เรื่องสั้น

"จักรยานของอุดม"

by Pookun @November,14 2006 21.17 ( IP : 58...100 ) | Tags : เรื่องสั้น

"จักรยานของอุดม"

โดย ขวัญยืน ลูกจันทร์

มันเป็นความใฝ่ฝันอันสูงสุดของเด็กชายวัยรุ่นซึ่งอาศัยอยู่ในแถบถิ่นชายขอบของประเทศไทย ที่จะได้เป็นเจ้าของจักรยานเท่ห์ๆสักหนึ่งคัน ไว้ขี่ไปโรงเรียนที่อยู่ห่างจากบ้านประมาณสิบกว่ากิโลเมตร

ทุกวันอุดมจะนั่งรถประจำทางไปโรงเรียนในตัวจังหวัดตั้งแต่เช้ามืด ส่วนน้องๆทั้งสามนั้นอยู่โรงเรียนใกล้บ้าน เดินไปไม่นานก็ถึง

วันหยุดอุดมช่วยแม่เก็บผักตามชายคลองไปขายที่ตลาด มีทั้งยอดผักหนามซึ่งขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ยอดจิก ยอดมันปูที่ขึ้นอยู่ตามชายคลอง และผักกาดนกเขาที่ขึ้นอยู่ตามสวนมะพร้าว


แม่ของอุดมมีอาชีพขายผักพื้นบ้านในตลาดประจำตำบล ส่วนพ่อนั้นรับจ้างทำงานทั่วไป ไม่ว่าจะถางไร่หรือขุดบ่อน้ำ บางครั้งก็ไปแบกหามเป็นกรรมกรตามแต่โอกาส

แม่รู้ว่าอุดมอยากได้จักรยานเสือภูเขาคันสีเหลือง ที่เหมือนกับของลูกครูวันชัย ทุกครั้งที่ลูกครูวันชัยขี่รถจักรยานคันนี้ผ่านหน้าบ้าน แม่เห็นอุดมเฝ้ามองจนเหลียวหลัง นางเห็นใจลูกชาย แต่ก็สุดที่จะเนรมิตได้ดังต้องการ เพราะราคาของมันเหยียบๆครึ่งหมื่น ราคาผักหนามสักกี่กำ ยอกจิกสักกี่กระจาดกัน จึงจะเทียบเท่าราคาจักรยานสวยคันนั้น

นางได้แต่ลูบหัวลูกปลอบใจ แล้วพูดว่า

"สักวันแม่จะเก็บเงินซื้อให้นะลูกนะ"

อุดมกอดแม่ พลางเงยหน้ามองนาง ดวงตามีแววหมอง เด็กชายยิ้มเศร้าๆ เขารู้ดีว่าประโยคที่แม่บอกไม่มีวันที่จะเป็นจริงไปได้ในชีวิตนี้ แม่มีน้องต้องดูแลอีกตั้งสามคน ไหนยังมีปู่ที่แก่ชรา และย่าที่แทบจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีกล่ะ

"ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ผมแค่มองดูเฉยๆเท่านั้น"

เขาตอบไม่ตรงกับใจของตัวเอง เพราะไม่อยากให้แม่ต้องลำบากใจ

อุดมได้แต่หวังและฝันว่าสักวันเขาจะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของเสือภูเขาสักคัน แต่ความฝันและความหวังนั้นถูกแอบซ่อนอยู่ภายในใจของเขาอย่างเงียบๆ แม้เขาจะเห็นใจแม่ แต่ก็ไม่รู้จะห้ามความอยากของตัวเองเอาไว้ได้อย่างไร แม้รู้ว่าไม่มีโอกาส แต่ขอเพียงฝันเท่านี้อุดมก็พอใจ

อุดมรู้ว่าพ่อทำงานหนักและเหน็ดเหนื่อย ไม่มีเหตุผลเพียงพอหรอกที่จะเอาเงินซึ่งแลกจากแรงกายของพ่อมาซื้อความฝันของเขา กลับจากทำงานทุกวันเสื้อพ่อเปียกชุ่มด้วยเหงื่อ แต่พ่อก็ยังใจดี พูดคุยกับทุกคนอย่างไม่ได้เอาความเหน็ดเหนื่อยนั้นมาเป็นอารมณ์ พ่อพูดอยู่บ่อยๆว่ายึดถือคติที่พระท่านว่า เหงื่อคือพระเจ้า หลั่งลงมาเพื่อชำระล้างความเกียจคร้านในหัวใจของคน พ่อไม่ได้รู้สึกว่าคนในครอบครัวคือภาระ แต่พ่อรู้ว่าการหาเลี้ยงทุกคนนั้นเป็นหน้าที่ของพ่อ พ่อเต็มใจทำด้วยความรักที่มีต่อครอบครัว

อุดมเป็นเด็กเรียนดี มีความประพฤติเรียบร้อย เป็นที่รักของเพื่อนฝูงและครูบาอาจารย์ เขาเป็นเด็กอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักเจียมตัว และอดทนตามคุณสมบัติของคนจนที่ดีทุกประการ แม้ถึงจะจนอย่างไร อุดมก็ยังแต่งกายสะอาด ชุดนักเรียนถูกระเบียบ เพราะแม่เอาใจใส่ลูกๆอย่างดีเสมอ ครอบครัวของอุดมแม้ยากจน แต่ก็ไม่ข้นแค้น เพราะพ่อและแม่ละเว้นอบายมุขทั้งปวง

ถ้าจะว่าไปแล้ว อุดมก็มีความสุขตามอัตภาพ เพียงแต่เขายังไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของจักรยานเสือภูเขาสักคันหนึ่งเท่านั้นเอง

บางครั้งอุดมคิดว่า เทวดาน่าจะเห็นความดีของเขาบ้าง น่าจะสงสารพ่อของเขาบ้าง และน่าจะเห็นใจแม่บ้าง แต่ที่สำคัญที่สุด อุดมอยากให้เทวดาเห็นความดีของเขา เขาทำดีทั้งซึ่งหน้าและลับหลังผู้คน เพราะอุดมหวังว่า เทวดาคงกำลังมองดูชีวิตของเขาอยู่ แล้วสักวันเทวดาก็คงจะเห็นใจในความดีของเขา บางที...บางที เทวดาอาจจะช่วยให้เขาได้มีโอกาสเป็นเจ้าของเสือภูเขาสักคัน ไม่ต้องสวยเท่าของลูกครูวันชัยก็ได้ แต่ขอให้มันมีสักสิบเกียร์ก็พอ เผื่อปั่นขึ้นเนินจะได้ไม่หนักแรง ของลูกครูวันชัยมีตั้งยี่สิบเอ็ดเกียร์ แต่นั่นมันสูงเกินไป สูงเกินไปแม้แต่จะนำมาฝัน

ในห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ มีแกแลคซี่นับแสนล้านแกแลคซี่ มีจักวาลนับล้านล้านจักรวาล มีดวงดาวนับไม่ถ้วนดวงดาว

บางทีอาจมีดาวดวงหนึ่งซึ่งมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ บางทีสิ่งมีชีวิตในดวงดาวนั้นอาจเป็นชีวิตที่มีพัฒนาการเจริญมากกว่ามนุษย์หลายแสนเท่า บางทีสิ่งมีชีวิตชนิดนั้นอุดมอาจเรียกว่า เทวดา และบางทีเทวดาอาจจะกำลังมองครอบครัวของอุดมอยู่ เหมือนอย่างที่อุดมคิดไว้

วันหนึ่งเมื่ออุดมกลับจากโรงเรียน จักรยานเมือภูเขาสีทองแวววาวใหม่เอี่ยมมีเกียร์ยี่สิบเกียร์ตั้งอยู่ที่หน้าบ้าน

แวบแรกที่เห็น ทันใดหัวใจอุดมก็เต้นเร็วแรง เขาไม่สามารถบังคับตัวเองได้ ขามันพาเขาวิ่งถลาตรงมายังรถจักรยานคันนั้นทันที

เขายิ้มทั้งๆที่ยังไม่เข้าใจอะไร โครงและเบาะของมันยังหุ้มพลาสติกกันกระแทกอยู่เลย โซ่เป็นเหล็กสเตนเลสส์วาววับ เขายกมือขึ้นลูบไล้มันอย่างทะนุถนอม น้ำตาคลอด้วยความตื้นต้น

แม่ยืนยิ้มอยู่ที่ประตู เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าแม่ ก็รู้ความหมาย เขาร้องไห้ด้วยความดีใจ วิ่งไปกราบแทบเท้า แม่ประคองเขาขึ้นมากอดด้วยความรักเอ็นดูในตัวลูกชาย

พ่อได้งานรับเหมาขุดบ่อน้ำ บังเอิญตาน้ำตื้น พ่อเลยได้กำไรมากเป็นพิเศษ นำมารวบรวมกับเงินของแม่ และเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เขาช่วยแม่เก็บผัก ซึ่งแม่แยกเก็บไว้ต่างหาก ทั้งสองคนตกลงใจซื้อจักรยานให้ลูกชาย ซึ่งไม่เคยทำให้พ่อแม่หนักใจเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะในเรื่องการเรียนหรือเรื่องอื่นๆ

คืนนั้นอุดมนอนไม่หลับ เขาตื่นเต้นอยากจะขี่เสือภูเขาสีทองคันนั้นไปโรงเรียนเสียไวๆ ใจของเขากระวนกระวาย เร่งวันเร่งคืนให้ถึงเช้าเร็วๆ ก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย อุดมคิดว่าเทวดาคงมองเห็นความดีของครอบครัวเขา อุดมเกิดความเชื่อขึ้นมาอย่างลึกซึ้งว่าสวรรค์คงมีตา และเทวดาคงมีจริง

อุดมมีความสุขกับรถจักรยานเสือภูเขาคันใหม่ สมกับที่ได้ฝันไว้ เมื่อลูกครูวันชัยเห็นจักรยานคันสีทองของอุดม ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เห็นจักรยานเสือภูเขาสีทองปั่นผ่านหน้าบ้านของอุดมอีกเลย

สองสามเดือนต่อมา อุดมเห็นลูกครูวันชัยขี่มอเตอร์ไซค์คันใหม่ป้ายแดงผ่านหน้าบ้านเขาไป แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาเหลียวมองเหมือนกับจักรยานคันสีเหลืองคันนั้น อุดมไม่ได้ตื่นเต้นกับรถมอเตอร์ไซค์ เพราะเขาพอใจในรถจักรยานเสือภูเขาสีทองอย่างยิ่งแล้ว ไม่มีความพอใจอื่นใดจะมาทำให้เขาเกิดความอยากขึ้นได้อีก อย่างน้อยก็ในระยะเวลาอันใกล้นี้

อุดมดูแลมันอย่างดี ทำความสะอาด หยดน้ำมันหล่อลื่น ขัดโซ่สเตนเลสส์จนขาววาววับอยู่เสมอๆ รู้สึกผูกพันกับมันอย่างบอกไม่ถูก บางครั้งอุดมรู้สึกว่าจักรยานสีทองคนนี้มันมีชีวิต มันสื่อสารกับเขาได้ เหมือนมันบอกเขาว่ามันมีความสุขที่ได้แล่นฉิวไปตามถนนหนทาง ตอนเย็นหลังเลิกเรียนอุดมรู้สึกว่าเจ้าสีทองมันตั้งหน้าตั้งตารอเขาอยู่ เหมือนหมาที่รอเจ้าของมาพากลับบ้านด้วยกัน อุดมคิดว่าถ้าเจ้าสีทองมันมีหาง หางมันคงกระดิกสั่นไหวต้อนรับเขาด้วยความตื่นเต้นดีใจ

แต่ความสุขไม่ได้อยู่คู่กับมนุษย์นานนัก อุดมกับจักรยาสีทองใช้ชีวิตร่วมกันมาได้ประมาณหนึ่งปี เหตุการณ์ก็เปลี่ยนแปรไป

วันหนึ่งเทวดาก็คงจะทดสอบเขา

วันนั้นแม่แปลกใจที่เห็นอุดมกลับจากโรงเรียนช้าผิดปกติ และแปลกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นเขาเดิน แทนที่จะขี่จักรยานกลับมา

เมื่อเขาเห็นหน้าแม่

"จักรยานไปไหนเสียล่ะลูก"

อุดมน้ำตาคลอทั้งๆที่พยายามกลั้นมันเอาไว้

"มันหายไปแล้วแม่"

เขาพูดได้แค่นั้นน้ำตาก็รินไหล ก้อนสะอื้นขึ้นมาจุกที่คอ แม่เห็นท่าทางลูกชายก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น นางกอดปลอบลูกพลางพูด

"ช่างมันเถอะลูก หายแล้วก็แล้วกัน ค่อยหาเอาใหม่นะ"

....เช้าวันนั้นอุดมเอารถจักรยานไปจอดที่ตึกเรียนตามปกติ แล้วเขาขึ้นไปเรียนที่ชั้นสาม แต่เมื่อเลิกเรียนเขาหาจักรยานไม่พบอีกแล้ว มันหายไปจากที่จอดอย่างไร้ร่องรอย ทั้งๆที่อยู่ในโรงเรียน ทั้งๆที่จอดในที่ที่เคยจอดทุกวัน ทั้งๆที่เขาใส่กุญแจล็อคอย่างแข็งแรง

อุดมเคว้งคว้าง รู้สึกเหมือนไม่มีจิตใจอยู่ในร่างกาย เขาบอกครูประจำชั้น ครูประจำชั้นพาเขาไปพบครูฝ่ายปกครอง ครูฝ่ายปกครองพาเขาไปพบผู้อำนวยการโรงเรียน แต่สรุปแล้ว ก็ยังหาจักรยานของเขาไม่เจอ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเอาไป และเอาไปโดยวิธีใด....

เขาจึงต้องนั่งรถประจำทางกลับบ้าน มาร้องไห้ในอ้อมกอดของแม่อีกครั้งหนึ่ง

อุดมรู้ว่าเทวดาไม่ใจดีกับมนุษย์บ่อยนัก ในชีวิตของคนๆหนึ่ง เทวดาอาจจะช่วยเหลือแค่เพียงครั้งเดียว บางคนเทวดาไม่เคยช่วยเหลือเลยด้วยซ้ำไป

เขายอมรับชะตากรรม พ่อรู้ข่าวหลังกลับจากไปรับจ้างถางป่าต่างอำเภอเสียหลายวัน พ่อไม่ได้ว่าอะไรเขา พ่อเพียงแต่บอกกับอุดมว่า

"อย่าไว้ใจทาง อย่างวางใจคน จะจนใจเอง"

คงเป็นคติสอนใจที่ทดสอนปู่ ปู่สอนพ่อ และคงถึงเวลาแล้วที่พ่อคิดว่าน่าจะสอนเขาอีกทอดหนึ่ง แต่อุดมกลับรู้สึกว่า มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลย เขาป้องกันอย่างดีแล้ว และเขาไม่ได้ไว้วางใจใครจนทำให้จักรยานหาย มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น นอกเหนือการควบคุมของเขา บางที อุดมคิดว่าอาจจะเป็นฝีมือของเทวดาที่มาทดสอบจิตใจเขา หรือจะเป็นฝีมือของมารร้ายที่มาแย่งชิงเอาความสุขจากชีวิตของเขาไปด้วยความอิจฉาก็เป็นได้

อุดมคิดว่าเทวดาคงไม่มีเวลามาติดตามดูชีวิตของเขาอีกแล้ว ท่านคงต้องไปช่วยคนดีคนอื่นๆบ้าง เขาจึงต้องช่วยตัวเอง ต้องอดทน และต้องมีความมานะพยายาม

ทุกๆวัน อุดมพยายามเพ่งมองหาจักรยานของเขา ในกลุ่มจักรยานของนักเรียนทั้งหลาย แต่ก็ไม่เจอ บางทีอาจจะมีที่คล้ายกันบ้าง แต่เมื่อสังเกตใกล้ๆกลับไม่ใช่

อุดมจำได้ว่าเจ้าสีทองของเขามีตำหนิตรงรอยครูดของขอบยางกับตะเกียบ มันเป็นรอยครูดที่ลึกจนเกือบถึงใยผ้า นอกจากนี้ที่จานเกียร์หน้าก็มีรอยครูดลึกยาว เพราะเขาเคยทำมันล้มกระแทกกับขอบบาทวิถีของโรงเรียน

เขาอดทนมองหารอยตำหนิของจักรยานสีทอง ทุกครั้งที่มีโอกาส จากเดือนเป็นสองเดือน เป็นสามเดือน เป็นสี่เดือน เป็นแปดเดือน เขาก็ยังคงตามหาเจ้าสีทองอยู่เช่นนั้น

เขาคิดว่าตราบใดที่เขายังเรียนอยู่ที่โรงเรียนนี้ เขาก็จะตามหามัน

และแม้ว่าเขาจะออกไปจากโรงเรียนนี้ เขาก็ตั้งใจว่าจะตามหาเจ้าสีทองในทุกๆที่ และจะตามหามันไปจนตลอดชีวิต

สักวันหนึ่งอุดมคิดว่าเขาจะเจอ เขาจะรอวันนั้น แม้ว่ามันจะเป็นไปได้น้อยแค่ไหนก็ตาม

อาจจะมีสักวันที่เทวดาองค์ที่เคยช่วยอุดม ท่านว่างจากการมองดูคนดีคนอื่นๆ ท่านอาจจะหันมามองดูชีวิตของอุดมอีกครั้งหนึ่ง และคงเห็นว่าอุดมยังเป็นคนดีสม่ำเสมอแม้ลับหลังท่าน

เทวดาท่านอาจจะเห็นว่าอุดมเป็นคนมีความอดทน อุตสาหะ พยายาม ไม่ย่อท้อ ยังคงช่วยแม่เก็บผักทุกเสาร์-อาทิตย์ แม้จะไม่มีความหวังและความฝันอะไรเกี่ยวกับจักรยานอีกแล้ว

เทวดาท่านอาจจะคิดว่า การช่วยคนดีสองครั้งในหนึ่งชีวิตของเขาก็ไม่เห็นเสียหายอะไร อุดมจึงได้พบกับความเป็นไปได้ของเหตุการณ์ที่แทบเป็นไปไม่ได้บนโลกใบนี้

ในบ่ายวันที่ฟ้าฉ่ำฝนวันหนึ่ง อุดมรู้สึกปวดปัสสาวะ เขาพยายามอดกลั้น แต่ก็ทนไม่ไหว ในที่สุดก็ต้องเอ่ยปากขออนุญาตกับครู

"คุณครูครับ ขออนุญาตไปปัสสาวะครับ"

ครูพยักหน้าอนุญาตอย่างไม่สงสัย เพราะเชื่อในตัวอุดมว่าเขาเป็นคนดี คงไม่ไปสูบบุหรี่หรือเสพยาบ้าที่ห้องน้ำแน่นอน

อุดมเดินลงมาจากชั้นสาม ออกทางหน้าอาคารแล้วเดินอ้อมปีกอาคารไปทางด้านหลัง เมื่อเสร็จธุระเขาก็เดินกลับ ขณะที่กำลังเดินอยู่ จู่ๆก็มีฝนสาดกระหน่ำลงมาจากท้องฟ้าอย่างหนัก อุดมต้องหลบฝนเข้าไปตรงชายคาด้านข้างอาคารเรียน ฝนตกหนักจนเขาไปต่อไม่ได้

เขาหยุดรอฝนซาอยู่ตรงท้ายรถจักรยานเก่าๆคันหนึ่ง เป็นจักยานสีทองที่เก่าคร่ำคร่า ด้วยความเคยชินเขาก็อดที่จะสังเกตจักรยานคันนั้นไม่ได้ แล้วเขาก็เห็นสิ่งผิดปกติ

หัวใจของอุดมเต้นแรง เขามองเห็นรอยตำหนิที่ยางหลังตรงกับจักรยานของเขา เมื่อก้มลงมองที่จานเกียร์หน้า หัวใจของเขาก็พองโตจนคับอก ที่จานเกียร์หน้ามีรอยขูดขีดเหมือนกับเจ้าสีทองของเขา อุดมมั่นใจอย่างที่ไม่เคยมั่นใจอะไรอย่างนี้มาก่อน ว่าเขาได้พบกับเจ้าสีทอง จักรยานสุดรักของเขาเข้าแล้ว

เขารีบไปบอกอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ที่ปรึกษาพาเขาไปพบกับอาจารย์ฝ่ายปกครอง อาจารย์ฝ่ายปกครองพาเขาไปพบกับผู้อำนวยการ

เย็นวันนั้น มีคนห้าคนรอคอย คนที่จะมาเอาจักรยานสีทองคันนั้น

ผู้อำนวยการโรงเรียนยืนคุยกับอาจารย์ฝ่ายปกครองที่ลานจอดรถใกล้ๆ อาจารย์ประจำชั้นของอุดมคุยอยู่กับอาจารย์สอนวิชาเชื่อมโลหะที่หน้าโรงฝึกงาน ส่วนอุดมเหมือนกำลังนั่งรอเพื่อนอยู่ตรงห้องพยาบาลแถวนั้น แม้ทุกคนทำเหมือนคุยกันปกติ แต่สายตาทุกคู่กลับจับจ้องอยู่แต่รถจักรยานสีทองคันนั้น

เข็มนาฬิกาบนข้อมือของครูทุกคนเดินไปตามปกติ เหมือนมันลากเอาวันเวลาทั้งโลกไปด้วย ทุกคนเฝ้ารอถึงห้วงเวลาแห่งความระทึกซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

เมื่อปัจจัยทั้งหลายถึงพร้อม โลกก็หมุนมาถึงวินาทีแห่งการรอคอย

เด็กชายวัยรุ่นรูปร่างผอมบางคนหนึ่ง เดินตรงมาหยิบรถจักรยานสีทองคันนั้นปั่นออกไป ทั้งห้าคนที่รออยู่ต่างก็กรูเข้าหาเป้าหมายอย่างพร้อมเพรียงกัน อุดมวิ่งออกไปยืนขวางหน้าเอาไว้ อาจารย์ฝ่ายปกครองตรงเข้าไปจับแฮนด์รถ อาจารย์ที่ปรึกษาจับไหล่ของเด็กชายผู้ตกเป็นจำเลยไว้คนละข้างกับอาจารย์ที่สอนช่างเชื่อมโลหะ ส่วนผู้อำนวยการเดินขมวดคิ้วเข้ามา พลางจ้องมองเด็กชายร่างผอมด้วยสายตาตำหนิอย่างรุนแรง

สีหน้าของเด็กชายผู้ถูกคร่ากุมตัวเต็มไปด้วยความตกใจอย่างสุดขีด

อุดมแสดงความเป็นเจ้าของ โดยระบุตำหนิทั้งสองแห่งของเจ้าสีทอง เด็กชายร่างผอมหน้าซีดเผือด รีบปฏิเสธปากคำสั่นว่าไม่ใช่เจ้าของรถ เขาเพียงแต่นำมันมาขี่เท่านั้นเอง มีเพื่อนที่รู้จักกันคนหนึ่งเอารถจักรยานคนนี้มาฝากไว้ที่บ้าน

เมื่อผู้อำนวยการซักถามถึงชื่อของเพื่อนคนนั้น เด็กชายร่างผอมหลบสายตา พลางตอบไม่ค่อยเต็มเสียงว่ารู้จักเพียงชื่อเล่นเท่านั้น ไม่ได้รู้จักชื่อ-นามสกุลจริง

รุ่งขึ้นผู้ปกครองของนักเรียนทั้สองคนก็ได้รับการเชิญตัวมากที่โรงเรียน

อุดมนั่งรถสองแถวมาลงที่หน้าโรงเรียนกับพ่อ ส่วนเด็กชายคนนั้นก็นั่งรถยนต์ส่วนตัวคันหรูมากับพ่อของเขาเหมือนกัน

เมื่อทุกคนพร้อมหน้าในห้องผู้อำนวยการ หลังจากฟังการบรรยายสรุปของอาจารย์ฝ่ายปกครอง พ่อของเด็กชายผู้เป็นจำเลยก็กล่าวว่า เขารู้สึกไม่มีเหตุผลเลยที่ลูกชายเขาจะกลายไปเป็นขโมยลักจักรยานคันไม่กี่บาท เพราะฐานะอย่างเขาจะซื้อจักรยานเสือภูเขาให้ลูกสักกี่โหลก็ย่อมได้ อย่าว่าแต่จักรยานเลย แม้รถมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์ก็ยังซื้อให้ได้สบายๆ แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่ลูกของเขาจะมาลักรถจักรยานโทรมๆเก่าๆคนนี้

อาจารย์ฝ่ายปกครองชี้แจงว่า เป็นความชัดเจนที่รถจักรยานสีทองคันนี้เป็นของเด็กชายอุดมจริง เพราะตำหนิของรถตรงกับที่เจ้าของเคยบอกเอาไว้เมื่อตอนที่หายใหม่ๆ และเพิ่งสืบหาจนเจอเมื่อวานนี้ ปรากฏว่าเป็นเด็กชายคนนี้ (หันหน้าไปทางเด็กชายร่างผอม) ที่นำมาขี่อยู่ จะปฏิเสธว่าไม่รู้คงไม่ได้ ส่วนใครจะมีเหตุผลหรือไม่มีเหตุผลมารองรับพฤติกรรมที่ปรากฏนั้น ก็ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ แต่ข้อเท็จจริงมันมีอย่างนี้

ทั้งพ่อและลูกผู้เป็นจำเลยเมื่อได้ฟังก็นิ่งอึ้งไป

ในที่สุดผู้อำนวยการซึ่งนั่งนิ่งเป็นประธานมานานก็เอ่ยขึ้นบ้างว่า รู้สึกเห็นใจเด็กชายอุดมที่ต้องสูญเสียจักรยานที่รักไปหลายเดือน แต่ตอนนี้อีกสองเดือนเด็กก็จะจบมัธยมต้นกันแล้ว จะของดเว้นโทษให้จำเลย เพื่อเห็นแก่อนาคตของเด็กจะได้หรือไม่ หันมามองทางอุดมกับพ่อ ไหนๆเด็กก็ไม่ได้ตั้งใจ หันไปสบตากับพ่อของเด็กชายร่างผอม ดูจากฐานะทางบ้านเขาก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่เด็กจะมาเป็นขโมย เรื่องนี้ถ้าจะพิสูจน์กันจริงๆ ก็ต้องให้ศาลตัดสิน ซึ่งมันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากใหญ่โตไปเสียเปล่าๆ

พ่อมองหน้าอุดมยกมือขึ้นลูบหัวลูกชายด้วยความรัก แล้วพ่อก็มองหน้าเด็กคนนั้น ในใจของอุดมอยากจะให้เขาซื้อจักรยานคันใหม่ให้ เพราะสภาพของเจ้าสีทองนั้นถูกดัดแปลงและใช้อย่างทิ้งๆขว้างๆจนโทรมไปทั้งคัน

ในที่สุดพ่อของอุดมก็พูดขึ้น

"เอาเถอะ เพื่อเห็นแก่เด็ก ผมจะไม่เอาความ ขอเพียงจักรยาคืนก็แล้วกัน"

พ่อของเด็กคนนั้นถอนหายใจยาว กล่าวขอบคุณพ่อของอุดม เขาสารภาพกับทุกคนว่าไม่มีเวลาให้ลูกเต็มที่ เพราะมัวแต่ทำงานจนไม่ได้ลืมหูลืมตา เขาให้ลูกชายเข้ามากราบพ่อของอุดม และกราบขอบพระคุณอาจารย์ทั้งหลายที่มีเมตตาให้โอกาสได้เล่าเรียนอีกครั้ง

เขากล่าวขอโทษแทนลูกชาย เล่าว่าลูกชายร้องขอรถจักรยานเสือภูเขานานแล้ว แต่เขาเห็นว่าอันตรายเกินไป ถ้าหากว่าลูกจะขี่มันมาโรงเรียน ก็เลยไม่ได้ซื้อให้ ทำเป็นเฉยๆเสีย ระยะหลังเห็นลูกเอาจักรยานคนนี้มาขี่ ก็ถามได้ความว่าเป็นของเพื่อนเอามาฝากไว้ ก็ไม่รู้ว่าความจริงมันเป็นอย่างไร

อุดมงงๆกับการตกลงของผู้ใหญ่ เขาได้แต่นิ่งสงบปากคำและมองไปที่จักรยานเสือภูเขาคันที่เคยสวยอย่างเงียบงัน

แล้วเจ้าสีทองก็ได้กลับคืนบ้านด้วยสภาพที่เหมือนกับผ่านศึกสงคราม แต่สำหรับอุดม จักรยานคันนั้นไม่ใช่เจ้าสีทองคันเดิมของเขาอีกแล้ว มันไม่ได้มีความหมายอีกต่อไป เพยงแต่มันได้ทำหน้าที่ปลดปล่อยพันธนาการทางใจให้กับเขา ในการที่จะต้องเฝ้าสังเกตรถจักรยานสีทองทุกคันที่เจอในชีวิต เท่านั้นเอง

ในที่สุดจักรยานสีทองโทรมๆคันนั้นก็กลายไปเป็นของเล่นของน้องๆเขาทั้งสามคน

ต่อมาพ่ออุตส่าห์หาซื้อโครงรถมอเตอร์ไซค์เก่าๆมาซ่อม ใส่เครื่องยนต์ของอีกยี่ห้อหนึ่งเข้าไปแทน แล้วก็ทำสีด้วยสีสเปรย์กระป๋อง หลังจากที่พ่อทดลองขี่สองสามครั้งเห็นปลอดภัยดี พ่อก็เอามามอบให้กับอุดมเพื่อปลอบใจเขาเรื่องเจ้าสีทอง

อุดมดีใจมากที่จะได้ขี่มอเตอร์ไซค์ไปโรงเรียน คืนนั้นเขารอคอยเวลาเช้าด้วยหัวใจเต้นแรง เขาเร่งเวลาให้สว่างเร็วๆ ก่อนที่จะผล็อยหลับไป เขาคิดว่า เทวดาคงเฝ้ามองเขาอยู่ตลอดเวลา แม้บางครั้งเหมือนกับว่าท่านได้ละทิ้งเขาไปแล้วก็ตาม

วันที่อุดมขี่มอเตอร์ไซค์ลูกครึ่งไปโรงเรียน เขารู้สึกรักพ่อ รักแม่ รักน้องๆ รักทุกคนในครอบครัว อุดมรู้สึกพอใจในชีวิต ขอบคุณเทวดาที่คอยเฝ้ามองชีวิตของคนดีๆที่ยังมีหลงเหลืออยู่ในโลก

ใกล้จะถึงโรงเรียน มีมอเตอร์ไซค์รุ่นใหม่ล่าสุดป้ายแดง เร่งแซงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นอุดมกับรถมอเตอร์ไซค์พันธุ์ทางของเขา มอเตอร์ไซค์ใหม่เอี่ยมคันนั้นก็ชะลอความเร็วลง คนขี่หันมายักคิ้วให้ พลางยิ้มอย่างกวนๆ

อุดมจำได้ว่าเป็นเด็กร่างผอมที่เคยขโมยเจ้าสีทองไปจากเขานั้นเอง!

แสดงความคิดเห็น

« 9185
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ