เรื่องสั้น
ก้างปลา
รัตนชัย มานะบุตร
กลับมาถึงบ้านผมต้องปอกเปลือกเขียวออก หั่นเป็นแท่งสี่เหลี่ยมเท่า ๆ กัน หากวันไหนขี้เกียจฝีมือก็ออกเป็นรูปแหลม ๆ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ผมใส่กะละมังล้างน้ำให้ยางของมันออก ใส่ตะแกลงหย่อนลงในกรง พวกมันวิ่งเข้ามาแย่งกันกินเหมือนเด็กโดยไม่ยอมเหลียวแลใบมันสำปะหลังแม้แต่น้อย ผมรู้ว่าพวกมันแอบกินใบมันสำปะหลังตอนกลางคืน เช่นนี้แสดงว่ามะละกอน่าอร่อยกว่า วันนี้ผมเก็บมะละกอผลโตมาสองลูก ย่างน้อยลดเที่ยวหาสำหรับวันพรุ่งนี้ไปได้หนึ่งวัน หากจะเก็บมาหลาย ๆ ลูกก็ไม่ได้เพราะทิ้งไว้เกินสามวันมะละกอจะสุก ผมเคยสังเกตมันไม่เคยกินมะละกอสุกหมด หากเพราะพวกมดหรือไม่ก็หนูเข้าไปแย่งมันกิน อาบน้ำทานข้าวเสร็จ ตีสีหน้าเหนื่อยหน่ายต่อหน้าพ่อแม่เพื่อหาโอกาสขออนุญาตไปนอนบ้านสาเคียสักคืน โดยอ้างเหตุผลเหนื่อยมากอยากคุยกับเพื่อน
"เหตุผลฟังไม่ขึ้น" พ่อว่า "อยากไปนอนบ้านเพื่อนดีแล้วล่ะที่รู้จักบอกกล่าวกัน ความจริงหากไม่ต้องอ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ก็ได้"
ผมคิดถึงเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ แล้วอดขำในใจ
สาเคียซื่อเต็มคืออับดุลเลาะห์ แต่เพื่อน ๆ เรียกแค่สร้อยว่าสาเคียจนติดปาก เขาเป็นหลานของโต๊ะแก่ ซึ่งเป็นคนพื้นเพที่นี่ มีลูกเขยชื่อเปาะแหละเป็นชาวมาเลเซีย แขกไปใครมา บ้านหลังนี้จึงเป็นบ้านที่พิเศษสุดโดยเฉพาะเมื่อมีชาวมาเลเซียมาในหมู่บ้านแกเป็นล่ามแปลภาษาได้เพียงคนเดียว มีคนแก่ที่ตายไปแล้วเล่าว่าก่อนโต๊ะแก่จะเข้ารับนับถืออิสลาม แกเคยบวชชีพราหมณ์นุ่งขาวห่มขาวมาก่อน
ครั้งหนึ่งผมได้ยินคนในหมู่บ้านวิจารณ์เรื่องนี้ลับหลังแก.
ทุกวันที่มีเวลาว่างหาโอกาสไปบ้านโต๊ะแก่เสมอ หากวันไหนไม่ได้ไป เกิดอาการขาดขาดสิ่งที่เคยชิน เหมือนชีวิตไม่ครบวงจร เหมือนขาดสารเสพติดให้ลงแดงทำนองนั้น ที่นั่นมีหมากให้เคี้ยว มีใบจากให้ดูดเล่น ที่พิเศษสุดหากมีเปาะแหละอยู่บ้านและต้องเป็นขณะแกอารมณ์ดีก็มีนิทานโปกฮาแถมให้ได้หัวเราะเสมอ ครั้งหนึ่งแกเล่าว่าแกยิงเครื่องบินญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่สองด้วยหนังสะติ๊ก จนเครื่องบินลำนั้นเสียหลักเอียงไม่เป็นท่าไปตกฝั่งมาเลเซีย เรื่องเล่าของแกดูเป็นเรื่องตลกแต่สีหน้าและท่าทางของแกดูจริงจังจนพวกเด็ก ๆ เชื่อแล้วเล่าต่อ ๆ กันหลายเดือน
ทานอาหารเย็นเสร็จไปบ้านโต๊ะแก่ เห็นแกนั่งตรงที่เคยนั่ง ตี่โต๊ะจินั่งอยู่ที่ตำแหน่งแกแทน
"ไหนคนที่มีรูปหน้าเหมือนส้มโอกระถดไปนั่งหลบอยู่ตรงไหน?"
ทันทีที่ได้ยินเสียงผม แกก็โผล่ออกมาที่ช่องซอกประตู "ไอ้เด็กหน้าเหมือนหัวมัน มึงมาว่ากูหน้าเหมือนส้มโอ.เออเมื่อวานไม่เห็นหน้าเลยมึงหายไปไหนล่ะ"
"เมื่อวานผมไปโรงเรียน"
"กูถามเลิกเรียนตอนเย็นน่ะ"
"อ๋อ ตอนเย็นฝนตกห่าใหญ่ โต๊ะแก่รู้ดอกหรือ?"
"เออจริงสินะ ตอนเย็นฝนตกห่าใหญ่ หากมึงไม่บอกกูก็ลืมไปแล้ว กูนึกออกแล้วหลังฝนเมื่อวานปลาหมอขึ้น พ่อมึงได้เยอะมั้ย"
"ได้เยอะ เหมือนกันแหละ"
ขณะกำลังคุยได้ยินเสียงอาซานดัง ผมนึกถึงเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา
ทันทีผมก็นึกถึงเรื่องราวการบวชชีของแกขึ้นมา เพราะเรื่องนี้ฝังใจผมมานานอยากถามหลายครั้งแต่ก็ลืมทุกครั้ง ผมค้างเรื่องปลาหมอไว้แค่นั้น เปลี่ยนเรื่องคุยทันที "โต๊ะแก่เป็นคนมุสลิมที่นับถืออิสลามใช่มัยล่ะ?"
"เออ มึงถามทำไม?"
"ไปบวชเป็นชีนั้นโต๊ะแก่รู้ใช่มั้ยล่ะว่ามันบาปหนัก"
"เพราะกูทำตามปู่ย่าตาทวดที่เคยนับถือพราหมณ์มาก่อน มึงมาพูดเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับมึงล่ะ " แกเหวี่ยงเท้าไปตกข้างฝาดังโครม! ท่าทางแกโกรธจัด.แย่แล้วล่ะ แกไม่ใช่โต๊ะแก่คนเดิมอีกแล้ว "ใครสอนให้มึงมาว่ากู ที่กูทำผิดไปกูได้เลิกไปนานแล้ว"
ผมหันหลังเดินก้าวลงเรือน สาเคียว่า "ไหนว่ามึงจะนอนที่นี่"
"ค่อยมานอนวันหลัง"
"มึงต้องไม่ถือสาคนแก่ กูขอโทษ"
หลังจากวันนั้นผมไม่กล้าแม้แต่เดินเฉียดบ้านแกอีกเลย
ผมทานข้าวกับแกงส้มปลาหมอ ใจนึกถึงแต่โต๊ะแก่ เรื่องไม่เป็นเรื่องได้กลายมาเป็นเรื่องยุ่งเหยิงในจิตให้รู้สึกหงุดหงิดไม่รู้ทางออกของเรื่องเป็นเช่นไรอีก ผมเปิดข้าวอย่างลวก ๆ ที่สุดเท่าที่มีมาบังเอิญก้างปลาดันไปติดที่คอผมจนได้ทั้ง ๆ ที่ยังทานข้าวไม่อิ่ม ผมผละตัวจากวงวิ่งออกนอกบ้าน พยายามขย้อนก้างออกจากคอหลายครั้ง แต่ก็ไร้ผล กลับเข้าครัวอีกครั้ง ปั้นข้าวเป็นก้อนและใส่ปากกลืนมันทั้งแท่ง กลืนไปสามก้อนก็ไร้ผล ผมก็วิ่งออกมาขย้อนข้างนอกอีก
"รีบไปหาโต๊ะจิเสียสิ" แม่ตะโกนมาจากในครัว แล้วตามออกมาช่วยลูบแผ่นหลัง
ผมส่ายศีรษะ
"ทำไม?"
ผมก้มหน้าอยู่นานจนแม่สงสัย "ก้างหลุดแล้วรึ"
"เปล่าเลย"
"ไป.รีบไปบอกโต๊ะจิ"
โต๊ะจิซึ่งเป็นแม่ของสาเคียเป็นคนคนเดียวในหมู่บ้านที่มีความสามารถในเรื่องนี้ แค่แกยื่นน้ำให้ผู้ที่ก้างปลาติดคอกินขันเดียวกลับไปไม่ทันถึงบ้านก้างปลาจะหลุดออกอย่างง่ายดาย ไม่มีทางอื่นอีกเลยหรือนี่ ผมเลยตัดสินใจเดินดุ่ม ๆ ไปบ้านโต๊ะแก่ มันเป็นเวลาตอนหัวค่ำ มาหยุดยืนอยู่หน้าบันได ไม่กล้าเรียก ไม่กล้าถือวิสาสะขึ้นบ้านเหมือนแต่ก่อน ผมเห็นสาเคียโผล่ออกมาจากเงามืด ๆใต้ถุนบ้าน
"นั่นใคร?"
สาเคียย่องมาดูใกล้ ๆ พอเห็นหน้าชัดมันก็ตะโกนขึ้น "โต๊ะแก่ มันมาแล้ว"
โต๊ะแก่อุตส่าห์กระถดออกมา แกชะโงกหน้าดู "เออวันนั้นมึงโกรธกูละซิ ขึ้นมาคุยบนบ้าน ขึ้นมาบนนี่ก่อน กูไม่เคยโกรธมึงหรอก กูก็ทำโมโหโกรธาไปอย่างงั้นเองแหละน่า"
แกเป็นคนอายุยืนคนหนึ่งที่น่ารัก ผิวค่อนข้างขาว รูปหน้ากลมเหมือนผลส้มโอผิดกับโต๊ะจิซึ่งเป็นลูกสาวและเป็นแม่ของสาเคียกลับผิวคล้ำรูปหน้าเรียวยาวเหมือนลูกมะพร้าวลีบ ๆ
แค่ได้ยินประโยคคำพูดของแกเท่านั้น เรื่องราวที่อัดแน่นอยู่ในอกกลับมลายหายไปสิ้น ผมจึงเอ่ยขึ้นว่า "คนที่รูปหน้าเหมือนมะพร้าวลีบอยู่ไหน? เอาน้ำให้ผมกินขัน.ก้างปลาหมอมันติดอยู่ที่คอผม"
โต๊ะแก่หัวเราะเอิ้ก ๆ "มึงก็ยังเหมือนเดิมนี่หว่า"
.......................