เรื่องสั้น

ปาตีมะ

by จรรยา อำนาจพันธุ์พงศ @November,15 2006 19.21 ( IP : 203...28 ) | Tags : เรื่องสั้น

จรรยา อำนาจพันธุ์พงศ์


เมื่อวานนี้เองที่ยูโส๊ะเพื่อนจากหมู่บ้านริมชายทะเลแห่งหนึ่งแวะมาหาฉัน ขณะฉันกำลังเคว้งคว้างอยู่กับความว่างเปล่าของชีวิต

หลายวันก่อนนี้มีเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้น เมื่อฉันต้องสูญเสียมารีนาหญิงสาวอันเป็นที่รักไป พ่อแม่ของมารีนาล่วงรู้ถึงการคบหากันระหว่างเรา พวกเขาทำทุกอย่างเพื่อกีดกันมารีนาไม่ให้คบหากับฉันอย่างเด็ดขาด

อาจเป็นเพราะความรักที่ฉันมีต่อมารีนานั้นมากมาย...เกินกว่าฉันที่จะก้าวล่วงไปสร้างความแตกร้าวใดๆ ต่อครอบครัวของเธอ ฉันจึงไม่ดื้อดึงที่จะทำอะไรให้มากกว่าการต้องอดทนต่อความปวดร้าวอยู่ในห้องเช่าโกโรโกโสเพียงลำพัง

เหนืออื่นใด, ฉันกลัวว่ามันจะซ้ำรูปรอยเดิมเหมือนครั้งเมื่อหลายปีก่อนอีก เรื่องราวครั้งนั้นยังฝังใจฉันอย่างไม่อาจลืมเลือนได้เลย

ช่วงเวลาเช่นนี้ ฉันจึงยังมองไม่เห็นหนทางข้างหน้าที่ชัดเจน ฉันหยุดเขียนหนังสือมาร่วมเดือน ด้วยการเอาแต่นั่งคิดถึงมารีนา ฉันอยากพบเธออีกสักครั้ง แต่พ่อแม่ของเธอได้ส่งตัวเธอไปเรียนต่อที่มาเลย์เสียแล้ว แล้วฉันจะพบเธอได้อย่างไร ในเมื่อเธออยู่ไกลฉันเสียเหลือเกิน?

ฉันอยากลาพักงานสักอาทิตย์เพื่อเดินทางเที่ยวเตร่ไปตามใจ แต่ฉันจะไปไหนได้ ในเมื่อการงานยังเป็นเสมือนพันธนาการที่ร้อยรัดฉันไว้อย่างนี้ แน่นอนว่า ฉันปลดปล่อยพันธนาการนี้ได้หากต้องการ แต่นั่นอาจเป็นการเดินลงสู่หุบเหวแห่งความตกต่ำ ที่ฉันยังไม่อาจทำใจยอมรับได้

ยูโส๊ะมาหาฉันถูกจังหวะ เราเลี้ยงฉลองกันยกใหญ่ ฉันได้ระบายถึงชีวิตที่น่าเบื่อ ส่วนเขาพูดถึงชีวิตริมทะเล และอยากให้ฉันหาโอกาสไปพักผ่อนที่นั่นอีกสักครั้ง

ฉันบอกยูโส๊ะว่าอยากไปที่นั่น ทั้งที่ใจจริงแล้วฉันยังไม่รู้ว่า ฉันยังอยากไปที่นั่นอีกหรือเปล่า?

๐ ๐ ๐

ยูโส๊ะกลับไปแล้ว...

ตอนนี้ฉันจึงคิดถึงทะเล ฝันอยากไปสัมผัสสายลมอันเฉื่อยฉิวริมหาดทรายเนื้อละเอียด ฟังเสียงคลื่นโถมซัดเข้าหาฝั่ง ทอดตามองไปยังเวิ้งน้ำกว้าง เขย่งเท้าชะเง้อออกไปไกลๆ หวังได้เห็นเรือลอยล่องอยู่สักลำ ฝันถึงการได้นิ่งมองผืนน้ำกับท้องฟ้าที่บรรจบเข้าหากัน ณ ริมขอบฟ้าไกลโพ้น

ฉันยังฝันถึงการได้เปลือยเท้าออกเดินสัมผัสผืนทรายอันนุ่มเนียน เฝ้าดูว่าจะมีปูลมโผล่ออกมาจากรูสักตัว ไม่ฉันก็อาจลงมือขุดคุ้ยทรายขึ้นมา ขุดลงไปลึกๆ นั่นเลย ที่สุดแล้วเนื้อทรายก็ถมทับเข้าหากัน ชวนให้ฉันสงสัยว่าแท้จริงแล้วปูลมอาจไม่มีอยู่จริง มีก็แต่รอยเท้าของมันเท่านั้นที่เป็นประจักษ์พยานแห่งการมีอยู่ของมันได้

ทะเลเป็นสิ่งมหัศจรรย์สำหรับฉันเสมอ เพราะลึกลงไปใต้ห้วงมหรรณพนั้น เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าตื่นใจ เป็นดั่งเมืองสวรรค์ที่มีทั้งนางฟ้า และดวงดาว ทั้งยังน่าตื่นใจด้วยสิ่งมีชีวิตรูปร่างประหลาด คล้ายดั่งดินแดนในนิทานปรัมปรา

เมื่อฉันคิดถึงทะเล ก็ชวนให้คิดถึงคำกล่าวทำนองว่า ใจคนนั้นลึกสุดหยั่ง บางครั้งมันก็แปรปรวนยิ่งกว่ามวลเมฆบนท้องฟ้า ปั่นป่วนรุนแรงเหนือกว่าคลื่นลมในห้วงทะเล มีอนุภาพทำลายร้ายแรงเกินกว่าจะคาดเดา อีกทั้งยังร้ายลึกเกินกว่าจะมองเห็น นั่นละ ใจคน.

นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ฉันสรรหามาสนับสนุนความคิดตัวเอง และมองมนุษย์ในแง่ร้าย โดยไม่พูดถึงแง่งามที่มีมากมาย แต่พูดไปก็ยิ่งเข้าใจยาก ในเมื่อคำหวาน และการเอาอกเอาใจไม่ใช่สิ่งยืนยันถึงตัวตนอันแท้จริง เว้นแต่การได้มองลึกถึงแววตา...บ้างก็ว่าแววตามนุษย์นั้นบ่งบอกถึงความจริงใจ และสัตย์จริง ด้วยเหตุที่มนุษย์ไม่อาจซ่อนเร้นความเลวร้าย โกหกพกลมได้ มันบ่งบอกได้จากดวงตานั่นเอง ๐ ๐ ๐

การแวะมาเยี่ยมเยือนของเพื่อนจากหมู่บ้านริมชายทะเล นอกจากทำให้ฉันอยากสัมผัสกับทะเลแล้ว มันก็ทำให้ฉันคิดถึงปาตีมะ หญิงสาวผู้มีแววตาหม่นเศร้า ณ หมู่บ้านริมทะเลอันเงียบสงบแห่งนั้น

ใช่, ทะเลทำให้ฉันหวนระลึกถึงแววตาใสซื่อนั้นอีกครั้ง แต่ทำไมก่อนนั้น ฉันถึงไม่อาจล่วงรู้บางสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่หลังแววตาคู่นั่นได้เลย หรือจะเป็นเพราะความรัก ความรักที่บิดเบือนทุกสิ่ง...

ฉันไม่รู้ว่าปาตีมะจะยังมีความหมายอะไรต่อฉันอีก เรื่องราวมันผ่านพ้นมาหลายปีแล้ว

ทว่าปาตีมะนั่นเอง ที่ทำให้ฉันลังเลที่จะไปเยือนบ้านริมทะเลของยูโส๊ะ ทั้งที่ทะเลอันสวยงามบริสุทธิ์ที่ยังคงท่วงทำนองชีวิตอันเรียบง่ายของชาวบ้านริมหาดด้วยการประกอบอาชีพหาปลาแบบดั้งเดิมนั้น นับวันจะหาดูได้ยากเต็มที

ปีก่อนนี้เองที่ยูโส๊ะมาหาฉัน และชวนฉันไปบ้านริมทะเลของเขา ครั้งนั้น, เขาพร่ำถึงช่วงฤดูการออกเล ที่เราจะได้กินอาหารทะเลสดๆ ปิ้ง ย่างได้ตามใจชอบ

"เพื่อนรัก...แกกลัวเจอปาตีมะเหรอวะ...ไม่หรอกน่าบ้านเธออยู่ไกล และเธอก็ยังทำงานในโรงงานปลากระป๋อง มีลูกเป็นโขยงแล้ว เผลอๆ นายอาจจำเธอไม่ได้ด้วยซ้ำ" ยูโส๊ะพยายามชักจูงฉัน ด้วยการกล่าวถึงปาตีมะด้วยอารมณ์เริงรื่น

ฉันตัดสินใจตามยูโส๊ะไปตั้งแคมป์นอนเล่นกันริมหาดทราย อันประดับประดาไปด้วยเปลือกหอยนานาชนิด มองดูน้ำทะเลสีคราม และเฝ้ามองดวงอาทิตย์ทิ้งดวงสีแสดที่ริมขอบฟ้าไกล แล้วพากันเดินเปลือยเท้าไปตามแนวหาด ฟังเสียงคลื่นโถมซัดฝั่งซ่านซ่า ตกกลางคืนเราปิ้งหมึก ปู กุ้งกินกันจนอิ่มท้อง ก่อนนอนฝังทราย หลับไปถึงเช้า ทิ้งเต้นท์ที่เรากางไว้ให้ลมกลางคืนพัดตีดังพรึบๆ เคล้าเสียงคลื่น ตื่นเช้าขึ้นมา เราไปดูชาวบ้านนำปลา ปู กุ้ง หมึกมาแบ่งสันปันส่วนกันอย่างครึกครื้น แต่สิ่งที่ยูโส๊ะไม่รู้ คือเช้าวันนั้นฉันได้เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ยูโส๊ะพูดผิดไปถนัดเรื่องที่ว่าฉันจะจำปาตีมะไม่ได้ เพราะเธอยืนอออยู่ท่ามกลางชาวบ้านที่มาเฝ้ารอการได้ซื้ออาหารสดจากทะเลนั่นเอง ฉันจดจำแววตาที่ซุกซ่อนไว้ภายใต้ฮิญาบสีหวานนั้นได้ดี เธอเหลือบมองฉันแวบหนึ่งแล้วเดินหนี ขณะที่ฉันได้แต่จ้องนิ่งมองเธอเดินอุ้มเด็กคนหนึ่งลับหายไปในท่ามกลางฝูงชน

แต่ฉันก็หาได้โทษยูโส๊ะมากเท่าโทษตัวเองที่คิดว่า ฉันจะไม่รู้สึกปวดร้าวใดๆ กับเรื่องของปาตีมะอีกแล้ว แต่การได้พบกับปาตีมะทำให้ฉันตระหนักได้ว่า แท้จริงแล้วเวลาไม่อาจละลายความปวดร้าวเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันในครั้งนั้นได้เลย

๐ ๐ ๐

ฉันได้รู้จักกับปาตีมะ ด้วยการแนะนำของยูโส๊ะ ครั้งนั้นฉันไปเยือนบ้านริมทะเลของเขาเป็นครั้งแรก เราตั้งแคมป์กันริมทะเล โดยมีคนรักของยูโส๊ะนำทีมเพื่อนของเธอมาร่วมสนุกกับเรา นั่นทำให้ฉันได้รู้จักกับปาตีมะหญิงสาวผู้เงียบขรึม แววตาหม่นเศร้า แต่ร่าเริงในบางที ยูโส๊ะบอกว่า กว่าคนรักของเขาจะชวนปาตีมะออกจากบ้านได้ก็ต้องเทียวมาเทียวไปไม่รู้กี่ครั้ง เพื่ออ้อนวอนป๊ะกับมะของเธอให้เธอได้ออกไปเที่ยวนอกบ้านบ้าง

ฉันไปเยือนหมู่บ้านริมชายทะเลนั้นอีกหลายครั้ง เป็นยูโส๊ะอีกนั่นแหละ, ที่นัดปาตีมะมาพบฉัน หาดทรายอันเงียบสงบ คือที่ที่ฉันได้พบกับปาตีมะ ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินไปสู่จุดที่ฉันต้องตัดสินใจทำอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อให้ได้มาซึ่งหญิงสาวอันเป็นที่รัก

ครั้งนั้น, ฉันต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายจากทั้งฝ่ายญาติมิตรของฉัน และฝ่ายญาติมิตรของปาตีมะ ไม่น้อยกว่าปาตีมะที่พ่อกับแม่ของเธอแทบตัดความเป็นพ่อแม่ลูกจากเธอ โทษฐานที่นำชายต่างศาสนามาอยู่ร่วมชายคา

ทว่าความรักที่เรามีต่อกันในเวลานั้นก็ทำให้ฉันได้รับการยอมรับจากพ่อแม่ และญาติมิตรของเธอ เมื่อฉันได้เดินเข้าสู่ครรลองของการเป็นมุสลิมที่ดี โดยมีวัตรปฏิบัติเยี่ยงผู้มีศรัทธาในศาสนาอย่างเต็มเปี่ยม ฉันหลงใหลในเสียงขับอาซานที่ผสานเข้ากับเสียงคลื่นของบ้านริมทะเล ละทิ้งการใช้ชีวิตที่ขัดต่อหลักศาสนาทุกประการ

ป๊ะกับมะของปาตีมะนั้น เป็นมุสลิมที่ได้รับการยอมรับนับถือจากคนในหมู่บ้านถึงความเคร่งครัดในวัตรปฏิบัติอันเป็นแบบอย่างของมุสลิมที่ดี ทั้งยังเป็นคนทุ่มเทต่อการงานไม่รู้เหนื่อย และเป็นแบบอย่างของคนเรียบง่ายไม่ฟุ้งเฟ้อ

ฐานะครอบครัวของปาตีมะเป็นคนอาชีพหาเช้ากินค่ำ ป๊ะออกทะเลหาปลา มะเป็นคนนำไปขาย ป๊ะเป็นคนพูดน้อยสงบปากสงบคำ ส่วนมะนั้นดูเป็นคนร่าเริงตามบุคลิกของแม่ค้าทั่วไป หากแต่ปาตีมะนั้นผิดแผกออกไป เธอพูดน้อย แววตาหม่นเศร้า เรียนจบมอต้นเธอก็เข้าทำงานในโรงงานปลากระป๋อง ใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่นอย่างเต็มที่ มีความฝันอยากได้อยากมีทุกสิ่งตามสมัยนิยมเหมือนที่เด็กวัยรุ่น รุ่นราวคราวเดียวกับเธอเป็น คืออยากมีมือถือเครื่องใหม่ อยากใส่เสื้อผ้าแฟชั่นใหม่ๆ และชอบออกไปเที่ยวเตร่ในเมืองในตอนวันหยุด และเธอก็หาใช่คนเคร่งศาสนา เธอทำทุกอย่างตามที่มุสลิมที่ดีคนหนึ่ง พึงกระทำเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา

และสิ่งที่ฉันล่วงรู้หลังจากนั้นก็คือ ก่อนที่ฉันจะเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ครอบครัวของปาตีมะ คือเธอไม่เคยแสดงว่ามีความคิด หรือค่านิยมแบบนั้นอย่างชัดแจ้ง แต่แล้ววันหนึ่งโต๊ะหญิงผู้อารีต่อฉันเสมอ ก็ได้ตักเตือนฉันถึงพฤติกรรมอันไม่อยู่ในรูปในรอยของปาตีมะว่า

"มึงพูดกับเมียมึงบ้างเรื่องการแต่งตัว แล้วเที่ยวไปนั่นไปนี่ไม่เคยอยู่ติดบ้าน แต่ก่อนป๊ะมันเตือนอยู่บ่อยๆ ตอนนี้เป็นหน้าที่ของมึงนะ ดูให้ดี ชาวบ้านมันจะว่าเอาได้"

นั่นทำให้ฉันรู้สึกได้ว่าแท้จริงแล้ว ฉันอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปาตีมะเปลี่ยนไปเป็นอีกคน...

แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นก็บังเกิดขึ้นเงียบๆ เมื่อฉันล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วความรักที่ปาตีมะมีต่อฉันเริ่มถูกแบ่งปันไปให้ใครอีกคน ทั้งสองแอบมีสัมพันธ์กันลึกซึ้ง ศรัทธาทุกอย่างที่ฉันมีจึงเริ่มคลอนแคลน เมื่อมันถูกทดแทนด้วยความปวดร้าว เกินกว่าที่ฉันจะยอมรับได้

ฉันไม่อาจระบายเรื่องนี้กับใครได้ แม้แต่ญาติของฉันที่บางคนอาจคอยซ้ำเติมในความดื้อรั้นของฉัน คราเมื่อตัดสินใจเปลี่ยนมาเป็นคนต่างศาสนา มีก็แต่ยูโส๊ะคนเดียวที่ปลอบประโลมฉัน และพยายามประสานรอยร้าวที่เกิดขึ้น แต่เมื่อฉันบอกเขาว่า ฉันจากที่นั่นมาแล้ว โดยได้ทิ้งจดหมายบอกลากับปาตีมะไว้บนเตียงนอนที่เคยอบอุ่น โดยไม่เอ่ยลากับใคร และฉันจะไม่กลับไปที่นั่นอีก

บ้านริมหาดต่างหมู่บ้านของยูโส๊ะ ไกลจากบ้านปาตีมะกว่าสามกิโล และเป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่จะสมานบาดแผลจากความบอบช้ำนั้นได้ ฉันใช้ชีวิตอย่างเรื่อยเปื่อยอยู่ที่นั่นได้ไม่กี่วัน มะก็ตามหาฉันจนเจอ มะพูดทั้งน้ำตาว่า

"ถ้ามันเป็นวัวเป็นควายฉันจะเชือดคอเสีย" พูดจบมะก็ร้องไห้เป็นการใหญ่ และบอกว่าหากฉันติดสินใจดีแล้ว ก็อยากให้ไปล่ำลากับป๊ะ และโต๊ะหญิงบ้างอย่าจากไปเสียเฉยๆ อย่างนี้

แม้ต่อมาฉันจะหันมานับถือศาสนาพุทธเหมือนเดิม แต่ความเอ็นดูที่ป๊ะ มะ และโต๊ะหญิงมีต่อฉัน ทำให้ฉันยังศรัทธาต่อความเป็นมุสลิมที่ดี ศรัทธาต่อวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของป๊ะกับมะ และโต๊ะหญิง จะมีก็เพียงสิ่งเดียวที่ฉันเลิกศรัทธาอย่างสิ้นเชิงในเวลานั้น คือความรักที่ปาตีมะเคยมีต่อฉัน

จนเมื่อเวลาล่วงเลยมาหลายปี ฉันจึงตระหนักได้ว่า บางทีอาจเป็นเพราะอายุเพียงแค่สิบแปดปีของฉันกับปาตีมะขณะนั้น น้อยเกินที่จะทำให้เรารู้ว่า แท้จริงเราต้องการอะไรในชีวิต ในตอนนั้น เราอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ชีวิตคู่มันประกอบขึ้นด้วยอะไรอีกร้อยแปด ในอันที่จะทำให้คนสองคนอยู่ด้วยกันไปตลอดรอดฝั่ง หาใช่ด้วยความรักเพียงอย่างเดียวอย่างที่เราเข้าใจหรอก

เพราะขณะเมื่อเรามาใช่ชีวิตคู่ด้วยกันนั้น ฉันได้ค้นพบความสุขสงบ และเรียบง่าย ขณะที่ปาตีมะก็ค้นพบชีวิตในแบบของเธอ นั่นจึงทำให้ความรักระหว่างฉันกับปาตีมะต้องจบสิ้นลงในเวลาต่อมา

แต่เพราะความรักที่อยู่เหนือศรัทธาใดๆ ในครั้งนั้นนั่นเอง ที่ได้นำฉันไปใช้ชีวิตอยู่วิถีของความเป็นมุสลิม ซึ่งฉันยังจดจำ อย่างซาบซึ้ง และยึดถือไม่เคยเสื่อมคลาย นั่นคือความเป็นกัลยาณมิตรที่ดี ที่ยูโส๊ะยังคงมีต่อฉัน และแบบอย่างอันเรียบง่ายของป๊ะกับมะที่ฉันยึดถือมาถึงวันนี้ และสิ่งนี้เองที่ทำให้ฉันยังคงหลงใหลบ้านริมทะเล ที่แม้วันนี้บางสิ่งจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ชาวบ้านส่วนหนึ่งก็ยังคงยึดมั่นในอาชีพออกเลหาปลา อันเป็นวิถีดั้งเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

๐ ๐ ๐

ฉันคิดใคร่ครวญอยู่นานหลายวัน ก่อนจะตัดสินใจว่า ฉันจะต้องลางานสักสามสี่วัน ออกไปจากห้องเช่าแคบๆ นี้เสียบ้าง การเฝ้าคิดว้าวุ่นอยู่แต่เรื่องของมารีนา รังแต่จะทำให้ฉันเศร้าสร้อย หดหู่ สูญเสียความมั่นใจในทุกสิ่ง เกินกว่าจะทำการงานใดๆ ได้

แน่นอนจุดหมายของฉันคือ หมู่บ้านริมทะเลอันเงียบสงบของยูโส๊ะเพื่อนรักของฉัน ฉันไม่กลัวที่จะต้องเจอกับปาตีมะ บางทีครั้งนี้ฉันอาจเข้าไปทักทายเธอบ้าง
ยูโส๊ะยิ้มเหมือนแก้มจะปริ ทันทีที่ฉันเดินทางไปถึง เขาต้อนรับฉันด้วยอาหารทะเลสดใหม่ หวานกลมกล่อม

หายเหนื่อยแล้วฉันออกเดินเล่นริมทะเล เดินเท้าเปล่าเปลือยสัมผัสทรายละเอียดเนื้อนุ่มเนียน ฟังเสียงลมวู่หวิวคลอเคลียกับยอดสนสูงลิ่ว ผสานเสียงคลื่นกระทบฝั่งไม่ขาดระยะ รอคอยจนถึงเย็นย่ำเฝ้ามองดวงอาทิตย์สีแสดจมหาย ณ ริมโค้งขอบฟ้า เก็บเปลือกหอยวางเรียงเป็นถ้อยคำตามแต่ใจคิด แล้วทอดหลังลงนอนเกลือกกลั้วเหนือลานทรายขาวนุ่ม หลับตาฝันถึงชีวิตในวันพรุ่ง วันที่ต้องโดดเดี่ยวเพียงลำพัง ฝันถึงวันที่ไร้ซึ่งความหลังที่ขื่นขม ทะเลเหมือนจะปลดปล่อยความคับข้องหมองใจไปจากฉัน จิตใจฟื้นตื่นพร้อมกับชีวิตในวันพรุ่ง...

บ้านของยูโส๊ะเป็นเรือนยกเสาสูงทรงปั้นหยา กลางคืนฉันเปิดหน้าต่างนอนฟังเสียงคลื่นซัดซ่าที่ลอยมาตามลม หลับใหลไปกับเสียงขับกล่อมของทะเล

เช้าวันใหม่มาเยือนฉันด้วยเสียงคลื่นตามเคย หาดทรายกว้างเนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย ที่ต่างเข้ามาซื้อหาอาหารทะเลที่สดใหม่ ฉันพยายามเก็บภาพและเรื่องราว ยกกล้องถ่ายรูปบันทึกไว้ หวังกลับไปจะได้เขียนถึงวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของชาวบ้านริมทะเล

ทว่าภาพและเรื่องราวต่างๆ ก็พลันหลุดลอยหายไปกับเสียงคลื่นลม พลันเมื่อปรากฏร่างของปาตีมะเดินเข้ามาในกลุ่มคนที่ยืนออกันอยู่

มันเกิดขึ้นเหมือนเมื่อเช่นปีก่อน ใบหน้าอันดูสดใสภายใต้ผ้าคลุมฮิญาบสีหวานของเธอกำลังยิ้มระรื่นหยอกล้ออยู่กับแม่ค้า ฉันยืนจ้องนิ่งนาน... ก่อนเธอจะหันหน้ามาทางฉันพอดี เราสบตากันเพียงแวบเดียวเท่านั้น ฉันก็ขยับท้าวเดินเข้าไปหา หวังทักทายเธอสักคำ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เธอหันหลังเดินหนีฉันไปอย่างไม่ไยดี
ฉันหยุดเดิน, ยินแต่เสียงอื้ออึงของคลื่นกระทบฝั่ง ดวงตาพร่าพรายด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น ก่อนจะได้ยินเสียงร้องเรียกจากข้างใน.

"มารีนา!... มารีนา!."

...............จบ.............

แสดงความคิดเห็น

« 1601
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ