บทความ

ผู้อยู่เบื้องหลัง "ไอ้แขก" กับปริศนาแห่ง "ตันหยงบุหงา"

by Pookun @June,17 2007 23.47 ( IP : 222...92 ) | Tags : บทความ

วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม 2005 19:06น.

สมเกียรติ จันทรสีมา

ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

"...สังขารเจ้าโดนฉีกขาด โดนตีให้แตกแยกเป็นส่วนส่วน คงมีเหลือไว้เพียงซากแห่งดวงวิญญาณ ตันหยงบุหงาประสบเคราะห์กรรม บังเกิด"สงครามแห่งกิเลส" และ "สงครามแห่งจิตวิญญาณ" ฉกคร่าชีวิตของประชาชนเป็นพันพัน...ชาวตันหยงบุหงาไม่อาจรู้แน่ ใครหนอใครเป็นผู้ร้ายตัวนั้น?"

เป็นบางช่วงบางตอนจาก "ปริศนาบทเพลงแห่งตันหยงบุหงา" โดย รัตติยา สาและ ซึ่งผู้แต่งระบุว่า มาจากความสะเทือนใจกรณีเหตุการณ์สังหาร 9 ศพที่บ้านกะทอง ต.บองอ และกรณีวิกฤตการณ์ที่บ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส

ทั้งนี้ ความท้าทายของปริศนาแห่ง "บทเพลงแห่งตันหยงบุหงา" หรือ "แหลมแห่งบุปผาชาติ" ซึ่งถูกบอกเล่าผ่าน "ซาฌะ" (กลอนเปล่า) ระหว่างการสัมมนาวิชาการ "ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้" ที่มหาวิทยาลัยทักษิณ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2548 สะท้อนให้เห็นการมองต่างมุมต่อคำถามที่ว่า "ใครหรืออะไร" อยู่เบื้องหลังความไม่สงบที่คร่าชีวิตผู้คนไปนับพัน โดยไม่แยกชาติ พรรณ วรรณะ ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี

รัตติยา สาและ รองศาสตราจารย์ด้านภาษาไทยและภาษาตะวันออก มหาวิทยาลัยทักษิณ อธิบายผ่าน "บทเพลงแห่งตันหยงบุหงา" ว่า ฟาฏอนี ดารุสลาม (ปราชญ์นครแห่งสันติภาพ) ในอดีต หรือปัตตานีในปัจจุบัน มีความรุ่งเรืองโดดเด่นทางด้านศาสนาและวัฒนธรรมถึงขั้นถูกเล่าขานว่าเป็น "กระจกเงาและระเบียงแห่งมหานครเมกกะ"

"ปาตานี" หรือ "ปัตตานี" อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่มีมูลค่าสูงทั้งบนบกและในทะเล ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะภูมิศาสตร์ที่เหมาะสำหรับเป็นเมืองท่าสำคัญของภูมิภาคนี้ ทำให้มีศักยภาพในการพัฒนาเศรษฐกิจทั้งด้านกสิกรรมและอุตสาหกรรม

ทว่า อีกด้านหนึ่งก็กลายเป็นลักษณะที่ล่อแหลมและเสี่ยงอันตรายจากบุคคลภายนอกซึ่งต้องการใช้พื้นที่นี้เป็นทำเลสำหรับทำมาหากินและเข้ามากอบโกยทรัพยากรธรรมชาติ จนเกิดเป็นปัญหาต่อเนื่อง

"คนเท่านั้นที่จน แต่พื้นที่ไม่จน" เจ้าของบทเพลงแห่งตันหยงบุหงา ทิ้งเป็นปริศนาให้คิด

และว่า "สรุปว่าหลายปัญหาเกิดขึ้นเพราะความไม่รู้ ขาดความรู้ในเรื่องเนื้อหาของปัญหา จึงไม่เข้าใจปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นด้วยเหตุอันใด ใครเป็นผู้ก่อเหตุ จึงตั้งสมมติฐานว่า...คงเป็นไอ้แขกมั้ง เพราะมันจน... แล้วจะไม่มีใครบ้างเลยหรือที่ยืนอยู่เบื้องหลังไอ้แขก" เธอตั้งคำถาม

มุมต่างมองข้างหลัง "แขก"

เกษียร เตชะพีระ นักวิชาการจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งข้อ สังเกตว่า ผู้นำรัฐบาลมักอ้างผ่านสื่อมวลชนว่า รู้ตัวผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ปรากฎว่า จับกุมผู้กระทำผิดที่แท้จริงได้

ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังพยายามผูกขาดการตีความปัญหา โดยอ้างความรู้จริงดังกล่าว ขณะที่วรรณกรรมชิ้นนี้กลับเปิดโอกาสให้ผู้อ่าน "ตีความ" ได้อย่างหลากหลาย

ประเด็นที่ เกษียร ยกขึ้นมาอธิบายสนับสนุนประเด็นดังกล่าวคือ บทสนทนาของ รัตติยากับผู้รู้พื้นถิ่น 2 ท่าน เกี่ยวกับเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

ทั้งนี้ รัตติยา เล่าว่า พระสงฆ์รูปหนึ่งบอกเธอในเชิงเปรียบเปรยว่า "ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของช้าง 2 เชือกชนกัน ขณะที่เราเป็นเพียงต้นหญ้า อยู่ใกล้เท้าช้างก็ถูกเหยียบราบไป ไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งของพุทธกับอิสลามอย่างที่อธิบายกัน แต่ตอนนี้หญ้ามันสูงท่วมตัวช้างแล้ว ถ้าจะแก้ปัญหาก็ต้องแหวกหญ้าให้เข้าถึงช้างทั้ง 2 เชือก แล้วตัดเท้าช้างเสีย"

ขณะที่ผู้รู้อีกท่านเปรียบเทียบว่า "แผ่นดิน 3 จังหวัดเปรียบเสมือนสนามฟุตบอลที่เปิดโอกาสให้กับนักฟุตบอลทุกคนมาใช้ ขณะที่ชาวบ้านเป็นเหมือนหญ้าในสนาม ซึ่งไม่ค่อยได้รับการดูแลเท่าที่ควร และเมื่อมีการแข่งขัน ผู้ชมก็สนใจแต่ลูกบอลกับนักฟุตบอล ไม่สนใจหญ้าที่ถูกเหยียบย่ำหรือถูกเตะอย่างขุดรากถอนโคน"

เกษียร อธิบายว่า เนื่องจากที่ผ่านมารัฐยึดครองความจริงว่า เป็นผู้รู้จริงในเหตุการณ์ชายแดนภาคใต้เพียงคนเดียว แต่กรณีคำอธิบายของชาวบ้านหรือบทเพลงตันหยงบุหงาเปิดช่องให้มีการพูดความจริงทั้งนามธรรมและรูปธรรม ในมุมมองที่หลากหลาย หรือไม่สามารถพูดตรงไปตรงมาได้

สุธิวงศ์ พงศ์ไพบูลย์ เมธีวิจัยอาวุโส จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) อธิบายในอีกมุมว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความพยายามที่จะใช้ "อำนาจนิยม" เข้ามาจัดการ "ปัญญานิยม" ส่งผลให้ความคิดที่แตกต่างหลากหลายในพื้นที่หายไป ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของวิถีวัฒนธรรมของคนพื้นถิ่น ซึ่งเดิมเป็นการร่วมรู้ร่วมคิด ผ่านการร่วมแรงงาน มาเป็นวัฒนธรรมเหมาจ้าง ซึ่งมาพร้อมกับความเจริญและการพัฒนา

ทั้งนี้เมื่อเกิดปัญหาขึ้นในชุมชน ก็ไม่เกิดการร่วมหารือ ไม่สามารถจัดการร่วมกันได้ เพราะขาดองค์ความรู้ที่หลากหลายในการแก้ปัญหา ทำให้เกิด "คนยากใจ" ขึ้น

"เมื่อหมดทาง คนยากใจย่อมไปปรึกษาหมอเถื่อนที่มีเจตนารมณ์บางอย่าง แต่ไม่ชำนาญจริงมารักษา ทำให้เกิดปัญหาตามมา" สุธิวงศ์ ระบุ

ขณะที่ ภูวดล ทรงประเสริฐ ศาสตราจารย์จากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตร ศาสตร์ วิพากษ์ทัศนะของรัฐบาลว่า เป็นเรื่องไร้สาระที่คิดว่ามีขบวนการอยู่เบื้องหลังสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือคิดว่าเป็นความขัดแย้งเรื่องศาสนา

เขาเห็นว่า ปัญหาหลักของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้คือเรื่องเชื้อชาติ ขณะที่รัฐไทยมีความคิดเรื่องเอกรัฐ ต้องการให้คนทั้งชาติมีความเป็นหนึ่งเดียว แต่ไม่เข้าใจว่า คนมลายูถิ่นใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีเอกลักษณ์ มีภาษา ศาสนา และวัฒนธรรมเฉพาะตัว

ทั้งนี้นอกจากจะปฏิเสธอัตลักษณ์ของคนมลายูถิ่นแล้ว ยังกระพือปัญหาให้ลุกลามออกไปโดยมีเจ้าหน้าที่รัฐอุ้มฆ่าชาวบ้านที่ต้องสงสัยว่าอยู่ตรงข้ามรัฐอย่างต่อเนื่อง

ที่สำคัญรัฐไทยยังมองโลกแบบยุคสงครามเย็น ทั้งๆ ที่สังคมปัจจุบันเคลื่อนไปสู่โลกในยุคการก่อการร้ายสากลแล้ว ซึ่งสถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ได้ถูกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการก่อการร้ายสากลเรียบร้อยแล้ว

"ประเทศไทยนิดเดียว แต่เราเดินเกมพลาดไปเล่นไพ่ของอเมริกา สถานการณ์ 3 จังหวัดภาคใต้ที่ลุกลามไปก็เพราะเราเล่นไพ่ของอเมริกามากเกินไป" ศ.ภูวดล ตั้งข้อ สังเกต

ทางด้านนักวิชาการผู้หนึ่ง จากสถาบันการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบายความอึดอัดในระหว่างการสัมมนา ว่า ดูเหมือนมุสลิมกำลังกลายเป็นจำเลยในเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเมื่อวิเคราะห์ต้นเหตุของปัญหาผ่านงานวิจัยสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า มีส่วนเกี่ยวพันกับความคิด ความเชื่อทางศาสนา แต่สังคมอาจจะไม่ได้มองว่า คนมุสลิมถูกกระทำผ่านนโยบายของรัฐบาลอย่างไร

เขายกตัวอย่างว่า อย่างกรณีที่รัฐบาลดำเนินนโยบาย 1 อำเภอ 1 ทุน โดยนำเงินจากสลากกินแบ่งรัฐบาลมา แล้วจัดฉากให้มุสลิมคลุมฮิญาบมารับ หรือการนำเงินจากภาษีเหล้าและบุหรี่มาพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ไม่ทราบว่าเป็นความไม่เข้าใจของรัฐบาล หรือไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งไม่รู้กันแน่ เพราะทั้งหมดขัดกับความเชื่อทางศาสนาอิสลาม ใช่หรือไม่ว่า "บทเพลงแห่งตันหยงบุหงา" อาจไม่ได้ตอบคำถามถึงสาเหตุของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่การเปิดช่องให้เกิดความคิดความเห็นที่หลากหลาย อาจจะช่วยไขปริศนาซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญของการบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นได้

นี่อาจจะเป็น "ปริศนาบทเพลงแห่งตันหยงบุหงา" อีกมุมก็เป็นได้!

Comment #1
คนไทย
Posted @March,21 2010 19.54 ip : 202...194

แขกมักกะสัน ประวัติศาสตร์หน้านี้เป็นอย่างไร ใครเป็นผู้นำแขกมุสลิมเหล่านี้มีที่ไปที่มาอย่างไร จริงหรือที่ว่าเจองูกับเจอแขกให้ตีแขกก่อนทำไมคนโบราณจึงกล่าวคำนี้

แสดงความคิดเห็น

« 6723
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ