เรื่องสั้น

ชายผู้ที่อ้างตัวเป็นเซ็ง ท่าน้ำ

by kodeya @November,14 2006 15.08 ( IP : 61...194 ) | Tags : เรื่องสั้น

รัตนชัย    มานะบุตร


เมื่อปลายปีที่แล้วนักวิชาการคนหนึ่งออกมาวิจารณ์นโยบายรัฐบาลและวิเคราะห์สถานการที่เกิดขึ้นสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ข้อสรุปปัญหาว่าจะทวีความรุนแรง

"อู่ว่ะ...ไอ้นี่ทำแบ่ง!" เขาสบถ

ต่อมาเหตุการณ์ก็เกิดกับคณิตเองเมื่อคืนหนึ่งขณะอยู่เวรที่อำเภอกำลังเคลิ้มหลับแล้วสะดุ้งเมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นตอนตีหนึ่ง เขางัวเงียรับสาย

"ดีมาหนอนิ? เท่นั่ง เท่ไน?"

เป็นเสียงผู้ชายพูดจาลูกผสมสำเนียงออกเพี้ยน ๆ คำว่า 'ดีมาหนอ' เป็นภาษายาวี ตรงกับภาษาไทยว่า 'เท่นั่ง เท่ไน'  ก็คือ ที่นั่นที่ไหน' เขาพยายามนึกว่าผู้ตรวจเวรโทรมาล้อกันเล่น ๆ เพราะมีพวกชอบล้อแบบนี้บ่อย สำเนียงออกเพี้ยน ๆ ของชาวบ้านซึ่งข้าราชการที่นี่ถือเป็นเรื่องปกติและพาลนำคนอื่นเพี้ยนไปด้วยเหมือนกัน เพิ่งมาอยู่ใหม่ ๆ ยากที่เข้าใจแต่พออยู่ไปสักพักเข้าใจได้ไม่ยาก

"เท่นี่เท่อำเภอคับ" คณิตพาเพี้ยนไปตามบท

"มุงทำอะไรที่นั่ง"  เขาพูดเพี้ยนคำว่า มึง เป็น มุง

"มาอยู่เวงคับผง"

"โยกังคี่คง"

"โยกังสงคงคับผง" เขาโกหกว่าสองคน ความจริงคืนนี้เขาอยู่คนเดียว ส่วนคู่เวรนอนหลับฝันหวานอยู่บ้าน เป็นความจริงว่าคู่เวรเซ็นชื่อทิ้งไว้สลับกันนอนคนละคืนหากมีผู้ตรวจเวรมาตรวจก็จะบอกว่า เพิ่งออกไปทานข้าว นานแค่ไหนก็ต้องบอกว่าเพิ่งไป ส่วนใหญ่ไม่มีใครตรวจเวรกันจริงจังสักกี่มากน้อย นอกจากมีคำสั่งจากนายอำเภอให้เข้มงวดเท่านั้น นั่นก็นาน ๆ ครั้ง และเป็นพัก ๆ เหมือนไฟไหม้ฟาง

"มอแหละ ๆ ดี่แหล้ว ๆ ...เดี๋ยวเลาพาพักพวกไปยิงกัง เปอเด้ ๆ  ปัง ๆ ยิง ๆ บึ้ม ๆ มึงเตรียงปืงไว้ให้พร้องโกแล้วกัง"

"คอดูลู ๆ" คณิตล่อภาษาลูกผสมยาวี "เดี๋ยวก่อน ๆ มุงเป็นใคร"  เขาฉุน ไม่เชื่อว่ามีการท้าทายกันโดยตัวเองไม่ทันตั้งสติ

เสียงตอบคือเสียงวางหูโทรศัพท์ทิ้งไป...

เรื่องอะไรที่จะต้องมาเตรียมปืนคอยยิงสู้กับคนพวกไหน ไม่รู้ว่าเป็นใคร เรื่องอะไรเช่นกันที่เขาต้องมากระต่ายตื่นตูมวิ่งโร่ไปแจ้งนายอำเภอ เรื่องอะไรที่เขาจะต้องรีบกลับไปเอาปืนสั้น .38 กระบอกยาวแค่ 2 นิ้วมาดวลปืน เอ็ม.16.

เดี๋ยวเลาไปยิงกัง  เปอเด้ ๆ ปัง ๆ ยิง ๆ บึ้ม ๆ มูงเตรียงปืงไว้ให้พร้องโกแล้วกัง...จริงเท็จไม่รู้ คำพูดที่ว่า ปัง ๆ นั้นเป็นปืนและ บึ้ม ๆ นั้นต้องเป็นระเบิด...

ระยะนี้คณิตเตรียมตัวสอบสอบเปลี่ยนตำแหน่งไปไหนมาไหนหอบตำราไปด้วยเสมอว่างก็เปิดอ่าน หลังจากหูจากโทรศัพท์เขาหอบหนังสือขึ้นมากอดไว้กับอกไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหอบมันไปด้วยทั้ง ๆ ที่แค่ตำราใช่ปืนเสียเมื่อไหร่ เขาก้าวลงบันได มองเยื้องไปยังถนนเห็นเพิงขายกล้วยทอดซ่อนอยู่ในเงามืด เป็นเพิงของแม่ม่ายชื่อมารือเยาะ ฟังจากปากข้าราชการว่ากล้วยทอดของแกอร่อยใช้ได้ มีคนอุดหนุนเยอะ...ไม่รู้เพราะเป็นแม่ม่ายปากแดงแก้มแดงก็ไม่รู้

ขณะนั่งอยู่ใต้เพิงขายกล้วยทอดเขาคิดถึงปืนสั้นกระบอกเดียวที่ตอนนี้อยู่บ้าน ดีแล้วที่ไม่นำติดตัวมา หากนำมาด้วยจะไปสู้กับเอ็ม.16ได้อย่างไรหนอ นึกได้ว่ามีตาปูเรือใบซึ่งได้แอบเก็บไว้ถุงหนึ่ง มันเป็นตาปูชุดเดียวกับที่ปลัดป้องกันเก็บได้จากปากทางเข้าหาด 'แค-แค'

คณิตเถียงกับปลัดป้องกันถึงชื่อหาด  "ไม่ใช่ ต้องพูดว่าหาด แฆ-แฆ"

"ใคร ๆ ก็อ่านและพูดว่า แค-แค กันทั้งนั้นแหละ"

"แต่ชาวบ้านพูดว่า แฆ-แฆ"

"ไม่ว่าใครอ่านหรือพูดว่ายังไง" ปลัดป้องกันขี้เกียจเถียงด้วย เถียงไปก็แค่นั้น เลยสกัดโดยเฉไปพูดจุดอ่อนของคณิต "คืนวันเสาร์...วงเหล้าใต้เพิงต้นมะม่วง..."

"พอ ๆ เลิกพูดเรื่องนั้น" คณิตโบกมือห้าม เขาส่ายหัวทำหน้าเบ้

แค่เอ่ยถึงวงเหล้าใต้ต้นมะม่วง คณิตก็รู้แล้วว่าท่านปลัดต้องการเล่นอะไรต่อไป คืนวันเสาร์คืนนั้นข้าราชการคอเหล้าร้องเพลงกันจนเสียงแหบแห้ง ธนา เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ที่ตอนเมามีอะไรเล่นพิเรนทร์มาเล่นให้เป็นที่ฮือฮา  ตอนนั้นกับแกล้มหมด เขาเอาหนังหมาที่โดนรถทับแห้งติดผิวถนนมาย่างส่งกลิ่นหอมเหมือนเนื้อย่าง.... คนที่นั่งอยู่ก่อนที่รู้ว่าหนังหมาย่างไม่มีใครกล้าแตะต้องแต่คนที่มาสมทบทีหลังนั้นไม่รู้  วงเหล้ามีห้าหกคนไม่รู้ว่าใครกินเข้าไปบ้างแต่ตอนวงเหล้าเลิกราหนังหมาย่างแผ่นนั้นหมดและหนึ่งคนที่มาทีหลังมีคณิตรวมอยู่ด้วย

ข่าวร้าย ๆ เกิดขึ้นจริงดังโกหก...

ใครจะนึกว่าขับรถยนต์ไปบนท้องถนนต้องคอยระวังระไว แทนที่จะเป็นวัวควายแพะแกะชาวบ้านกลับต้องระวังตาปูเรือใบ มันงอกเงยเหมือนดอกเห็ดได้ฝนขึ้นที่ไหนเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ มีบางแห่งเจ้าหน้าที่ช่วยกันเก็บเหมือนเก็บดอกเห็ดไม่ให้เหลือแม้แต่ดอกเดียว แล้วใครจะนึกว่าวงเหล้าใต้เพิงต้นมะม่วงต้องเลิกร้างลงไปโดยปริยายเพราะข่าว เผา ยิง ระเบิดตามมาด้วยวางตาปูเรือใบ... ตกตอนค่ำไม่มีใครกล้าออกนอกบ้าน ไม่มีแม้นั่งสรวลเสเฮฮาตามริมทางยามเลิกงานอีก

เมื่อไม่นานมานี่คณิตกลับไปเยี่ยมบ้านที่ สงขลา ญาติคนหนึ่งของเขาเลี้ยงวัวหลายตัวเล่าให้ฟังว่าตอนนี้มีข่าวว่าแก๊งลักวัวผุดขึ้นมา จนตัวเขาเองต้องนอนนอกบ้านเฝ้าดูวัว เพราะโจรสมัยใหม่เล่นวางยาวัวแล้วจูงไปขึ้นรถยนต์ วัวกี่ตัวก็ตามสามารถจูงขึ้นรถยนต์ได้โดยง่ายดาย มันเชื่องเหมือนจูงเด็กขึ้นรถยนต์พาไปเที่ยว

เขาก็เคยได้ยินคนแก่เล่าว่าสมัยก่อนโจรขโมยวัวชุมมาก ถึงขนาดต้องนอนถือปืนเฝ้าวัวนอกบ้าน

"ตานีตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง" ญาติผู้มีวัวหลายตัวถามเขา

"เหนื่อยครับ ร้านรวงในตลาดปิดประตูตั้งแต่หัวค่ำ  เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา ผมเองยังไม่กล้านอนในบ้าน ยอมนอนซุ่มสู้กับยุงนอกบ้าน"

ตอนคณิตย้ายมาอยู่อำเภอปะนาแระ  ใหม่ ๆ เพื่อน ๆ เคยถามว่าเป็นไงบ้าง เขาบอกว่า ดีมาก ๆ ที่นี่มีทั้งคนไทยพุทธและมุสลิม ไม่มีปัญหาในการประกอบอาชีพ ดำเนินชีวิตประจำวัน อยู่ร่วมกันโดยสันติ...อำเภอปะนาเระ นี่แหละเป็นอำเภอของชาวบ้านที่นี่อย่างแท้จริงที่ยังคงใช้ชื่อเดิม ผิดกับอำเภอที่เกิดขึ้นใหม่ที่ทางฝ่ายปกครองพยายามตั้งชื่อใหม่ให้เป็นชื่อภาษาไทยสวยงาม  เช่นอำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาสโดยทิ้งชื่อเดิมคำว่า  คอลอกาเว ของชาวบ้านไปโดยสิ้นเชิง

ก่อนเดินทางกลับสู่มาตุภูมิตานี แม่ของเขาเอ่ยว่า "ลูกควรระวังตัวให้มาก ๆ ได้ดูข่าวในโทรทัศน์ มีเรื่องฆ่ากันทุกวัน...คนพวกนั้นมันด้น"

คำว่าด้นของแม่คณิตคือดุ! นั่นเอง

สำหรับคืนนี้จริงไม่จริงคณิตไม่กล้าเสี่ยงนอนเฝ้าบนที่ว่าการอำเภอ เส้นทางเข้าตัวอำเภอไม่ใช่เส้นทางสายหลักจึงไม่มีป้อมยามหรือจุดตรวจแต่อย่างใด  หากคนพวกนั้นยกขโยงมากันจริงก็สามารถผ่านหน้าโรงพักโดยสะดวก เขาก็อยากดูว่าคนพวกนั้นยิงถล่มตัวอาคารที่ว่าการอำเภอเพียงฝ่ายเดียวโดยไม่มีใครโต้ตอบ อย่างดีก็แค่กราดกระสุนทะลุฝาตัวอาคาร บานประตู บานหน้าต่างแตกกระจาย หรือไม่ก็ปาระเบิดสักลูกสองลูกแล้วขับรถหลบหนีไป ไม่มีใครกล้าเสี่ยงตามไล่ล่าเพราะเสี่ยงต่อการประทะกับตาปูเรือใบ อย่างดีแค่คอยเก็บกวาดตอนรุ่งเช้า

ป่านนี้คนโทรมาคงนั่งหัวเราะแหะ ๆ แต่เขาสิ คืนนี้ต้องเดือดร้อน หนีกลับไปนอนบ้านก็ไม่ได้เดี๋ยวก็โดนข้อหาละทิ้งหน้าที่...นอนใต้เพิงกล้วยทอดคงนอนไม่หลับ เดาว่าไม่มีแม้เงาผู้ก่อการร้ายตามคำท้าทายก็เดาไม่ถูก...

หากคนพวกนั้นยิงถล่มอำเภอแล้วหนีไปจริง ๆ เขาจะค่อยย่องไปยังที่ว่าการอำเภอแอบหลบอยู่มุมใดมุมหนึ่ง ทำเป็นว่าตัวเองกำลังปฏิบัติหน้าที่เวรยามอย่างแข็งขัน เท่านี้ก็คงรอดตัว ดีไม่ดีอาจได้ชื่อว่า 'วีรชนคนกล้า' และหากเขาทึกทักไปแจ้งโรงพักหรือแจ้งนายอำเภอให้ทราบเกิดคนพวกนั้นไม่มาล่ะ เขาไม่กลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะไปดอกหรือ...

ไม่ ! ต้องไม่กะโตกกะตาก ต้องไม่ตกเป็นเหยื่อคนพวกนั้น และไม่แพร่งพรายเรื่องโง่ ๆ ให้เสียเวลาหรอกเพราะมันเป็นเรื่องเสียโง่นี่น่า...การจะไปถล่มอำเภอหรือโรงพักไม่มีผู้ก่อการร้ายที่ไหนจะโทรไปบอกหรอก

อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ประมาท รีบกลับไปอำเภอ เอาตาปูเรือใบในลิ้นชักหากคนพวกนั้นเกิดมาจริง ๆ จะได้ใช้  กลับมานั่งใต้เพิงกล้วยทอดอีกครั้ง  ที่บ้านพักนายอำเภอไม่มีรถยนต์อยู่แสดงว่าท่านไม่อยู่ ที่พัก อ.ส. นั้นเงียบเชียบ พวกเขาคงออกตรวจท้องที่ที่หนึ่งที่ใดสักแห่ง
แสงไฟรถยนต์อย่างน้องสองคันส่อง สว่างจ้ามาแต่ไกล ลำแสงส่องยอดสนริมขอบรั้ว
นั่นล่ะ...คนพวกนั้นมากันแล้ว คณิตใจเต้นระส่ำระสาย...

ในที่สุดคนพวกนั้นก็มาจริง ๆ...

เขากำเอาตาปูในถุงพลาสติกโปรยบนถนนทีละกำ ๆ เพิ่งนึกจะโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจที่โรงพักแต่โทรศัพท์ไม่มี ไอ้เวร ! เขาสบถ เป็นข้าราชการระดับนี้แล้วยังไม่มีโทรศัพท์มือถือใช้อีกช่างเชยจริง ๆ  นึกจะวิ่งไปยังตู้สารธารณะใต้ถุนอำเภอก็ไม่ทันการณ์อีกแล้ว ไม่น่าทำให้เกิดเรื่องยุ่ง ๆ ขึ้นมาเลย ช่างเหมือนกับเอาไม้ไปแหย่รังมด ประเดี๋ยวยางรถยนต์คนพวกนั้นรั่วขึ้นมาจริง  คนมาตั้งสองคันรถมีทั้งปืนระเบิดใครจะไปสู้มันได้ อ.ส.เฝ้าฐานสักคนก็ไม่มี แทนที่คนพวกนั้นกราดยิงที่ว่าการอำเภอแล้วขับรถหลบหนีไป กลับตาลปัตร หนีไปไหนไม่ได้ก็คงตั้งหน้าตั้งตาเผาให้มันวายวอดไปเสียเลย เขาไม่กลัวว่าอำเภอถูกเผาแล้วไม่มีที่ทำงาน เผาแล้วรัฐบาลก็ต้องสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ที่กลัวคือเรื่องมันไม่ลงเอยเพียงเท่านั้น เพราะกว่าตำรวจจะมา นึกถึงมดแดงที่แตกรังก็แล้วกัน ไม่มีใครคุมมันให้อยู่ในระเบียบได้ เผาอำเภอไม่พอกระจายกันไปเผาบ้านพักข้าราชการที่อยู่รายรอบก่อนแยกย้ายหลบหนีกันคนละทิศละทาง...ไม่น่าเลย ไม่น่าโปรยตาปูเรือใบให้เกิดปัญหายุ่ง ๆ แต่ถ้าหากคิดในมุมกลับ เขาก็ทำถูกต้อง เราเคยระวังระไวตาปูเรือใบผู้ก่อการร้าย แต่โดนคราวนี้ต่อไปผู้ก่อการร้ายต้องคอยระวังตาปูเรือใบเจ้าหน้าที่ ถือเป็นปฏิบัติการเชิงรุก

คณิตคิดได้แค่เพียงหนีออกจากเพิงกล้วยทอดไปให้ไกลแสนไกล แต่ความเร็วของรถยนต์ทำให้เขาหนีออกจากเพิงไปได้แค่นอนหมอบอยู่ใต้ต้นสนห่างจากเพิงเพียงเจ็ดแปดวาเท่านั้น
สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นตาลโตนด และท้องทุ่งนา คณิตหมอบติดกับพื้นเหลียวหน้ามองโรงพักไฟสว่างโร่ ที่นั่นยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ แม้แสงไฟรถของคนพวกนั้นขับผ่านหน้าโรงพักมาแล้วก็ตาม แสงจากเสาไฟฟ้าข้างทางส่องให้เห็นชนิดของรถยนต์ชัดขึ้น คันนำหน้าเป็นรถยนต์กระบะของ อ.ส . บนกระบะท้ายเต็มไปด้วยกำลังพล และคันหลังนี่สิเป็นรถยนต์ของท่านนายอำเภอเป็นรถยนต์กระบะสี่ประตู คันนำหน้าเหยียบตาปูเรือใบจนเกิดเสียงรั่วของลมรถเสียหลักลงคูข้างทาง และรถคันหลังไม่ต่างกัน กำลังทั้งหมดกระโดดลงรีบวิ่งออกจากรถกระจัดกระจายหาที่กำบัง บางคนกลิ้งตัวไปยังคูตรงฝั่งข้าม  เสียงขึ้นลำปืนดังเกือบพร้อมกัน นายอำเภอเองซุ่มเงียบอยู่ในรถ เพราะนั่นมีเกราะกันกระสุนอยู่ มีแต่ผู้อารักขาเท่านั้นที่เปิดประตูออกมาพวกเขาวิ่งก้ม ๆ ขนานกับพื้นไปหลบคุ้มกันอยู่ห่าง ๆ คณิตมองเห็นการทำงานของฝ่ายตรงข้ามว่าเวลาเขาปฏิบัติการณ์ซุ่มโจมตีมันเป็นเช่นนี้เอง หากเขากราดยิงรับรองไม่ต่ำกว่าห้า...ตาย เขาเลิกสนใจกำลังที่ตอนนี้กระจัดกระจายไปทั่วแล้ว เขามุดศีรษะจนติดพื้นให้พ้นวิถีกระสุนเมื่อมีคนทำปืนลั่น อุทาหรณ์ทำปืนลั่นถูกพวกเดียวกันตายมานักต่อนักแล้ว เขาใช้ท้องคลานไปกับพื้นเหมือนตะกวดเลาะออกให้ห่างไปให้ไกลที่สุดเพราะจุดที่รถเสียหลักห่างจากเขาไม่มากนัก เสียงเท้าหนัก ๆ วิ่งเลยเขาไปหรือหยุดยืนอยู่ใกล้ ๆ ก็ไม่รู้

เขาสงบสติ ให้พวกท่านตื่นตระหนกกันไปเถอะ ยามวิกาลเช่นนี้ไม่มีมือตาปูคนใดลุกขึ้นยืนบอกหรอกว่า ผมเองเป็นคนโปรยตาปูเรือใบ คนโง่เท่านั้นที่บอกเช่นนั้น อย่างดีหากเป็นการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามป่านนี้คงแหลกละเอียดกันไปข้างหนึ่งแล้ว

สปอตไลท์จากรถยนต์กระบะคันหน้าหมุนไปรอบ ๆ แล้วมาจดจ่ออยู่ที่หน้าเพิงขายกล้วยทอด เงาของต้นสนช่วยบังไม่ให้เห็นเขา  เมื่อไฟสปอตไลท์หมุนไปทางอื่น เขาเริ่มต้นคลานต่อไปแต่เหมือนมีเสาไม้กำลังยันไหล่ไม่ให้ขยับไปได้ เมื่อเพ่งพินิจกลับพบกับรองเท้าคู่ยักษ์กำลังหนีบคอเขาอยู่ ดิ้นจนหลุดเงยหน้าขึ้น ปรากฏชายร่างยักษ์กำลังยืนจังก้าอยู่ เขายื่นมือยักษ์ลงมากำคอเสื้อของเขาแล้วยกขึ้นให้ยืน ไอ้ร่างยักษ์ควักมีดออกมาปลายมีดแหลมคมเหน็บเข้าที่คอคณิต

ชายร่างยักษ์ตะโกนขึ้นว่า "เฮ  เราจับแก๊งวายร้ายกวนเมืองผู้โปรยตาปูเรือใบไว้ได้แล้ว..."

คณิตระร่ำระลักบอกเช่นกัน "ไม่จริง มันโกหก...ผมคือคณิต เจ้าหน้าที่ปกครอง"

เสียงจากโทรโข่งดังขึ้น  "เราไม่เคยรู้จักกัน..ใครกันคณิต"

"ผมทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ปกครองที่นี่.คณิต คณิตเอง"

"อำเภอเราไม่มีเจ้าหน้าที่ชื่อนี้...ขณะนี้เจ้าหน้าที่เราล้อมไว้หมดแล้ว ยอมมอบตัวดี ๆ ตอนนี้นายทั้งสองเป็นแค่ลูกแมวสองตัวเท่านั้น"

ครู่ต่อมาชายร่างยักษ์กระแทกคณิตลงพื้น บ่นพึมพำแผนจับตัวประกันไม่สำเร็จ "ลูกแมวสองตัว  มอบตัวเหรอ คนพูดเป็นใคร ชื่ออะไร"

ท่านนายอำเภอเพิ่งเปิดประตูรถยนต์ออกมา "เราคือนายอำเภอมนูญ แล้วนายล่ะเป็นใคร"

"ออ ท่านเองดอกหรือ เราคือเซ็ง ท่าน้ำ"  เสียงย้อนตอบมา

เซ็ง ท่าน้ำคือโจรเรียกค่าคุ้มครองสมัยหนึ่งแต่เขาไม่น่าจะใช่เพราะว่าเขาได้ตายไปนานแล้ว

"นายไม่ใช่ นายไม่ใช่" นายอำเภอมนูญ ตะโกนลั่น "เซ็ง ท่าน้ำมีชีวิตอยู่เมื่อเกือบสามสิบปีที่แล้ว"

"ฮะ ฮา...นั่นล่ะคือเรา"

"นายพูดโกหกเพื่ออะไร? "

คณิตกลัวจนตัวสั่นเทิ้มเมื่อได้ยินคำว่าเซ็ง ท่าน้ำ  จึงตะโกนไปว่า "ท่านเคยได้ยินนิทานเรื่องยักษ์ตนหนึ่งกับลูกแมวตาเปียกไหม?"

ทุกคนที่ได้ยินคณิตพูดรู้สึกงุนงงไปตาม ๆ กัน

มีใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นว่า "นายคนนั้นพูดถึงเรื่องอะไร...ไม่รู้เรื่อง"

"ขอประทานโทษครับท่านนายอำเภอ ผมพลั้งปากไป ที่จริงผมจะพูดว่าผมเป็นลูกน้องของท่าน"

"อย่าพูดเรื่องตลก เราไม่เล่นตลกด้วยหรอก...เราไม่มีลูกน้องชื่อคณิตหรอก มอบตัวเสียดี ๆ"

ไอ้ร่างยักษ์ที่อ้างตัวเป็นเซ็ง ท่าน้ำได้ยินเพื่อนใหม่ของเขาพูดถึงนิทานเรื่องยักษ์ตนหนึ่งกับลูกแมวตาเปียก เขานึกถึงหนังตะลุงของแดะแมขึ้นมาทันที  "เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะไม่รู้จักนิทานเรื่องยักษ์ตนหนึ่งกับลูกแมวตาเปียกเพราะหลังจากเราได้มอบตัวกับท่าน ท่านติดต่อรับหนังตะลุงแดะแมมาเล่นให้ดูเพื่อเป็นเกียรติและแสดงความจริงใจ"

"ยักษ์ตนหนึ่ง" นายอำเภอทวนคำ "แค่ยักษ์ตนหนึ่งในหนังตะลุงของแดะแมเอง"

"ท่านรู้จักนิทานเรื่องยักษ์ตนนั้นน้อยไปแล้ว มันไม่ใช่ยักษ์ธรรมดานะ แต่มันคือยักษ์ทานอาวุธ"

"นายพูดอะไรเราฟังไม่เข้าใจ"

คณิตตะโกนขึ้นอีก "ผมคือลูกน้องของท่านนะ"

"ไม่ใช่" ชายคนที่อ้างตัวเป็นเซ็ง ท่าน้ำ ตะโกนบอก "เราสองคนเป็นพวกเดียวกัน ท่านอย่าไปเชื่อเพื่อนคนนี้ของเรา เขาพูดโกหกเพื่อเอาตัวรอด"

"ใช่นายพูดถูกต้อง" นายอำเภอกล่าว

ชายคนที่อ้างตัวเป็นเซ็ง ท่าน้ำ พูดอีก "ท่านได้อ่านข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 24 ที่ผ่านมา * แล้วใช่มั้ย..."

"จำไม่ได้....มันนานมากจนเราลืมเลือนไปแล้ว แต่ตอนนี้นายมอบตัวเสียดี ๆ อย่าให้ต้องใช้กำลัง เราจะให้ความเป็นธรรมแก่นาย"

"การมอบตัวเอาไว้ทีหลัง...เซ็ง ท่าน้ำถูกสังหารโหดหลังจากเขาเข้ามอบตัว ข่าวนั้นเรียบ ๆ พอประมาณสัณฐาน ทว่าเบื้องหลังแท้จริงนั้นยังมีอะไรหลายอย่างขดเอาไว้ หลายครั้งผู้มีอิทธิพล ไม่ต้องบอกท่านก็รู้ว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพล ชอบเอาชื่อเราไปแอบอ้างในการเรียกค่าไถ่ เรียกค่าคุ้มครอง เราต้องกำจัดผู้แอบอ้างการกระทำนั้นให้ได้...เราจึงติดต่อขอมอบตัวต่อท่านไง...นั่นละที่เราต้องพูดถึงเรื่องยักษ์ตนหนึ่งของแดะแมไงล่ะ"

แดะแมเล่นตลกกับตัวหนังตะลุงของเขาว่า

"มึงรู้จักกูน้อยไปแล้ว กูคือยักษ์ทานอาวุธนะ"

"มึงว่ากะไรนะ กูหูตึง"

"กูคือยักษ์ทานอาวุธ"

"ยักษ์มาหาหน่อปุดรึ."

"ฮาย...ยักษ์ทานอาวุธ กูแปลงร่างได้ทั้งนั้น"

"จริงรึ...ลองแปลงร่างเป็นเสือให้ดูทีดิ"

"ง่ายมาก คอยดู"  ว่าแล้วยักษ์ทานอาวุธก็แปลงร่างเป็นเสือทันที

"เชื่อแล้ว แล้วอย่างอื่นล่ะมีไหม"

"เออ มี"

"รถยนต์"

"ไม่ใช่ เป็นสัตว์"

"งั้นลองแปลงร่างเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ อย่างเช่นเป็น...เอาลูกแมวตาเปียกก็แล้วกัน"

ว่าแล้วโดยไม่ลังเลยักษ์ทานอาวุธก็แปลงร่างเป็นลูกแมวตาเปียกทันที อีกฝ่ายที่ดูเชิงอยู่ก็กระโดดตะครุบคอบีบจนตายโดยที่เจ้ายักษ์ทานอาวุธไม่ทันได้ตั้งตัว

"นั่นมันเซ็ง ท่าน้ำ แต่นายไม่ใช่ นายเป็นแค่โจรกระจอกเที่ยวโปรยตาปูเรือใบให้เดือดร้อนไปทั่ว มอบตัวเดี๋ยวนี้ เราจะคุ้มครองนาย"

"ตอนนี้ ท่านอยากให้เราแปลงร่างเป็นลูกแมวตาเปียกนะรึ ไม่มีทาง"

"นายเฉไฉไปพูดเรื่องราวไร้สาระนั้นจนได้ ขอถามหน่อยเถอะ นายวางตาปูเรือใบสกัดเจ้าหน้าที่ เพื่อสิ่งใด" เสียงตะโกนด้วยความฉุนเฉียว

"ตาปูเรือใบเป็นของเรา แต่ลูกน้องของท่านเป็นคนโปรย และเขาก็เป็นเพื่อนของเรา"

"ไม่จริง" คณิตจำเป็นต้องโกหก

"ถามว่าทำไม.ทำไมไม่ตอบคำถามเรา"

"ก็ได้.เราต้องการดารุล-อิสลาม * กลับคืนมา"  ชายคนที่อ้างตัวเป็นเซ็ง ท่าน้ำบอก
นายอำเภอเคยได้ศึกษาเรื่องแนวคิดเรื่องพวกนี้มาบ้าง ท่านรู้ว่ามันยังคลุมเครือในทรรศนะของกฎหมายอิสลาม มันเป็นแนวคิดของคนจำนวนน้อย มุสลิมส่วนใหญ่ไม่มีแนวคิดเช่นนี้ "เซ็ง ท่าน้ำ เป็นโจรเรียกค่าคุ้มครองไม่น่าจะมาเกี่ยวกับดารุล-อิสลาม"

"ใช่ พ.ศ.นั้นเราเป็นโจรเรียกค่าคุ้มครอง แต่เราก็แบ่งสันปันส่วนกันถ้วนหน้า ท่านก็รู้ดี"

"ไม่ใช่...เราไม่รู้ไม่เห็นเรื่องราวใด ๆ"

ชายผู้อ้างตัวเป็นเซ็ง ท่าน้ำ หมอบลง เขาปลดเป้บนบ่าออกนำชิ้นส่วนของปืนที่อยู่ในเป้ออกมาประกอบ เขาอยู่ในท่านอนตะแคง ไม่วายควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ  กลางแสงไฟสปอตไลท์ท่านนายอำเภอเห็นควันบุหรี่เป็นวงกลม...คนสูบต้องเป็นคนใจเย็น ควันถึงจะลอยเป็นวงได้

เมื่อปืนเป็นรูปเป็นร่าง ปลายกระบอกชี้ขึ้นฟ้า เสียงดังขึ้นหนึ่งชุด เนื่องจากความเงียบของค่ำคืน เสียงจึงดังมากจนแสบแก้วหู ทุกคนหมอบลง ขึ้นลำกล้องเตรียมพร้อมเช่นกัน

เสียงของคณิตตะโกนขึ้นอีก "ท่านครับ ผมแค่ติดร่างแห ผมโดนกล่าวหาแท้ที่จริงผมเป็นลูกน้องของท่าน...พวกเดียวกับท่าน"

เสียงปืนเจ้าหน้าที่ดังขึ้น กระสุนพุ่งขึ้นฟ้า เจ้าหน้าที่บางคนขอไฟเซ็กจุดหรี่ พฤติกรรมแบบนี้ท่านเคยมี่ประสบการณ์ โจรและเจ้าหน้าที่ต่างยิงปืนขึ้นฟ้า จนทั้งสองฝ่ายพอใจแล้วต่างฝ่ายต่างล่าถอยกันไปโดยไม่มีฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ เจ้าหน้าที่รายงานหน่วยเหนือประทะผู้ก่อการร้ายจนล่าถอย...ครู่หนึ่งมีเสียงตะโกนในหมู่เจ้าหน้าที่ว่า "เฮ้ย ดูนั่น...ไอ้นั่นมัน!"

ชายที่อ้างตัวเองว่าเซ็ง ท่าน้ำดีดบุหรี่ออกจากนิ้วแล้วลดกระบอกปืนลง เขาตะโกนขึ้นว่า "แต่ตอนนี้ พ.ศ. นี้ไม่ใช่แล้ว"

"อุว่ะ! แบ่ง! ทำเล่นลิ้น"

เมื่อกระบอกปืนลดลงขนานกับพื้นผู้ที่อ้างตัวเป็นเซ็ง ท่าน้ำหันปลายกระบอกปืนเล็งไปทางเจ้าหน้าที่

กำลังพลซึ่งเป็นลูกน้องของท่านนายอำเภอกล่าวตะโกนขึ้นว่า "ท่านครับ ไอ้นั่นมันหันกระบอกปืนมาทางเรา ท่านครับ ๆ มันกล้าเล่นกับเราแรง ๆ"

นายอำเภอตะลึง "นั่นนายกำลังทำผิดสัญญาแล้ว.ไหนว่าเราจะไม่ยิงกัน"

"สัญยงสัญญาเมื่อสามสิบปีที่แล้วนะรึ มันหมดอายุไปนานแล้ว...เปอเด้! ยิง"

เสียงปืนจากชายที่อ้างตัวเองว่าเป็นเซ็ง ท่าน้ำดังขึ้น

"ถ้านายต้องการเช่นนั้น...ก็ได้ เปอเด้!...ยิง!"

และเสียงปืนจากทั้งสองฝ่ายดังขึ้นพร้อม ๆ กัน

เปอเด้!...ยิง!


เชิงอรรถ * ข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2519  : ข่าวระบุไว้ว่าเซ็ง ท่าน้ำ ถูกสังหารโหดด้วยฝีมือฆาตกร เอ็ม.16 กลุ่มหนึ่ง หลังจากนั้น นายมะแอ ตีมุง,นายบาราเฮง เจ๊ะฮะ และ อ.ส.เจ๊ะดอเลาะ เต๊ะ ซึ่งเป็นคนร้าย ได้ติดต่อกับนายมนูญ ชูเสน่ห์ นายอำเภอปะนาเระ ขอมอบตัว *ดารุล-อิสลาม : ในอดีตดินแดนส่วนหนึ่งของมุสลิมในฟิลิปินส์และไทย เป็นดินแดนอิสลาม เมื่อผู้ที่มิใช่มุสลิมตีได้ดินแดนดังกล่าว ดินแดนเหล่านี้จึงมีฐานะคลุมเครือจากทรรศนะของกฎหมายอิสลาม
อนึ่ง(ผู้เขียน): สำหรับขบวนการที่มีลักษณะบ้าคลั่ง น่าจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มความวุ่นวาย หรือสร้างปัญหาให้มากขึ้นนั่นเอง และลักษณะแบบนี้ ไม่น่าไว้ใจประเทศมหาอำนาจ เพราะคำว่าบิดเบือนคัมภีร์อัล-กุรอ่าน ต้องไม่มาจากมุสลิม!

Comment #1
pimolmas 0891039598
Posted @May,23 2008 12.13 ip : 58...123

นายอำเภอมนู ชูเสน่ห์ ตอนนี้อายุ 78 ปี สุขภาพแข็งแรง ได้อ่านบทความนี้แล้วค่ะ

แสดงความคิดเห็น

« 9719
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ