บทความ
ควน-ป่า-นา-เล นิตยสารระดับตำบล ขายคนทั่วประเทศ
การทำนิตยสารรายเดือนออกมาสักเล่มหนึ่งนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย โดยเฉพาะเล่มแรก
ใครจะคิดอย่างไรเวลานี้ผมไม่รู้นะครับ แต่ผมคิดและเชื่อว่าเป็นเพราะมีบางสิ่งบางอย่างที่นำพาเรามาตรงนี้
สมาชิกคือส่วนหนึ่งครับ เพียงแค่เราบอกกล่าวกับพรรคพวกเพื่อนฝูง หลายคนรับปากพร้อมส่งธนาณัติ โอนเงินเข้าบัญชีมาให้ ทั้งๆที่ยังไม่เห็นหน้าค่าตาหนังสือ แน่นอน เราทำหนังสือเพื่อคนอ่านทั่วไปด้วย นั่นเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน
เรามีบางสิ่งบางอย่างที่อยากจะสื่อสาร และเราก็อยากอ่านเรื่องราวจากท่านเช่นกัน เวลานาทีนี้เราบอกได้อย่างนี้
เรารู้ว่าการทำนิตยสาร โดยเฉพาะรายเดือนออกมาสักเล่มหนึ่งนั้น มีกระบวนการของมันหลายอย่าง
ที่เราไม่รู้
หรือแม้แต่รู้ แต่หลายอย่างก็ใช่ว่าจะทำอะไรได้
โชคดีอย่างหนึ่งก็คือ เรามีเพื่อนที่ดี มีพี่ๆที่น่ารัก ทุกคนที่มีส่วนร่วมในนิตยสารเล่มนี้ แม้ไม่ได้อยู่ประจำกองบรรณาธิการ (สำนักงานชั่วคราวของเราอยู่ข้างร่มไม้ใกล้สนามบอล) นอกจากการเป็นคอลัมนิสต์ หรือเขียนอะไรนิดอะไรหน่อยให้
กระทั่งไม่ได้เขียนอะไรให้เลยสักนิดก็ตาม
ล้วนเป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ทำให้นิตยสารฉบับหนึ่งเกิดขึ้นได้
พวกเราบางคนไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการทำนิตยสารแม้แต่น้อยด้วยซ้ำ ไม่แม้แต่เคยเขียนหนังสือสักครึ่งเรื่อง บางคนเป็นเจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้าง ซึ่งผมได้รู้ได้เห็นทีหลังว่าเขาเล่นกีตาร์เก่งใช้ได้ บางคนเก่งทางรินสุรา เวลานั่งล้อมวง ประชุม พบปะพูดคุยกัน ก็พร้อมที่จะหลับไปก่อนใครเพื่อนอยู่เสมอเหมือนกัน ไม่ว่าเขาจะมีอะไรดีหรือไม่ดีอื่นด้วยหรือไม่ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเรา น้องบางคนเคยออกอัลบั้มเพลงกับค่ายเทปมาแล้ว 2-3 ชุด บางท่านเป็นนักเขียนระดับประเทศ เป็นกวีมีชื่อ บางคนหลายท่านแม้แต่ผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพหรือสมัครพรรคพวกเพื่อนพ้องน้องพี่จากใกล้ไกล นอกจากจะรับปากหาเรื่องหาราวมาให้แล้ว (หมายถึงเรื่องเขียนนะครับ แห่ะๆ) ยังสู้จดหมายเลขบัญชีธนาคารของเราไปเผื่อแผ่ใครต่อใครอีกด้วย ไม่เดือนนี้ก็เดือนหน้า ซึ่งตรงนี้คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่าขอฝากคำขอบพระคุณทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ นั่น เป็นเรื่องนอกเหนือการเขียนเรื่อง ส่วนของเนื้อหา ถึงเวลาเอาเข้าจริง อย่างที่บอก หลายอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด ได้กว่าที่คิดบ้าง ขณะความฝันของเราพวยพุ่ง แน่นอนเรายืนอยู่บนพื้นฐานของความจริงด้วย เราจึงทำนิตยสารกันแบบเอาเท่าที่ได้ สิ่งที่เราได้คือการเรียนรู้ ไปพร้อมกัน แน่นอน รถไฟต้องมีหัวขบวนขับเคลื่อน มีพขร.แล้วก็มีคนร่วมขบวน แต่ทุกอย่างก็ไม่ราบรื่น หรือทำได้ทุกอย่างเสมอไป แต่เมื่อเวลาขับเคลื่อนไป เราก็ขับเคลื่อนไปด้วย งานหนักอาจอยู่ที่ใครสักคนหนึ่ง แต่น้ำเนื้อแห่งงานนั้นเล่าใครจะคิดว่ามันงอกเงยและเดินทางมาอย่างเปล่าดาย เปล่าเลย ภาพประกอบสักรูปนึง แม้แต่ถ้อยคำสักถ้อยนึงที่ส่งมาถึง มาเข้าสู่กระบวนการนี้ ล้วนเท่าเทียม คนทำอาร์ตเวิร์ก มีไอเดีย และพร้อมจะทำให้ เพียงแค่มีเวลาให้สักวันหรืออย่างมากสักสองวันเต็มๆ รอ ต้นฉบับสมบูรณ์ว่าเมื่อไหร่จะมา แค่นั้นก็ทำให้งานของเขาหนักขึ้นอย่างไม่คาดคิด และตกเป็นภาระต่อเขาไม่น้อยแล้ว ทุกคนมีภาระหน้าที่ แม้แต่คนที่ต้องดูแลรับผิดชอบหลักในส่วนของการผลิต บางคนขายผักไปพลางเลี้ยงลูกไปด้วย บางคนเป็นครู นักปลูกต้นไม้ นักวาดรูปอิสระ ดีเจ ฯลฯ จริงอยู่บางคนดูเหมือนมีเวลามากมาย แต่ทุกคนก็ต้องอยู่ตามที่ตามตำแหน่งของตัวด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนต่างก็มีเหมือนกันคือนิตยสารเล่มนี้เป็นบางสิ่งบางอย่างที่มองเห็นอยู่รำไร
ใครมีงานศิลปะ นี่คือสนามหนึ่ง ใครมีข้อเขียนนี่คือสนามหนึ่ง...ใครมีข่าวคราว แน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้ เมื่อถึงเวลามันก็เป็นส่วนหนึ่ง ในงานหนึ่งกิจกรรมหนึ่งๆ ที่เราจะมี ยกตัวอย่างเช่นงาน Indy book/film/music/art Festival 4 วันที่ 27-28 มกราคม กับงานมหกรรมหนังสือระดับภาค Hatyai book expo 2007 วันที่ 27 มกราคม-4 กุมภาพันธ์ 2550 ที่คณะแพทย์ มอ.หาดใหญ่ ซึ่งเราถือโอกาสออกหนังสือเล่มแรกให้ทันงานนี้เป็นการเฉพาะ และเร่งทำงานกันอยู่ภายใต้เงื่อนเวลาหนึ่ง ซึ่งนับว่าเป็นนิมิตหมายและโอกาสที่เหมาะที่เจาะบางอย่าง ขณะเดียวกันเราก็ต้องยอมรับในผลิตผลที่ออกมาด้วย (เพราะงานนี้เรียกว่าออกมายิ่งกว่าแบบสดๆร้อนๆจากเตา อาจไม่มีปรู๊ฟแรกและปรู๊ฟสุดท้ายใดๆ มีแต่ปรู๊ฟไประหว่างทำไปเท่านั้น) ในนามของกลุ่ม หรืออาจเป็นใครก็แล้วแต่ เราได้บู๊ธขายของและแสดงงานของกลุ่ม หนังสือทำมือ สมุดบันทึก ภาพเขียน บทกวีใส่กรอบ ผ้ามัดย้อม ข้าวกล้อง เดโมเทป ฯลฯ ได้ขึ้นเวทีเล่นดนตรี อภิปราย กระทั่งมีโปรแกรมสืบเนื่องพานักศึกษาไปออกค่าย ฯ มันคงเกิดจากเหตุบังเอิญที่เราได้มารวมกลุ่ม และค่อยๆคิดอะไรทำอะไร แล้วช่วยกันผลักดัน บอกกล่าวต่างเตือนกันว่าแค่ไหนอย่างไร บางทีอาจไม่ใช่เหตุบังเอิญนัก เพียงแต่เราอาจเดินสวนกันไปสวนกันมาที่ไหนสักแห่งสักหนอยู่บ่อย โดยไม่ได้สังเกต กระทั่งวันหนึ่งแต่ละคนๆก็ได้มาพบปะกัน เพื่อนของเพื่อน เล่นดนตรีอยู่ที่นั่น อ๋อ คนนี้เองหรือ นี่เพื่อนใหม่ ว่างๆมาแวะเที่ยวบ้างนะ วันหน้าคงได้เจอกัน แล้ววันหนึ่งใครสักคนเราก็พูดกันขึ้นมา ทำหนังสือกันสักเล่มดีไหม อ่อ มันเริ่มจากคุยกันสนุกๆในวงรอบกองไฟในสวนป่า ค่ำคืนหนึ่ง ถึงเรื่องพวกเราว่าชื่อกลุ่มโน้นกลุ่มนี้กระมัง ไม่แน่ชัดนัก อาจอยู่ในหัวของเราแต่ละคนอยู่ก่อนมานานแล้ว กระทั่งเป็นเดือนก็ได้ชื่อกลุ่มกันแบบหลวมๆ เอาดีไม่เอาดี กระทั่งมาเป็นชื่อหนังสือนี้ขณะนี้ด้วยซ้ำ แต่พรรคพวกที่เรารู้จักก็มีกลุ่มอยู่แบบหลวมๆเป็นเอกเทศเคลื่อนไหวคล้าย คลื่นใต้น้ำ อะไรประมาณนี้เป็นระยะๆอยู่แล้ว อย่างเช่นกลุ่ม-รวงธรรม ที่ผลิต ข้าวกล้องเพื่อชีวิต ผลิตผ้ามัดย้อมกันอยู่ที่ขนำปลักควายแห ทุ่งลุง หรือกลุ่ม-ศิลปะสัญจร ของไก่.กิกางเกิ๊ด ,บ้านเพลงภูเล อย่างที่บอกว่าจริงๆแล้วพวกเราก็เดินสวนกันไปสวนกันมา เห็นหน้าค่าตา พอรู้จักกันทางหน้าหนังสือบ้าง เคยรวมอยู่กับกลุ่มวรรณกรรม หมื่นส้องในอดีตก็หลายคน ไม่รู้จับพลัดจับผลูกันขึ้นมาอย่างไร ในที่สุดเราก็ได้มาออกนิตยสารกันฉบับหนึ่ง และหวังว่าพอจะให้ตัวมันเองได้เดินทางต่อ ใครถนัดอะไรตรงไหน ระยะเวลา 6 เดือนเป็นอย่างน้อยที่เรา-ทำแน่ และเปิดรับสมัครสมาชิก สามเดือนแรกต่อจากนี้คงเห็นหน้าเห็นหลัง นี่นับเป็นฉบับแรกของเรา เป็นอะไรครั้งแรกของหลายๆคน เราคิด(และหวัง)ว่าเราจะทำนิตยสาร(ให้อยู่หัวแถว)ระดับตำบล(ให้ได้) แต่ก็พร้อมส่งขายไปทั่วประเทศ ...และเชื่อว่าคงขายได้ไม่น้อย อาจจะรวมๆไล่แจกบ้าง...ด้วยก๊อปปี้แรก พิมพ์ 50 เล่ม(ถ้วน) เรา...ไม่กล้าพูดเต็มปากหรอกว่านี่จะเป็น โลกทัศน์ชาวบ้าน จิตวิญญาณชุมชนอย่างแท้จริงแล้ว...เราแค่ทำนิตยสารกันขึ้นมาเล่มหนึ่ง ทำเสร็จแล้วก็เป็นของเราเท่าเทียมกันทุกคน อาจจะฉลองกันบ้าง แหม เราเกือบเผลอที่จะผลักดัน ควน-ป่า-นา-เล รายเดือนให้เป็น One Tumbol One Product เข้าให้แล้วเชียว เพราะเราเชื่อว่า ของดีไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ แต่น่าเสียดาย ที่เราไม่ใช่.