บทความ

ถนนสายนั้นชื่อแสวงหา

by Pookun @August,11 2007 00.56 ( IP : 222...196 ) | Tags : บทความ

บทสัมภาษณ์  ชีวิตกลางแจ้ง  (Outdoor  Life) สิงหาคม 2538 ธัญญา  ผลอนันต์ ถนนสายนั้นชื่อแสวงหา

สามสิบปีผ่านไป  ยุคสมัยแม้จะแปรเปลี่ยนจริงหรือไม่ที่ว่า  ผู้คนพวกหนึ่งยังเป็นนักเสาะแสวงผู้เปล่าเปลี่ยวอยู่เสมอ ?  นี่คือการคุยกันสั้น ๆ    ในวันที่ฝนฉ่ำฟ้าวันหนึ่งต้นวสันต์นี้  เขาได้พูดถึงมันอีกเพื่อทวนความหลัง  และฟังสิ่งที่เขาวาดหวังถึงความฝันของนักเดินทางแห่งอนาคต  ยังจะมีถนนสายที่นำไปสู่ก้อนเมฆอีกหรือไม่ ? จะไปถึงมันได้อย่างไร ?
ไม่ว่าท่านจะเป็นนักเดินทาง  ทัวริสต์  ผู้มาเยี่ยมเยือน  พระผู้ภิกขาจาร  หรือ  คนโบกรถ  สัตว์จรจัดหรือชายจร
ถนนสายไปสู่ก้อนเมฆ…..มีชื่อเป็นที่รู้จักกันว่าถนนสายนั้นชื่อแสวงหา  ยังคงเป็นเส้นทางสัญจรของผู้คนในยุคที่เปล่าเปลี่ยวยิ่งขึ้น  เขามาจากไหน?  จะไปไหน?   ล้วนแล้วแต่เป็นคำถามส่วนตัวแสนโศกสลด  มีคำตอบว้าเหว่แผ่วเบาเกลื่อนกระจายกันอยู่ระหว่างสองข้างทางอ้างว้างขอแต่เพียงให้มีเส้นทาง  จะต้องมีนักเดินทางน่าเศร้าแค่ไหน?  ที่เส้นทางสายเก่าของนักฝันข้างถนนผู้ยากไร้จะต้องมีป้ายตอกติดเอาไว้ว่า…

เส้นทางสายนี้ปิดแล้ว – ทางขาด
กรุณาใช้เส้นทางสายอื่น
ขออภัยในความไม่สะดวกด้วย – กทม.

ชีวิตกลางแจ้ง  :  คุณธัญญารุ่นเดียวกับคุณเธียรชัยรึเปล่า?
ธัญญา  :  คงรุ่นเดียวกัน  รึไม่ก็เธียรชัยอาจจะแก่กว่าสักปีสองปี  แต่เรียนอยู่ในสมัยเดียวกันกับเธียรชัย (เธียรชัย  ลาภานันต์)  เขาอยู่วรรณศิลป์ธรรมศาสตร์  ผมอยู่วรรณศิลป์เกษตร
ชีวิตกลางแจ้ง  :  คุณธัญญาเคยเป็นประธานชมรมวรรณศิลป์เกษตร?
ธัญญา  :  เป็นตอนอยู่ปีสี่
ชีวิตกลางแจ้ง  :  รุ่นเดียวกับอาจารย์ไชยันต์  รัชกุลหรือเปล่า?
ธัญญา  :  ผมก่อนอาจารย์ไชยันต์สักสามปี  รุ่นผมถ้าจะเทียบกันก็รุ่นวิทยากร  เชียงกูล  ส่วนสุชาติ (สุชาติ  สวัสดิ์ศรี)  นี่เขาจะเรียนก่อนปีนึง  วิทยากรเขาขยันเรียนเป็นนักวิชาการ  นักคิด  นักเศรษฐศาสตร์  ตอนนี้มาเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการที่มหาวิทยาลัยรังสิต       บ้านเขาอยู่ข้างบ้านพี่คำสิงห์นะ  ในตอนนี้ตรงสี่แยกไปเมืองนนท์  ในกลุ่มนี้จะนอกคอกอยู่  2  คน  คือผมอยู่เกษตรกับม้าอยู่จุฬา  ไอ้ม้านี่จำชื่อจริงไม่ได้
ชีวิตกลางแจ้ง  :  ใช่คุณมงคล  วัชระรางกูร รึไม่?
ธัญญา&nbsp; :&nbsp; ใช่ ๆ<br />
ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; แล้วไม่ทราบว่าเป็นอย่างไรถึงได้มารวมกลุ่มกัน&nbsp; เพราะส่วนใหญ่อยู่ธรรมศาสตร์
ธัญญา&nbsp; :&nbsp; ที่หลุดเข้ามาเจอกันคงเป็นเพราะสัมมนาแล้วเจอกันคุยถูกคอ&nbsp; คือสมัยก่อนมีศูนย์กลางนักเรียนคริสเตียนเขาจัดสัมมนาก็มาเจอพวกวิทยากร, วีระประวัติ<br />

(วีระประวัติ  วงศ์พัวพันธ์)  ก็คุยกันแล้วถูกคอ  “สังคมมันเป็นอย่างนี้  แล้วทำไมเราจะทำอะไรกับมันได้  อะไรทำนองนี้”  แล้วชอบอ่านหนังสือกันน่ะพออ่านเสร็จก็มาคุยกัน  “เล่มนี้กูอ่านแล้วนะ  มึงอ่านรึยัง..  เรื่องมันเป็นอย่างนี้ ๆ นะ”  คุยกันแทบทุกวันจนบางวันไม่เรียนหนังสือ  เช้าขึ้นมาก็มานั่งร้านนายกิ๊ดที่ธรรมศาสตร์เม้าท์  แล้วสมัยก่อนมีกัญชาด้วยนะ  ค่ำลงก็ไปเสพกัญชากัน ก็สนุกเป็นคนหนุ่มที่มีอะไรร่วมกัน  ซึ่งสิ่งนั้นเราหาไม่ได้จากเกษตร  เกษตรตอนนั้นมีการรับน้องใหม่อะไรทำนองนี้  มีคนหนึ่งชื่ออาจารย์ดีพร้อม  ชัยวงศ์เกียรติ    แกจับทางกลอนอย่างเดียว งานสังคมแกก็ไม่ค่อยจับ  แล้วแกก็หนักไปทางไทย  เรานี่อ่านวรรณกรรมต่างชาติด้วย  คุยกันถึงตอลสตอลบ้าง  ความจริงภาษาอังกฤษก็ไม่แตกฉานหรอก  เพียงแต่สังคมมันถูกปิดเราก็อยากอ่านที่แปลออกไป  ก็อ่านแล้วมานั่งคุยกัน  เล่าให้เพื่อนฟัง  วิทยากรที่เขาจะเงียบ ๆ    จะพูดก็เป็นวิชาการ  หลักการ  ประเภทขี้เมาก็จะมีเธียรชัย (ลาภานันต์) นี่พอเมาได้ที่ก็จะมีคำคม ๆ  เธียรชัยเขาเป็นนักเล่านิทาน  เขาจะเล่าเรื่องเก่งมาก  บางทีดูหนังด้วยกันมา  มันเล่าได้สนุกกว่าหนังซะอีก  มันได้บรรยากาศ  อย่างบางทีเราดูพลาดไปนี่  เธียรเขาจับได้หมดแล้วก็มีบริสุทธิ์ , บริสุทธิ์เขาอยู่ช่องมานี่ก็หนักไปทางกินเหล้า  มีผมกับวินัย  (วินัย  อุกฤษณ์)  นี่แหละที่หนักไปทางกัญชา    คนที่สร้างผลงานจริง ๆ  นี่มีสุชาติ , วิทยากร ชีวิตกลางแจ้ง  :  ที่พูดถึงนี้สักช่วงปีไหน? ธัญญา  :  ช่วงประมาณ  2508 – 2509  ผมเรียนสี่ปีจบช่วง  2510 – 2511  เป็นช่วงถนอม ,ประภาส  พูดการเมืองอะไรก็ไม่ได้  เขียนอะไรก็ไม่ได้ ชีวิตกลางแจ้ง  :  ช่วงนั้นสงครามเวียดนามกำลังระอุ? ธัญญา  :  ใช่!  เราเห็นทหารอเมริกันมานะ  ไม่รู้ว่ามาทำไม  รัฐบาลไม่บอกเรา  บรรยากาศทางสังคมก็ต่างไปจากนี้เยอะ  แผงหนังสือเรียกว่าใหญ่สุดนี่  ขนาดโต๊ะนี้  (1x1.5 ม.)  เรียกว่าใหญ่แล้ว  พอหนังสือใหม่ออกมาเล่มหนึ่งนี่  โห  มุงดูกันใหญ่เลย  แย่งกันอ่านแย่งกันซื้อ  เดี๋ยวนี้คุณดูสิออกมาเดือนละร้อยเล่มไม่รู้จะอ่านเล่มไหนแล้ว ชีวิตกลางแจ้ง  :  ช่วงที่ไปเช่าบ้านแพตาท้วมนี่  เรียนกันจบแล้ว? ธัญญา  :  ผมจบคนเดียว  คนอื่นยังไม่จบ  คือมันเป็นช่วงต่อปลายปีสี่พอดี  วีระประวัติมันมาบอก  เฮ้ย!  กูได้บ้านหลังหนึ่งโว้ย  บรรยากาศดีฉิบหาย  เดินเข้าไปในสวนน่ะ  มีต้นมะพร้าวทางเข้าไป  แล้วหลังคาบ้านนี่นะมองขึ้นไปวันไหนฟ้าใสเห็นดาวเลย  ความจริงไม่ใช่  รอยตะปูเก่าตอกกลับกันบนหลังคาสังกะสี  วีระประวัติมันพูดเกินจริง ชีวิตกลางแจ้ง  :  คุณคำรณ (คุณดิลก) นี่อยู่ในกลุ่มด้วยรึเปล่า? ธัญญา  :  คำรณนี่อยู่ในกลุ่มด้วย  ไอ้ถกเถียงกันนี่เป็นเรื่องประจำของกลุ่ม ชีวิตกลางแจ้ง  :  กัญชานี่ติดมั้ย? ธัญญา  :  ไม่ถึงกับติด  มันขึ้นอยู่กับจังหวะ  พอถึงตอนเย็นนี่ก็เอาแล้ว ชีวิตกลางแจ้ง  :  จนแล้วทำที่บางกอกโพสต์เลย? ธัญญา  :  จบปั๊บนี่ไปอเมริกาเพราะตอนเรียนปีสุดท้ายทำงานไปด้วยด้านทัวร์  ความฝันคือเดินทางเที่ยวรอบโลกแล้วไปอยู่ที่เกาะเล็ก ๆ  ที่คนน้อย ๆ  ใช้ชีวิตแบบง่าย ๆ พอจบปั๊บเงินที่เก็บไว้ทั้งปีก็พอดีตั๋วเครื่องบิน ผมก็ซื้อตั๋วเครื่องบินไปอเมริกา ไปอยู่ที่  L.A.  ประมาณสัก  3  เดือน  ก็ไปทำงาน  เรียนภาษาอังกฤษ  แล้วผมก็ไป  Washington  D.C.  ทำงานล้างจานพอเก็บเงินได้ก้อนนึงก็ไปเรียนที่นอร์ธดาโกต้าเรียนซัมเมอร์  ไอ้เงินที่เก็บไว้ทั้งที่เมืองไทย        ทั้งตอนทำงานล้างจาน        ผมไปลงเรียนแค่เทอมเดียวเงินหมดแล้วเพราะค่าเล่าเรียนมันก็แพงแล้วเราก็หาเงินได้น้อยก็เลยคิดว่าถ้าต้องเรียนจบต้องใช้เวลาอย่างน้อยตั้งสี่ปี  ก็เลยคิดว่าไม่เอาแล้ว  เลยทิ้งตำราจะเดินทางกลับบ้านนั่งเรือนักศึกษาข้ามเรือแอตแลนติก  ซึ่งปกตินั่งเรือข้ามใช้เวลา  3  วัน  แต่เรือนักศึกษาใช้เวลา  7  วันเพราะเป็นเรือเก่า  แต่ราคาถูก  แล้วก็ไปขึ้นที่เซาท์แทมตั้นแล้วก็โบกรถมาตลอดก็ได้อย่างที่เขียนในหนังสือเล่มนี้ ชีวิตกลางแจ้ง  :  ตอนที่เรียนที่เกษตรเรียนสาขาเศรษฐศาสตร์? ธัญญา  :  เรียนเศรษฐศาสตร์ ชีวิตกลางแจ้ง  :  แล้วตอนไปเรียนที่นอร์ธดาโกต้าก็เรียนเศรษฐศาสตร์? ธัญญา  :  เรียนเศรษฐศาสตร์  แต่ลงวิชาสถิติ  ตอนนั้นมันก็เกิดความสับสนสองอย่างอย่างนึงก็อยากเป็นนักวิชาการอีกด้านนึงก็อยากทำในสิ่งที่ไม่ต้องง้อใคร  ทำในสิ่งที่เราอยากทำ  ตอนนั้นเป็นปีแรกที่คนไปดวงจันทร์ด้วย  ช่วง ค.ศ. 1969  เราก็เลยหลุดไปเลย  คิดว่ามนุษย์เรามีศักยภาพเยอะสามารถไปถึงดวงจันทร์ได้  แล้วเราทำไมต้องมาเจ่าจุกอยู่ตรงนี้  ก็เลย…กูไปแล้ว  ไปก็โบกรถไป  ไม่รู้ไม่ชี้ตามเค้าไป  ตอนมาขึ้นฝั่งที่เซาท์แทมตั้นของอังกฤษ  เที่ยวในอังกฤษก็ยังมีเงินอยู่บ้างก็ขึ้นรถไฟอะไรบ้าง  จนข้ามถึงฝรั่งเศสก็คิดว่าเงินที่เหลือนี่จะบินกลับหรือจะเดินทางต่อไปอีก  ทีนี้ไปพักที่บ้านเยาวชนก็คุยกัน เฮ้ย!  มึงต้องไปเมืองนั้นน่ะ  เมืองนี้น่ะ  อย่างเมืองคาบูน  ถ้าไม่ไปก็แสดงว่ามึงไปไม่ถึงเอเซียนะ ผมถามใช้เงินเท่าไหร่  โอ้ย!  ประเทศนึง  10,20  เหรียญเอง  กูโบกรถไป  เวลากินข้าวก็ไปกินตามร้านที่ไม่มีผ้าปูโต๊ะ  มันก็ถูกหน่อย ชีวิตกลางแจ้ง  :  บรรยากาศและกลุ่มคนที่พูดกันช่วงนั้นก็เป็นวัยรุ่น? ธัญญา  :  เป็นวัยรุ่น  ซึ่งช่วงนั้นจะมี  2  กระแส  พวกอเมริกาที่ต่อต้านสงครามเวียดนาม  กับพวกนักศึกษาหัวรุนแรงของญี่ปุ่นที่นี้พอมาผสมผสานกันในยุโรปมาเจอกันที่บ้านเยาวชน  ซึ่งเป็นแหล่งที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เยาวชนได้เดินทางและได้พักในราคาถูก ๆ กฎระเบียบของเขามีอยู่ว่าจะปิดห้องเมื่อประมาณ  10  โมงไล่คนออกให้หมด  แล้วจะเปิดอีกครั้ง  5  โมงเย็น  จะขายอาหารราคาถูก  แล้วเราก็กินกาแฟ  กินเบียร์  นั่งคุยกัน  มีอะไรก็เอามาขายกัน  แลกเปลี่ยนกัน    ก็เป็นคนหนุ่มคนสาวผมเผ้ายาว ชีวิตกลางแจ้ง  :  ถ้าตอนนั้นนั่งเครื่องบินกลับก็จบการพเนจรไว้ที่ตรงนั้น  ไม่มีถนนไปสู่ก้อนเมฆ? ธัญญา  :  ใช่  แล้วตอนนั้นมีหนังสือเล่มนึงของ  แจ็ค  เคอ  รูแอ็ค  ซึ่งเป็นเรื่องของการเดินทาง การฝันมันสนุก ชีวิตกลางแจ้ง  :  แล้วหนังสือของแจ็คจะมามีแรงผลักดันในแง่แตะต้องภายในของคุณธัญญาบ้างรึเปล่า  ในส่วนความคิดความฝัน? ธัญญา  :  คงไม่นะ  เพราะตอนนั้นภาษาอังกฤษยังไม่แตกฉาน ชีวิตกลางแจ้ง  :  มันเป็นหนังสือคัมภีร์เหมือนสมัยหนึ่งที่  “รงค์  วงสวรรค์”  มีผลต่อนักอ่านไทย  ถ้าเป็นหนังสือไทย ก็ของหม่อมเจ้าอากาศดำเกิง  ซึ่งเป็นเรื่องของคนไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ  ไปเป็นนักข่าว  ผมอ่านตอนอยู่  ม.3 ม.4  รู้สึก  “อื้อหือ….มัน” ชีวิตกลางแจ้ง  :  ได้เดินทางโบกรถจริง ๆ จากแดนฝรั่งเศสหรือยัง? ธัญญา  :  เริ่มจริง ๆ มาเริ่มที่สวิตเซอร์แลนด์เอากันตั้งแต่ไม่เป็นว่าจะยืนยังไง  โบกยังไงจนทีหลังนี่ธรรมชาติเลย ชีวิตกลางแจ้ง  :  ตอนนั้นมีสัมภาระอะไรบ้าง? ธัญญา  :  มีเป้ใบเดียว  น้ำขวดนึง  มีเสื้อสามสี่ตัว  หมวกมีใบนึง  กางเกงยีนส์ตัว  อะไรทำนองนี้  กระเป๋ามันเบามาก ชีวิตกลางแจ้ง  :  ตอนที่จนจริง ๆ นี่ไปที่ไหน? ธัญญา  :  จนที่สุดอินเดีย ชีวิตกลางแจ้ง  :  แล้วยังชีพอยู่ยังไง? ธัญญา  :  มันก็มีวิธี  ของนักธุดงค์น่ะ  ขึ้นไปร้านบริการตัวเองเป็นเคนตั๊กกี้แล้วคุณไปซื้อน้ำมาซึ่งมันก็ไม่กี่บาท  คุณก็ไปดูโต๊ะข้าง ๆ  โต๊ะไหนว่าง ๆ มีอาหารเหลือคุณก็เข้าไปนั่งกินเลย  ทำเป็นของคุณ ชีวิตกลางแจ้ง  :  ช่วงโบกรถนี่นานแค่ไหน? ธัญญา  :  สองเดือน  รอนแรมกลับมาถึงบ้านผิวดำเมี่ยม  แม่ยังจำไม่ได้เลย ชีวิตกลางแจ้ง  :  ได้เขียนจดหมายติดต่อมั้ย? ธัญญา  :  ไม่ได้เขียนเลย  ตอนไปตัดทุกอย่าง  มีชีวิตอยู่แบบพเนจร  คุณคิดดู  บางทีไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เราจะไปไหน  บางวันเดินทางได้เป็น  100  กิโล  บางวัน  7  กิโล  บางวันต้องโบกรถเวสป้า  โห…..หนักฉิบหายเพราะต้องแบกเป้ไว้ข้างหลัง  เวลาซ้อนท้ายรถเวสป้า    บางวันก็เลือกเส้นผิดเสียเวลา  คนก็ได้เจอหลายประเภท ชีวิตกลางแจ้ง  :  แล้วที่อิตาลี  ที่มีคนผลักเข้าไปในงานเลี้ยง? ธัญญา  :  ที่อิตาลีเหรอ  ก็ไปยืนดูเหมือน ๆ ไทยมุงบ้านเรา  ผมก็ไปยืนดูว่าเขาเลี้ยงอะไรตรงประตูทางเข้า  ก็มีอยู่คนนึงมาดึงมือ  ถาม  นิปอง ๆ ผมก็ไทย ๆ เค้าก็โอ….ไทย ๆ โผน  กิ่งเพชร  แล้วดึงมือเข้าไปเลย  รู้จักคนไทยแค่โผน  กิ่งเพชร ชีวิตกลางแจ้ง  :  กับเพื่อนที่ชื่อ  ย่งส่ง? ธัญญา  :  นั่นก็มีตัวจริง  เป็นคนไต้หวันไปเรียนเยอรมัน  แต่ตอนนี้ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว  เค้าเคยบอกว่าเค้าเป็นวิศวกรแล้วพอติดต่อก็หายไป  คนบนถนนก็อย่างนี้แหละ  แต่มีเพื่อนญี่ปุ่นนี่บางทีก็ยังได้เจอกัน ชีวิตกลางแจ้ง  :  ตอนนั้นคุณธัญญาอายุเท่าไหร่? ธัญญา  :  ก็ช่วงจบมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ  22 – 23  ปี  ยังหนุ่ม ชีวิตกลางแจ้ง  :  ถามย้อนหลังนิดนึง  คุณธัญญาเป็นคนกรุงเทพฯ? ธัญญา  :  จริง ๆ  แล้วเกิดโคราช  แต่แจ้งเกิดที่กรุงเทพฯ  เพราะพ่อเป็นข้าราชการย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดแค่อายุ  6  ขวบ  ก็เข้ามาอยู่กรุงเทพฯ  ตลอด ชีวิตกลางแจ้ง  :  จนระดับมัธยมที่ไหน? ธัญญา  :  จบเซนคาเบรียลแล้วมาต่อเตรียมอุดมศึกษา  แล้วมาเข้าเกษตร  ตอนเรียนสมัยเตรียมนี่ห้องเดียวกับคำรณ ชีวิตกลางแจ้ง  :  คุณคำรณกับคุมคมศรเป็นพี่น้องกัน? ธัญญา  :  ใช่ฮะ  คำรณเป็นพี่  คมศรเคยเขียนบทกวี  แต่ตอนหลังก็หายไป  ของคำรณนี่เป็นนกที่ว่ายฟ้าอะไรของมันนี่แหละ  ผมมีอะไรเหมือนกันกับคำรณหลายอย่างและเป็นชีวิตที่โคจรมาเจอกันเรื่อย  เรียนเตรียมห้องเดียวกันแล้วก็หายไป  ไปเจอกันอีกที่พระจันทร์เสี้ยวด้วยกัน  พอสมัยรัฐบาลหอยไปอยู่ยุโรป  รณอยู่ฝรั่งเศส  ผมอยู่สวีเดนก็เจอกันบ่อย  พอผมอพยพกลับกรุงเทพฯก็กลับมาอีก  ชีวิตมันมาไขว้กันตลอด  สมัยเรียนหนังสือมีสารพัดโครงการ  ความคิดสร้างสรรค์  ความฝันเป็นเลิศ  อย่างตอนนี้เค้าก็ไปจับพวกวีดีโอ  สารคดีก็เคยทำ  กระจกหกด้าน  ทำอยู่ในกลุ่มของโต้ง  (ไกรศักดิ์  ชุณหะวัณ)

ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; ถนนไปสู่ก้อนเมฆนี่เขียนหลังจากกลับจากการโบกรถเข้มข้นครั้งนั้น?
ธัญญา&nbsp; :&nbsp; ใช่&nbsp; พอกลับมาอยู่เมืองไทยทำแบงก์อยู่พักแล้วก็ไปทำหนังสือพิมพ์
ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; แบงก์อะไรครับ?
ธัญญา&nbsp; :&nbsp; แบงก์&nbsp; ออฟ&nbsp; อเมริกา&nbsp; แล้คุณคิดดูเพิ่งกลับจากโบกรถมานะอยู่ได้สามเดือนเผ่นเลย&nbsp; พอดีบางกอกโพสต์เขาประกาศรับ&nbsp; วิทยากรก็โทรมา&nbsp; วิทยากรนี่ช่วยผมหลายหนแล้วอย่างทุนญี่ปุ่นนี่เขาก็โทรมา&nbsp; แล้วที่บางกอกโพสต์วิทยากรโทรมา&nbsp; เฮ้ย!&nbsp; นายอยากทำนักข่าวไม่ใช่เหรอ&nbsp; เขาเปิดรับนะ&nbsp; ผมก็ไปสมัครก็ได้&nbsp; เลยออกจากแบงก์ก็ไปทำหนังสือพิมพ์
ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; ทำแบงก์นี่ทำอะไร?
ธัญญา&nbsp; :&nbsp; ออดิเตอร์&nbsp; ซึ่งตำแหน่งนี้นี่อนาคตไกล&nbsp; เมื่อทำไปสักพักถ้ามีฝีมือคุณจะได้โอกาสเป็นออดิเตอร์ทั่วภาคพื้นประจำที่สิงคโปร์ตรวจได้หมด&nbsp; ตรวจสอบบัญชี
ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; ซึ่งก็ตรงกับที่เรียนมา?
ธัญญา&nbsp; :&nbsp; ตรงกับสาขา&nbsp; ก็ทำอยู่บางกอกโพสต์อยู่ปีหนึ่ง&nbsp;  ได้ออกต่างจังหวัดไปทำข่าวมันๆหลายข่าว เช่นคอนเทรนเนอร์กล่องแรกที่มาเมืองไทยซึ่งมันเป็นเหมือนการปฏิวัติอุตสาหกรรมขนส่ง&nbsp; ข่าวปิดฐานทัพอู่ตะเภา&nbsp; แล้วก็ไปญี่ปุ่น
ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; ตอนไปญี่ปุ่นนี่ทุนอะไร?
ธัญญา&nbsp; :&nbsp; ทุนของรัฐบาลญี่ปุ่น&nbsp; ไม่มีข้อผูกมัดอะไร&nbsp; ไปสอบก็ใช้ภาษาอังกฤษไปที่โน่นถึงก็นั่งเขียนหนังสือเดินขบวนกับเค้า&nbsp; เขียนหนังสือส่งให้เพื่อนที่เมืองไทยอ่าน&nbsp; อย่างบทแรกนี่เขียนให้หนังสือพระจันทร์เสี้ยวที่วินัยทำอยู่&nbsp; มันก็บอกว่ามึงเขียนบทสองบทสามซี&nbsp; มันยุ&nbsp; ไม่ต้องรงต้องเรียนมันหรอกเรียนไปทำอะไร&nbsp; เราก็ไม่อยากเรียนอยู่แล้ว&nbsp; ก็ไปใช้ชีวิต&nbsp; “นอกกรอบ”&nbsp; ไปตั้งชมรมต่อต้านบริษัทญี่ปุ่นที่ส่งออก&nbsp; โรงงานที่ทำลายสภาพแวดล้อม&nbsp; คิดว่าเป็นช่วงที่ใช้เวลาอ่านหนังสือได้อย่างสะใจ&nbsp; เป็นนักศึกษาทุนวิจัยเราก็สบาย&nbsp; ก็บอกเขาว่าเราไปอ่านหนังสือทำวิจัย&nbsp; ตอนหลังพอวีซ่าจะหมด&nbsp; ผมก็เรียนปริญญาโท&nbsp; เรียน&nbsp; M.B.A.&nbsp; จนจบที่ญี่ปุ่นจะเป็นศูนย์รวมหนังสือจากที่ต่าง ๆ&nbsp; ที่หาที่อื่นไม่ได้&nbsp; มีทั้งวรรณกรรมทั้งแนวความคิด
ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; คุณธัญญานี่คล่องภาษาญี่ปุ่น?
ธัญญา&nbsp; :&nbsp; พอพูดพอจาได้&nbsp; แต่เขียนอ่านไม่ค่อยได้&nbsp; วรรณกรรมที่อ่านก็เป็นภาษาอังกฤษ คือจะมีย่านร้านหนังสือเก่าอยู่ย่านหนึ่งในโตเกียว&nbsp; ย่านคันดะที่มีหมดทั้งพวกหนังสือแปลจากจีน, รัสเซียและโลกที่สามที่คุณจะไปอ่านยังไงก็ได้อย่างบางทีเจ้าของร้านทัก….. “ มาพอดี&nbsp; นี่ฉันมีหนังสือจากแอฟริกาน่ะ&nbsp; เป็นเรื่องที่เธอสนใจอยู่”&nbsp; คือเค้าจะจำเราได้เลย
ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; กลับจากญี่ปุ่นแล้ว?
ธัญญา :&nbsp; ก็มาทำหนังสือพิมพ์จตุรัสรายสัปดาห์&nbsp; ประชาชาติรายสัปดาห์&nbsp; แล้วก็ไปสวีเดน&nbsp; อังกฤษรวมกัน&nbsp; 7&nbsp; ปี&nbsp; กลับเมืองไทยอีกครั้งปี&nbsp; 28&nbsp; ทำงานอยู่หลายบริษัทที่นานที่สุดคือ&nbsp; &nbsp; แบงก์กรุงศรีอยุธยา&nbsp; 5&nbsp; ปี
ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; ตอนนี้พอจะมีเวลาเขียนหนังสือบ้างมั้ย?
ธัญญา&nbsp; :&nbsp; เวลาอ่านก็ยังไม่ค่อยมี&nbsp; บางทีซื้อไป&nbsp; 10&nbsp; เล่ม&nbsp; อ่านจบ&nbsp; 2&nbsp; เล่ม&nbsp; &nbsp; &nbsp; ผมกำลังรวบรวมอยู่&nbsp; คิดว่าจะเริ่มเขียนงานวรรณศิลป์อีกครั้งตอนอายุ&nbsp; 50&nbsp; หรือไม่ก็&nbsp; 60&nbsp; ปี&nbsp; &nbsp; &nbsp; &nbsp;  ผมเป็นคนเขียนหนังสือช้า&nbsp; มีงานเขียนประเภทแนะนำการท่องเที่ยวในต่างแดน&nbsp; เช่น&nbsp; ถนนไปสู่ญี่ปุ่น&nbsp; ถนนไปสู่สิงคโปร์&nbsp; งานวิชาการ&nbsp; ตอนนี้ก็ค้างอยู่สองเล่ม&nbsp;  ก็พอหมด&nbsp; 2&nbsp; เล่มนี้แล้ว&nbsp; คงต้องไปนั่งรวบรวมคือ&nbsp; คุยกันว่า&nbsp; ในปี&nbsp; 2538&nbsp; นี้&nbsp; ชุมนุมวรรณศิลป์เกษตรครบรอบ&nbsp; 30&nbsp; ปีให้กลุ่มนี้มาเขียนใหม่คนละเรื่องผมก็มีอยู่พล็อตนึงซึ่งก็ยังไม่ได้ดั่งที่เคยมีความฝันอยากทำแบบคุณเนาวรัตน์&nbsp; พงษ์ไพบูลย์&nbsp; คือท่องเที่ยวไปแล้วเขียน&nbsp; ล่องมาจากเชียงรายลงไปถึงนราธิวาสเลย&nbsp; จากแม่ปิงสู่สุไหงโกลกอะไรทำนองนั้น&nbsp; มีกล้องตัวนึงมีฟิล์มไม่จำกัด และมีเวลาไม่จำกัดด้วย&nbsp; งานเขียนเป็นงานที่เพลิน&nbsp; อย่างตอนนี้ผมเขียนตำราวิชาการบริหารทรัพยากรมนุษย์&nbsp; แปลไปเขียนมาได้เกือบ&nbsp; 400&nbsp; หน้าแล้ว
ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; ในฐานะผู้ผ่านทางมาก่อน&nbsp; มีทางออกหรือคำแนะนำอะไรบ้างสำหรับคนรุ่นใหม่?
ธัญญา&nbsp; :&nbsp; ผมคิดว่ามนุษย์ทุกคนมีวิญญาณของการผจญภัย&nbsp; การอยากรู้อยากเห็น&nbsp; อยากจะแสวงหาอยู่ในตัวทุกคนตั้งแต่เด็กแล้ว&nbsp; แต่พอช่วงอายุสักสิบถึงสิบแปดนี่ต้องเข้าโรงเรียนเลยถูกระบบการศึกษา ระบบโรงเรียน ทำให้ตัวนี้หายไปจากเรา ผมก็เป็นอย่างนั้น แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยนี่ผมก็ได้อ่านในสิ่งที่ไม่เคยได้อ่าน , แอบอ่าน&nbsp; ไปเสาะแสวงหาอ่านหนังสือดี ๆ&nbsp; ที่แปลกไปจากสังคมตอนนั้นหาอ่านยากมีแต่ประเภทนวนิยายที่ลงเป็นตอนๆ&nbsp; ในหนังสือรายสัปดาห์&nbsp; ทีนี้พอได้ไปอ่านเข้า&nbsp; วิญญาณนี่มันก็กลับมา&nbsp; ไอ้ความอยากรู้อยากเห็นมันก็กลับมา
ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; คิดว่าหนังสือเล่มไหนที่ได้กระทบเข้ากับจิตใจส่วนลึก?
ธัญญา&nbsp; :&nbsp; มันคงหลายเล่ม&nbsp; ถ้าเป็นพื้นฐานไทย ๆ จริง ๆ&nbsp; ก็ของ หม่อมเจ้าอากาศดำเกิง&nbsp; เป็นเรื่องชีวิตของนักหนังสือพิมพ์ไทย&nbsp; อ่านแล้วมีความรู้สึก&nbsp; &nbsp; &nbsp;  โห….โลกเรานี้อะไรสารพัดเลยที่ตื่นเต้นมันไม่จำเจ&nbsp; มีอิสระ&nbsp; มีเรื่องความรักด้วย&nbsp; นอกจากนั้น&nbsp; ก็เป็นชุดล่องไพร&nbsp; ของ<br />

น้อย  อินทนนท์  นั่นก็เป็นเรื่องผจญภัยอีกมิติหนึ่ง  เป็นเรื่องเกี่ยวกับป่า, ความตื่นเต้น, ไสยศาสตร์, ความลึกลับ, ความรักสัตว์  สรุปแล้วหนังสือใดก็ตามที่เกี่ยวกับการเดินทางการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ  อยากให้คนหนุ่มสาวปลดพันธนาการออกไป  เริ่มจากใกล้ ๆ  ในเมืองไทยก่อนก็ได้  เพราะเดี๋ยวนี้โอกาสมันเปิดขึ้นเยอะ  เมื่อก่อนนี้เมืองไทยไม่มีตั้งแคมป์เหมือนเดี๋ยวนี้  เดี๋ยวนี้ดีขึ้น  ที่นี้จะได้สะสมความกล้าและก็ประสบการณ์ของการเจอสิ่งใหม่ ๆ  สิ่งที่ไม่คาดฝัน  ผมเชื่อว่าการเดินทางทุกครั้งไม่เหมือนกัน แม้จะเป็นเส้นทางเดิมก็ตาม  เราก็จะเจอของใหม่ๆ  เจอเพื่อนร่วมทางใหม่  เจอคนใหม่ของพื้นที่  คือทุกครั้งของการเดินทางจะเป็นเรื่องของความสด  ความใหม่  อยากให้คนรุ่นใหม่ปลดพันธนาการของตัวเองออกแล้วเดินออกไปได้ ชีวิตกลางแจ้ง  :  คนรุ่นใหม่ยังมี  “ถนนไปสู่ก้อนเมฆ”  อยู่? ธัญญา  :  มันมีอยู่ในทุกคนเพียงแต่เราถูกสังคมปิด  ถูกลบความทรงจำ ชีวิตกลางแจ้ง  :  คิดว่าเดินทางครั้งนั้นได้ปลดปล่อยอะไรไปบ้าง? ธัญญา  :  มันก็ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ  ในสิ่งที่เราถูกกดมานาน  มันเหมือนกับการเสพอะไรอย่างหนึ่งที่เรารู้สึกว่าเราไม่เคย  ได้เห็นในสิ่งที่ไม่เคยเห็น  ผมคิดว่ามันเป็นความสุขอย่างบอกไม่ถูก  การที่เราเดินทางคนเดียว  ทุกวันเราได้เพื่อนใหม่ได้เจอสถานที่ใหม่  ทุกอย่างใหม่หมด ชีวิตกลางแจ้ง  :  แล้วเกิดความกลัวบ้างมั้ยในตอนนั้น? ธัญญา  :  มันก็มีความกลัว  กลัวอันตราย  กลัวการถูกทำร้าย    ถ้ากลัวแล้วไม่ทำเราก็ไม่ได้อะไร  ซึ่งต่อไปเราก็ได้เจอเรื่องตื่นเต้น  แต่เราก็รอดมาได้เพราะว่าจริง ๆ  แล้วก็ไม่ถึงกับว่าอยากจะฆ่ากันแล้วเราเองก็ไม่ได้มีอะไรอยู่แล้ว  ในส่วนของการเดินทางเรียกว่าส่วนกลัว  มีส่วนหวาดเสียวสัก 4 – 5 เปอร์เซ็นต์  ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความเห็นใจมากกว่า  เป็นเรื่องของมิตรภาพ  ความเอื้ออาทร ชีวิตกลางแจ้ง  :  ตอนนั้นรู้สึกโดดเดี่ยว เหงา ๆ มั้ย ? ธัญญา  :  ความรู้สึกโดดเดี่ยวนั้นมีมานานแล้ว  เพราะเราเป็นพวกที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขา  เราทำหนังสือก็มาปิดของเราอะไรทำนองนี้  ความโดดเดี่ยว  ความเหงานี่เป็นส่วนหนึ่งของพระจันทร์เสี้ยวพวกเราลึก ๆ  ลงไปนี่เหงา  คิดอยู่ในใจว่าพวกเราเป็นคนนอกของสังคม  แม้แต่มหาวิทยาลัยเราก็เป็นคนนอกของสังคมนั้น ชีวิตกลางแจ้ง  :  ตอนที่เดินทางรู้สึกผิดหวังกับสิ่งที่คาดคิดไว้หรือไม่? ธัญญา  :  มันไม่ได้มีความหวังอะไรนอกจากอยากเจอสิ่งใหม่คิดว่าเรื่องของความผิดหวังจะไม่ค่อยเจอ  ความท้อแท้  ความเหนื่อย  ความเหงาจะมี ชีวิตกลางแจ้ง  :  เปรียบเทียบได้มั้ย  ซึ่งในสภาพการณ์ปัจจุบัน  ยังมีผู้คนจำนวนมากเหงาอยู่  หนทางที่จะเดินออกไปกับสมัยก่อน ธัญญา  :  รูปแบบของมันคงแตกต่างกัน  คนสมัยนี้อาจไม่ต้องโบกรถ  อาจนั่งเครื่องบินหาความใหม่ได้  คือการเดินทางมันไม่จำกัดว่าคุณต้องไปเดินแล้วโบกรถ  ผมเมื่อ  3  ปีก่อน  ที่ย้ายงานผมยังนั่งรถไฟคนเดียวจากกรุงเทพฯไปสิงคโปร์  คือมันยังอร่อยอยู่    ผมเลื่อนงานใหม่สายสัก  15  วัน  แล้วผมก็นั่งรถไฟจากกรุงเทพฯไปถึงสิงคโปร์ใช้เวลา  2 วัน  2 คืน  ไปอยู่สิงคโปร์แค่  7 วันแล้วนั่งกลับ  ผมก็ถ่ายรูปไปแล้วนั่งคุยกับคนนั้นคนนี้บ้าง  มันเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ก็ทำได้  ถ้าคุณมีหัวใจที่อยากจะทำ  อยากเดินทาง  หัวใจที่จะแสวงหาดิ้นรนพบสิ่งใหม่

ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; ระยะเวลาที่ทำงานน้อยที่สุดนานแค่ไหน?
ธัญญา&nbsp; :&nbsp; ทำธนาคาร&nbsp; 3&nbsp; เดือน
ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; แล้วนานที่สุด?
ธัญญา&nbsp; :&nbsp; ทำ&nbsp; 5&nbsp; ปี&nbsp; ก็ธนาคารเหมือนกัน
ชีวิตกลางแจ้ง&nbsp; :&nbsp; ตอนนี้ถ้าเขียนแบบไม่ใช่ถ่ายทอดความรู้&nbsp; แต่เป็นลักษณะ<br />

“ถนนไปสู่ก้อนเมฆ”  นี่มีโอกาสได้เขียนมั้ย? ธัญญา  :  อย่างนั้นเขียนยาก  เพราะเราต้องการความลงตัว  ละเมียดละไม  ซึ่งช้า…..ช้ามาก  ถนนไปสู่ก้อนเมฆนี่เป็นส่วนหนึ่งที่เราได้บันทึกความรู้สึกของเราถ่ายทอดออกไป  ซึ่งเขียนยากและสื่อได้ด้านเดียวคือปลุกวิญญาณให้อยากไป  แล้วถ้าจะไป  ไปยังไงล่ะ  พอคุณหยิบเล่มนี้ขึ้นมาคือนำเที่ยวสิงคโปร์  คุณก็รู้ว่า  เออ….ไปสิงคโปร์นี่คุณนั่งรถไฟไปก็ได้? ชีวิตกลางแจ้ง  :  มีความคิดว่าคนในยุคนี้เหงากว่ายุคเก่ามั้ย? ธัญญา  :  ลึก ๆ  คิดว่าเหงากว่า  เพราะว่าคนมันยิ่งห่างกันทุกที    เพราะฉะนั้นความโหยหาในธรรมชาติ  โหยหาในสิ่งที่เป็นพื้นฐานน่าจะมีมาก ชีวิตกลางแจ้ง  :  มีทางไหนมั้ย  เพื่อจะเดินทางไปพบกับสิ่งใหม่ ๆ ? ธัญญา  :  คนแต่ละรุ่นก็จะมีทางออกของรุ่นเขาเองอย่างคนรุ่นเรา  2512 – 2514  ก็เจอทางตันอย่างนี้แหละ  แต่พวกเราก็ไม่คิดจะทำเป็นทางออก  เพียงแต่หาทางที่จะแหวกออกไปมากกว่าเพราะในยุคนั้นก็มีงานบอลล์  งานเต้นรำ  แข่งฟุตบอลประเพณีก็มีเท่านั้น  แต่ละคนก็แหวกไปคนละทาง  ผมก็ไปทาง  เธียรเขาก็ไปทาง  ไปออกท้องทุ่งอะไรของเขา  มันเป็นเรื่องของแต่ละรุ่น  ไม่มีคำตอบของคนอีกรุ่นหรอกเป็นหน้าที่ที่ต้องแสวงหาเอง  ปลุกวิญญาณการแสวงหาให้ได้ก่อน ชีวิตกลางแจ้ง  :  เรียกว่าวิญญาณอิสระ? ธัญญา  :  วิญญาณพเนจร  หรือวิญญาณขบถ  คือจะเรียกอะไรก็ตาม  แต่ต้องปลดพันธนาการแล้วมองโลกให้ผิดแปลกไปจากที่เรามอง  ให้มีความเสรีแบบเด็ก ๆ    ที่เดินไปชนโต๊ะหัวแตกก็ยังเดิน  คือมันต้องเดิน  นี่คือวิญญาณ  แล้วแม่ก็จะเริ่มดึง  หนูอย่าไปตรงนั้น  เราก็เอาตัวนั้นแหละกลับ  เบื่อก็ไปเครื่องบินก็ได้  นั่งรถไฟก็ได้  หรือเล่นเกมกดก็ได้  ไม่มีคำตอบสำหรับคนรุ่นใหม่  คุณต้องไปหาเอาเอง  แต่ผมมีวิญญาณให้ว่าคุณต้องปลดพันธนาการ ชีวิตกลางแจ้ง  :  อยากจะเดินไปบนถนนสู่ก้อนเมฆอีกครั้งไหม? ธัญญา  :  อยากจะเดินในเมืองไทย  อยากจะไล่ลงมาจากเชียงรายถึงสุไหงโกลกเลย  ถ้ามีเวลาอาจใช้รถยนต์ก็ได้ ขอให้เราไปแบบเวลาไม่จำกัด  ไม่ใช่  9  โมงเช้าต้องไปถึงนี่อย่างนั้นไม่ใช่ ชีวิตกลางแจ้ง  :  เพื่ออะไร? ธัญญา  :  เพื่อสนองความอยากที่จะเป็นอิสระไม่ตั้งเป้าว่าจะไปถึงนั่นถึงนี่แล้วหยุด  บางทีอาจจะพัก  3  เดือน  บางทีอาจจะอยู่  3  วัน  คือทางออกมันมีหลายอย่างไม่เจาะจงว่าจะต้องเดินทางอาจจะทำละคร , นั่งกินเหล้า  ก็เป็นทางออกอย่างหนึ่งคือมันหลากหลาย  กลุ่มเราเองก็มีทางออกแต่ละคน  ผมไม่อยากให้เป็นเฉพาะ  “ถนนไปสู่ก้อนเมฆ”  อยากให้เป็นวิญญาณของการแสวงหา  วิญญาณของผู้ขบถมากกว่า.

ข้อมูลจาก www.tanyaph.com

แสดงความคิดเห็น

« 2042
หากท่านไม่ได้เป็นสมาชิก ท่านจำเป็นต้องป้อนตัวอักษรของ Anti-spam word ในช่องข้างบนให้ถูกต้อง
The content of this field is kept private and will not be shown publicly. This mail use for contact via email when someone want to contact you.
Bold Italic Underline Left Center Right Ordered List Bulleted List Horizontal Rule Page break Hyperlink Text Color :) Quote
คำแนะนำ เว็บไซท์นี้สามารถเขียนข้อความในรูปแบบ มาร์คดาวน์ - Markdown Syntax:
  • วิธีการขึ้นบรรทัดใหม่โดยไม่เว้นช่องว่างระหว่างบรรทัด ให้เคาะเว้นวรรค (Space bar) ที่ท้ายบรรทัดจำนวนหนึ่งครั้ง
  • วิธีการขึ้นย่อหน้าใหม่ซึ่งจะมีการเว้นช่องว่างห่างจากบรรทัดด้านบนเล็กน้อย ให้เคาะ Enter จำนวน 2 ครั้ง
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บไซท์
"ก๊วนปาร์ตี้"
เว็บไซท์นี้เปิดมาเพื่อ เป็นพื้นที่สาธารณะ สำหรับบันทึกเรื่องราว ทางด้านวรรณกรรม ทุกรูปแบบ ท่านสามารถส่งบทความ - เรื่องสั้น - บทกวี เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันอ่าน โดยคลิกส่งได้จากด้านล่างนี้
คลิกเพื่อ >> ส่งบทความ | ส่งเรื่องสั้น | ส่งบทกวี | ปกิณกะ