บทความ

รำลึก 1 ปี กนกพงศ์ สงสมพันธุ์

by Pookun @February,17 2007 21.13 ( IP : 58...47 ) | Tags : บทความ
photo  , 221x350 pixel , 75,530 bytes.

รำลึกกนกพงศ์

กระทู้ที่ 52521 : กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ นักเขียนรางวัลซีไรท์ผู้ใช้ชีวิตอยู่แถบเขาหลวง เสียชิวิตแล้ว!! โดย : toromantic เมื่อ : 13 ก.พ. 2549 เวลา 13:55 น.

              กนกพงศ์ สงสมพันธุ์? นักเขียนรางวัลซีไรต์ จากผลงานรวมเรื่องสั้นชุด แผ่นดินอื่น เสียชีวิตลงอย่างสงบ หลังจากเข้ารับการรักษาอาการไข้หวัดใหญ่ ญาติยังไม่สรุปว่าจะนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนา ที่ จ.พัทลุง หรือ จ.นครศรีธรรมราช
น.ส.กนกพร สงสมพันธุ์ น้องสาวคนสุดท้องของครอบครัว ?สงสมพันธุ์? เปิดเผยกับ ?ผู้จัดการออนไลน์? ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ นักเขียนรางวัลซีไรต์ ประจำปี 2539 จากผลงานรวมเรื่องสั้นชุด ?แผ่นดินอื่น? ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ ที่โรงพยาบาลนครินทร์ อ.เมืองนครศรีธรรมราช              น.ส.กนกพร กล่าวว่า นายกนกพงศ์มีอาการเป็นไข้หวัดใหญ่ และได้เข้ารับการรักษาตัวจากโรงพยาบาลนคินทร์ อ.เมืองนครศรีธรรมราช และได้นอนรักษาตัวอยู่ 2 วัน แพทย์ก็อนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านอาการกลับทรุดลงไปอีก ญาติๆ จึงได้นำส่งโรงพยาบาลอีกครั้ง โดยแพทย์ได้นำตัวเข้ารักษาในห้อง ICU แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ เนื่องจากมีอาการน้ำท่วมปอด เสียชีวิตลงเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (13 ก.พ.) โดยขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะมีการนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ จ.นครศรีธรรมราช หรือ จ.พัทลุง              กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2509 ที่ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง จบการศึกษาในระบบขั้นสุดท้าย สาขาวิชาบริหารธุรกิจ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ทว่าไม่จบ เลือกที่จะมีชีวิตตามแรงใฝ่ฝัน คือการเป็นนักเขียน โดยเลือกใช้ชีวิตอยู่แถบเชิงเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อสร้างสรรค์งานเขียน จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต โดยมีงานเขียนออกมามากมาย และเคยได้รับรางวัลซึ่งนับเป็นที่ยอมรับในวงการนักเขียนไทย คือ รางวัลซีไรต์ จากผลงานรวมเรื่องสั้นชุด ?แผ่นดินอื่น? เมื่อปี 2539



ความเห็นที่ : 1 เมื่อ : 13 ก.พ. 2549 เวลา 14:05 น.  ตอบโดย toromantic

ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ในการสูญเสียนักเขียนหนุ่ม คนนี้ บ้านเขา อยู่อำเภอเดียวกับผม แต่เป็นรุ่นน้องหก เจ็ดปี อ่านหนังสือรวมเรื่องสั้นชุด " แผ่นดินอื่น"แล้ว ทำให้ผมอยากไปเที่ยว เขาหลวง สักครั้งหนึ่งในชีวิต..



ความเห็นที่ : 2 เมื่อ : 13 ก.พ. 2549 เวลา 14:22 น.  ตอบโดย witto

....ขอร่วมไว้อาลัยด้วยครับ... เพราะพี่กนกเป็นนักเขียนคนหนึ่งที่ผมชื่นชอบในผลงาน อ่านงานของพี่เขามาทุกเล่ม น่าเสียดายที่ต้องจากไปก่อนวัยอันควรครับ ลาก่อน... หุบเขาฝนโปรยไพร



ความเห็นที่ : 3 เมื่อ : 14 ก.พ. 2549 เวลา 03:46 น.  ตอบโดย toromantic

รดน้ำศพ "กนกพงศ์" ท่ามกลางความโศกเศร้า วัดพิกุลทอง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ซึ่งเป็นสถานที่ประกอบพิธีรดน้ำศพ นายกนกพงศ์ สงสมพันธ์ อายุ 40 นักเขียนรางวัลซีไรท์ ปี 2539 จากผลงานรวมเรื่องสั้นชุด "แผ่นดินอื่น" บรรยากาศภายในวัดเต็มไปด้วยความเศร้าโศรก มีญาติพี่น้องและนักเขียนกลุ่มนาคอนมาร่วมประกอบพิธีรดน้ำศพ และไว้อาลัยแก่นายกนกพงศ์ ท่ามกลางบรรยากาศของสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสาย สำหรับนายกนกพงศ์ เป็นบุตรนายวณิช สงสมพันธ์ ข้าราชการบำนาญ ปัจจุบันอุปสมบทเป็พระภิกษุ และมารดา คือนางยุพา สงสมพันธ์ นายกนกพงศ์ มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดา 8 คน โดยนายกนกพงศ์ เป็นบุตรคนที่ 4 นายกนกพงศ์ เสียชีวิตที่โรงพยาบาลนครินทร์ จังหวัดนครศรีธรรมราช หลังจากล้มป่วยเป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ เนื่องจากมีโซเดียมในกระแสเลือดต่ำ และเสียชีวิตด้วยอาการน้ำท่วมปอดเมื่อเวลา 08.00 น.วันนี้ ส่วนกำหนดการสวดพระอภิธรรมศพ จะเริ่มตั้งแต่วันนี้ และยังไม่มีกำหนดฌานกิจศพ ด้านพระวณิช บิดาของนายกนกพงศ์ กล่าวว่า นายกนกพงศ์เคยพูดไว้ว่า รางวัลซีไรท์เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของงานเขียน เป็นรางวัลระดับทวีป โดยยืนยันว่าต้องพัฒนาและฝึกฝนอีกมาก ถ้าเทียบกับทางพระพุทธศาสนาแล้ว ก็เหมือนกับพระที่ยังไม่บรรลุธรรม ยังต้องเรียนรู้ต่อไป โดยอุดมการณ์ของกนกพงศ์ คือต้องการจรรโลงโลกของวรรณกรรม ไปให้ถึงจุดสุดยอด เพื่อสร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวพัทลุง



ความเห็นที่ : 4 เมื่อ : 14 ก.พ. 2549 เวลา 11:03 น.  ตอบโดย แขกดำ

ขอไว้อาลัยแด่ นักเขียนแดนใต้ผู้จากไปแต่เพียงกาย...หวังว่าการสูญสิ้นสิ่งหนึ่ง จะเป็นพลัง แรงบันดาลให้บังเกิดสิ่งใหม่มาทดแทน เพื่อให้การคงอยู่ดำเนินไปเช่นเดิม...



ความเห็นที่ : 5 เมื่อ : 14 ก.พ. 2549 เวลา 12:48 น.  ตอบโดย toromantic

จดหมายถึง กนกพงศ์ 13 ก.พ.2549 พี่หนก...ที่ระลึกถึงเสมอ พี่หนก...เมื่อถึงวันที่พี่เดินทางล่วงหน้าไปก่อนแบบกะทันหันอย่างนี้ ทำให้ผมต้อง มาตั้งวงคุยกับตัวเองว่าอยากบอกอะไรกับพี่ ... บทสรุปเป็นเอกฉันท์คือต้องการแค่บอกประโยคสั้นๆ กับพี่ว่า... ?พี่เป็นแบบแผนที่ สำคัญทำให้ผมเป็นคนไม่เหมือนชาวบ้านอย่างเช่นทุกวันนี้? มีคนไม่กี่คนคนในโลกหรอกครับที่ผมยอมลงให้ - พี่หนกเป็นหนึ่งในคนที่ผมยอมแพ้ โดยไม่มีเงื่อนไข พระเจ้าเล่นตลกให้ผมเรียนชั้นเดียวกันกับพี่ ช่วงหนึ่งของชีวิต มันเป็นความภาคภูมิใจที่คนที่เราเคยรู้จักและใช้ชีวิตระยะสั้นๆ ได้ดิบได้ดีเป็นหนึ่งนักเขียนซีไรต์ สามารถไปประกาศกับใครต่อใครว่า ?คนนี้กูก็รู้จัก? ประสาคนหนุ่มที่พยายามยกระดับความสำคัญให้ตัวเอง เกาะกระแสความดังซีไรต์ แบบว่า..กูก็เพื่อนซีไรต์โว้ย.... บ่อยครั้งที่เคยนำเรื่องราววันที่มหาวิทยาลัยประกาศขีดเส้นแดง กาชื่อออกจากบัญชีนักศึกษา นายกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ มาเล่าสู่กับเพื่อนฝูงว่า กูนี่แหละอยู่ในเหตุการณ์ กูนี่แหละที่นั่งรถเขียว (รถเมล์ประจำทางหาดใหญ่-สงขลา) ไปพร้อมกับกนกพงศ์ เพื่อไปถามอาจารย์พิเศษที่สอนภาษาไทยว่า ให้เกรดตกได้ยังไง ...(โชคดีที่ไม่เจอ) จริงอยู่ พี่หนกไม่สนใจเรียน ? ไม่เข้าเรียน แถมดันไปรู้เรื่องราวของสังคมภายนอกมากกว่าเพื่อนๆ ในรั้วอย่างมากมาย คำประกาศที่ว่า รีไทร์ตัวเองนั้น เป็นคำประกาศที่ชอบแล้ว นักเขียนซีไรต์ ถูกรีไทร์เพราะอาจารย์วิชาภาษาไทยให้เกรดตก ?สะใจดีว่ะ ! บรรยากาศมหาวิทยาลัยของเราในยุคนั้น ? เงียบเหงา*** ! มีแต่พวกใส่แว่นหนาเดินหอบตำรา แถมซ่อนมีดเอาไว้ข้างหลังพร้อมฟันเพื่อนๆ ร่วมชั้นแลกเกรด ชมรมอาสาฯ ก็เลยกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของพวกสวนกระแส สำหรับคนที่เพิ่งเดิน เข้ารั้วมหาวิทยาลัยมันน่าตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็น การนั่งถ่างตาล้อมวงคุยกันข้ามคืน โซเซกลับไปนอนสวนทางกับเพื่อนๆ ถือหนังสือออกมาเรียน กนกพงศ์ เป็นตัวแบบของการสวนกระแสสุดๆ กิจกรรมที่หยิบจับทำล้วนแต่ทำให้คนอย่างผมตาค้าง (และต่อมาก็เดินตามต้อยๆ โดยไม่รู้ตัว) พี่หนกเป็นมือทำคัตเอาต์มือหนึ่ง บ่อยครั้งที่ปีนขึ้นไปเขียนบนฝาผนังคาเฟตฯ ผมทึ่งมากจนกระทั่งพี่รีไทร์ ผมพยายามจองตำแหน่งนั้นบ้าง แต่จนบัดนี้ยอมรับว่าฝีมือสู้พี่หนกไม่ได้ อะไรต่อมิอะไรของกนกพงศ์เป็นเรื่องที่น่าทึ่งไปเสียหมด ... ขณะที่คนอื่นๆ กำลังอ่านตำราสอบ กนกพงศ์นุ่งกางเกงตัวเดียวนั่งยองๆ บนเก้าอี้ ใช้สองนิ้วจิ้มพิมพ์ดีดเพื่อเขียนเรื่องสั้น สูบบุหรี่ควันโขมงจนเช้า รูมเมตคนสนิทก็บ้าพอกัน เพราะ พืช(วงสะพาน) เอาแต่เกากีตาร์ แต่งเพลง และกินเหล้า วันดีคืนดี หนังสือหรือนิตยสารเล่มนั้นเล่มนี้ก็ลงบทกวีหรือเรื่องสั้นของกนกพงศ์ สำหรับนักศึกษาคนหนึ่งมันช่างน่าตื่นตาตื่นใจไม่น้อย เพราะนอกจากได้เงินใช้แล้ว มันยังหมายถึงดีกรีคำว่า ?นักเขียน? แน่นอน-มันเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเลียนแบบ บทกวีที่ผมได้ตีพิมพ์ชิ้นแรก- พี่หนกบอกสั้นๆ แค่ว่า ?ดีว่ะ? ! พี่หนกแต่งเพลงให้พืช และก่อตั้งวงสะพาน ? 2 ปีให้หลัง ผมลองพยายามดูบ้าง แม้พืชมันจะพยายามใส่ทำนองให้ แต่ผมก็รู้ตัวว่ามันไม่ได้เรื่อง และเลิกล้มความคิดเรื่องการแต่งเพลงตั้งแต่บัดนั้น พี่หนกคิดทำหนังสือทำมือ รวบรวมพวกเรา ?นักอยากเขียน? มารวมกันโรเนียวขาย ใช้ชื่อ ?ชะเวิ้ง? ทำออกมาได้ 3-5 เล่ม จำรายละเอียดไม่ได้ โดยมีอาจารย์ 'ถา (สถาพร ศรีสัจจัง-พนม นันทพฤกษ์) แวะเวียนมาให้กำลังใจ ผมก็ได้ใบบุญจากหนังสือเอามันเหล่านั้น เอามาเป็นหลักฐานประกอบการสัมภาษณ์สมัครงาน ยืนยันว่าเราเป็นพวกที่ใฝ่ใจ งานขีดงานเขียนจริงๆ จนกระทั่งได้งาน แต่ที่สุดแล้ว แม้เราจะสังกัดพรรคกระยาจกด้วยกัน แต่เราก็แตกต่างกัน พี่เป็นพวกเสื้อสกปรก ผมมันกระยาจกเสื้อขาว พี่ล่อกัญชาไม่เน้นเหล้า นอนหลังยาวเขี่ยขี้บุหรี่บนสะดือตัวเอง ของผมหลังๆ มานี้ต้องเหล้าฝรั่งเพราะมันไม่ปวดหัว 15-16 ปีมานี้ เราเจอกันนับครั้งได้ และแค่ทักทายกันสั้นๆ ก็เหมือนกับพืช ที่ใครๆ ก็ชี้หน้าบอกว่าสองคนนี้สนิทกันโดยวัดจากการร่วมวงเหล้าตอนเรียน แต่ผมก็ยืนยันว่าเราเจอกันนับครั้งได้และพอเจอหน้าก็ไม่รู้จะพูดอะไรกัน ? จะติดต่อคุยกันทุกวันนอกจากเปลืองเงินค่าโทรศัพท์แล้วมันท่าจะบ้าเกินไป เพราะต่างคนต่างมีลูกเมีย ผมมีคำพูดส่งท้ายฝากบอก ซึ่งก่อนหน้านี้พี่คงหมั่นไส้ผมมากที่กิจกรรมหลายอย่าง ที่ผมหยิบจับนั้นได้แรงบันดาลใจจากพี่ หรือบางอย่างก็เลียนเอาจากพี่มาโต้งๆ แต่ผมก็ทำหน้าเฉย ไม่เคยบอก ไม่เคยชม ไม่เคยสารภาพ วันนี้ขอสารภาพแบบศิโรราบ - พี่หนก สารภาพจากใจ...ผมโคตรทึ่งพี่จริงๆ ว่ะ ! บัณรส บัวคลี่ / เชียงใหม่



ความเห็นที่ : 6 เมื่อ : 14 ก.พ. 2549 เวลา 14:31 น.  ตอบโดย จู

เพิ่งได้ทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณกนกพงศ์ จากพี่บ่าว พรหมโลก เมื่อวานนี้ ตอนที่ออกจากป่าที่ระนองด้วยกัน "อยากให้พี่เค้าอยู่เขียนหนังสือให้อ่านอีกนาน ๆ"



ความเห็นที่ : 7 เมื่อ : 14 ก.พ. 2549 เวลา 14:48 น.  ตอบโดย tarzan

"ไม้ใหญ่ยืนอยู่ ให้สิ่งยิ่งใหญ่ สรรพสิ่งไม้ใหญ่ล้มหยุดนิ่ง คืนสิ่งยิ่งใหญ่ ทุกสิ่งสรรพเหล่าหญ้าน้อย น้อมคาราวะ ธรรมดาแห่งธรรมชาติร่วมจดจำ ฝังจำในความดี  ในจิตวิญญาณ"ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ



ความเห็นที่ : 8 เมื่อ : 14 ก.พ. 2549 เวลา 15:15 น.  ตอบโดย anda

ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ ไม่คิดเลยว่าจะจากไปเร็วขนาดนี้ น่าจะใช้ชีวิตอยู่ สร้างสรรค์งานเขียนดีๆอีกนานๆ .... ครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสได้รู้จัก แม้ไม่เป็นการส่วนตัว แต่ก็เป็นความทรงจำที่ดี ... เคยถ่ายรูปกับพี่กนกพงศ์ ตั้งแต่อยู่ม.ปลาย จะเก็บไว้ในความทรงจำนะคะ ....... ขอให้พี่มีความสุข ในดินแดนใหม่ที่พี่อยู่นะคะ ... ส่วนที่นี่ ในโลกใบนี้ พี่จะอยู่ในความทรงจำ ของหลายๆคน ตลอดไป.......



ความเห็นที่ : 9 เมื่อ : 14 ก.พ. 2549 เวลา 16:21 น.  ตอบโดย toromantic

อาลัยเพื่อน...กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ผมถือหนังสือรวมเรื่องสั้น ?โลกหมุนรอบตัวเอง? ติดตัวตลอดการเดินทาง ผมยังอ่านไม่จบ อ่านไป 3 เรื่อง เต้ย-ทินกร หุตางกูร โทร.หาผมในบ่ายของวันหนึ่ง เต้ยเอ่ยชวนผมไปเป็นวิทยากรพูดคุยเกี่ยว กับเรื่องสั้นให้นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช ตุ้ย-ปริทรรศ หุตางกูร สอนศิลปะอยู่ที่นี่ เราเป็นเพื่อนกัน ผมตอบตกลง 1 กุมภาพันธ์ 2549 เราเดินทางถึงนครศรีธรรมราช เข้าพักที่บ้านพ่อ-แม่ของเต้ย ผมนึกอยากกินขนมจีน-น้ำยาป่า พอนึกเรื่องอาหารขึ้นมา ผมก็นึกถึงเพื่อนขึ้นมาทันที หลายปีก่อนผมเดินทางมาพรหมคีรี เพื่อมาเที่ยวบ้านเพื่อน กนกพงศ์ ย้ายสถานที่ทำการเขียนหนังสือมาอยู่ที่นี่ ภูมิประเทศแบบป่าเขา ไร่สวนครื้มช่างเป็นฉากเหมาะกับการเขียนหนังสือ โดยเฉพาะฝน ฝนซึ่งตกอยู่ตลอดเวลา กนกพงศ์ทำกับข้าวเก่งมาก 'คั่วกลิ้ง' ฝีมือของเขาเยี่ยมยอดเข้มข้นเหมือนกับการเขียนเรื่องสั้น ซึ่งกนกพงศ์เป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นตัวละครหรือฉาก ไม่นับรวมถึงเรื่องราวแบบเมจิคอล เรียลิสต์ที่ซุกซ่อนอยู่ในพื้นที่ และเขานำมาเล่าได้อย่างประหลาดมีเสน่ห์ เมื่อมานครศรีฯ ผมนึกถึงกนกพงศ์อย่างแรกและอย่างแรง พรุ่งนี้หากมีโอกาส ผมจะไหว้วานเพื่อนให้พาไปหา... ในช่วงว่างจากการพูดคุยกับนักศึกษา ผม, เต้ย และศักดิ์ชัย ลัคนาวิเชียร ชวนกันไปหากนกพงศ์ ผมได้ทราบว่าศักดิ์ชัยขับรถเป็น เราจะไปรถเขา แต่พอเห็นเขาถอยรถรีบๆ เร่งๆ ผมก็อดเสียวไม่ได้ และผมไม่ชอบนั่งรถกับคนที่ไม่เคยนั่งเสียด้วย ธัช ธาดา เพื่อนอีกคนเลยอาสาขับรถพาไป ธัชได้รื้อฟื้นความหลัง และเปรียบเทียบกับปัจจุบัน ถนนสายใหม่ บ้านเรือนที่เปลี่ยนไปสองฟากถนน พวกเราต่างแก่ขึ้นตามลำพัง เย็นขึ้น พยายามเข้าอกเข้าใจในชีวิตให้มากขึ้น วัยหนุ่มได้เดินทางล่วงหน้าไปมากแล้ว ด้วยการบอกเล่าของธัชกับศักดิ์ชัยก่อนที่ออกเดินทาง ผมทราบว่ากนกพงศ์ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ เราต่างกลัวติดไข้หวัดใหญ่ จึงปรึกษากันว่า ให้กนกพงศ์นั่งบนเก้าอี้ ให้นั่งห่างหลายเมตรและตะโกนคุยกันเอา รถยนต์จอดที่บ้านกนกพงศ์ เพื่อนคู่ชีวิต-ชมพูออกมาต้อนรับ ผมอดคุยเล่นอำเพื่อนไม่ได้ ตะโกนว่า ?คิดถึงมากว่ะ แต่กลัวติดหวัด ขออยู่ห่างๆ นะ? ผมยื่นหนังสือ ?โลกหมุนรอบตัวเอง? ให้เพื่อนเซ็น ผมไม่อยากเปิดดูว่าเพื่อนเซ็นให้อย่างไร ตั้งใจเอาไว้ว่าไว้ถึงกรุงเทพฯ ค่อยเปิดดู ?เอ้า! ฤาษีนั่งดีๆ นะ เดี๋ยวก็ให้หวย หนึ่งศูนย์หนึ่งหรอก? ผมแซวเพื่อน เห็นเพื่อนยิ้มเล็กน้อย ผมมองเห็นดวงตาคู่นั้น ช่างอ่อนล้าโรยแรง ผมขออนุญาตเพื่อนถ่ายภาพ ทั้งบริเวณบ้าน และขณะเพื่อนนั่งเขียนลายเซ็น เราต้องกลับมาที่ราชภัฏฯ เพื่อเป็นพี่เลี้ยงแนะนำเรื่องสั้นให้นักศึกษาฟังอีก จึงขอตัวกลับ ผมเดินไปจับมือกับกนกพงศ์ และเอ่ยว่าให้หายเร็วๆ แล้วเราก็จากลา ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการจากลาครั้งสุดท้าย หลายปีก่อนที่เราไม่ได้เจอกัน แต่พอเจอกัน เราก็จากลากันไปแล้ว ชีวิตเป็นเรื่องเศร้า ทั้งผู้จากไปและผู้ยังอยู่ เมื่อคืน...ผมนอนไม่หลับ กระสับกระส่าย ได้ยินเสียงฝนตกอยู่นอกหน้าต่าง ผมตื่นตอนเที่ยง เปิดมือถือแป๊บเดียวก็มีสายเข้า เพื่อนคนหนึ่งโทร.มา ให้โทร.หาเพื่อนอีกคน ตามสายบอกว่า กนกพงศ์เสียชีวิตแล้ว ผมโทร.หาน้องคนหนึ่ง เขาบอกว่า กนกพงศ์เสียชีวิตตอนเช้าที่โรงพยาบาล ร่องรอยของฝนอยู่บนพื้นดิน อากาศรายรอบเย็น ท้องฟ้ายังคงครึ้มฟ้าครึ้มฝนคล้ายฝนจะตก ภายในผมหม่นๆ วังเวง ผมหยิบหนังสือที่เพื่อนเซ็นให้เปิดดู แด่...รัก...กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ สั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความหมาย ผมตั้งใจว่าจะอ่านเรื่องสั้นให้จบในเร็ววัน ไปสู่สุคติ ไปตามใจปรารถนาที่ที่เพื่อนชอบ...นะเพื่อน เสี้ยวจันทร์ แรมไพร



ความเห็นที่ : 10 เมื่อ : 14 ก.พ. 2549 เวลา 19:48 น.  ตอบโดย ลำนำแนวไพร

ถึง... ดุจดวงตะวันอันเจิดจ้า ...จะลาลับ.. หรือ... สะพานขาด ...จะแตกดับสาบสูญ แม้... คนใบเลี้ยงเดี่ยว ...เศร้าโศกาอาดูร แต่.. แผ่นดินอื่น ...มิดับสูญจากจิตใจ ...อาลัย.... .......................................................................... กวีป่า



ความเห็นที่ : 11 เมื่อ : 14 ก.พ. 2549 เวลา 20:32 น.  ตอบโดย toromantic

ครั้งหนึ่งที่หุบเขาฝนโปรยไพร นั่งนิ่ง, ในค่อนดึกอันสงัดเงียบ ลำพังในห้องนอนอันคับแคบ บ่อยครั้งที่ผมพบว่าชีวิตยิ่งเรียนรู้อะไรมากๆ เข้า แต่กลับคิดตระหนักขึ้นมาว่า "ชีวิตเราเล็กลงมากขึ้นทุกวัน การเดินทางของชีวิตคล้ายดั่งตก อยู่ในห้วงกลางทะเลที่เรามักพบว่ามันช่างไกลลิบมองไม่เห็นฝั่ง" หลายปีผมหมั่นเพียรค้นหาอยู่ในโลกแห่งการอ่าน และผมค้นพบว่าโลกนี้ยังมีอะไรอีกมากมายนัก เหมือนเกิดมาเพื่อจะตั้งคำถาม และเฟ้นหาคำตอบ สำหรับใครหลายคนยังค้นหาหนทาง และก็มีอีกมากมายที่วิถีชีวิตหมุนไปตามโลก ทว่ากับใครคนหนึ่งเขากลับค้นพบวิถีทาง.. บนวิถีอันโดดเดี่ยว, หวนระลึกถึงการเดินทางอันน่าตื่นเต้น ในวันที่ได้ผ่อนพัก ยาวนานที่สุดในชีวิตการทำงาน ตลอดห้วงเวลาร่วมสิบปี กระทั่งมีบางสิ่งข้างในปลุกเร้าให้ผมต้องเดินทาง... อำเภอพรหมคีรี แถบเทือกเขานครศรีธรรมราช(เขาหลวง) คือดินแดนที่ผืนแผ่นดินสมบูรณ์ ไปด้วยพืชผลจากป่า ชุ่มชื้นไปด้วยผืนป่าและห่าฝน ว่ากันว่าดินที่นั่นดีขนาดก่อเกิดนักเขียน ขึ้นประดับวงการวรรณกรรมมานักต่อนัก และใครคนหนึ่งก็ขนานนามดินแดนแห่งนั้นว่า "หุบเขาฝนโปรยไพร" ตลอดห้วงเวลาเกือบสามปีที่มีเพียงจดหมายที่สื่อสารกันถึง เขาเล่าว่าที่นั่นลงตัวสำหรับเขา-เขาบรรยายความงดงาม เช่นนั้นไว้มากมายจากงานบันทึกถึงสองเล่ม กระทั่งใครได้อ่านเข้า ต้องเกิดความอยาก-อยากไปพิสูจน์ด้วยตา แน่ล่ะ, ไม่เว้นแม้แต่ผม แต่ขณะเวลานั้น "หุบเขาฝนโปรยไพร" คือความฝัน ที่ยังเป็นแค่ความฝัน... ในฐานะนักอ่านตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่เสพวรรณกรรมเป็นอาหารมื้อรอง ใคร่สนใจในวิถีชีวิตเยี่ยงเขา มันอะไรกัน? ผู้เป็นเอตทัคคะเช่นเขาถึงชอบทำอะไรสวนกระแสได้ขนาดนั้น? ผมถามตัวเองว่าผมรอคอยอะไรอยู่? ผู้เป็นกัลยาณมิตรที่น่านับถือ คงไม่รังเกียจ หากจะไปเยือนที่นั่นสักครั้งหนึ่ง& และนั่นคือการเดินทางที่ท้าทายที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต หาใช่มีการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นแต่อย่างใดๆ หากแต่ต้องเผชิญกับห้วงของความสับสนในความรู้สึก ก่อเกิดคำถามตลอดระยะเวลา ทำไมถึงต้องไปที่นั่น? ทำไมไม่ปล่อยให้มันอยู่แต่ในห้วงในจินตนาการต่อไปล่ะ? บางทีการเดินทางการได้พบ ได้สัมผัสพูดคุยกันตรงๆ มันจะทำลายบรรยากาศของจดหมายลงได้ ในเมื่อจดหมายคือความสุขอย่างหนึ่งที่ดำรงอยู่... แต่แล้วเมื่อการได้พบ เหมือนการรอคอยได้สิ้นสุดลงแล้ว ไปแล้วเหมือนไม่อยากกลับ หลงมนตร์เสน่ห์ของเขาหลวงเสียแล้ว ขุนเขายืนตระหง่านง้ำ ยอดภูสูงเสียดเมฆ ปุยเมฆขาวประดุจใยฝ้าย โปรยใยบางๆ อยู่เหนือยอดภู นั่นคือดินแดนในความฝัน มาเห็นมาสัมผัสก็คล้ายรู้สึกว่านี่เป็นความจริง ไม่ใช่ความฝันสินะ... เขาพาไปสัมผัสแง่มุมของชีวิตที่มีท่วงทำนองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ ที่นั่นทำให้ตระหนักว่าแท้จริงแล้ว โลกคือผืนแผ่นดิน คือดวงดาวกลางม่านฟ้ายามราตรี คือสายน้ำที่หลากไหลไม่เคยหยุด และคือสรรพเสียงที่กรีดเสียงร้องระงมอยู่รอบกายเรานั่นเอง ใครจะล่วงรู้ว่าวิถีชีวิตเยี่ยงนั้นจะมีอยู่จริง ไม่มีเสียงอึกทึก ไม่มีภาระอันเร่งรีบ นาฬิกาแทบไร้ความหมาย เพราะแสงอาทิตย์จะบอกเวลาแก่เรา เรารู้ว่าเวลาเช้า เรารู้ว่าอาทิตย์ยามเช้านั้นสวยเช่นไร ประกายสีทองอันเจิดจ้า ขับผืนฟ้าเป็นสีสุกปลั่ง ดั่งฉากที่เคยพบแต่ในห้วงความฝันที่นั่นเราจะได้ฟังเสียงหัวใจตัวเองเต้น ขับท่วงทำนองเป็นอันหนึ่งเดียวกับเสียงกรีดปีกของจักจั่นเรไร กลมกลืนสอดประสานไปตามสุ้มเสียง จากสรรพสิ่งโดยรอบ นั่นคือการสัมผัสชีวิต กระทั่งรัตติกาลคลี่ม่านสีดำลงคลุม พระจันทร์ลอยเด่นอยู่ในม่านมืดของท้องฟ้า อาบแสงสีทองไปทั่วอาณาผืนแผ่นดิน มองดวงจันทร์ดวงโตเพิ่งรู้จักว่าแท้จริงแล้วมีกระต่ายอยู่ในนั้นจริงๆ กระต่ายไม่ได้หมายจันทร์หรอกใช่ไหม? หากแต่เป็นกระต่ายในจันทร์ต่างหากเล่า& นั่นคือภาพความทรงจำที่ฝังลึก... นักเขียนนามกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ผู้มอบชีวิตให้อยู่ภายใต้ปีกโอบแห่งหุบเขาและสายน้ำ ข้าพเจ้าหวนระลึกถึงคืนวันที่งดงามนั้นอีกครั้ง. โดย Focus Team



ความเห็นที่ : 12 เมื่อ : 15 ก.พ. 2549 เวลา 04:39 น.  ตอบโดย toromantic

เมื่อวานนี้วันวาเลนไทน์ ถ้าหากกนกพงศ์ ไม่ป่วยและเสียชีวิตอย่างกระทันหัน เขาคงจะมาปรากฏกายที่ ร้านโอลด์เล้ง แถวอาร์ซีเอ เพื่อมาร่วมงานเปิดอัลบั้มใหม่เพลงเพื่อชีวิตของเพื่อนเขา ที่นั่น กนกพงศ์ เคยแต่งเพลงให้ มาลีฮวนน่า อยู่เพลงหนึ่ง คือเพลงนี้ ..คนเลว http://www.music.siamza.com/music.php?k=64k&id=1936



ความเห็นที่ : 13 เมื่อ : 15 ก.พ. 2549 เวลา 10:11 น.  ตอบโดย กินปลีพเนจร

ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ



ความเห็นที่ : 14 เมื่อ : 15 ก.พ. 2549 เวลา 11:44 น.  ตอบโดย toromantic

ผมนั่งอยู่กลางธารจนฝนเริ่มโปรยเม็ด น้ำเย็นเยียบ ผมคิดอยากลองนั่งตากฝน กลางสายน้ำตอนกลางคืนดูสักครั้ง ทว่าฝนเพียงโปรยเม็ดแล้วก็หายไป ดวงดาวเยี่ยมหน้าออกมาระหว่างหมู่เมฆ ผมขึ้นจากน้ำเมื่อความหนาวรุมเร้ากระทั่งทนไม่ไหว คืนนั้น ผมนอนคลุมโปง มีไข้รุมๆและฝันสับสนเลอะเทอะ บางตอนจาก "น้ำตก" เรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง ในรวมเรื่องสั้น"แผ่นดินอื่น"ของกนกพงศ์



ความเห็นที่ : 15 เมื่อ : 15 ก.พ. 2549 เวลา 12:24 น.  ตอบโดย toromantic

แจ้งข่าวให้ทราบ ว่า จะมีงาน ฌาปนกิจศพกนกพงศ์ ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2549 ณ วัดพิกุลทอง อ.ควนขนุน จังหวัดพัทลุง



ความเห็นที่ : 16 เมื่อ : 15 ก.พ. 2549 เวลา 13:25 น.  ตอบโดย witto

แรกที่ผมอ่านคห.9 นึกว่าคุณพี่ toromantic เขียนเอง ผมตื่นเต้นมากและคิดว่าผมคงรู้จักพี่แน่ๆ เพราะพี่รู้จักพี่เต้ย พี่ศักดิ์ชัย พี่ตุ้ย แต่พอลงท้ายว่า เสี้ยวจันทร์ ถึงรู้ว่าเป็นพี่เสี้ยวเขียน พี่เสี้ยวกับพี่เต้ยเพิ่งลงไปใต้เมื่อต้นเดือนนี่เอง พอกลับมาไม่นานพี่กนกก็เสีย ขอบคุณที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังครับ



ความเห็นที่ : 17 เมื่อ : 15 ก.พ. 2549 เวลา 14:37 น.  ตอบโดย witto

ขออนุญาตยกคำไว้อาลัยจากเวบผู้จัดการมาแบ่งกันอ่านตรงนี้หน่อยนะครับ เมื่อเช้าตรู่ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ แวดวงวรรณกรรมไทยต้องสูญเสีย นักเขียนผู้มากความสามารถ นาม กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ให้คืนกลับสู่อ้อมกอดแห่งสายลม มิตรรักและนักอ่านทุกคน รวมถึงผู้ใกล้ชิด ย่อมโศกาอาดูรกับการจากไป ถึงอย่างไร ชีวิตหลังจากนี้ของกนกพงศ์ แม้ไม่อาจมองเห็นด้วยสายตา แต่ทุกคนต่างเชื่อมั่นว่า ดินแดนที่เขาจากไปพักพิงนั้น สุขสงบและสวยงามเช่นเดียวกับจิตใจอันดีงาม ที่เขามอบให้คนรอบข้างเสมอมา หน้าวรรณกรรมขอคารวะ ท่าน ด้วยบทกลอนไว้อาลัย จาก มิตรสหายในแวดวง อย่าง อาจินต์ ปัญจพรรค์ , บินหลา สันกาลาคีรี และประชาคม ลุนาชัย ที่ทั้งสามท่านประพันธ์แด่ผู้จากไป ด้วยความรักนับถือเต็มหัวใจ ........................................... กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ที่ฉันรัก เขียนเรื่องสั้นดีนัก ฉันอ่านพบ ?สะพานขาด?ประกาศฝีมือลือตระหลบ ไม่เคยพบเรื่องดีเช่นนี้เลย ฉันเขียนชมกนกพงศ์ลงนิตยสาร เมื่อได้อ่าน ?สะพานขาด?มิอาจเฉย ฉันกล่าวว่าเขามาใหม่ไฉนเลย จึงเขียนเหมือนคนเคยได้รางวัล ฉะนั้นไซร้ต่อไปคงได้ผล คงสร้างงานบรรดาลดลอักษรสรรค์ เขาก็สร้างงานเขียนพากเพียรครัน แต่แล้วเขาดับขันธ์ ไม่ทันไร ฉันเสียใจเสียดายกนกพงศ์ ลืมไม่ลงบทประพันธ์ที่สรรค์ไว้ เสียดายที่ฝีมืออันลือไกล ชะงักงันทันใดเพราะ ?สิ้นบุญ? ไม่เป็นไรเพื่อนสนิทมิตรสหาย แฟนทั้งหลายยังอยากอ่านงานที่คุ้น สำนักพิมพ์จงมีจิตคิดเจือจุน จงการุญพิมพ์งานเก่าของเขาซ้ำ. โดย อาจินต์ ปัญจพรรค์--๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙--(ผมไปพัทลุงไม่ได้ ขอมอบบทกลอนนี้ให้เขาก็แล้วกัน) ........................................ ได้เขียน ได้คิด ได้สิทธิ์นี้ สรรค์สร้างวิถีตามที่หมาย ดำรงค่าของมนุษย์ผู้จุดประกาย ส่องแสงพรายโดดเด่นในเส้นทาง ได้ใช้ชีวิตตามสิทธิ์นั้น เต็มขั้น เต็มคราวทุกก้าวย่าง เต็มตื่น เต็มฝัน ทุกชั้นวาง โลกกว้างย่อมจดจารตำนานคุณ โดย ประชาคม ลุนาชัย--๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙ .................................... ยังจำคืนหนึ่ง ริมน้ำปิง นิ่ง นิ่ง นิ่ง เงียบงัน กนกพงศ์ สงสมพันธ์ เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างเขา อ่านงานของคุณเล่มล่า ลมปลิว ใบไม้ป่า หลับตาถอนใจยาว เจ้าหงิญของเรา เตาะแตะ ตามรอยเท้าคุณ หลายขวบปี เสียดายหรือชีวิต ถ้าคิด เขียน ได้เพียงนี้ วันหน้า ณ ริมฝั่ง มหานที สอนผมอีกที ในความเงียบงัน โดย บินหลา สันกาลาคีรี--๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๙--(ผมไม่สนิทกับเขา แต่ผมรักเขา) ขอให้ดวงวิญญาณ ของท่าน สู่สุคติหมดสิ้นซึ่งทุกข์และความกังวลทั้งปวง ผลงานและคุณความดีอันประมาณค่ามิได้ จะปรากฏและถูกกล่าวขานไม่รู้ลืม ............................................................................................. ตัวหนอนบนกองหนังสือ



ความเห็นที่ : 18 เมื่อ : 15 ก.พ. 2549 เวลา 15:19 น.  ตอบโดย toromantic

นำเรื่องราว ที่เกี่ยวกับกนกพงศ์ มาให้อ่านกันอีกครับ จาก เว็ป prachathai.com อาลัย?กนกพงศ์ สงสมพันธุ์? นักเขียนเพื่อสันติภาพชายแดนภาคใต้ วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2006 16:47น. ณรรธราวุธ เมืองสุข : ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ข่าวช็อกวงการวรรณกรรมไทย รวมทั้งนักอ่านเรื่องสั้นทั่วประเทศครั้งใหญ่ที่สุด ในต้นปี 2549 คือข่าวการเสียชีวิตของ ?กนกพงศ์ สงสมพันธุ์? นักเขียนรางวัลซีไรท์ปี 2539 จากรวมเรื่องสั้นชุด ?แผ่นดินอื่น? กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ ไม่ใช่นักเขียนที่รูปลักษณ์ทั้งภายในและภายนอกเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปนัก แม้แต่แฟนหนังสือผู้ยกย่องเทิดทูนเขาอย่างเหนียวแน่น เพราะกนกพงศ์ไม่ใช่ นักเขียนผู้เปิดตัวเอง เพื่อหวังผลทางยอดขายหนังสือ กลับใช้งานเขียนเป็นเครื่องสะท้อนตัวตนของเขา แต่กระนั้น หากใครได้ใกล้ชิดกับมือเรื่องสั้นชั้นเอกคนนี้ จะพบว่า ภายใต้บุคลิกนิ่งเงียบ พูดน้อย กลับซ่อนตัวตนอันแสนน่าอบอุ่นและมองโลกในแง่ดีเสมอ กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เกิด 9 ก.พ. 2509 ที่อำเภอควนขนุน จ.พัทลุง จบชั้นประถมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนวัดพิกุลทอง มัธยมศึกษาจากโรงเรียนพัทลุง ที่อำเภอบ้านเกิด จากนั้น สอบเข้าคณะวิทยาการจัดการ สาขาบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เรียนได้พักหนึ่งก็หยุด เพราะรู้สึกสับสนว่าไม่ใช่สิ่งที่อยากเรียน วันหนึ่งจึงเริ่มเขียนหนังสือ แล้วก็เขียนเยอะขึ้นนับแต่นั้น ก่อนจะไปทำงานที่สำนักพิมพ์ และหันไปใช้ชีวิตคลุกคลี กับชาวบ้านแถบเทือกเขาหลวง จังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมกับทุ่มเทให้งานเขียนเต็มตัว กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต ผลงานด้านกวีบทแรก ?ความจริงที่เป็นไป? ตีพิมพ์ใน?สยามใหม่? ขณะเรียนชั้นมัธยมต้น พ.ศ.2523 ขณะเรียนชั้นมัธยมปลาย พ.ศ.2527 เป็นสมาชิกยุคก่อตั้งของ ?กลุ่มนาคร? กลุ่มทำงานด้านศิลปะวรรณกรรมอันสำคัญของภาคใต้ สำหรับผลงานเรื่องสั้นเรื่องแรกได้แก่ ?ดุจตะวันอันเจิดจ้า? ตีพิมพ์ในมติชนสุดสัปดาห์ เมื่อปี 2527 จากนั้นมีเรื่องสั้นตีพิมพ์ตามหน้านิตยสารสม่ำเสมอในฐานะนักเขียนที่มาแรงที่สุดในยุคนั้น ปี 2531 มีผลงานร่วมเล่มลำดับแรก เป็นรวมบทกวี ?ป่าน้ำค้าง? สำนักพิมพ์นาคร จากนั้นในปี 2532 ออกหนังสือรวมเรื่องสั้นชุดแรกเรื่อง ?สะพานขาด? สำนักพิมพ์นกสีเหลือง ได้รับรางวัลเรื่องสั้นช่อการะเกด และคัดเลือกแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น ปี พ.ศ. 2533 เรื่องสั้น ?โลกใบเล็กของซัลมาน? ได้รับรางวัลเรื่องสั้นช่อการะเกดอีกครั้งในปี 2539นับเป็นนักเขียนช่อการะเกดคนแรก ที่ได้รับการประดับช่อสองครั้ง ตามด้วยผลงานชุดที่สอง ?คนใบเลี้ยงเดี่ยว? รวมเรื่องสั้นสำนักพิมพ์นกสีเหลือง ปี 2535 กระทั่งรวมเรื่องสั้นชุดที่ 3 ?แผ่นดินอื่น? ของสำนักพิมพ์นาคร คว้ารางวัลซีไรท์ในปี 2539 ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ซีไรท์ ที่ได้รับการกล่าวขวัญมากที่สุดครั้งหนึ่ง เพราะ ?แผ่นดินอื่น? คือรวมเรื่องสั้นที่รวมเอาแนวคิดของกนกพงศ์ที่ต่อปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เอาไว้ โดยเฉพาะ เรื่อง ?แมวแห่งบูเก๊ะกรือซอ? ?แมวแห่งบูเก๊ะกรือซอ? เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง กับหน่วยทหารที่เข้าไปให้ความคุ้มครอง และเกิดเหตุการณ์ทำให้เกิดความสูญเสีย ท้ายที่สุดหน่วยทหารนี้ก็ต้องออกจากหมู่บ้านไป อาจารย์ธัญญา สังขพันธานนท์ หรือ ?ไพฑูรย์ ธัญญา? อดีตนักเขียนซีไรท์ ชุด ?ก่อกองทราย? ปี 2530 เพื่อนร่วมชายคา ?กลุ่มนาคร? กล่าวชื่นชมเพื่อนนักเขียนคนนี้ว่า เป็นนักเขียนเรื่องสั้นที่ฝีมือดีที่สุดคนหนึ่งของวงการ ?งานของกนกพงศ์ทุกชิ้น เขียนด้วยใจทุ่มเทจริงๆ ในชุดแผ่นดินอื่นนั้น คือรวมเรื่องสั้นเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้งใน 3 จังหวัดภาคใต้ของเราที่สะท้อนผ่านแนวคิดของกนกพงศ์จริงๆ เขาสัมผัสมาอย่างนั้น เขารู้สึกอย่างนั้น เขาก็เลยเขียน และทำได้ดีมาก จะว่าไปปัญหาเรื่อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เกิดขึ้นนั้น กนกพงศ์คือคนที่เข้าใจอย่างลึกซึ้งทีเดียว เพียงแต่ไม่มีใครฟังเขาอย่างจริงจัง? อดีตนักเขียนซีไรท์ผู้มีถิ่นกำเนิดอยู่ในจังหวัดพัทลุงเช่นเดียวกับกนกพงศ์กล่าวต่อไปว่า กนกพงศ์เป็นนักเขียนเรื่องสั้น ที่มีกลวิธีการนำเสนอที่เป็นเอกลักษณ์ เขาเป็นนักเขียนแบบเรียลลิสติก เพียงไม่กี่คนในประเทศ การเสียชีวิตของเขา หมายถึงนักเขียนประเภทนี้ขาดหายลงไปหนึ่งคน ?เขาเน้นแนวคิดและเนื้อหา แต่ไม่ยึดติดกับรูปแบบอะไร อย่างเรื่อง ?แมวแห่งบูเก๊ะกรือซอ ? ในชุดรวมเรื่องสั้นชุดแผ่นดินอื่น ไม่ใช่เรื่องที่มีรูปแบบการนำเสนอที่ชวนติดตาม แต่กนกพงศ์สามารถสะท้อนแนวคิด เรื่องของความหลากหลายของวิถีชีวิตได้อย่างลุ่มลึก โดยเฉพาะ บริบทของคำว่า ?ความเข้าใจในรากเหง้า? อาจารย์ธัญญากล่าว อดีตเพื่อนร่วมชายคา ?กลุ่มนาคร? ผู้นี้เปิดใจว่า การเสียชีวิตของกนกพงศ์ สงสมพันธ์ นับเป็นการสูญเสียนักเขียนผู้ใส่ใจต่อปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีน้อยอยู่แล้ว ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก โดยเฉพาะงานเขียนที่สะท้อนผ่านเรื่องสั้นวรรณกรรม ที่ไม่ใช่งานวิชาการประเภทเข้าใจยาก จึงนับเป็นข่าวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของวงการวรรณกรรมไทย ตนในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่งรู้สึกเสียใจมาก ไม่คาดคิดว่าเขาจะด่วนจากไปเร็วขนาดนี้ ในช่วง 10 ปีหลังสุด กนกพงศ์เดินทางมาใช้ชีวิตอยู่กับงานเขียนที่ ?หุบเขาฝนโปรยไพร? อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช เขาหายเงียบไปจากหน้าหนังสือสังคมนักเขียนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะมีรวม

Comment #1
รัตติกาล สงสม
Posted @April,07 2008 02.32 ip : 202...6

ขอแสดงความเสียใจด้วยนะค่ะ ดิฉันไม่เคยได้เห็นตัวจริงขณะที่ยังมีชีวิตอยู่  แต่ได้ไปร่วมในงาน ดิฉันเป็นหลานสาวของคุณกนกพงศ์ค่ะ

แสดงความคิดเห็น

« 9287
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ