลางแววตาสดใสไร้มายาเหล่านั้น อาจมีดวงตาถมึงทึงแปลกๆ กำลังจดจ้องมา

ผมเงียบไปครู่หนึ่ง

น้าเชื่อไหมหนูงี้อยากรู้เหลือเกินว่าพี่นุ่นแกคิดอะไรอยู่ เวลาที่หนูเห็นพี่นุ่นนั่งอยู่คนเดียวหรือเวลาที่หนูตื่นขึ้นมาแล้วก็เห็นพี่นุ่นนอนลืมตาอยู่ข้างๆ

ผมนึกภาพตามคำพูดของส้มแป้น ในหน้าซูบเซียว ดวงตาถมึงทึงของเด็กหญิงชื่อนุ่นก็แวบผ่านเข้ามาอีก หนูงี้ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว มีอยู่คืนหนึ่งพี่นุ่นนอนไม่หลับ จู่ๆ แกก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วก็เอามือมาจับที่คอแล้วก็ทำหน้าอย่างนี้ นี่น้าคอยดูนะ ส้มแป้นทำหน้าเหมือนกำลังเจ็บปวดเสียเต็มประดา กว่าจะรู้ว่าเจ็บคอไม่สบายก็นั่งส่งภาษาใบ้กันตั้งนาน

ผมเงียบไปอีก นึกภาพว่าครอบครัวนี้ สื่อสาร กันอย่างไร นึกไม่ออกว่าจะชุลมุนวุ่นวายสักแค่ไหน

แล้วเวลาที่หนูอยู่บ้านกับพี่ หนูพูดกับพี่สาวยังไง ผมถามเหมือนไม่มีอะไรจะถาม

หนูก็พูดภาษาใบ้

เก่งจัง หนูพูดอะไรได้บ้างล่ะ สอนให้น้าพูดภาษาใบ้บ้างได้ไหม

น้าจะให้หนูสอนอะไรล่ะ

พูดคำว่า หนูรักแม่

นั่งดูเด็กหญิงวัย 5 ขวบสาธิตภาษาใบ้แล้วก็ลองทำตามไปทีละคำ เป็นคำพูดง่ายๆ เท่าที่ผมจะนึกได้อย่างเช่นคำว่า พ่อ แม่ หิวข้าว อะไรทำนองนั้น

พูดถึงแม่ น้ารู้ไหม แม่หนูเขาพูดถึงพี่นุ่นว่าไง เด็กหญิงหันมาถาม ผมส่ายหน้า แม่ว่าแม่เบื่อเต็มทีไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะสิ้นเวรสิ้นกรรมกันเสียที แม่ว่าพี่นุ่นไม่รู้เป็นอะไรถึงได้ไม่สบายบ่อยเดี๋ยวเป็นโน่นเป็นนี่เข้าออกๆ โรงพยาบาลหมดเงินไปเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้

ประโยคหลังๆ ผมแทบไม่ได้ยินแล้วใบหน้าซูบเซียว ดวงตาถมึงทึงของเด็กหญิงแวบผ่านเข้ามาอีก

เด็กๆ เริ่มออกมาวิ่งเล่นตรงสนามส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวไปหมด ผมหลับตานึกวาดภาพเด็กหญิงคนหนึ่งที่อยู่รายล้อมไปด้วยเพื่อนๆ แปลกหน้า แต่ตัวเองก็คนแปลกประหลาดไม่เข้าพวกกับใคร

นึกถึงแรงกดดันที่อยู่เบื้องหลังครอบครัวนี้

ในห้วงลึกของความครุ่นคำนึงยังมีภาพของเด็กหญิงส้มแป้นไม่เสื่อมคลาย.


ชาคริต โภชะเรือง

Comment #1
Posted @November,10 2006 00.00 ip : 210...93

การสื่อสาร .. มีความหมายมากจริง ๆ นะครับ

คนเราคงเข้าใจกันมากกว่านี้ เห็นอกเห็นใจกันมากกว่านี้ ขัดแย้งกันน้อยกว่านี้ ถ้ามีการสื่อสารที่ดี

ที่เป็นของคนไทย ไม่ใช่ถูกถือหุ้นโดยบริษัทข้ามชาติ .. ( อ้าว วกมาเรื่องนี้ได้ไงหว่า )

Comment #2
Posted @November,10 2006 21.19 ip : 124...65

ครับ มีเรื่องแปลกอยู่อย่างหนึ่ง ผมว่าคนที่อยู่ในแวดวงที่มีปัญหาในการสื่อสารกับคนอื่นมากที่สุด กลับเป็นคนในแวดวงสื่อสารด้วยกันนั่นแหละ (อ้าว)

รองลงมาก็เห็นจะเป็นนักเขียน (ฮา)

แสดงความคิดเห็น

« 1386
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ