เรื่องสั้น

แม่ครับ...ตีผมสิ

by kodeya @November,12 2006 10.28 ( IP : 61...175 ) | Tags : เรื่องสั้น

รัตนชัย มานะบุตร


ตอนเย็นผมกลับมาจากโรงเรียน มองหาไก่ชนของผมไม่เจอ ปกติเมื่อกลับถึงประตูรั้วไก่เห็นเครื่องแบบนักเรียนก็จะกรูเข้าหา รู้ว่ามันต้องได้กินข้าวเปลือกก่อน ก่อนผมเข้าบ้านผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในบ้าน แต่วันนี้กลับไม่มีพวกมัน มีแต่ไอ้โต้งคู่กับไก่สาวและแม่ไก่ลูกอ่อนอีกครอกเท่านั้น ไอ้ตัวเขื่อง ๆ ทั้งหลายหายหน้าไปสิ้น ผมถามพี่สาวไก่หายไปไหนหมด

แม่ออกมา "ไม่ต้องหาหรอก แม่ขายอาแป๊ะไปหมดแล้ว"

"รวมทั้งไก่ชนของผมด้วยหรือ?"

"อาแป๊ะเค้าจับเอง แม่ไม่รู้หรอกตัวไหนไก่ชน"

"มันมีไก่ชนของผมด้วย...แม่ขายทำไม?"

"ก็แม่ไม่รู้นี่ว่ามันเป็นไก่ชน"

"ทำไมแม่จะไม่รู้..."

"แม่ไม่รู้จริง ๆ"

"อาแป๊ะที่ไหน แม่ต้องตามไปเอากลับคืนมา"

แม่ส่ายหน้า "เขาไม่ใช่คนที่นี่...ไม่ใช่คนบ้านเราแล้วจะให้แม่ไปตามเอาคืนที่ไหน?"

ผมโยนกระเป๋าหนังสือ กระแทกก้นลงพื้นดินตรงหน้าแม่ ด้วยความเสียใจผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย "อย่าเสียใจไปเลยพรุ่งนี้แม่ค่อยซื้อตัวใหม่ให้แทนก็แล้วกัน"

"มันแทนกันไม่ได้หรอก...มันไม่เหมือนกัน"

แม่เดินเลี่ยงไปโดยไม่ยอมคุยอะไรอีก
ไก่ชนตัวนี้ลุงเผียนเป็นคนให้ผมเลือกเอาเอง เพราะแกเห็นว่าผมให้ข้าวน้ำและนั่งนับเกล็ดพวกมันเกือบทุกวัน ผมรู้จักและสนิทสนมไก่ครอกนี้ทุกตัวตั้งแต่พวกมันออกจากไข่กระทั่งโตรู้ว่าตัวไหนตัวผู้ตัวเมีย พอๆ กับรู้จักลุงเผียน แกเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงห่างกันข้ามสวนยางแค่สวนเดียว ต่างก็แต่แกเป็นคนพุทธเท่านั้น เราเด็ก ๆ ชอบไปดูไก่ชนที่บ้านแก เราท่องตำราที่แกบอก "อกชัน หวั้นชิด หงอนบิด ปากร่อง พัดเจ็ด ปีกสิบเอ็ด เกล็ดสิบสอง" ถ้าดูด้วยสายตาก็ให้ดูตัวที่มี "รูปร่างเพรียว คอยาว ขายาว แข้งใหญ่" ...การได้ดูได้เห็นไก่ชนลุงเผียนทุกวันจนเกิดความรู้สึกหลงใหล รักใคร่และอยากได้มาเลี้ยง

"เอ็งอยากได้มันไหมล่ะ?"

"อยากได้สิครับ"

"ครอกนี้แหละลูก" ไอ้เหลืองหางขาว "ลุงให้เอ็งเลือกเอาไปสักตัว...เห็นว่าเอ็งชอบ"

ผมจึงเลือกตัวที่มีเกล็ดสิบสองตรงตามตำรา พอนำกลับมาบ้านกลับนับเกล็ดได้แค่สิบเอ็ดหายไปหนึ่งเกล็ด ผมก็คิดว่าคงจับมาผิดตัว แต่เมื่อนับอีกวันกลับนับได้สิบสอง หลังจากนั้นผมไม่นับมันอีกเลย...กลัวว่ามันเล่นภาพลวงตากับผมอีก

ผมปล่อยให้หากินรวมกับไก่ของแม่ที่บ้าน ตัวสูงโย่งกว่าพันธุ์ไก่บ้าน  ตัวที่โตเท่า ๆ กันไม่มีตัวใดกล้าไล่จิก"ทำท่าจะเป็นจ่าฝูงฉิบ!

"ไม่ต้องหาหรอก แม่ขายอาแป๊ะหมดแล้ว"

คำพูดของแม่ก้องอยู่ในหูบาดความรู้สึกในใจ ผมร้องไห้เสียงดังขึ้นอีกเป็นสองเท่าจนพ่อเข้ามา

"มันถูกขายไปแล้วกับคนไม่รู้จัก หยุดเศร้าเสียใจเถอะ ร้องไห้หมดน้ำตาก็ไม่ได้มันคืนอีกแล้ว ทำใจแล้วค่อยหาใหม่"

พ่อพูดแค่นั้นแล้วก็จากไป  พี่สาวก็เข้ามาพูดทำนองเดียวกับพ่อแล้วก็จากไป...ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึก ไม่มีใครรู้ว่าผมรักไก่ตัวนี้มากแค่ไหน...ไม่มีใครทนฟังเสียงแหกปากร้อง  ช่างน่ารำคาญ  ผมร้องไห้เสียจนเสียงแหบ..เหนื่อย ไม่มีใครสนใจที่จะเข้ามาพูดปลอบประโลมเหมือนตอนแรกอีกแล้ว  จนกระทั่งได้เวลาไปอ่านหนังสือ  "อัล-กุรอ่าน" ที่บ้าน "โต๊ะชายอี" การอ่านหนังสือเป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะถ้าขาดเรียนคืนไหน วันถัดมาโต๊ะชายอีจะตามมาถึงบ้านแกต้องรู้ให้ได้ว่าป่วยจริงหรือป่วยการเมือง หากป่วยการเมืองก็จะสร้างความยุ่งยากเกิดขึ้นภายในบ้าน แม่ต้องโดนตำหนิที่ปล่อยให้ลูกประพฤติตัวเหลวไหล สุดท้ายมาลงที่ตัวผมเอง พ่อด่า แม่ก็ดุซ้ำ ผมลืมเรื่องไก่ไปชั่วขณะ  เข้าไปบ้านผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเครื่องแบบนักเรียนออก  เป็นนุ่งผ้าถุงสวมหมวกขาวเป็นเครื่องแบบนักเรียนมุสลิมแล้วก็ออกจากบ้านไปเงียบ ๆ  เดินไปได้ครึ่งทางก็คิดถึงไอ้เหลืองหางขาวขึ้นมาอีก...ป่านนี้มันคงตายไปแล้ว ความรู้สึกเสียใจกลับมาเหมือนเดิมอีก

"ขายไก่ชนผมไปทำไม?"

"แม่ไม่รู้?"
ช่างเป็นคำพูดที่บาดใจอะไรเช่นนี้ แม่น่าจะรู้ว่าผมรักมันมากแค่ไหน กลับมาบ้านตอนเย็นเอาข้าวเอาน้ำให้กินจนอิ่ม  นวดแข้งนวดขาให้มันแข็งแรง อีกไม่นานผมก็จะนำไปฝึกตีกับไก่ลุงเผียนแล้ว พบแกแกก็ถามว่าไก่ที่ให้เอ็งไปโตแค่ไหนแล้ว...อกชัน หวั้นชิด หงอนบิด ปากร่อง พัดเจ็ด ปีกสิบเอ็ด เกล็ดสิบสอง  แข้งขา เกล็ด เส้นขน จะงอยปาก  ตาที่แหลมคม ไม่นานขนสร้อยรอบคอ ลำตัวเขียวอมเหลือง สร้อยหางสีขาวงอนสองเส้น ทุกสรีระยังติดตา โอ้..นี่ผมต้องมาเสียมันไปโดยไม่มีวันได้คืนอีกเลยล่ะหรือ ทำไมต้องมาจากผมไป  แม่ไม่เข้าใจผมเลย ผมไม่ได้หวังจะเป็นนักพนันไก่หรอก แต่ความรักที่มีต่อมันต่างหาก ความรักนั่นต่างหากที่นำพาให้ผมต้องเสียใจกับการจากไปของมัน

ไม่น่าเลย!!! เท้าย่ำเดินท่ามกลางจิตใจที่ปั่นป่วน ไปเรียนหนังสือทำไม  สู้เกเรไม่ดีกว่าหรือ แม่จะได้รู้เสียบ้างว่าการกระทำที่ผิดพลาดของแม่เกิดผลเสียหายตามมามากมาย เมื่อคิดได้ดังนี้จึงเดินอ้อมไปแอบซุ่มอยู่ใต้โคนต้นยาง...นาน แสงสว่างค่อย ๆ จางจาก ความมืดเข้ามาแทนที่ คืนนี้ผมน่าไปพักบ้านน้าชาย หรือบ้านใครสักคน แต่หาเหตุผลอ้างไม่ได้ว่าทำไมมานอนที่นั่นทั้ง ๆ ไม่เคยนอนค้างบ้านใคร หรืออ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ หรือไม่ก็โกหกให้รู้แล้วรู้รอด หรือบอกความจริงไปว่าแม่ทำผิดพลาดที่ให้อภัยไม่ได้...คืนนี้หากผมไปนอนค้างบ้านคนอื่นแน่นอนแม่ต้องตามหา รับรองต้องวุ่นวายทั้งหมู่บ้าน ไม่ดีเลยเพราะเรื่องยุ่งยากก็จะตามมาอีกมากมาย

ไม่มีทางอื่นนอกจากกลับไปนอนบ้านทำทีว่าเรากลับมาจากเรียนหนังสือที่บ้านโต๊ะชายอี! เหมือนเช่นทุก ๆ คืน ทำตัวเป็นปกติไม่ให้ผิดสังเกต

ผมตัดสินใจเดินกลับบ้านไปแอบอยู่หลังเล้าไก่

ปกติตอนนี้ที่บ้านโต๊ะชายอีนั้นเพื่อน ๆ กำลังฝึกฝนการอ่าน รอเวลาชายอีเรียกเข้าไปนั่งอ่านต่อหน้าทีละคน ทีละคน ๆ  ไอ้เชน ไอ้ซอด ไอ้เตะ ไอ้เลาะ ไอ้ฉาด ไอ้หนีบ หากคืนนี้มีผมด้วย ผมจะเป็นคนสุดท้ายที่ถูกเรียกไปนั่งอ่านต่อหน้า...ผมยกหนังสืออัล-กุรอ่านขึ้นมาจูบ ขอพรให้แก่ตัวเองว่าคืนนี้ผมต้องอ่านออกเสียงถูกต้องหมดทุกตัวอักษร  นั่งขัดตะหมาดเรียบร้อย สายตาจดจ่ออยู่ที่ไม้ชี้ขนแม่นตรงตัวหนังสือ โต๊ะชายอีนั่งพิงฝาอยู่เบื้องหน้า พร้อมแล้วสำหรับการเริ่มต้นด้วยประโยคที่ว่า "อา-อู-ซุ-บิล-ลาฮ์ฯ" ตามมาด้วยประโยค "บิสมิลลาฮ..."

จบประโยค 'อบิสมิลลาฮ...' ได้ยินเสียงขันของนกกรงแม่พะ ดังขึ้น ด้านหลัง

'ตุไป้ไห้นลอ'

เสียงร้องนั้นดังใกล้เข้ามา ๆ

มันเป็นนกตัวเดียวที่มีเสียงขันเลียนเสียงหลาน ๆ ที่ถามโต๊ะชายอี "โต๊ะไปไหน" ปกติแขวนตรงหน้าบันไดขึ้นบ้านโต๊ะชายอี แต่คืนนี้เสียงนั้นก้องกังวานมาถึงที่นี่?

"มานั่งอยู่ที่นี่ทำไม...ทำไมไม่ไปอ่านหนังสือ"

ผมหนาววาบเหลียวหลังไปยังต้นเสียง ใช่ แสงสว่างจากฟ้าเห็นเงาของใครคนหนึ่งซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโต๊ะชายอี เงาทะมึนถือไม้เรียวหวายส่ายไปมา ผมลุกขึ้นยืน หันหน้าไปหาแก  เสียงของแกมีอำนาจมาก  "มานี่ มานี่ เข้ามาใกล้ ๆ นี่"

ผมเดินเข้าไปหาอย่างว่าง่ายและยืนกอดอกหันก้นให้ ไม้เรียวหวายแหวกอากาศหวดตรงที่ก้นดังขวับ! หนึ่งครั้ง "ทีหลังอย่างทำเช่นนี้...กลับบ้านไป"

ผมนุ่งผ้าโสร่งผืนบาง ๆ ไม่ได้รองอะไร ทำให้ก้นปวดแสบปวดร้อน ผมนึกถึงครั้งหนึ่งในโรงเรียนไทยที่ครูหวดก้นเพื่อนคนหนึ่งด้วยไม้เรียวเช่นกัน แต่ครั้งนั้นเพื่อนแอบรองแผ่นกระดาษหนา ๆ ไว้ที่ก้น แต่ผมไม่ได้รองอะไรเลยจึงรู้สึกปวดแสบตามแนวไม้เรียว ลุกลามทั้งก้น  เงาดำ ๆ ของแกเดินหายไปตามทางมืด ๆ ผมคิดว่าคืนนี้โต๊ะชายอีคงไม่สอนอัล-กุรอ่าน ไม่เช่นนั้นป่านนี้แกไม่มาเดินอยู่เช่นนี้ หรือแกไม่เห็นผมไปอ่านอัล-กุรอ่านเลยตามมาหาที่บ้าน แม่คงบอกว่าผมไปอ่านหนังสือแล้ว หลังจากนั้นแกก็มาตามหาจนเจอ ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าแกรู้ได้อย่างไรว่าผมนั่งแอบซุ่มอยู่ที่นี่ในเมื่อไม่มีใครเห็น...

ผมกลับเข้าบ้านเดินก้มหน้าก้มตาด้วยความเคอะเขิน แต่แม่ก็ถามว่า "อ่านหนังสือเสร็จแล้วหรือ ทำไมคืนนี้เลิกเร็วล่ะ"

ผมไม่ตอบคำถามแม่แต่นึกถึงไก่ชนของผม  แล้วก็ย้อนคำถามเดิม "แม่ขายไก่ชนผมไปทำไม?"

ผมรู้ว่าคำตอบแม่คือ แม่ไม่รู้...

แม่ไม่ตอบแต่ก้มหน้าแล้วเดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า แม่ยื่นไม้เรียวหวายมาให้ แล้วแม่กอดอกหันก้นให้ "แม่ทำผิดไปแล้ว ลูกตีแม่เถอะ"

น้ำตาผมไหลนองเหมือนตาน้ำผุด ผมรับไม้เรียวจากแม่มาแล้วยื่นกลับให้แม่ตามเดิม  "แม่ไม่เคยผิด ผมผิดเอง...ตีผมสิแม่"

.........................................................

Comment #1
Posted @November,12 2006 17.27 ip : 210...241

สวมวิญญาณวัยสะรุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม ...

( เขียนลึกขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าตัวเองอายุ 14 ... )

Comment #2
Posted @November,12 2006 17.34 ip : 61...134

ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ครับ หวังว่าคงมีเรื่องมาให้อ่านกันเรื่อยๆนะครับ

Comment #3
สายฟ้า
Posted @October,18 2009 19.32 ip : 110...112

สวัสดีครับ

วันนั้นวันศุกร์ผมจำได้ดี.....ปกติแล้วโรงเรียนเลิก4โมงเย็น  ผมจะกลับถึงบ้าน4โมงครึ่ง ทุกวัน...เพราะแม่เป็นคนสอนผมให้เป็นคนตรงต่อเวลา....ถ้าจะไปไหนต่อก็ว่ากันอีกที่...แต่วันนั้นเพื่อนชวนผมไปเล่นเกม...เพื่อนบอกว่ามีเกมใหม่มาสนุกมาก...ตอนแรกผมว่าจะไม่ไป...เพราะจะกลับไปเล่นเกมที่บ้าน(ที่บ้านก็มีเกมออนไลน์เหมือนกันครับ)...แต่ก็ทนกับคำพูดยั่วยวนเพื่อนไม่ไหวเลยไปกับเพื่อน.....ตอนแรกว่าจะนั้งเล่นแค่แปบเดี๋ยว...เพราะเดี๋ยวกลับบ้านช้า...แต่ก็นะ...นั้งเล่นไปเล่นมาดูนาฬิกากี่ที่...2ทุ่ม..ตายแน่เรา.....ผมรีบจ่ายเงินแล้วกลับบ้านทันที่..... ....ตลอดทางที่ผมกลับบ้านผมนึกตลอดว่าจะบอกกับแม่ยังไง... ....ผมติวหนังสือกับเพื่อน..หรือว่าไปทำงานส่งอาจารย์กับเพื่อน..หรือว่าโรงเรียนให้ผมอยู่ช่วยงานที่โรงเรียน....นึกไปเยอะแยะ... ....ผมมาถึงบ้านประมาณ2ทุ่มครึ่ง.... .....แม่นั้งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน....ดูแม่ใจเย็นมาก...ส่วนปู่ย่านั้งดูทีวีอยู่ในบ้าน...พ่อยังไม่กลับ(ปกติพ่อจะกลับมาถึงบ้านประมาณ3ทุ่ม) ...ผมเดินเข้าไปหาแม่แบบทุกครั้งที่กลับจากโรงเรียน.."แม่วัดดีครับ" ..."ไปรอแม่ในห้อง"... ...แม่พูดแค่นั้นแล้วผมก็เดินเข้าไปในบ้านวัดดีปู่ย่าแล้วก็เดินเข้าห้องไป... ...ประมาณ2นาทีแม่ก็เดินตามเข้ามาพร้อมกับไม้เรียว1อัน... ...ผมนั้งอยู่ที่เตียงแม่เดินมานั้งข้างๆๆ...ทำผมใจสั่นไปหมดแล้ว... ..."ไปไหนมา....แม่ขอควานจริงนะ...ทุกคำที่เราพูดมาแม่จะถือว่าเป็นความจริงทุกคำ...แล้วถ้าแม่รู้ว่าเราพูดโกหกเมื่อรัย...เราจะโดนนักกว่าวันนี้สองเท่า...ไปไหนมา..." ...แม่พูดแบบนี้...ทำเอาสิ่งที่ผมนึกทางตลอดทางกลับต้องลบออกไปจากสมอง... ..."แม่ครับผม...ผม"...แม่จ้องน่าทำผมพูดไม่ออกเลย ...ผมนึกในใจวันนี้โดนตีแน่...เอาไงดีวะเรา????...แล้วก็ตัดสินใจพูดออกไป... ..."ผมไปเล่นเกมมาครับ" ..."ตั้งแต่4โมงเย็นถึง2ทุ่งครึ่ง"...แม่พูด ..."ครับ"...ผมตอบ ...."แล้วเกมที่บ้านก็มีทำไมไม่เล่น...พ่อหามาให้เล่นเพื่อที่จะไม่ให้เราออกไปเล่นที่ร้านเกม...ไม่ต้องไปจ่ายค่าเน็ต...แล้วทำไมต้องไปเสียเงินอีก"...แม่พูด ..."ผมขอโทษครับแม่" ..."แล้วกลับเอาเวลาป่านี้...รู้ไหมว่าทุกคนเขาเป็นห่วง...ไม่รู้ว่าเราไปอะไรอยู่ที่ไหน...ถ้าเกิดลูกแม่อะไรขึ้นมาจะทำงัย...โทรศัพท์ก็ไม่โทรมาบอกว่าอยู่ที่ไหน..."...แม่พูด ..."ผมขอโทษครับแม่"... ..."คิดว่าเราโดนตีวันนี้เพราะเหตุผลอะไรบาง...ตอบแม่"..แม่พูด ..."ผม....ผมไปเล่นเกมข้างนอก...ผมกลับบ้านผิดเวลาครับ"...ผมตอบแม่ ..."อีกอย่างไปไหนไม่โทรบอก...ที่หลังโทรบอกด้วยว่าไปอะไรอยู่ที่ไหนแม่จะได้ไปตามถูก...ไม่ว่าเรื่องที่ลูกไปจะถูกหรือผิด...เข้าใจไม"...แม่พูด ..."ครับ...ผมเข้าใจแล้ว"...ผมตอบ ..."ถ้าเข้าใจแล้วก็ลุกขึ้น...หันหน้าเข้าหาเตียง...ก้มเอามือจับเตียง"...แม่พูด ...แม่พูดจบผมก็ทำตามแต่โดยดี..เพราะรู้ว่าผมผิดเต็มๆ..แม่เอาเสื่อนักเรียนที่ปิดก้นอยู่ออกแล้วแม่ก็ตีผมอย่าร้ายลงบนก้นผม....เจ็บสุดๆๆ...การก้มทำให้กางเกงมันตึงมาก...เลยโดนเนื้อเต็มๆ...ที่แรกที่ผมโดน...ผมร้องสะเสียงดังมากแล้วเอามือมาจับก้น... ..."ถ้าทีที่สองยังร้องเสียงดังและยังเอามือมาบังอีกจะให้ถอดกางเกง"...แม่พูด ...นี่ขนาดไม่ถอดกางเกงยังเจ็บขนาดนี้แล้วถ้าถอดละจะขนาดไหน...ผมก็เลยต้องก้มรับไม้เรียวไปโดยที่ไม่ร้อง...แต่สะอื้นครับ...แม่ตีผม10ทีครับ...10ทีนี้จะจำไปจนวันตายเลย.... ..."คราวหลังจะทำอะไรก็ให้คิดว่าถูกหรือผิด...แล้วถ้าผิดก็ให้นึงถึงความเจ็วในครั้งนี้"...แม่พูด ..."ครับ"ผมตอบด้วยเสีบงสอื้น... ..."อ่านน้ำ...แล้วออกไปกินข้าวพร้อมพ่อเลยนะ"...แม่พูด ..."ครับ"... ...ก่อนแม่จะเดินออกจากห้องแม่ก็พูดขึ้นมาอีกว่า ..."จะโกรธแม่ก็ได้จะแม่ไม่ว่าอะไร...แต่ก่อนจะโกรธคิดก่อนว่า...โกรธแม่เพราะแม่ตีที่ทำผิด...หรือโกรธตัวเองดีที่ทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วง.......พ่อกับแม่ยอมให้ลูกเจ็บเพราะมือพ่อกับแม่ดีกว่าไปเจ็บเพราะมือคนอื่น"...แม่พูดจบแล้วก็เดินออกไป ...คำพูดนั้นทำให้คิดได้เลยว่าผมจะไม่ทำให้พ่อกับแม่เป็นห่วงอีกแล้ว... ...แต่ความเจ็บที่ก้นเนี่ยทำเอาผมนั้งไม้ได้เลยครับ...เพราะมันทั้งเจ็บทั้งแสบทั้งปวดเลย...แล้วผมจะออกไปกินข้าวได้ไมเนี่ย...1ชั่งโมงผ่านไปครับ...ผมอาบน้ำเสร็จแล้วแต่ไม่ได้ออกไปกินข้าว...มีเสียงเคาะประตูครับ...ผมเริ่มใจไม่ดีอีกแล้วครับ...จะโดนอะไรอีก...ผมเปิดประตู.. .."พ่อ!...มีอะไรหลอครับพ่อ" .."พ่อเอาข้าวมาให้...เดี๋ยวก็หิวตายกันพอดี" พ่อพุดพร้อมกับเดินเข้ามาในห้องกับจานข้าวไข่เจียวฝีมือแม่...ยังมีควันขึ้นอยู้เลย.. ..."กินสะกำลังร้องๆ"พ่อพุด...ผมก็กินด้วยความหิว ..."ถ้าไม่อิ่มก็บอกพ่อจะได้ให้แม่ทำให้อีกจาน....ที่แม่สอน..ที่แม่ตีก็จำไว้ด้วยละ...ไปไหนมาไหนให้โทรบอกคราวหลังจะได้ไม่โดนแบบนี้อีก"พ่อพูด ..."ครับ" ...วันนั้นทำให้ผมรู้ว่าพ่อกับแม่รักและเป็ยห่วงผมมากแค่ไหน............ .................ผมรักพ่อกับแม่ที่สุดในโลกเลยครับบบบบบบบบ..................

Comment #4
นา
Posted @November,13 2009 10.02 ip : 118...87

เรื่องนี้น่าอ่านมาก:) ;) ****

Comment #5
วาเฮ็ด
Posted @November,13 2009 10.06 ip : 118...87

****เวลาเราทำผิดอะไรย่อมได้รับโทษ +)  8) [f:b1****

ขออภัย ขณะนี้เว็บไซท์ของดการสร้างหัวข้อใหม่และการแสดงความคิดเห็นไว้ชั่วคราว
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ