เรื่องสั้น
... เพื่อนตาย ...
[ ภาคที่ 1 ]
ถ้ามองด้วยสายตา สามัญสำนึก และความรู้สึกของคนธรรมดามันก็ยากที่จะแยกแยะความแตกต่างของสิ่งมีชีวิตทั้ง 2 สายพันธุ์ที่นอนเคียงข้างกันอยู่ข้างถนนคอนกรีตทางเข้าหมู่บ้าน ความขมุกขมอม กลิ่นสาบฉุน ๆ สีกระดำกระด่างที่เปรอะเลอะเทอะตามลำตัว
ตัวหนึ่ง มี 2 ขา อีกตัวหนึ่งมี 4 ขา นอนขดกายเบียดกันราวกับจะแบ่งปัน
ความอบอุ่นให้กันและกัน ...
ผมบิดคันเร่งมอเคอร์ไซค์ผ่านไป ก่อนจะเหลียวกลับมามองสองลมหายใจนั้นอีกครั้ง
ควันกรุ่นจากชามใส่ก๊วยเตี๋ยวไก่ ลอยเอื่อย ๆ พาเอากลิ่นหอมชวนกินมาแตะจมูก ผมตักพริกดอง เติมน้ำปลาอยู่ที่ท้ายรถปิ๊คอัพขายก๊วยเตี๋ยวไก่ที่ขับเข้ามาขายในหมู่บ้าน บ่าย ๆ วันเสาร์เช่นนี้ บางทีการต้องฝ่าเปลวแดดออกไปหาซื้ออะไรมาใส่ท้องให้มันตึง ๆ ดูจะเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย อะไรก็ได้ที่มาขายผ่านหน้าบ้านดูจะเข้าท่าไปซะหมด ขณะที่ผมกำลังจะถือชามก๊วยเตี๋ยวไก่เข้าบ้าน เสียงประสานจากเหล่าสุนัขหลายตัวในหมู่บ้านทำให้ผมต้องหันไปมอง
สุนัขผอมกระหร่อง ตัวกระดำกระด่างตัวหนึ่ง กำลังเห่าสู้กับเหล่าสุนัขอ้วนพีเจ้าของถิ่น ดูเหมือนมันพยายามปกป้องชายผอมโซ เสื้อผ้ามอมแมม ที่เดินถือถุงเก็บเศษของที่พอจะมีค่าจากถังขยะตามหน้าบ้าน ชายคนนั้นพยายามกวัดแกว่งไม้ไผ่ลำยาวราวเมตรครึ่งที่ใช้พยุงกาย เข้าหาบรรดาจ้าถิ่นสี่ขา พลางส่งเสียงไล่ที่แหบโหย ...
หนึ่งคน กับหนึ่งสุนัข ต่างพยายามปกป้องอีกฝ่ายหนึ่ง
...
ผมหันไปสั่งเส้นหมี่แห้งใส่ถุงอีกถุงหนึ่ง ...
...
สองชีวิตพากันฝ่าดงสุนัขหมู่ เดินเปิดดูตามถังขยะใบโน้น ใบนี้ กระป๋องเบียร์ เศษกระดาษลัง ลวดไม้แขวนเสื้อ และอะไรต่อมิอะไรที่ชายคนนั้นคิดว่ามีค่า ถูกลำเลียงออกมา ก่อนจะยัดใส่ถุงปุ๋ยเก่า ๆ ที่ถูกสะพายอยู่บ่นบ่าที่งอคุ้ม ผมเดินไปยื่นถุงใส่ก๊วยเตี๋ยวไก่ให้เขา
มือที่พนมขึ้นแทบจะท่วมหัว ก่อนที่จะยื่นมารับถุงก๊วยเตี๋ยวไก่ไปอย่างสั่นเทา
ไม่มีคำขอบคุณ ... ไม่แม้แต่เงยหน้ามาสบตากับผม แต่เขากลับหันไปมองเพื่อนสี่ขาของเขา หางที่ส่ายระรัว เสียงงี๊ด งี๊ด และอาการที่แถตัวเข้ามาเบียดขาของเขาบ่งบอกความดีใจเกินกว่าจะอดกลั้นเขาแกะหนังยางรัดปากถุงออก ก่อนจะหยิบชิ้นปีกบนของไก่ที่อยู่ในถุง ส่งให้เพื่อนของเขา
ผมเดินหันหลังกลับเข้าบ้านพร้อมทั้งชามก๊วยเตี๋ยวไก่ของผม
รถของมูลนิธิแห่งหนึ่ง เปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินสีแดงที่หลังคา ผู้คนยืนมุงดูอยู่ห่าง หน้าปากซอยที่แคบอยู่แล้ว ยิ่งแคบเข้าไปอีก จนผมต้องค่อย ๆ พารถมอเตอร์ไซค์เลาะหลบผู้คน ใต้ผ้าสีขาวผืนยาว ร่างหนึ่งนอนสงบแน่นิ่งอยู่ สัญลักษณ์แห่งการยุติการดิ้นรนต่อสู้
ผมคิดว่า .. มันเป็นการยอมจำนน หรือเป็นการหลุดพ้นกันแน่
เสียงงี๊ด งี๊ด จากสุนัขผอมโซ เนื้อตัวกระดำกระด่าง ที่เดินวนเวียนอยู่รอบร่างไร้ลมหายใจใต้ผ้าคลุมสีขาวไม่ยอมห่าง
แม้ยามสิ้นลมหายใจ เพื่อนสองสายพันธ์คู่นี้ ก็ไม่ทิ้งกัน
...
ผมบิดคันเร่งมอเคอร์ไซค์ผ่านไป ก่อนจะเหลียวกลับมามองหนึ่งลมหายใจที่ยังคงเหลือนั้นอีกครั้ง
_______________________________________
[ ภาคที่ 2 ]
เศษข้าวในถุงพลาสติกหูหิ้ว ที่ถูกดึงออกมาจากถังขยะถูกดันเข้าไปในปากอย่างรวดเร็ว ..
มันอิ่มความชื้น และซึมซับกลิ่นอบอวลภายในถังมาหลายชั่วโมงแล้วเพียงแค่บ่มเก็บภายใต้ฝาปิดของถังอีกสัก 2 ชั่วโมง มันคงบูด และส่งกลิ่นน่าคลื่นเหียน แต่ตอนนี้ .. มันยังกินได้
ผมกลืนลงคอไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบเศษกระดูกไก่ที่มีเอ็นเหลือติดอยู่บาง ๆ อ้าปากแล้วส่งมันเข้าไป ก่อนจะพยายามรีดเค้นเอารสชาติที่ยังคงหลงเหลือให้ซึมซาบลงไปตามคำข้าว ขวดพลาสติกใส่น้ำฝรั่งสด ยังมีบางส่วนเหลือติดก้นขวด ผมยกขึ้นจรดปากปล่อยให้หยดหวานอมเปรี้ยวซึมซาบไปตามลิ้น ขวดพรรค์นี้ขายได้ ผมจัดการยัดมันลงกระสอบป่านที่แบกมาด้วย ภายในมีเศษกระป๋องเบียร์ นิตยสาร ขวดพลาสติกใส่น้ำดื่ม สายไฟเก่า ๆ ..
ของเหล่านี้ มันเคยถูกใช้งาน มันอยู่ภายในบ้านที่อบอุ่น มีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้ม จนวันหนึ่งที่มันชำรุด พิกลพิการ มันถูกคำพิพากษา มันถูกทอดทิ้ง
มันไม่เหลือค่าอะไร
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ผมยังจำวันที่หมายศาล ประกาศยึดบ้านขายทอดตลาด มาแขวนที่หน้าบ้าน วันที่คำพิพากษาว่า ผมเป็นบุคคลล้มละลาย วันที่ค่าความเป็นคนของผมไม่หลงเหลือ เมียหอบลูกหนีหายไปหนใด ผมไม่ได้สนใจจะออกตาม ผมนั่งอยู่หน้าบ้าน วันแล้ววันเล่า มองคนแปลกหน้า เดินเข้าออก เอากุญแจมาเปิดประตูขนสมบัติที่เคยเป็นของผมออกไป
สิ่งเดียวที่ไม่เคยหนีหายไปจากผม คือสุนัขตัวเล็ก ๆ สีขะมุกขมอมที่วันนึงผมเคยเอาเศษอาหารที่เหลือกินมาเทให้ นับแต่นั้น มันไม่เคยไปไหนไกล มันวนเวียนอยู่หน้าบ้าน มันวนเวียนอยู่ข้าง ๆ ผม แม้ในตอนนี้
ตอนที่ผมไม่เหลือใคร ..
ผมเริ่มออกเดินทาง ไปไกลจากบ้าน ไกลจากคนรู้จัก บางทีผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ผมจะไปไหน ผมจะอยู่ยังไง
แต่ผมรู้ว่า ... มันจะตามผมไป
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ผมดึงเศษกล่องพิซซ่า ออกมา มันมีกลุ่มมดแดงตอมอยู่บ้าง เศษพิซซ่าเหลืออยู่อีกชิ้นหนึ่ง ผมดึงมันออกมาเคาะ ๆ เอามดแดงออกก่อนที่จะส่งให้เพื่อนสี่ขาของผม เขาเคี้ยว แล้วกลืนพิซซ่าชิ้นนั้นลงไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเงยหน้ามาสบตาผม
เศษอาหาร
กับเศษคน .. และเศษสุนัขอีกตัว
...
ผมคิดถึงก๊วยเตี๋ยวไก่ถุงนั้น ... ถุงที่ชายแปลกหน้ายื่นส่งให้
เส้นหมี่ซับน้ำจากเนื้อไก่ คลุดเคล้าซีอิ๊ว หอมกระเทียมเจียว
อุ่น ๆ ..
...
ผมอยากจะขอบคุณเขาจังเลย ....
_______________________________________
[ ภาคที่ 3 ]
นายนอนร่างสั่นระริก ...
ละอองฝนที่สาดเข้ามา ใต้ชายคาร้านทำผมหน้าปากซอย ทำให้ทั้งผมและทั้งนายเปียกชุ่ม แสงเหลืองซีดจากโคมไฟบนเสาไฟฟ้า ส่องใบหน้าที่ซีดขาวของนาย นายขดตัวเอาแขนทั้งสองซุกไว้ที่หว่างขา แผ่นหลังเบียดเข้ากับผนังคอนกรีต ลมหายใจของนายอ่อนแผ่ว รวยระริน ..
ผมเบียดตัวเข้ากับร่างของนาย ขนกระดำกระด่าง เหม็นฉุนของผมไม่ต่างอะไรกับนายที่นอนขดกายอย่างสั่นเทา ผมเพียงหวังให้นายอุ่นขึ้น ทั้ง ๆ ที่ผมก็หนาวแสนหนาวไม่ต่างกัน
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ผมเดินกระโพลก กระเพลกมาหลายวันแล้ว ความเจ็บปวดจากด้ามไม้กวาดที่กระหน่ำตีจากน้ำมือคนขายส้มตำ ด้วยความผิดโทษฐานที่มผมคาบปลาดุกย่างหอมฉุยบนแผงของเขาลงมากิน ตอนที่เขากำลังง่วนกับการทำต้มแซ่บเนื้อให้ลูกค้า
ผมพยายามบอกว่า ขอโทษครับ ผมไม่มากินของร้านพี่อีกแล้ว ด้วยอาการหางจุกตูด ปล่อยเศษเยี่ยวเรี่ยราด เสียงร้อง เอ๋ง .. เอ๋ง และการคลานหนีอย่างยอมจำนน
แต่มันก็ไม่ได้หยุดยั้งบทลงโทษจากคนขายส้มตำ ด้ามไม้กวาดยังคงฟาด .. ฟาด .. จนหนำใจ
ผมก้มลงเลียน้ำที่ขังอยู่ในร่องระบายน้ำหน้าบ้านใครสักคนหนึ่ง แว่วเสียงหัวเราะน้อย ๆ ของเด็กออกมาจากภายในบ้านที่มีแสงไฟส่องลอดรั้วออกมา ผมทรุดตัวลงนอนอย่างเหนื่อล้า ดวงจันทร์ทอแสงนวลใยอยู่บนฟากฟ้า แสงที่เยียบเย็น เหมือนจะปลอบประโลมความปวดร้าวและโดดเดี่ยว
ผมครางออกมาเบา ๆ ด้วยความเจ็บปวดจากภายใน
..
เสียงแกร๊ก เบา ๆ ของประตูรั้วหน้าบ้าน และแสงสว่างที่ส่องสาดออกมา พร้อมกับใบหน้าของคน ๆ หนึ่ง แววตาที่ดูสงบนิ่ง ทอดมองมายังผมอย่างเงียบเฉยก่อนจะถอยกลับเข้าไป พร้อมกับเสียงปิดประตู ผมยังคงนอนอยู่ตรงนั้น ด้วยความคิดว่า คนเมื่อสักครู่นี้คงจะไม่ว่าอะไรถ้าจะขอผมนอนพักตรงนี้สักคืน ถ้าเขาไม่พอใจ เขาคงทำท่าทางขับไล่ผมไปแล้ว
..
เสียงแกร๊ก เบา ๆ ดังมาอีกครั้ง ชามข้าวคลุกน้ำแกงต้มจืด มีหมูสับอยู่ 2 - 3 ชิ้น และชามใส่น้ำอีกใบหนึ่งถูกวางลงข้าง ๆ ตัวผม แววตาที่สงบนิ่ง แต่อ่อนโยนทอดมองมายังผมอีกครั้ง ก่อนจะหายกลับเข้าไปภายในบ้าน ผมชันกายขึ้น ก้มลงสูดดมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเมล็ดข้าว ก่อนจะอ้าปากส่งลำเลียงข้าวคลุกน้ำแกงชามนั้นลงกระเพาะ นับแต่วินาทีนั้น กลิ่นอายของชายเจ้าของแววตาสงบนิ่ง ติดตรึงเข้าไปในห้วงสำนึกของผม
และผมเรียกเขาว่า " นาย "
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
วันเวลาผ่านไป ชามข้าวใบนั้นยังคงมีเศษอาหารจากภายในบ้านนายออกมาเป็นระยะ ๆ มันไม่ได้มีมาทุกวันหรอก บางทีก็สองวันมาที แต่กับการยังลมหายใจให้ยืดยาวต่อไป แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว หลายครั้งที่เสียงหัวเราะของเด็กน้อยที่เคยดังแว่ว ๆ ออกมา กลับกลายเป็นเสียงของการทะเลาะทุ่มเถียงเสียงขว้างปาสิ่งของ .. และเสียงแผดร้องจ้าด้วยความตกใจของเด็กน้อย นายจะเปิดประตูออกมานั่งยอง ๆ หน้าบ้าน อัดควันสีเทา ๆ จากบุหรี่ในมือเข้าปอดอย่างต่อเนื่อง
ผมจะเดินวนเวียนมานั่งข้าง ๆ นาย ผมเห็นแววตาที่เคยสงบนิ่งแฝงความวิตกกังวลอย่างเด่นชัด
บางที .. นายก็เอามือลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา ตอนที่หยดน้ำเล็ก ๆ ไหลลงอาบแก้ม
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
สายวันนั้น นายไม่อยู่บ้าน ผู้หญิงที่อยู่กับนายภายในบ้าน ขนกระเป๋าออกมา 2 ใบกับตะกร้าใส่ของกระจุกระจิกของเด็กอีก 1 ใบ แขนข้างหนึ่งอุ้มเด็กน้อย อีกข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ไว้แนบหู เหมือนจะพูดคุยอยู่กับใครก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นรถแท็กซี่ที่เลี้ยวมารับที่หน้าบ้าน ตกตอนบ่าย มีรถปิ๊คอัพสีน้ำเงิน ขับมาจอดที่หน้าบ้าน คนในรถชะโงกหน้ามามองในบ้าน แหงนหน้ามองเลขที่บ้าน ก่อนจะแขวนกระดาษปึกใหญ่ไว้ที่ประตูรั้ว แล้วขับรถจากไป
..
นายกลับมาเกือบค่ำ ดูท่าทางอ่อนแรง นายพลิกดูกระดาษปึกนั้นลวก ๆ อย่างไม่ค่อยสนใจก่อนจะเดินหายเข้าไปในบ้านชั่วครู่หนึ่ง นายวิ่งกระหืดกระหอบออกมาที่หน้าบ้าน เหลียวซ้ายแลขวาเหมือนจะหาอะไรสักอย่าง
" ลูกพ่อ .... ลูกพ่อ ... " นายตะโกนซ้ำไปซ้ำมา ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งสะอึกสะอื้นที่หน้าบ้าน
ผมเดินไปนั่งข้าง ๆ นาย นายยังเปล่งเสียงร่ำไห้ปานจะขาดใจ
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ผู้คนแปลกหน้าพากันเข้าออกในบ้านนาย พวกเขาขนข้าวของของนายออกไปขึ้นรถ นายยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่หน้าบ้าน หน้าตาดูเศร้าหมอง นายไม่พูดกับใคร นายไม่ไปไหน ดูเหมือนนายจะตัดขาดกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว แววตานายที่เคยสงบนิ่ง แลดูเลื่อนลอย
..
พระจันทร์เสี้ยว แขวนตัวอย่างว้าเหว่กลางอากาศ นายยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น ผมเดินเข้าไปหานาย ในปากคาบถุงพลาสติกที่มีน้ำพะโล้ และไข่อยู่ครึ่งใบวางลงข้างตัวนาย
นายยังคงนั่งนิ่ง ..
ผมเอาหัวไปเกยที่ตักนาย พยายามจะมุดเข้าไปใต้แขนของนาย
ผมอยากให้นายลูบหัวผม เพื่อบอกให้ผมรู้ว่า นายยังรับรู้ถึงการคงอยู่ของผม ให้นายรู้ว่าผมจะอยู่เคียงข้างนายเสมอ ผ่านไปอีกเนิ่นนาน หยดน้ำตาอุ่น ๆ ไหลลงกระทบจมูกของผม นายค่อย ๆ หยิบถุงน้ำพะโล้ และไข่ต้มที่ยังหลงเหลือ เทเข้าปาก
นายไม่พูดอะไร .. และผมไม่เคยเห็นนายพูดอะไรอีกเลย
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ร่างของนายยิ่งสั่นระริก
นายคงหนาว นายโดนฝนเปียกปอนมาหลายวัน หาอาศัยหลบตามข้างร้านค้า นายพาผมไปคุ้ยถังขยะ เก็บของเหลือใช้ที่เขาทิ้งแล้ว ของบางอย่างที่อาจจะพอมีค่าพอที่จะไปแลกข้าวมากินกับมผมสักมื้อเมื่อตอนบ่าย มีผู้ชายคนหนึ่ง ซื้อก๊วยเตี๋ยวไก่ให้นาย ผมเห็นนายพนมมือไหว้เขาก่อนจะหันกลับมา นายไม่พูดอะไรสักคำ ทั้งที่จริง นายอาจจะอยากขอบคุณเขา แต่นายเลิกพูดจากับคนมานานแล้ว นายแกะถุงเส้นหมี่แห้ง ก่อนจะหยิบชิ้นปีกบนของไก่ ส่งให้ผมกิน
กลิ่นหอม ๆ เนื้อไก่นุ่ม ๆ อุ่น ๆ ..
นายส่งชิ้นเนื้อไก่ในถุงให้ผมกินจนหมด ก่อนจะเอาสองมือดันเส้นหมี่แห้งออกจากถุงเข้าปาก แววตาที่นายมองดูผม ช่างดูสงบนิ่งเหมือนที่ผมเคยเห็น ...
_______________________________________
[ ภาคส่งท้าย ]
รถปิคอัพของมูลนิธิ จอดอยู่หน้าร้านทำผมหน้าปากซอย ร่างไร้ลมหายใจนอนสงบนิ่งอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีขาว เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย กำลังสอบปากคำเจ้าของร้าน ไม่มีใครรู้จักผู้ตาย ไม่รู้ว่าเขามาจากไหน ยังไง มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักหนากับคนจรจัดที่เป็นหวัดจนปอดบวมตายคนหนึ่ง คนที่ไม่มีเรื่องราวให้สืบค้น ไม่มีหลักฐานเอกสารใด ๆ ติดตัวสักชิ้นเดียวนอกจากถุงปุ๋ยเก่า ๆ ที่มีเศษกระป๋องเบียร์นิตยสาร ขวดพลาสติกใส่น้ำดื่ม สายไฟเก่า ๆ ..
สุนัขขาเป๋ตัวนั้นยังคงนั่งอยู่ข้างศพชายนิรนาม มันไม่ยอมไปไหน ตราบจนเขาช่วยกันยกร่างของชายคนนั้นขึ้นบนท้ายรถ มันก็เริ่มออกอาการลุกรี้ลุกรน มันวิ่งวนไปรอบรถของมูลนิธิคันนั้นพลางส่งเสียงเห่าอย่างแหบโหย ตราบจนรถถูกสตาร์ทเครื่องและขับออกไป
มันยังโขยกเขยกวิ่งตามอย่างสุดชีวิต และเค้นเสียงร้องออกมาอย่างโหยหวน
...
ค่ำวันนั้น ถ้าใครผ่านหน้าปากซอยณัฑนันท์ 3 ทางเข้าหมู่บ้านศิริสุข ราว ๆ สัก 3 ทุ่ม ตอนที่ฝนโปรยปราย คุณจะเห็นสุนัขขาเป๋ตัวหนึ่ง นั่งอยู่ใต้เงาชายคาของร้านทำผมหน้าปากซอย อย่างเดียวดาย
เหมือนรอคอยการกลับมาของใครสักคน ...
.