เรื่องสั้น
[ ภารกิจ ]
...
นอกจากแสงไฟที่ส่องลอดออกมาจากกระท่อมกลางสวนยางแห่งนั้น ทุกอย่างดูเหมือนจะถูกห่อหุ้มใต้เงามืดรวมทั้งการเคลื่อนที่เข้าหาเป้าหมายของผมและลูกทีมปฏิบัติการพิเศษ การสื่อสารกันในทีมแทบจะไม่มีเพราะแม้แต่การส่งสัญญาณมือก็แทบจะมองไม่เห็น แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะแผนปฏิบัติการที่ถูกกำหนดไว้อย่างถี่ยิบทำให้แต่ละคนในทีมรู้หน้าที่ของตัวเอง การเคลื่อนที่เข้าหาเป้าหมายในเวลากลางคืนสิ่งเดียวที่ต้องคำนึงถึงคือการระมัดระวังไม่ให้เกิดเสียง การคืบคลานแต่ละเมตรของพวกผมจึงไม่ต่างอะไรกับการเลื้อยของงูที่ค่อย ๆ ตีโอบเข้าหาเหยื่อ รูปขบวนเข้าตีถูกจัดวางเป็นรูปตัว L กำหนดให้ทีม 1 ซึ่งนำทีมโดยหมวดเอกพลเข้าทางด้านหน้ากระท่อม ส่วนผมและลูกทีมอีก 3 คนเป็นทีม 2 ตีบีบจากด้านข้าง ด้วยเหตุผลในการป้องกันวิถีกระสุนที่อาจจะยิงเข้าใส่พวกเดียวกันเอง
[...จ่า...30 วินาที หลังทีมผมยิง จ่านำทีมจ่าเข้าชารจ์เลย ]
เสียงคำสั่งจากหมวดเอกพล ดังอยู่ในเอียร์โฟนที่เสียบอยู่ในหูผมและลูกทีม ไม่ต้องมีการสั่งการอะไรกันอีกนับจากนี้ ผมกระดิกนิ้วปลดเซฟปืน H&K MP5 ไปยังตำแหน่งออโตเมติก
"...ทราบ..." ผมตอบกลับไปทางวิทยุที่รัดสายไมค์ไว้ใต้ลำคอ ภารกิจกำลังจะเริ่มต้น
________________________________________________________________
[ ห้องวางแผนปฏิบัติการ ]
" แหล่งข่าวรายงานยืนยันว่า มันหนีมาหลบซ่อนอยู่ที่นี่ เมื่อ 19 : 00 น. คืนนี้มันต้องพักที่นี่ และเราจะเข้าชาร์จตอน 05 : 45 น. ภารกิจคือเข้าสังหาร และ ถอนตัวออกมาทันที เรื่องที่เหลือปล่อยให้ตำรวจเข้ามาจัดการต่อ มีคำถามมั้ย "
หมวดเอกพลบรรยายภารกิจอย่างสั้น ๆ พร้อมทั้งกวาดสายตามองลูกทีม เป้าหมายของเราเป็นแกนนำผู้ก่อการร้ายคนสำคัญที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว ก่อการร้ายในพื้นที่หลายครั้ง คำพิพากษาโทษตายโดยไม่ต้องมีการไต่สวนเช่นนี้ ต้องอาศัยการลงมือจากทีมปฏิบัติการพิเศษ เพื่อป้องกันการผิดพลาดและทีมเราถูกเลือกให้เข้ามาทำงานครั้งนี้
" กฏการปะทะครับ ? " ผมถามหมวดเอกพล ผู้หมวดหยุดยืนนิ่งหน้ากระดานไวท์บอร์ดที่ใช้วางแผนปฏิบัติการ สายตาของหมวดกวาดมองหน้าทุกคนที่อยู่ในห้อง
" Rad Code " แววตาที่นิ่งสนิท เยือกเย็น และแน่วแน่ของหมวดเอกพลบ่งบอกถึงความเด็ดขาด
" Rad Code " คือการเข้าชารจ์อย่างดุดัน ด้วยอาวุธประจำกายของแต่ละคนเพื่อสังหารเป้าหมาย ไม่มีการต่อรอง ไม่มีเสียงบอกให้วางอาวุธ แล้วออกมามอบตัว เจ้าหน้าที่ล้อมไว้หมดแล้ว มันคือการรุมสังหาร เป้าหมายเสียชีวิต นั่นคือการจบภารกิจ
" 03 : 30 น. เริ่มต้นการแทรกซึมเข้าสู่ที่หมาย แยกย้ายกันไปเตรียมตัวได้ "
หมวดเอกพลปิดการบรรยายสรุปภารกิจ พวกเราต่างแยกย้ายไปตรวจสอบอาวุธประจำกาย
และเตรียมตัวสำหรับภารกิจที่กำลังจะมาถึง
________________________________________________________________
เหงื่อเริ่มซึมออกมาจากมือ ระยะห่างถึงกระท่อมแค่ 20 เมตร ลูกทีมของผมขยายปีกวางตัวห่างออกไป เรากำลังรอการเปิดสัญญาณเข้าชารจ์จากทางฝั่งหมวดเอกพล ทันทีที่กำลังทางฝั่งหมวดเริ่มยิง ไอ้คนข้างในกระท่อมมันจะถอยมาทางฝั่งเราภายใน 20 วินาทีแรกของฉากการยิง
จากนั้นทางฝั่งหมวดจะหยุด..อีก 10 วินาที ทางฝั่งผมจะเข้าชารจ์ .......
_________________________________________
" ทำไมเราไม่รอจนกว่าพวกตำรวจมาแล้วเราค่อยถอนตัวล่ะครับ ? "
ผมถามหมวดเอกพล หลังจากที่พวกเราแยกกันไปเตรียมตัว ความจริงนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการออกปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งทางความคิดอย่างรุนแรงถึงขั้นมีการก่อการร้าย การตอบโต้แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ถูกนำมาใช้เพื่อยับยั้งไม่ให้กลุ่มที่เคลื่อนไหวก่อการร้ายในพื้นที่ก่อเหตุร้ายกับประชาชนผู้บริสุทธ์ งานข่าวถูกประเมินครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนที่จะมีการกำหนดแผนปฏิบัติการแต่ละครั้ง หลายหนที่ผู้ก่อการระดับแกนนำถูกสั่งให้ตาย ก่อนที่จะมีการพิจารณาถึงความผิดที่เขาได้กระทำโดยกระบวนการยุติธรรม แต่ถ้าเทียบกับความเสียหายที่จะเกิดตามมาหากปล่อยให้เวลายืดเยื้อ ทั้งประชาชนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ สภาพเศรฐกิจที่ต้องหยุดชะงักจากความไม่ไว้วางใจในการลงทุน และภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีโลก คนที่ออกคำสั่งชั่งน้ำหนักข้างไหนมากกว่ากันผมก็ไม่อาจทราบได้ แต่สำหรับภารกิจครั้งนี้มันออกจะดูแปลก ๆ ในความคิดของผมอยู่บ้าง เพราะทุกครั้งที่เราออกทำงานเราจะรอจนกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จะเข้ามาถึงที่เกิดเหตุ เพื่อทำการชันสูตรพลิกศพและเก็บหลักฐานต่าง ๆ ในที่เกิดเหตุอีกทั้งต้องมีการสรุปผลการปฏิบัติการให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
" มันเป็นคำสั่งนะจ่า จ่าเป็นทหาร ผมเป็นทหาร
ทุกครั้งที่เราออกปฏิบัติภารกิจ เราไม่มีข้อสงสัยไม่ใช่เรอะ? "
หมวดเอกพลตอบคำถามผม แถมยังย้อนถามกลับผมอีกแต่ครั้งนี้หมวดก้มหน้าก้มตาตรวจเช็คอาวุธในมือโดยไม่มองหน้าผม....
" ครับผม..ไม่มีข้อสงสัยครับ " ผมหันกายเดินออกมาหลังจากตอบหมวดเอกพล
และผมยิ่งรู้สึกว่าภารกิจครั้งนี้มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ ๆ
___________________________
ทันทีที่เสียงปืนจากทางหมวดเอกพลหยุดยิง เสียงดิ้นรนของคนภายในกระท่อมขยับมาอยู่ทางฝั่ง
ของพวกผมแล้ว....
" ชารจ์ " ผมร้องสั่งลูกทีม H&K MP5 ในมือสาดกระสุนเข้าไปยังฝากระท่อมในลักษณะยิงเฉียงจากล่างขึ้นบนวิถีกระสุนที่ทะลวงผ่านเข้าไปจากปืนทั้ง 4 กระบอก ฉีกฝาไม้ไผ่ขัดแตะกระจุยออกมา ในขณะที่ทีมผมวิ่งเข้าหา แว่วเสียงร้องออกมาจากกระท่อม ลูกทีมผมสาดกระสุนเข้าใส่ตำแหน่งของเสียงนั้น
พระเจ้าช่วย...เสียงร้องของผู้หญิง
ผมลดปืน H&K MP5 ในมือลงข้างตัว ควันลอยอ้อยอิ่งออกมาจากปากลำกล้องที่เพิ่งสาดกระสุนออกไปหมาด ๆ ฝูงหัวกระสุนที่พุ่งทะลุทะลวงฝากระท่อมเบื้องหน้า เปิดทางให้ผมและทีมชารจ์เข้ามายืนอยู่กลางภาพที่กระชากหัวใจผมออกมากองที่พื้น
ภาพที่ผมไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น....ตลอดชีวิตการเป็นหน่วยปฎิบัติการพิเศษ
ผู้ชายคนหนึ่งนอนทับอยู่บนผู้หญิงคนหนึ่ง และเด็กอีกคนหนึ่ง ในมือยังกำปืนอาร์ก้า เลือดยังทะลักออกมาจากรูกระสุนที่พรุนไปทั้ง 3 ร่าง เศษเนื้อที่ถูกฉีกจากคมกระสุน แววตาที่ตื่นตระหนก และหวาดกลัวบนหน้าหญิงสาวคนนั้น เหมือนมองมาที่ผม กลิ่นคาวเลือดปนกับกลิ่นควันที่ออกมาจากปากกระบอกปืนคละคลุ้งไปทั้งกระท่อม ...
" เคลียร์ " เสียงจากทีมหมวดเอกพลที่ตามเข้ามาหลังจากเสียงปืนยุติ
ผมเงยหน้า จ้องเข้าไปในตาของหมวดเอกพล
" ทำไมหมวดไม่บอกก่อน ว่ามีเด็ก กับผู้หญิงด้วย "
" มันเป็นภารกิจนะจ่า พวกเราแค่ทำภารกิจให้มันจบ ก้อเท่านั้น "
หมวดเอกพลตอบผม ในแววตาที่นิ่งสนิทนั้น ผมไม่รู้ว่า ผมกำลังมองผู้บังคับบัญชา หรือว่าฆาตกร
" เราทำภารกิจสำเร็จ เป้าหมายเสียชีวิต ถึงแม้จะมีคนตายเพิ่ม
แต่ถ้ามันไม่ใช่คนของผม ผมไม่แคร์หรอก " หมวดเอกพลพูดกับผมเป็นประโยคสุดท้าย ก่อนจะสั่งให้พวกเราถอนตัว
ผมนิ่งงันตลอดการเดินทางกลับหน่วย
ความหวาดกลัวและตื่นตระหนกในแววตาของผู้หญิงคนนั้น ยังเด่นชัดในห้วงคำนึง.....
การฟื้นฟู ศอบต. และ พตท.43 ที่กำลังกล่าวขานถึงว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จะเริ่มส่งผลเป็นรูปธรรมเมื่อไหร่ ผมไม่ทราบ ผมรู้เพียงอย่างเดียวว่าถ้าเราแก้ไขปัญหาความรุนแรงด้วยความรุนแรง วงเวียนของการตอบโต้ การล่าสังหาร การปิดล้อม การขับไล่ การวางระเบิด การลอบยิง และอะไรต่อมิอะไรที่มันกำลังยุ่งเหยิงอยู่ทุกวันนี้คงไม่มีวันจบสิ้น ความสมานฉันท์คงเป็นวลีที่ลอยไปลอยมาในอากาศอย่างไม่มีทางจับต้องได้ ตราบใดที่เราเอาหัวกระสุนให้เขา แทนที่จะยืนสองมือออกไปให้จับ
และผมก็เริ่มสงสัยในภารกิจของผม .. ว่ามันถูกต้องหรือไม่
.
.
.
.
.
...................... หมายเหตุผู้เขียน : เรื่องนี้เขียนไว้ตั้งแต่ประมาณปี 2546 ครับ พอดีเห็นว่าจะนำมาปรับใช้กับปัจจุบันได้ ก็เลยแก้รูปประโยคบางส่วน เนื้อหายังคงเดิมครับ