บทความ

กล้วยหอมในร้านเคเอฟซี : งานเขียนเพื่อชีวิต – การเมืองยังไม่ตาย

by สยามวรรณกรรม @April,09 2007 15.36 ( IP : 203...163 ) | Tags : บทความ

กล้วยหอมในร้านเคเอฟซี : งานเขียนเพื่อชีวิต – การเมืองยังไม่ตาย

ข้าพเจ้าได้อ่านได้เห็นตามเว็บบอร์ด หรือแม้แต่การนั่งเสวนากับมิตรสหายไถ่ถามถึงงานเขียนแนว “เพื่อชีวิต-การเมือง” ว่า งานเขียนประเภทนี้ตายไปแล้วหรือ? ใครหลายคนฟันธงไปว่านิ่งและถึงขนาดกล่าวว่างานลักษณะนี้ได้ตายไปแล้ว แต่ข้าพเจ้ายังไม่เชื่อนัก เหตุเพราะเรื่องสั้นต่างๆ ที่มีให้อ่านอยู่ตามหน้านิตยสารนั้นก็ล้วนแต่ถ่ายทอดมาจากชีวิตสามัญชนเดินดินกินข้าวแกงทั้งสิ้น และหลายเรื่องก็เป็นงานที่สะท้อนการต่อสู่ระหว่างสังคมชนบทกับผู้ปกครอง หรือแม้แต่ระหว่างสังคมด้วยกันเอง งานเขียนในลักษณะนี้จึงเข้าข่ายจัดอยู่ใน “งานวรรณกรรมเพื่อชีวิต” ทั้งสิ้น

“กร ศิริวัฒโณ” นักอ่านรุ่นเก่าหรือกลางเก่ากลางใหม่ไม่มีใครที่ไม่รู้จักนักเขียนใต้นามนี้ โดยเฉพาะช่วงหลังๆ มานี่ นักเขียนนามนี้มีความผูกพันกับ “รางวัลพานแว่นฟ้า” เป็นอย่างดี เพราะเรื่องสั้นและบทกวีผ่านเข้ารอบสุดท้ายคว้ารางวัลชมเชยแทบจะทุกปี นับตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ เป็นต้นมา

อันที่จริงนักเขียนนามนี้เริ่มเขียนหนังสือมาตั้งแต่ปี ๒๕๒๗ บทกวี “ที่รัก...หนาวนี้มีบ้างไหม” และเรื่องสั้นชื่อ “หมูเถื่อน” เป็นบทกวีและเรื่องสั้นที่ได้รับการตีพิมพ์เป็นครั้งแรกในชีวิต และตั้งแต่ปี ๒๕๓๕ เป็นต้นมาเรื่องสั้น บทกวี หรือหนังสือของเขาก็ได้รับรางวัลจากสมาคมและเวทีการประกวดต่างๆ มาไม่น้อยกว่าสิบรางวัล งานเขียนส่วนใหญ่เน้นหนักไปทางเพื่อชีวิต และการเมืองเป็นหลัก กระทั้งในปี ๒๕๔๓ ก็ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินดีเด่นจังหวัดสุราษฏร์ธานี สาขาวรรณศิลป์

รวมเรื่องสั้น “กล้วยหอมในร้านเคเอฟซี” เป็นรวมเรื่องสั้นล่าสุดที่เพิ่งออกมา มีเรื่องสั้นอยู่ทั้งหมด ๑๐ เรื่อง เกือบทุกเรื่องนำเสนอในรูปแบบ “งานเขียนเพื่อชีวิต-การเมือง” ทั้งสิ้น อีกทั้งในเล่มก็มีเรื่องสั้นอยู่ประมาณ ๓ เรื่องที่เข้ารอบสุดท้ายรางวัลพานแว่นฟ้าซึ่งได้รับรางวัลชมเชย

ด้วยฝีไม้ลายมือของผู้เขียนซึ่งมีรางวัลเป็นเครื่องการันตีผสมกับมีประสบการณ์ทางการเขียนมายาวนาน รวมเรื่องสั้นชุดนี้ก็จึงอ่านง่ายไม่มีโครงเรื่องที่สลับซับซ่อนอะไรนัก แม้ผู้เขียนจะเขียนโดยอาศัยงานเขียนแนว “สัญลักษณ์” (symbol) บ้างบางเรื่อง เช่นเรื่อง “ฮัลโหล...!” โดยนำเอาฟองสบู่ที่ลูกสาวเล่นแทนนโยบายของรัฐบาล หรือ “ไก่ลงร้าน” โดยเอาไก่สองตัวที่ปลีกตัวจากแม่ไปหากินแทน ส.ส. และเรื่อง “ดูมันทำ” นำเอาสุนัขสองตัวที่กำลังกระทำชำเราอย่างผิดที่ผิดทาง แทนนโยบายของรัฐ ผู้เขียนก็ทำให้ผู้อ่านอ่านแบบไม่ต้องปวดหัวตีความอะไรนัก ยกเว้นแต่เรื่องการบรรยายสิ่งของที่ผู้อ่านไม่มีประสบการณ์ร่วมเพียงเรื่องเดียวนั้นก็คือเรื่อง “ปริศนาล้ำลึก”  แม้ผู้เขียนจะบรรยายของเล่นชิ้นนั้นอย่างละเอียด (มีภาพวาดประกอบ) แต่ผู้อ่านซึ่งไม่เคยได้สัมผัสจับต้องสิ่งนั้น ก็พอทำให้ผู้อ่านเสียอรรถรสในการอ่านได้พอสมควร ทว่าโดยรวมแล้วสามารถกล่าวได้ว่า งานเขียนชุดนี้ค่อนข้างจะเรียบง่ายไม่หวือหวาเท่าไรนัก อ่านแล้วก็ไม่ได้ติดใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นพิเศษ หากแต่เรื่องราวทั้งหมดสอดร้อยกันเป็นเอกภาพทั้งชุด แกนหลักก็เป็นการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ที่สร้างปัญหาให้แก่สังคม และผู้คนในชนบท เมื่ออ่านจบแล้วก็ทำให้คิดได้ว่า ปัญหาเรื่องนักการเมืองกับผู้คนในประเทศ โดยเฉพาะท้องถิ่นชนบทนั้น สิบปีที่แล้วมาเป็นอย่างไร ณ ปัจจุบันก็ยังไม่เปลี่ยน ชาวบ้านก็ล้วนแต่ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำจากเจ้าหน้าที่รัฐเหมือนเมื่อสิบ ยี่สิบปีก่อน หากแต่ความรุนแรงอาจแตกต่างกันไป โดยปัจจุบันรัฐบาลสร้างปัญหาให้ชาวบ้านโดยใช้นโยบายเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ขายฝัน และหลอกลวง ดังจะเห็นได้จากที่ผู้เขียนสรุปในเรื่อง “ปริศนาล้ำลึก” ว่า “ต้องลวงให้หลง และหลอกให้รอคอย” (เรื่องปริศนาล้ำลึก หน้า ๑๐๖) และให้ชื่อนโยบายนี้ว่า “ประชานิยม” หรือแม้แต่นโยบายการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ใครหลายคนมองว่าดี (โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวทั้งหลาย) ก็เช่นกัน หากแต่กับระดับชาวบ้านนั้นก็ยังถูกเรารัดเอาเปรียบอยู่ เช่นเรื่อง “ไม่แน่” ที่เฒ่าเทพถูกนายก อบต. หลอกให้ว่าอย่าเพิ่งเก็บข้าวที่ออกรวงเหลืองอร่ามไปทั่วทุ่งเกือบสิบไร่ เพียงเพราะเฒ่าเทพมีอาชีพเป็นชาวนาแทบจะคนเดียวในอำเภอ นาของเฒ่าเทพจึงถูกเลือกให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเมื่อนักท่องเที่ยวกลุ่มสุดท้ายจากไป ข้าวในนาของเฒ่าเทพก็หัก นำไปขายก็ไม่ได้ราคา แต่กระนั้นทุกคนในครอบครัวก็หวังว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจะหยิบยืนเงินทองให้บ้าง ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้แถมยังต้องเสียเงินซื้อน้ำแข็ง น้ำอัดลมต้อนรับนักท่องเที่ยวฟรีๆ อีก

ไม่เพียงผู้เขียนจะวิพากษ์นโยบายหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น ผู้เขียนยังสะท้อนให้เห็นถึงการเอารัดเอาเปรียบกันเองระหว่างชาวบ้านซึ่งยังคงมีให้เห็นอยู่ เช่นเรื่อง “กล้วยหอมในร้านเคเอฟซี” หรือการกระทบกระแทกระหว่างชาวบ้านอันเนื่องมาจากนโยบายของรัฐบาล เช่นเรื่อง “ผักชี-ชีช้ำ” ตลอดจนปัญหาของปัจเจกชน อย่างเช่นเรื่อง “สะพานหิ่งห้อย” “สวนทาง” และ “คำถามกลางป่า”

เมื่อมองผ่านงานชุดนี้จึงทำให้มองเห็นภาพผู้คนในชนบทว่า ยังคงถูกเจ้าหน้าที่รัฐบาลเอารัดเอาเปรียบอยู่ แม้ว่ารัฐบาลจะประโคมข่าวถึงการกินดีอยู่ดีของชาวชนบทอย่างไร นั้นก็ยังเป็นเพียงชาวบ้านส่วนน้อย และส่วนน้อยนั้นมีแนวโน้มที่มีฐานอิงอยู่กับผลประโยชน์ของรัฐ ฉะนั้นรัฐบาลจึงไม่สามารถบอกได้ว่าชาวบ้านส่วนใหญ่สุขสบายแต่อย่างใด

เมื่อข้าพเจ้าอ่านงานชุดนี้จบ ก็สามารถยืนยันได้ว่างานเขียนในลักษณะ “เพื่อชีวิต-การเมือง” ยังไม่ได้ตายไปจากแวดวงวรรณกรรมของประเทศไทย หากแต่สถานการณ์การเมืองและปัญหาที่เปลี่ยนไป ทำให้นักเขียนต้องขบคิดปมปัญหาในเชิงนโยบาย (ที่ถูกล่อลวงว่าดี) แล้วนำมาวิเคราะห์ วิพากษ์ และวิจารณ์ กระเทาะเปลือกจนเห็นแก่นแท้ ให้ผู้อ่านได้รับรู้ถึงผลดี-เสียของการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นงานหนักของนักเขียนแนว “เพื่อชีวิต-การเมือง” ในยุคนี้จึงตกที่การขบคิดและตีแผ่ปัญหาออกมาให้ได้ อย่างที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ข้างต้น


ข้อมูลของหนังสือ

ชื่อ  กล้วยหอมในร้านเคเอฟซี เขียนโดย  กร ศิริวัฒโน ราคา ๑๒๐ บาท
จำนวน ๑๖๘  หน้า พิมพ์โดย สำนักพิมพ์ นาคร
พิมพ์ครั้ง เมษายน ๒๕๕๐ หมายเลขมาตราฐานประจำหนังสือ ๙๗๘-๙๗๔-๗๐๓๒-๗๘-๙

แสดงความคิดเห็น

« 1082
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ