บทความ
ในฝันกับมายาภาพแห่งชีวิตจริง
สิ่งต่างๆที่เราเห็นอยู่นั้น ไม่คงทน
แน่นอน
สิ่งที่เราประสบอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนี้
ที่แท้ก็เหมือนภาพมายา มันเปลี่ยนแปลงได้ สูญสลายได้
เหมือนอย่างที่เรานอนฝัน พอลืมตาตื่นขึ้นก็หายไปหมด
เป็นข้อความตอนหนึ่งในลายพระหัตถ์ของเจ้าชายโอริสสาวัฒนาที่ทรงไว้ถึง เจ้าหญิงพรรณพิลาศผู้เป็นดังยอดดวงพระหทัย จาก ในฝัน นวนิยายรักที่ ทั้งเฉียบคมทางความคิดและละมุนละไมด้วยความอ่อนหวานแห่งถ้อยคำผ่าน นามปากกา โรสลาเรน หนึ่งในนามปากกาของวิมล ศิริไพบูลย์ ผู้โลดแล่น บนถนนสายวรรณกรรมอย่างภาคภูมิเป็นเวลากว่า50ปี
ข้อความตอนนี้เป็นสัจธรรมชีวิตที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ตราบใดที่มนุษย์ยังคง
เดินตามวิถีโลก โลกก็จะสร้างแบบทดสอบชีวิตมาทดสอบมนุษย์อยู่ตลอดเวลา
และรอจังหวะที่มนุษย์ผู้หลงระเริงก้าวพลาดพลั้ง โลกก็พร้อมที่จะกระหน่ำซ้ำเติมและมอบรอยแผลเป็นแห่งชีวิตไว้เป็นสิ่งเตือนใจ นั่นคือความจริงที่มนุษย์ต้องทำใจยอมรับโดยไม่สามารถหลีกหนีได้
แม้แต่เจ้าหญิงพรรณพิลาศเองยังทรงดำริว่า จริงซินะ...ในความฝันดูเหมือนอะไรๆก็จะสดใส น่าดู น่าชมไปหมด แต่ครั้นแล้วเมื่อความจริงมาถึงเราก็
ต้องประสบกับความสูญเสีย หน้าที่ของเรามีอยู่อย่างเดียวคืออดทน!
สาระสำคัญที่ผู้แต่งต้องการนำเสนอก็คือ แม้ว่าในฝันนั้นจะหอมหวาน สวยงาม
สักเพียงใด แต่เมื่อเราตื่นขึ้นมาพบกับความจริงอันแสนเจ็บปวด เราก็ต้องทำใจให้พร้อมที่จะดำเนินชีวิตต่อไป หลายต่อหลายครั้งที่แบบทดสอบชีวิตไม่มี
คำตอบที่สมเหตุสมผลนักสำหรับมนุษย์ผู้ตกเป็นจำเลยในการเล่นตลกของ
โชคชะตา คำตอบสุดท้ายที่ไม่มีใครปฏิเสธก็คือ ความไม่แน่นอน ที่ยังคง
อยู่เสมอไม่เปลี่ยนแปลง แต่เมื่อจำเป็นต้องประสบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน
สิ่งที่พอจะทำได้ก็คือการยอมรับและทำความเข้าใจกับชีวิตเพื่อนำไปสู่การค้นหาคำตอบว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรในปัจจุบัน ที่สำคัญต้องพร้อมที่จะก้าวต่อไปด้วยกำลังที่มีอยู่ ถึงแม้ว่าโลกจะโหดร้ายนัก แต่ความโหดร้ายนั้นนอกจากจะทำให้เราได้ คิด และ เรียนรู้มากขึ้นแล้ว ยังทำให้เรามองย้อนกลับไปในอดีต หรือเรามุ่งไปสู่อนาคต เพื่อคิดหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเอง
สิ่งหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้ตระหนักจากข้อความตอนนี้ก็คือเราอาจจะคิดว่ายังมีเวลา
อีกมากที่จะทำเพื่อคนที่เรารัก จึงผัดวันประกันพรุ่งหรือรอโอกาสสำคัญอยู่
แต่ทว่าไม่มีใครรู้ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องทำทุกเวลาให้มีค่าและ
เกิดประโยชน์ที่สุด เพราะโอกาสสำคัญนั้นอาจจะไม่มีวันมาถึงอีกเลยก็ได้
เมื่อผ่านเลยเวลานั้นไปแล้วจะได้ไม่มีคำว่า สายเกินไป และต้องเสียใจเมื่อ
ได้รำลึกถึงเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง อย่างที่เจ้าหญิงพรรณพิลาศได้รำพึงรำพันถึง
เจ้าชายโอริสสาว่า ถ้าหม่อมฉันรู้สึกนิดว่าเวลาของเรามีน้อย
ถ้ารู้สักนิดว่า
จุดจบของเราจะเป็นอย่างนี้ พรรณพิลาศจะรักริสาให้มากกว่านี้ จะถวาย
ความสุขให้สมกับระยะอันยาวนานที่จะต้องจากกันเพื่อสำหรับจะได้ระลึกถึง
ความหวานชื่นที่ผ่านมาเก็บไว้เป็นสิ่งหล่อเลี้ยงบำรุงใจยามที่จะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่โดดเดี่ยวตลอดไป
ซึ่งไม่มีประโยชน์อันใดกับการเพ้อพร่ำรำพัน
กับตัวเองฝ่ายเดียว โดยที่ผู้ที่เราคะนึงหาไม่มีวันได้รับรู้ถ้อยคำที่กลั่นมาจากก้นบึ้งหัวใจเช่นนั้นอีกแล้ว
ดังนั้นการใช้ชีวิตอย่างมีสติ รู้เท่าทันความคิดและการกระทำของตนเอง
ไม่ลุ่มหลงมัวเมาไปกับปัจจัยปรุงแต่งภายนอกไม่ว่าจะเป็นลาภ ยศ สรรเสริญ
คงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ต้องทำให้ได้ ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ยากสำหรับผู้ที่เดิน
ตามกระแสกิเลสด้วยความหลงระเริงก็ตาม
ในฝันเป็นนวนิยายเรื่องหนึ่งที่แฝงข้อคิดในการดำเนินชีวิต สะท้อนวิธีการอยู่ ร่วมกันในสังคม เสนอชั้นเชิงทางความคิดของผู้ที่เป็นผู้นำ และสิ่งที่สำคัญที่สุด ความรัก ที่คนสองคนมอบให้กันนั้น ทำให้ผู้อ่านสัมผัสได้ถึงความ จงรักและภักดี ยิ่ง แม้ในบางครั้งความรักจะทุรนทุราย หรืออ่อนไหว กรุ่นไป ด้วยความห่วงหาอาทร แต่ความรักก็เติมเต็มความสุขให้กับโลก หากโลกนี้ ไม่มีความรักเสียแล้ว มนุษย์คงไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน และคง จะชาชินกับสิ่งรอบตัว ความรักนั่นเองที่ก่อให้เกิดวรรคทองที่ข้าพเจ้าชื่นชอบ วรรคนี้ ความรักช่วยเติมเต็มหัวใจเจ้าชายโอริสสา ความผูกพันสร้างถ้อยคำ อันคมคายผ่านเจ้าหญิงพรรณพิลาศ และความรักคงเป็นสิ่งเดียวที่อยู่เหนือ ความไม่แน่นอนทั้งปวง แม้ยามฝันความรักจะสวยงามเพียงไร ยามตื่น ความรักก็ยังคงงดงามไม่สร่างซา