บทความ
อนุสรณ์ ติปยานนท์ แรงสะเทือนที่กำลังสั่นไหว
วันจันทร์ที่ 14 เดือนมกราคม พศ. 2551 ค้นหาข่าว มติชนออนไลน์
อนุสรณ์ ติปยานนท์ แรงสะเทือนที่กำลังสั่นไหว
...ผลงานของเขากำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในกลุ่มนักอ่านรุ่นใหม่ๆ เพียงแค่ 3 ปี... ว่ากันว่าแรงสะเทือนที่ทรงค่า มักเกิดจากความตั้งใจและทุ่มเทในการกระทำ...
แรงสะเทือนในแต่ละความรู้สึก เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย บ้างก็มาจากองค์ประกอบภายนอกที่สั่นไหว บ้างก็เพราะแรงกดดันจากใครบางคน ซึ่งส่งผลกระเพื่อมยังแต่ละภาคส่วนมากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป
แต่ว่ากันว่าแรงสะเทือนที่ทรงค่า มักเกิดจากความตั้งใจและทุ่มเทในการกระทำ เฉกในพื้นที่วรรณกรรมไทย ที่กำลังรับรู้ถึงความมุ่งมั่นสร้างสรรค์ของชายหนุ่มคนหนึ่ง ผ่านงานประพันธ์ที่ค่อนข้างแปลก แหวกขนบ และพยายามก้าวข้ามเขตแดนกรอบเดิม
ผลงานของเขากำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนในกลุ่มนักอ่านรุ่นใหม่ๆ เพียงแค่ 3 ปี เรื่องเด่นๆ อย่าง ลอนดอนกับความรักในรอยจูบ, H2O-ปรากฏการณ์แตกตัวของน้ำบนแผ่นกระดาษ, 81/2 ริคเตอร์ การตามหาหัวใจที่สาบสูญ และเล่มล่าสุด Household Objects เคหวัตถุ ก็แทรกซึมเข้าไปความทรงจำอย่างช้าๆ แต่หยั่งรากลึก
แรกสะเทือน...
'ผมจบสถาปัตยกรรมมาจาก University College London และก็ด้านออกแบบอุตสาหกรรมจาก Domus Academy Italy ก่อนที่จะมาเป็นอาจารย์ประจำที่ ม.ศิลปากร แล้วลาออกมาเขียนหนังสือ' อนุสรณ์เริ่มเล่าเรื่องราวที่เขามองว่าเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตให้เราฟัง ก่อนที่จะยกแก้วใบเล็กขึ้นจิบกาเฟอีนสีดำสนิท ที่กำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่นผ่านไอบางเบา
แต่ทำไมนะ เราถึงรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย เพราะคงไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก ที่ใครคนหนึ่งจะตัดสินใจละทิ้งวงจรชีวิตเดิมๆ เพื่อก้าวเข้าสู่อีกโลกอีกใบ โดยเฉพาะในสังคมของประเทศสารขันธ์เช่นนี้ ที่ยังไงซะอาชีพนักเขียนก็มีความมั่นคงน้อยกว่าอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่สำคัญ การเขียนหนังสือเพียงเล่มแรกก็ยังไม่สามารถวัดได้ด้วยซ้ำว่าคุณจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า คิดยังไงกัน
'ผมเชื่อมั่นนะว่าสิ่งที่ตัดสินใจคือสิ่งที่ถูก เชื่อตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ คือผมเริ่มไม่มีความสุขกับระบบการศึกษา ผมไม่ชอบการสอบการให้คะแนน ผมไม่เชื่อว่าเราวัดคนได้ด้วยวิธีนั้น แล้วที่มาเขียนหนังสือตอนนั้น เป็นเพราะต้องการอุทิศหนังสือสักเล่มให้กับเพื่อนที่จากไปตอนเหตุการณ์ 9/11 ที่นิวยอร์ก พอเขียนแล้วมีความสุขมากเลย ตื่นเช้าขึ้นมาก็คิดแล้วจะเขียนอะไรดี ตื่นเต้นกับงานเขียนมากกว่างานสอน พอหลังจากที่นิยายเรื่องแรก ลอนดอนฯตีพิมพ์เสร็จแล้ว เราก็ยังไม่รู้ด้วยนะว่าผลตอบรับเป็นยังไง ก็ตัดสินใจลาออกเลย
สะเทือนสู่...วรรณกรรมไทย
อนุสรณ์ถือเป็นนักเขียนรุ่นใหม่ที่หลายคนทั้งจับตามองและตั้งคำถาม โดยเป็นผลสืบเนื่องจากทั้งจากแนวคิดส่วนตัวและผลงานที่ไร้กรอบ ไร้ทิศทาง ได้กลิ่นอายของจินตนาการที่ผสานระหว่างตัวตนของสถาปนิกและนักเขียน นักอ่านหลายคนพิเคราะห์งานของเขา แล้วแอบกระซิบมาว่า นี่ละมูราคามิเมืองไทย
'ผมไม่ได้มองตรงนั้น เพียงแต่ว่าผมต้องดิ้นรน ก็อ่านวรรณกรรมที่เคลื่อนไหวในโลกพอสมควร เราก็รู้ว่าถ้าจะเคลื่อนวรรณกรรม ต้องขับเคลื่อนกับอะไร ก็ได้แต่หวังว่ากระบวนการที่เคลื่อนไปสู่วรรณกรรมที่ดีของบ้านเราจะไม่หยุดนิ่ง ต้องพยายามสร้างงานที่ก้าวไปสู่สิ่งใหม่ๆ อย่างที่ศิวร แก้วกาญจน์ ปราบดา หยุ่น และอีกหลายคนกำลังทำ'
และกระบวนการขับเคลื่อนที่อนุสรณ์หวังจะเห็น คือแต่ละภาคส่วนทำหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์
'ทั้งนักเขียนนักวิจารณ์นั่นแหละ' อนุสรณ์ย้ำ ก่อนที่จะขยายความเพิ่มเติมว่า...
'จุดอ่อนที่ผมเห็นชัดเลยคือบ้านเราขาดการสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน นักวิจารณ์ก็ไม่ค่อยทำหน้าที่ ขณะที่นักเขียนก็ไม่ยอมรับฟังในความเห็นที่แตกต่าง ลึกๆ เราสร้างภูมิคุ้มกันนักเขียนมากเกินไป พอมีอะไรกระทบกระทั่งก็ออกมาตีโพยตีพาย แทนที่เราจะมองอย่างใคร่ครวญว่าเราต้องยอมบาดเจ็บ คุณไม่ใช่เด็กทารกแรกเกิดที่ต้องอยู่ในตู้อบนะ เราต้องเปิดโอกาสให้วัฒนธรรมการวิจารณ์ กล้าเผชิญหน้า ไม่ใช่มองว่านี่คือการจับผิด ไม่งั้นปัญหาในแวดวงวรรณกรรมบ้านเราจะยิ่งขยายกว้าง แต่ก็ใช่ว่าเราต้องแก้ตามทุกอย่างที่เขาวิจารณ์ ปรับปรุงในสิ่งที่เห็นด้วย และไม่ต้องปรับปรุงในสิ่งที่ไม่จำเป็น'
อนุสรณ์เล่าให้ฟังว่า ด้วยความที่เขาเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบในอรรถรสบนแผ่นฟิล์ม หลายครั้งเขาจึงรู้สึกว่าวรรณกรรมไทยในปัจจุบันเคลื่อนที่ช้ามากเมื่อเทียบกับภาพยนตร์ หลังจากที่ครั้งหนึงเคยเสมือนว่ารุดหน้ากว่าแวดวงนั้น เขามั่นใจว่า เป็นเพราะวรรณกรรมไทยดีๆ หาได้ยากยิ่งในขณะนี้ และคำจำกัดความของคำว่าดีๆ ของเขานั้น ไม่ใช่คำว่า Good แต่หมายถึง ฿อำนาจของวรรณกรรมที่สามารถน้อมนำให้คนรู้สึกร่วมได้กับเหตุการณ์฿
'ไปดูรักแห่งสยามมา มีมิติในประเด็นความขัดแย้งในครอบครัวที่น่าสนใจมาก ซึ่งผมว่าวรรณกรรมก็ทำได้ แต่ทำไมไม่ทำ หายไปไหน วรรณกรรมดีๆ ที่สร้างอารมณ์ร่วมในประเด็นนี้หายไปเลย ตั้งแต่ การล่มสลายของสถาบันครอบครัวที่ความรักมิอาจเยียวยา งานของอรุณวดี อรุณมาศ ทั้งที่สังคมไทย 70% จะมีชีวิตคู่ที่เลิกรากัน'
และที่น่าหงุดหงิดใจคือ คนมักจะมีความรู้สึกร่วมกับเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านสื่ออื่นที่ไม่ใช่วรรณกรรม
'คนรู้สึกกับการปฏิวัติ กับสึนามิ ผ่านสื่ออื่นอย่างข่าวหนังสือพิมพ์ บทความวิชาการ เรามีหนังสั้นเกี่ยวกับสึนามิดีๆ เยอะมากเลยนะ ทั้งที่วรรณกรรมน่าที่จะทำหน้าที่ตรงนั้น โอเค วรรณกรรมสึนามิมีก็จริง แต่เป็นการเขียนเพื่อร่วมประวัติศาสตร์ตรงนั้น ไม่ใช่ตัวบอกเล่า หรือสะกิดให้เกิดอารมณ์ร่วม หรืออย่างสถานการณ์ภาคใต้ คุณรู้สึกถึงความล้มเหลวของรัฐ ความไม่เท่าเทียมกันของการแก้ปัญหาจากสื่ออื่น วิกเตอร์ ฮูโก เขียนหนังสือที่ทำให้คนฝรั่งเศสเกิดความอาลัยอาวรณ์ เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งในแง่ของศักดินาและชนชั้นล่าง คุณอย่าลืมซิว่าว่าครั้งหนึ่งฟ้าบ่กั้น เคยทำให้คนหันมาสนใจและมองภาคอีสานอย่างจริงจัง' เขาร่ายเร็วราวสายน้ำที่กำลังเชี่ยว
แสดงว่าในความเห็นของเขา นี่คือบทบาทที่สำคัญที่สุดของวรรณกรรม
'ใช่ วรรณกรรมที่ดีต้องทำให้คนรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม' เขาพยักหน้ายอมรับช้าๆ ก่อนที่จะขยายเพิ่มว่า กาลเวลาจะพิสูจน์ของแท้ได้แน่นอน
'เหมือนฟ้าบ่กั้น ของ ลาว คำหอม ใต้ถุนป่าคอนกรีต ของ 'รงค์ วงษ์สวรรค์ คำพิพากษา ของ ชาติ กอบจิตติ แม่ ของ แม็กซิม กอร์กี้ เหยื่ออธรรม ของ วิกเตอร์ ฮูโก และอีกหลายๆ เล่ม หลายๆ คน นอกจากจะเป็นผลงานที่ส่งผลต่อสังคมแล้ว ยังยืนหยัดผ่านกาลเวลาอย่างมั่นคง'
สะเทือนสู่...เคหวัตถุ
ผลงานเล่มล่าสุด คือรวมเรื่องสั้น เคหวัตถุ เปิดอ่านแค่เรื่องแรก ตู้เย็น ก็พรึงเพริดไปกับจินตนาการแบบปลายเปิด
'มีความรู้สึกว่ามนุษย์เราบริโภคเยอะ ก็ทำให้มีข้าวของเยอะ ทำให้อดถามไม่ได้ว่าเอ๊ะ จริงๆ แล้วได้ใช้บ้างมั้ย มีรองเท้าเป็นร้อยๆ คู่ น้ำหอม 20 ขวด มือถือ 4 เครื่อง ทั้งๆ ที่สิ่งสำคัญที่สุดในการเกิดของวัตถุ คือ การใช้ แต่ปัจจุบันเรารู้สึกว่าข้าวของที่เรามีอยู่ แทบไม่มีความหมาย จริงๆ แล้วข้าวของมีชีวิต เพราะเวลาคุณเลือกมันมา แสดงว่ามันมีบางอย่างที่สัมพัทธ์กับคุณ อย่างคุณเลือกใส่เสื้อตัวนี้ ไม่ใส่เสื้ออีกตัว ก็แสดงว่าเสื้อตัวนี้มีความสัมพันธ์กับคุณ ในการที่สัมพัทธ์นี่ล่ะ คือการมีชีวิตก็พยายามเอาเรื่องความรู้สึกสามัญของคนมาแปรค่า เป็นสัญลักษณ์ใหม่ๆ ทดลองดูว่าจะกระตุ้นจินตนาการคนได้ยังไง เรื่องเพศบ้างได้ไหม เรื่องความกลัว ความต้องการ ความล้มเหลวในชีวิตคู่ ทดลองทั้งในกลวิธีการเขียน แล้วดูว่าการรับสารเป็นยังไง'
ส่วนผลทดลองที่กลับมา เขาก็ว่า
'อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ไม่ได้ถือว่าสอบผ่าน 100% มีหลายอย่างที่ยังรู้สึกว่าทำได้ไม่ดี ต้องทุ่มเทมากกว่านี้' อนสุรณ์กล่าวด้วยแววตามุ่งมั่น
ปลายสะเทือน...
'จริงๆ กำลังเขียนนิยายอยู่ กะจะออกปลายปีนี้ เป็นเรื่องของมายาคติ ยังสนใจประเด็นที่ว่าด้วยความเชื่อของปรัชญาตะวันออก เล่นกับความคิดสนุกดี' เขาแอบแย้มให้ฟัง เมื่อถามถึงแพลนที่วางไว้ นอกจากนี้ ยังใช้เวลากลับไปเป็นอาจารย์พิเศษในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ม.ศิลปากร เพราะนอกจากงานเขียนแล้ว สิ่งที่เป็นสุขอีกอย่างคือการให้ความรู้ ไม่ใช่การไต่เต้าเป็นระดับ ผศ., หรือศาสตราจารย์ใดๆ ซึ่งถ้ายังเป็นอาจารย์ประจำ นี่คือไฟต์บังคับ
เป็นความสุขที่บาลานซ์กันดี
'ใช่ ผมเรียกร้องน้อยนะ ไม่ต้องมีเงินในกระเป๋ามากมาย ไม่ต้องกินข้าวครบ 3 มือก็อยู่ได้ ได้อ่านงานวรรณกรรมดีๆ เวลาก็ผ่านไปไม่รู้ตัว วันก่อนเพิ่งอ่าน หมายเหตุฆาตกรรม ของ มาร์เกวซ แล้วลืมกินข้าว ไม่ได้กินตั้งหลายมื้อติดกัน พิสูจน์ได้นะว่าวรรณกรรมที่ดีทำให้เราก้าวข้ามความรู้สึกทางกายได้' อนุสรณ์เล่าด้วยแววตาที่สุขสมเมื่อพูดถึงสิ่งที่รัก
เป็นแรงสะเทือนที่ก่อให้เกิดสุขให้ทั้งกับตัวเองและต่อสังคมวรรณกรรมเสียจริง