เรื่องสั้น
[ สวดศพ ... ]
...
[ กุสะลา ธัมมา อะกุสะลา ธัมมา อัพพะยากะตา ธัมมา ฯ กะตะเม ธัมมา กุสะลา ฯ ...... ]
เสียงสวดอันเคร่งขรึมสำรวมของพระภิกษุทั้ง 4 รูป ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งศาลา ทำให้ผมเร่งก้าวเดินไปยังแถวเก้าอี้หลังสุดที่มีเพียงคุณป้าท่านหนึ่งนั่งอยู่ ถัดจากแนวเก้าอี้ที่เรียงรายไปทางด้านหลังบนโต๊ะยาวมีถาดของว่างที่กำลังถูกจัดเตรียมสำหรับแขกที่มาร่วมงานสวดอภิธรรมศพของนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ท่านหนึ่งที่ต้องเสียชีวิตไปก่อนวัยอันควร จากการถูกลอบสังหารบนถนนย่านชานเมือง แม้เงื่อนปมของการเสียชีวิตยังคงมืดดำในสำนวนคดีที่ตำรวจกำลังทำการสืบสวนอยู่ทั้งในแง่ความขัดแย้งทางธุรกิจ ปัญหาเรื่องชู้สาว หรือความร้าวฉานภายในครอบครัว แต่งานบำเพ็ญกุศลให้ผู้วายชมน์และการฌาปนกิจศพก็ยังดำเนินต่อไปตามแบบธรรมเนียมที่พึงกระทำ
ขอผมนั่งด้วยคนนะครับป้า
เชิญเลยค่ะ .. คุณป้าหันมายิ้มให้กับผมก่อนจะมองสำรวจไปรอบข้าง วันที่ 2 ของงานสวดพระอภิธรรมมีคนมาร่วมงานบางตา เป็นธรรมดาของงานแบบนี้ที่คนจะแห่มาร่วมงานในวันแรก และจะเป็นอย่างนั้นอีกครั้งในวันที่ทำการฌาปนกิจ สำหรับผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุไม่คาดหมายการตั้งศพบำเพ็ญกุศลมักจะมีเพียง 3 วัน การจากไปอย่างกระทันหันและผิดธรรมชาติสร้างความเสียใจให้กับผู้ที่เป็นที่รักและผูกพันจนไม่อาจปรับใจให้ยอมรับกับการสูญเสีย จึงไม่นิยมที่จะเก็บศพไว้บำเพ็ญกุศลเป็นเวลานาน เพราะมันจะเป็นการตอกย้ำการจำพรากให้ลึกลงไปในใจของคนที่ยังอยู่ข้างหลัง
รู้จักกับคนตายด้วยเหรอคะ ? คุณป้าหันมาถามผมหลังจากที่ผมนั่งลงบนเก้าอี้ ผมจรดมือพนมนมัสการพระภิกษุที่บนศาลา ก่อนจะลดมือลงมาพนมที่กลางอก
ผมรู้จักเขาช่วงสั้น ๆ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตน่ะครับ โรจน์ .. เขาเป็นคนดีนะ ไม่น่าอายุสั้นเลย คุณป้าพูดพลางเปิดฝายาดมส้มโอมือ ก่อนจะจรดกลิ่นหอมบาง ๆ เข้าที่ปลายจมูก เท่าที่ผมรู้จักเขาผมก็ว่าเขาเป็นคนดีเหมือนกันแหละ แต่ออกจะดูโผงผางไปหน่อย ลักษณะความเป็นผู้นำฉายกร้าวในแววตาคู่นั้นแม้ยามที่ถูกถ่ายออกมาเป็นรูปที่วางอยู่ข้างโลงศพสีขาวที่มีลายกนกสีทองประดับอยู่ศาลา
คุณป้า เป็นญาติกับผู้ตายเหรอครับ ?
โอ๊ย .. ป้าไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาตินั่นแหละ ตอนที่เขาย้ายเข้ามาอยู่แถวนี้กันสองคนผัวเมียหมู่บ้านปิ่นทองเพิ่งสร้างเสร็จ ป้าอยู่ทาวน์เฮ้าส์หลังตรงกันข้ามกับโรจน์นั่นแหละ ตอนนั้นยังมีคนเข้ามาอยู่ไม่กี่คนเองนะ รู้จักกันหมดแหละ .. โน่น ลูกชายกับลูกสาวเขาตอนเล็ก ๆ เขาก็เอามาฝากให้ป้าช่วยเลี้ยงให้ คุณป้าพยักเพยิดให้ผมดูเด็กสองคนที่กำลังนั่งกินขนมอยู่บนก้าอี้ไม้เต็งตัวใหญ่สำหรับเจ้าภาพของงาน หญิงสาวในชุดสีดำกำลังดูแลเด็ก ๆ ทั้งสองให้ทานของว่างอย่างเอร็ดอร่อย เค้าหน้าหวานละไมแม้จะมีคราบความเศร้าฉาบอยู่บาง ๆ .. กลับจางด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ
แล้วบ้านหลังใหญ่ที่เขาเพิ่งซื้อล่ะครับ .. ที่หมู่บ้านริมสวน
นั่นมันหลังจากโรจน์เขาไปทำรับเหมาแล้ว .. เขาจับทางถูกนะ ทำแป๊บเดียวเองรุ่งเลย เพื่อนฝูงเขาเยอะด้วยมั้ง ตอนแรกก็รับทำงานต่อเติม ทำครัว ทำโรงจอดรถอะไรอย่างเงี๊ยะ เห็นว่าไปได้ช่างฝีมือดีมา ป้าก็เคยให้โรจน์เขาไปปูกระเบื้องบนบ้าน เพราะไอ้หมู่บ้านมันปูปาร์เก้มาให้ ใช้ไปแป๊บ ๆ ปลวกกินหมดเลย อาบน้ำใหม่ ๆ ขึ้นบ้านนะเดินไปนี่ปาร์เก้ติดฝ่าตีนตามขึ้นมาเลยทีเดียว โรจน์เขาไปจัดการให้ รื้อออกหมดแล้วปูกระเบื้องแผ่นใหญ่ .. แหม ช่างเขาเดินแนวซะเนี๊ยบถูกใจป้าจริง ๆ พอเสร็จงานป้าจะแถมให้ช่างปูกระเบื้องไปกินเหล้ากัน 500 แต่โรจน์มันบอกไม่ต้อง เดี๋ยวมันแถมให้คนของมันเอง ป้าล่ะเกรงใจโรจน์มันจริง ๆ คิดแต่ค่าของกับค่าแรงคนงานตัวเองไม่เอาสักบาท บอกว่าทำให้ป้าที่ช่วยดูสองตัวเล็ก ..
คุณป้ายกยาดมส้มโอมือขึ้นดมอีกซื๊ด .. ก่อนจะหันมองไปยังทางเข้าศาลา ชายรูปร่างสูงโปร่งใส่สูทสีดำ กางเกงสแล็คและรองเท้าหนังเงาวับดูภูมิฐานก้าวเดินเข้าไปทางหน้าศาลาบำเพ็ญกุศล หญิงสาวเจ้าภาพของงานลุกจากเก้าอี้ไม้เต็งตัวใหญ่เดินเข้าไปทักทายอย่างสนิทสนม ก่อนจะเชิญกันไปนั่งที่เก้าอี้เจ้าภาพด้วยกัน
ไอ้หมอนี่แหละ .. ต้นเหตุของปัญหา คุณป้าลดเสียงลงต่ำจนเกือบจะเป็นเสียงกระซิบ
...
[ ปัญจักขันธา รูปักขันโธ เวทะนากขันโธ สัญญากขันโธ สังขารักขันโธ วิญญาณักขันโธ ฯ ]
วัฒน์ กับโรจน์เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนโน่นแหละ แยกย้ายกันไปหลังเรียนจบ มาเจอกันอีกทีวัฒน์มันก็เป็นสถาปนิกไปแล้ว เข้าคู่กันเลยสิทีนี้ คนนึงออกแบบ คนนึงรับเหมา งานไหลมาเทมาจนพากันตั้งบริษัท คุณป้าพูดเสียงเบาราวกับเกรงจะมีคนอื่นได้ยินจนทำให้ผมต้องตั้งใจฟัง สายตายังจ้องไปยังเก้าอี้ตัวใหญ่ของเจ้าภาพ ชายหนุ่มดึงซองสีขาวออกมาจากกระเป๋าด้านในของเสื้อสูท ก่อนจะจับมือหญิงสาวเจ้าภาพของงานขึ้นมารับซอง
หลัง ๆ มานี่ ป้าเห็นวัฒน์แวะมาที่บ้านโรจน์มันบ่อย แรก ๆ ก็มาตอนค่ำ ๆ มานั่งกินเหล้ากับโรจน์บ้าง คุยกันเรื่องงานบ้าง บางทีกว่าจะกลับก็สี่ห้าทุ่ม วันไหนเมาหนักขับรถกลับบ้านไม่ไหวก็ค้างมันบ้านโรจน์นั่นแหละ พักหลัง ๆ แปลกแฮะ ขับรถมาบ้านโรจน์ตอนกลางวัน วันนั้นป้าลองดูอยู่เห็นหายเข้าไปเป็นชั่วโมง พอตอนขากลับวัฒน์มันเห็นป้านั่งอยู่หน้าบ้านพอดี ทำเป็นเข้ามาทักป้าบอกว่ามาเอาเอกสาร ป้าไม่เชื่อหรอก .. คุณป้าเปิดหลอดยาดมส้มโอมือขึ้นดมอีกรอบก่อนจะสะกิดแขนผม
เห็นผู้หญิงคนที่นั่งริมสุด แถวที่ 3 นั่นมั้ย ?
ผมมองไปตามที่คุณป้าบอก หญิงสาวในเสื้อเชิ๊ตแขนยาวเนื้อผ้าบางเฉียบจนแทบจะมองเห็นผิวเนื้อเนียนละมุน ผมยาวประบ่า คิ้วคมเข้ม และแววตากลมโตที่ยังคงความเศร้าโศกอยู่ในนั้น
เอ .. มันเป็นเด็กนั่งดริ๊งค์ตรงร้านที่ติดกับศาลเจ้าแม่มาลัยทองนั่นไง ช่วงงานเฟื่อง ๆ พอปิดงานเสร็จวัฒน์มันก็พาโรจน์ไปนั่งกินเหล้า ขับรถเก๋งกันไปทั้งคู่นี่ เด็กที่ร้านมันก็จ้องกันตาเป็นมันอยู่แล้ว ไปกัน 2-3 เที่ยว มีคนเห็นโรจน์มันพาเอขึ้นรถออกไปไหนกันก็ไม่รู้ตอนร้านเลิก กว่าจะกลับมาบ้านก็ปาเข้าไปสาย ๆ โน่นแหละ ลับหลังเข้าบ้านไปไม่ทัน 10 นาที ป้าได้ยินเสียงเมียโรจน์มันร้องไห้ร้องห่ม ทะเลาะกันบ้านจะแตก ตอนแรกป้าก็นึกว่าโรจน์มันจะเลิกไปเที่ยวกลางคืน ที่ไหนได้ แอบไปเปิดคอนโดให้เอมันอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คราวนี้ไปหากันกลางวันเลย
ผมพยักหน้าหงึก ๆ พลางสงสัยว่า คุณป้าคนนี้คงจะเคยทำงานให้กับสำนักข่าวกรองแห่งชาติเป็นแน่แท้ ดูเหมือนทุกเรื่องราวความเป็นไปของครอบครัวโรจน์จะตกอยู่ภายใต้มุมมองของคุณป้าชนิดที่แม้แต่เจ้าตัวเองอาจจะไม่รู้เรื่องราวบางเรื่องซะด้วยซ้ำ
หลังนี่ เห็นว่าวัฒน์กับโรจน์เขาขัดแย้งกันเรื่องธุรกิจด้วยนี่ครับ ?
โอ๊ย .. มันเพิ่งมามีเรื่องกันเมื่อนี่เอง ป้าล่ะไม่อยากจะพูด ป้าล่ะรู้เรื่องละเอียดทีเดียว โรจน์มันเป็นคนมาเล่าให้ป้าฟังเองกับปาก ก็พากันไปรับเหมางานตกแต่งภายในที่สุวรรณภูมิ บู๊ทขายของอะไรสักอย่างนี่แหละป้าจำชื่อไม่ได้ ตอนนั้นน้ำมันกำลังขึ้นราคา วัสดุก่อสร้างมันก็แพงตาม โรจน์มันก็พยายามคิดราคาให้ต่ำ กลัวจะไม่ได้งาน กะว่าจะทำงานสร้างชื่อ แต่วัฒน์มันเป็นคนไปทำสัญญาไงเพราะมันเป็นสถาปนิก ตอนหลังพอน้ำมันลดราคาเขาเลยแก้สัญญากันใหม่เพิ่มส่วนต่างให้ วัฒน์มันเป็นคนเข้าไปทำสัญญามันก็เงียบสิ ไม่บอกโรจน์ เอาเงินส่วนต่างเข้าบัญชีตัวเองแล้วทีนี้โรจน์มันมารู้ทีหลัง เห็นว่าเขวี้ยงแก้วกันในวงเหล้าเลยนะ ถ้าเป็นป้า ป้าก็ไม่ยอมหรอก เพื่อนกันแท้ ๆ เล่นมาหักหลังกันอย่างนี้ ตั้งแต่นั้นก็เคืองกันจนมองหน้าแทบไม่ติด เห็นโรจน์มันบอกว่าจะไปถอนหุ้นจากบริษัท ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็มาโดนยิงซะก่อนนี่แหละ คุณป้าถอนหายใจยาว ก่อนจะยกยาดมส้มโอมือขึ้นดมอีกรอบ ...
...
[ เหตุปัจจะโย อารัมมะณะปัจจะโย อะธิปะติปัจจะโย อะนันตะระปัจจะโย สะมะนันตะระปัจจะโย สะหะชาตะปัจจะโย ... ]
เดี๋ยวผมคงต้องกลับก่อนล่ะครับ พอดีต้องไปธุระต่อ ..
อ้าว .. ยังไม่จบแรกเลย จะกลับแล้วเหรอ คุณป้ามองตามตอนที่ผมกำลังลุกขึ้นยืน ก่อนจะพนมมือไหว้พระภิกษุทั้ง 4 รูปบนศาลา
มีธุระด่วนจริง ๆ ครับ ผมลาคุณป้าด้วยก็แล้วกัน ผมพนมมือไหว้แกอย่างนอบน้อม
พ่อหนุ่มชื่ออะไรล่ะ เดี๋ยวป้าจะได้บอกตุ๊กตาเมียโรจน์มันให้
ผมชื่อ จ่าโจ ครับ .. แต่ไม่ต้องบอกคุณตุ๊กตาหรอกครับ เธอไม่รู้จักผม
งั้น .. ป้าขอบใจแทนเจ้าภาพด้วยนะจ๊ะ คุณป้ายิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนจะยกยาดมส้มโอมือขึ้นจรดที่ริมจมูก
ผมเดินกลับออกมาจากศาลาบำเพ็ญกุศล แม้จะไม่ต้องหันหลังกลับไปมอง ผมก็มั่นใจว่าแววตาของโรจน์ในภาพถ่ายที่ตั้งอยู่เคียงข้างโลงศพจะทอดมองตามการก้าวเดินของผมอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะมีชีวิตเยี่ยงไร ผูกพันกับใคร สร้างกรรมใดไว้ไม่ว่าดีหรือชั่ว ผมก็ยังมองว่าเขาไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไรนักหนา สิ่งต่าง ๆ ที่เราได้ทำกับชีวิตของเราในวันนี้ จะเป็นตัวกำหนดจุดจบของเราในวันข้างหน้า และไม่ว่าเราจะตายดีหรือไม่
คนที่ยังคงอยู่ ควรอภัยให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว
ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ควรอภัยให้ผู้ที่ยังคงอยู่
...
[ สัมปะยุตตะปัจจะโย วิปปะยุตตะปัจจะโย อัตถิปัจจะโย นัตถิปัจจะโย วิคะตะปัจจะโย อะวิคะตะปัจจะโย ... ]
ผมสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ ก่อนจะขยับ COLT 9 มม.พาราเบรั่มที่เอวให้เข้าที่
ผมขอให้โรจน์ ... อโหสิกรรมให้กับกระสุนทั้ง 3 นัด ที่ผมมอบให้เขาในค่ำคืนนั้น
...
คุณป้าครับ .. ผมไม่แน่ใจว่า ผมมาฟังสวดพระอภิธรรมศพ หรือว่ามานั่งฟังคุณป้าสวดศพกันแน่